[นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta - ตอนที่ 7: ชมรมวิทย์
ชมรมวิทย์มีการจัดการเรียนการสอนในห้องที่ชื่อว่า ห้องแล็บ 1
ตึกที่เรียนอยู่บ่อยๆ จะเป็นตึก 2 ซึ่งติดกับตึก 1 ที่ห้องแล็บตั้งอยู่ หลังเลิกเรียน พวกผมเดินออกมาจากตึก 2 และมุ่งหน้ามาตึก 1
ถ้าให้เทียบกับตึก 2 ตึก 1 นี่ถือว่าเก๋ากึ๊กเลย ทั้งผนังและพื้นต่างเสี่อมโทรมตามชั่วอายุขัยและถึงแม้จะทำมาจากไม้ก็เถอะ แต่ก็ทำให้มึดมนไปตามสถานที่ บางครั้งก็อาจได้ยินเสียงก็อกแก๊กจากใต้เท้า
ห้องแล็บ 1 ตั้งอยู่บนชั้น 1 ของตึก 1 ทางฝั่งขวาของทางเข้า
ระหว่างที่เดินเข้าห้อง ผมเห็นโอตาคุมากมายกำลังเล่นเกมกัน
“โย่!”
มีบางคนสังเกตเห็นและเรียกพวกผม ผมจึงตอบไปว่า “โย่!”
ในห้องแล็บ 1 แน่นอน มีโต๊ะแล็บตั้งเรียงไว้ พวกผมจึงนั่งลงบนโต๊ะที่ว่างไว้ ห้องนี้จะมีกลิ่นตุๆ ตลอด สงสัยจะเป็นกลิ่นสารเคมีในตู้เก็บสารล่ะมั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น ชมรมวิทย์ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ คติประจำใจของชมรมวิทย์คือ “เรียนวิทยาศาตร์และศึกษาการใช้ของอิเล็กทรอนิกส์” ซึ่งหมายถึง “การเล่นเกมอย่างขะมักเขม้น” บางครั้งก็ทำสิ่งที่ชมรมวิทย์เขาทำกัน แต่กิจกรรมหลักของเราคือการเล่นเกม ซึ่งจะซ่อนเครื่องเกมไว้ไม่ให้พวกอาจารย์เห็น
ถึงจะมีอาจารย์ที่ปรึกษาอยู่หรอกแต่ไม่เคยเห็นมาที่นี่เลย แม้ว่าจะรู้ แต่อาจารย์ก็รู้สถานการณ์แท้จริงของชมรมนี้เป็นอย่างดี จึงไม่ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ
พวกผมหยิบเครื่องเกมพกพาที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าขึ้นมา ต่างคนต่างเลือกเกมเล่น
อันดับแรก ผมตัดสินใจเลือนเกมสำหรับการศึกษาก่อน เป็นเกมที่ให้แก้โจทย์คำถามแกรมม่าภาษาอังกฤษและเดาความหมายของคำ เพราะว่าใกล้จะสอบกลางภาคแล้วล่ะนะ ผมจึงหาเวลาเรียนเพิ่มเท่าที่จะทำได้
และน่าแปลกที่เกมนี้ดูไม่งี่เง่านัก เวลาที่เสียไปส่วนมากจะอยู่กับการศึกษาแต่ไม่มีสมาธิตั้งใจเล่น ตอนที่เรียนจากเกมอยู่ ก็ไม่ได้เหนื่อยจากการศึกษามากนักและสามารถเรียนได้อย่างถี่ถ้วน ส่วนโจทย์คำถามทำออกมาได้ดีเลย
ระหว่างที่แก้โจทย์อยู่ จู่ๆ ก็มีคนตบไหล่
“โอคุซุ มาoิโอ้คาร์ต*กัน”
*[TL Note: Mario Kart]
ผมเงยหน้าขึ้น เห็นประธานชมรมยืนอยู่
แต่ผมเลือกที่จะเมินเขาเพราะกำลังเล่นโหมดจำกัดเวลา มีหลายครั้งที่ผมอ่านบรรยากาศแบบนี้ไม่ออกอ่ะนะ
“นี่ อย่าเมินกันสิ กล้าเมินคำพูดของรุ่นพี่งั้นเหรอ โห เรียนอีกแล้ว จริงจังไปเปล่า”
ประธานพูดไปเรื่อยเปื่อย ตามปกติเขาจะปากไม่ค่อยดีอ่ะนะ
30 วินาทีผ่านไป พอแก้โจทย์คำถามเสร็จ ผมวางเครื่องเกมพกพาลงบนโต๊ะแล็บและมองหน้าประธานชมรม
“จู่ๆ อย่าเพิ่งรีบพูดสิครับ ผมตั้งตัวไม่ทัน”
“อ้อ โทษทีๆ ถ้าอย่างงั้น เล่นมาoิโอ้คาร์ตกัน”
“ไม่ครับ”
ผมปฎิเสธ ไม่ใช่เพราะผมหมกมุ่นกับแก้โจทย์ภาษาอังกฤษนะ แต่เพราะไม่อยากทำ
“ทำไมเล่า?”
