[นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta - ตอนที่ 4: โดนเรียกตัว
ระหว่างที่หยิบข้าวกล่องเบนโตะกับตะเกียบ พวกเราก็กำลังคุยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้
ในตอนจบอาจารย์ไม่ได้กลับมาหลังจากนั้น ถึงจะพักกลางวันมาแล้วสัก 10 นาทีแต่เอนามิซังยังไม่กลับจากห้องเรียนเลย
“โคตรวุ่นวายเลย….”
ชินโดพูดระหว่างถือเบนโตะในมือแล้วยัดเข้าปาก
“หายากนะที่อาจารย์ชิโรยามะจะเดือดซะขนาดนั้น เป็นความคิดที่แย่มากเลยถ้าจะเข้าตอนคาบโฮมรูมเนี่ย”
“แถมเธอยังทำตัวแปลกกว่าเดิมด้วยนี่นะ”
เขาพูดถูก ไม่ว่าเอนามิซังจะทำผิดมากแค่ไหนการที่ทำถึงขนาดนั้นมันก็เป็นความคิดที่แย่อยู่แล้ว ผมว่าวันนี้เป็นการจับคู่ที่เลวร้ายมากเลย
“ถ้าเธอเป็นสาวสวย 2D ล่ะก็ มันก็มีด้านน่ารักๆของเธอนะ แต่ไม่ว่าจะมองยังไงเอนามิซังเป็นคนนิสัยเสียจริงๆเนี่ยแหละ”
ไซโตะดูดมะนาวฝานด้วยเหตุผลบางอย่าง
“แล้วถ้าเธอเป็นสาวสวย 2D จริงๆนะ ก็คงแปลกใจที่เธอมีด้านซุ่มซ่ามเงอะงะเหมือนกันแต่ฉันว่าไม่มีหรอก”
ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับชินโด นี่ก็ผ่านมาครึ่งปีกว่าแล้วตั้งแต่ที่ผมเรียนอยู่ห้องเดียวกับเอนามิซังแต่ผมไม่เคยเห็นเธอละทิ้งบรรยากาศธารน้ำแข็งนี้เลย มีอยู่หลายคนที่อยากคุยกับเธอด้วยความอยากรู้แต่ก็โดนขับไสอย่างเย็นชาทุกคน
อย่างไรก็ตาม เอนามิซังมีเพื่อนแค่คนเดียว
“…..นิชิคาวะชอบไปเที่ยวกับเธอไม่ใช่เรอะ”
ไซโตะพึมพำ
พวกเรามองไปที่หญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังคุยเสียงดังตรงหน้าเรา เธอเป็นสาวแกลที่ใส่ชุดนักเรียนแต่งหน้าหนาๆ แต่ด้วยความที่เป็นสาวแกลเธอจึงเป็นคนเฟรนด์ลี่ที่มีความสัมพันธ์ได้อย่างทั่วถึง
“นั่นน่าจะเรียกว่าพลังการพูดคุยล่ะนะ ฉันว่าสุดยอดเลย”
ถึงพวกเราจะเป็นโอตาคุด้วยกันบางครั้งก็ได้คุยกับนิชิคาวะอยู่บ้าง ซึ่งจู่ๆก็เข้ามาร่วมวงสนทนากับพวกเราตอนที่ได้คุยเรื่องสนุกๆเกี่ยวกับพวกของโอตาคุ
ไม่ว่าเราจะพูดเรื่องอะไรกัน เธอก็จะไม่ถอยหลังกลับและฟังอย่างสนอกสนใจถึงกับพูดว่า ‘นั่นคือเรื่องที่โอตาคุเขาทำกันสินะ’
นั่นก็เลยว่าพวกเราไม่มีความรู้สึกแย่ๆกับนิชิคาวะ
ทันใดนั้นประตูด้านหลังห้องได้ถูกเปิดออก
……นั่นมันเอนามิซังหนิ
ดูเหมือนเธอจะทำหน้าบูดบึ้งและดูไม่สุข เธอนั่งลงที่นั่งของเธอ ปัดผมไปด้านหลังและไม่สนใจพวกเราที่กำลังมองอยู่
พอเห็นแบบนี้ นิชิคาวะก็ตัดบทสนทนาสั้นๆ และเดินไปอยู่ข้างๆเอนามิซัง
“แน่นอนอยู่แล้วว่าเธอน่าจะอารมณ์เสียล่ะ ถ้าฉันเป็นนิชิคาวะนะคงปล่อยไว้อยู่คนเดียวแล้ว”
ชินโดพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของผม
“ฉันอยากรู้จังว่าเธอกล้าที่จะไปเสี่ยงตายได้ยังไง”
