[นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta - ตอนที่ 6: ความรู้สึกที่แท้จริง
- Home
- [นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta
- ตอนที่ 6: ความรู้สึกที่แท้จริง
“ขอโทษนะ โอคุซุคุง”
ฟูจิซากิคุยกับผมทันทีหลังออกจากห้องพักครูแต่ฟูจิซากิไม่เห็นต้องขอโทษเลยนะ
“ไม่ต้องกังวลหรอก ถ้าอยากถามเดิ๋ยวฉันไปเป็นเพื่อนก็ได้ ฉันเองก็ติดหนี้เธอเหมือนกัน”
“ขอบคุณนะ”
พวกเราทำงานเป็นหัวหน้าระดับชั้นด้วยกันมาโดยตลอด เป็นผมคงปล่อยให้ฟูจิซากิทำคนเดียวไม่ได้
ระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้น ผมสังเกตเห็นฟูจิซากิยืนนิ่งอยู่
“เป็นอะไรไป?”
“…..โอคุซุคุงใจดีจัง”
ถึงเสียงจะสั่นเบาแต่ผมพอได้ยินแว่วๆ มันไม่ใช่ความใจดีหรอกนะ เวลานี้ผมตัดสินใจแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“ขอคิดแผนก่อนนะ ถ้าเราไปเสี่ยงตายเราอาจจะพลาดท่าก็ได้ กำลังคิดอยู่ว่าวิธีที่ดีที่สุดที่ทำได้ตอนนี้คือติดต่อกับนิชิคาวะแต่ดูเหมือนจะปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่ง คงจะให้ความร่วมมือไม่เยอะ”
“อืม….แถมอาจารย์ไม่ได้บอกให้รีบทำด้วย เราคงต้องหาวิธีเข้ากับเอนามิซังทีละนิดๆ แล้วล่ะ”
อย่างไรก็ตาม ผมไม่คิดว่าจะหาวิธีง่ายๆ ได้หรอก ไม่ว่าจะใจดีแค่นั้นเธอก็ไม่หยุดนิสัยเย็นชาของเธอ ถ้ามีใครคิดหาวิธีการได้ง่ายๆ ล่ะก็คงได้รับรางวัลโนเบลแล้วล่ะ
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น….
“อย่าลืมว่าใกล้สอบกลางภาคแล้วนะ”
“อ๊ะ….”
เธอลืมงั้นเหรอ!
“เธอเพิ่งประกาศศึกครั้งใหญ่เองนะ ฉันคิดว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือทำให้ดีที่สุดกับการสอบกลางภาค ไว้ค่อยกังวลเรื่องเอนามิซังทีหลังก็ได้”
“อืม ฉันก็ว่างั้น คราวนี้ต้องชนะโอคุซุคุงได้แน่นอน”
เธอชูกำปั้นแน่นต่อหน้าตัวเอง น่ารักแฮะ
“ฉันก็อยากช่วยเอนามิซังนะแต่คงต้องลืมๆ ไปก่อน”
“ก็ไม่ผิดหรอกที่ฟูจิซากิจะลืมน่ะ ส่วนฉันเองก็มีสิทธิ์ออกคำสั่งได้ตามใจชอบเลย”
“อ๊า! ไม่ยุติธรรม! ไม่ปล่อยให้นายชนะหรอก”
พอพูดแบบนี้ก็น่ารักดีเนอะ
“แต่แปลกใจนะ ตอนแรกคิดว่าฟูจิซากิจะปฏิเสธซะอีก”
เราสองคนเดินไปตามโถงทางเดินและคาบห้าใกล้เริ่มขึ้นแล้ว
“แปลกใจเหรอ?”
“….อื้ม เพราะว่าเป็นเอนามิซังเลยไม่คิดว่าจะยอมแพ้โดนไม่มีทางสู้น่ะ”
“นั่นก็ใช่แต่ว่าเอนามิซังเป็นคนดีจากใจนะ”
“ก็หวังว่าจะใช่….”
“――ตอนวันหยุดฉันเจอเอนามิซังด้วย”
หยุดเลย นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินแบบนั้น
“ตอนนั้นอยู่แถวห้างใกล้ๆ นี่แหละ เอนามิซังพาเด็กหลงทางไปหาครอบครัวน่ะ”
“นั่น….เอนามิซังแน่นะ?”