“เพราะยังไงก็ไม่ชนะครับ”
ประธานชมรมเป็นคนเล่นเกมเก่งมาก ไม่ใช่แค่เกมมาoิโอ้คาร์ตเท่านั้น แต่เก่งทั้งเกมแนวต่อสู้ เกมพัซเซิล และเกมเต้น ถึงผมจะเล่นเกมแข่งรถเก่งอยู่หรอก แต่ก็ยังแพ้ประธานอย่างน่าอนาถ
“แต่ตอนนี้โอคุซุคุมรถเป็นแล้วไง แถมบางสนามเหลือแค่ 4 คันไม่ใช่รึ? ไม่เป็นไรหรอก พอถึงตาฉันจะแพ้ เดิ๋ยวก็แพ้เอง”
“….ถึงผมจะเล่นเก่งแล้ว แต่ไม่เหมาะเป็นคู่มือหรอกครับ”
“ก็อย่ามองกระจกหลังก็พอ มาๆ เล่นกัน”
“ทีหลังอย่ามาชวนผมตลอดเพราะว่าไม่มีใครเล่นด้วยนอกจากผมนะ”
“….ก็ไอ้พวกนั่นไม่เก่งอ่ะดิ เอาแต่บอกว่า ‘ถึงจะเล่นยังไง ฉันก็ได้ที่หนึ่งอยู่ดี’ และไม่เล่นด้วยเฉยเลย มีแต่โอคุซุเท่านั้นที่ชนะฉันรอบเดียวจาก 5 รอบ”
“แต่มันชนะแค่ครั้งเดียวเองนะครับ”
ประธานเล่นเกมเก่งจนติดแรงค์สูงๆ เป็นบางคราว ถ้าอยากชนะผมก็ต้องพึ่งโชคเนี่ยแหละ
“งั้นเดิ๋ยวฉันอ่อนให้ เดิ๋ยวต่อให้ครึ่งสนามละกัน”
“ไอ้เรื่องอ่อนให้รู้สึกใจคอไม่ดีเลยนะครับ ทำไมไม่เล่นโหมดออนไลน์คนเดียวแทนล่ะ”
“ทำไมต้องเล่นโหมดออนไลน์ด้วยเล่า ทั้งๆ ที่มีพวกเล่นเกมอยู่ที่นี่หมด!”
ผมเข้าใจความรู้สึกประธานนะ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ มาoิโอ้คาร์ตเป็นเกมที่เห็นความแตกต่างของฝีมือได้อย่างชัดเจน มันไม่สนุกหรอกถ้าจะเล่น เว้นแต่คนฝีมือระดับเดียวกัน
“ยังไงก็ขอยอมแพ้ครับ ผมไม่คิดว่าจะมีใครในชมรมอยากเล่นกับประธานชมรมอีกแล้วครับ”
“….เสียดายแฮะ”
ประธานยักไหล่และจากไป
นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้ชอบประธานนะ ค่อนข้างชอบเลย เป็นคนที่น่ารำคาญนิดนึงแต่ก็นิสัยดี และระหว่างที่ชมรมวิทย์ทำอะไร ประธานจะดูแลตลอด จึงเป็นสาเหตุที่ว่าบางครั้งเราได้เล่นเกมด้วยกันแต่ก็ยากที่จะเล่นด้วยตลอด
ขอโทษนะครับ ประธาน แต่ผมอยากให้ความสำคัญกับการสอบกลางภาคก่อน —
— ขอโทษจากใจเลยที่เห็นประธานนั่งเล่นโหมดออนไลน์อยู่คนเดียว
――――――――――――――――――――――――――――――
สามารถติดตามการอัพเดตได้ทางเพจ : Launchmind