เอนามิซังจ้องมาที่พวกเราด้วยสายตาเฉียบคมราวกับได้ยินการพูดคุยของเรา ผมรีบหลบสายตาทันที
ถึงอย่างนั้นตอนที่ผมแอบฟังไม่ให้พวกเธอรู้ดูเหมือนนิชิคาวะกำลังคุยกับเอนามิซังอย่างร่าเริง ตอนแรกเอนามิซังก็ทำเป็นไม่สนใจอย่างหงุดหงิดแต่ค่อยๆ หมดความอดทนโดยพูดกลับไม่กี่คำ
ไซโตะถอนหายใจดังหึ
“ต้องขอบคุณนิชิคาวะนะที่ดูเหมือนจะคลี่คลายได้ทุกอย่างแล้ว”
เพื่อนร่วมชั้นที่มองดูเอนามิซังที่กลับห้องมาก็รู้ว่าบรรยากาศในห้องเรียนเริ่มเบาบางลงและเริ่มคุยกันต่อ
ผมทานข้าวกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว และนอนเล่นเรื่อยเปื่อยจนฟูจิซากิเข้ามาหาผมอีกครั้ง
“โอคุซุคุง อาจารย์ชิโรยามะเรียกพบพวกเราน่ะ”
ผมพึ่งจะฟุบหัวบนโต๊ะแล้วกำลังฝันหวานอยู่เลยนะ
อาจารย์อยากได้อะไรล่ะเนี่ย? ผมเงยหน้ามองใบหน้าฟูจิซากิ
“ฉันไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรหรอกนะแต่ถูกเรียกให้ไปห้องพักครูกับนายน่ะ”
พวกเราที่เป็นหัวหน้าระดับชั้นก็มักจะถูกเรียกไปช่วยงานอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่ว่าจะถูกเรียกตัวตอนพักกลางวันอยู่บ้างนะ
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
ผมเริ่มเดินโดยฟูจิซากิตามหลังผม
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพักครู อาจารย์ชิโรยามะกำลังแคะขี้ฟันด้วยไม้จิ้มฟันอยู่
พอสังเกตเห็นพวกเรา อาจารย์ก็ห่อไม้จิ้มฟันด้วยกระดาษทิชชู่และโยนทิ้งไป
“ขอโทษที่จู่ๆก็เรียกมานะ”
อาจารย์หมุนเก้าอี้หันมาตรงหน้าเรา
“ไม่มีปัญหาหรอกครับว่าแต่มีเรื่องอะไรล่ะครับ?”
จากนั้นอาจารย์ก็เกาคอและทำสีหน้าอยากขอโทษ อะไรล่ะนั่น รู้สึกว่าจะโดนบังคับให้ทำอะไรยุ่งยากแน่ๆเลย
ฟูจิซากิยังทำหน้าสงสัยอยู่
“พวกเธอน่าจะเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นไปวันนี้แล้วใช่ไหม?”
พวกเราไม่อยากจะตอบว่าอาจารย์กำลังพูดถึงเรื่องอะไรทำได้แต่เพียงพยักหน้า
“หลังๆมานี้เธอสร้างปัญหาไว้เยอะแยะ ทั้งไม่ฟังในคาบ ได้เกรดแย่ มาสายตลอดแล้วดูเหมือนจะไม่ฟังพวกจารย์บ่นถึงเธอเลย แถมไม่ได้อยู่ชมรมไหนด้วยและไม่ได้ทำผลงานอะไรไว้เลย”
“นั่นฟังดูแย่นะคะ”
ก็เป็นเรื่องจริงนี่นา
“จารย์ขู่ไว้ว่าจะไล่เธอออกเพราะว่ามันเป็นหนทางสุดท้ายแล้วล่ะนะ จารย์น่ะก็เป็นครูเหมือนกันอยากให้นักเรียนของจารย์มีความสุขนะ แต่การดรอปจากโรงเรียนไปมันจะไม่เป็นผลดีสำหรับเธอดังนั้นก็อยากกู้สถานการณ์ด้วยทุกวิถีทางล่ะนะ”
หลังจากอาจารย์สาธยายมากขนาดนั้นผมก็นึกออกแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เหตุผลที่เรียกเรามาที่นี่ เหตุผลที่เราถูกเรียกตัวหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น
“–จารย์มีเรื่องอยากจะขอหน่อย”
นั่นคือสิ่งที่อาจารย์พูดทิ้งท้ายไว้