ฟูจิซากิพยักหน้าและเล่าต่อ
“ตอนนั้นมีเด็กผู้ชายกำลังร้องไห้ ฮือ ฮือ อยู่ ซึ่งทุกคนก็กังวลมากแต่ไม่มีใครช่วย ดังนั้นเองตอนที่ฉันกำลังเข้าไป เอนามิซังก็รีบเข้าไปช่วยน่ะ”
“ไม่คิดไม่ฝันเลย”
เธอดูไม่ใช่คนมีความรู้สึกเห็นใจคนอื่นเลยนะ
“ยังไงก็เป็นเอนามิซังแน่นอน จากนั้นเธอย่อตัวลงและมองสายตาคู่นั้นด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนจนเด็กหยุดร้องไห้ราวกับเวทมนตร์เลยล่ะ”
“….เห”
ผมรู้สึกประหลาดใจจนคิดคำไม่ออก
“ก็ไม่อยากเชื่อทันทีนะเพราะเอนามิซังที่มีสีหน้าเย็นชาอย่างนั้นกลับยิ้มเนี่ยแหละ ตั้งแต่วันนั้นฉันเฝ้ามองเอนามิซังและคิดว่าคงไม่ใช่คนเลวร้ายหรอก”
“….นั่นเหมือนทฤษฎีแมวจรจัดรึเปล่า?”
“ก็เป็นไปได้”
ทฤษฎีนั้นมันเหมือนกับคนทำผิดอุ้มแมวจรจัดแล้วทำเป็นคนดีศรีสังคม ซึ่งเป็นไปได้ว่าวันนั้นเอนามิซังอาจอารมณ์ดีและตัดสินใจดูแลเด็กคนนั้น แต่เมื่อลองคิดถึงพฤติกรรมในอดีตแล้ว ก็ทำได้แค่เดาสุ่มสี่สุ่มห้าเท่านั้น
“แต่รู้ไรไหม ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าเอนามิซังเป็นคนยังไงกันแน่ จะเป็นคนดีจริงๆหรือเปล่าน้า ฉันคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีเลยล่ะ”
เธอขอโทษอีกครั้งที่ลากผมมาเอี่ยวด้วย ผมก็ส่ายหัว
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องกังวลน่ะ”
“แน่นะ? ตอนอาจารย์ถาม ดูเหมือนนายอึดอัดใจมากเลย”
อ่า นั่นก็จริงแหละ
“ฉันต้องเป็นคนแปลกใจสิ คิดว่านายเป็นคนจัดการสักอีกนะ”
“….ฉันแค่ลองขัดขืนอาจารย์หน่อยน่ะ มันไม่ใช่เรื่องดีเลยนะที่ถูกใช้ให้ทำทุกอย่างอยางนั้นก็เลยเล่นตัวนิดนึงไง”
“ใช่ๆ อาจารย์ชิโรยามะชอบกดดันเราว่าไหม”
“เหมือนกัน ฉันเลยไม่ถือสาน่ะ มาร่วมมือกันเถอะ”
“อื้ม ได้เลย”
เสียงกริ่งดังขึ้น คาบ 5 ใกล้เริ่มขึ้นแล้ว
“รีบไปกัน”
“คงไม่โดนลงโทษถ้าไปสายนะ”
ผมลงไปตามโถงทางเดิน
ขอโทษจากใจเลยที่โกหกฟูจิซากินะ
ความจริงแล้วผมไม่อยากยุ่งกับเอนามิซังเลย ไม่อยากคุยกับเธอ ไม่สนด้วยว่าจะโดนไล่ออกรึเปล่า
— ผมน่ะเกลียดคนทำผิดสุดๆ เลย
อย่างไรก็ตาม ผมเก็บความรู้สึกที่แท้จริงนั้นไว้และเราสองคนรีบวิ่งไปที่ห้องเรียนโดยบอกกันว่าเร็วเข้า
――――――――――――――――――――――――――――――
สามารถติดตามการอัพเดตได้ทางเพจ : Launchmind