คาบต่อไปเป็นคาบคณิต
อาจารย์ชิโรยามะที่เป็นคนสัมภาษณ์ผมเมื่อวานกำลังยืนอยู่หน้าแท่นบรรยาย ตอนนี้ห้องเรียนอยู่ในช่วงพักกลางวัน
นี่ก็ผ่านมาประมาณห้านาทีแล้วหลังจากเริ่มเรียน ทันใดนั้นประตูด้านหลังห้องก็ส่งเสียงและเปิดออก
สายตาทุกคนในห้องต่างหันกันไปตามเสียงนั้น
อาจารย์จึงหยุดสอนและมองไปทางนั้นเงียบๆ
มีนักเรียนหญิงอยู่คนหนึ่งกำลังยืนตรงมุมนั้น
เธอแบกกระเป๋านักเรียนสะพายไหล่ไว้จึงรู้เลยว่าพึ่งมาถึงโรงเรียน
“……”
แล้วเธอไม่ได้พูดอะไรยังยืนอยู่เงียบๆ ไม่ขยับไปไหน ไม่เงยหน้ามองใครโดยสายตาทุกคนยังจับจ้องเธอ
อาจารย์ชิโรยามะจึงขึ้นเสียง
“….เอนามิ สายอีกแล้วเรอะ?”
“…….”
แต่เธอกลับเมินอาจารย์ ตรงดิ่งไปยังหลังห้องเรียนแล้วนั่งลงแถวริมหน้าต่าง โดยทั่วไปแล้วมันอาจจะเป็นการยากที่จะสงบสติอารมณ์เมื่อถูกสายตาเพ่งมอง
….ผมไม่ค่อยรู้จักเธอเท่าไหร่นักแต่เคยเห็นภาพพวกนี้อยู่หลายครั้งตั้งแต่ที่เรียนอยู่ห้องด้วยกัน
เธอ – ริสะ เอนามิ เป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง
“ฟังอยู่ไหมเอนามิ เธอคิดอะไรถึงมาสายทุกครั้งแบบนี้?”
อาจารย์ชิโรยามะวางหนังสือลงบนโต๊ะ คิ้วของอาจารย์ผู้สุภาพเรียบร้อยขมวดสายตาเริ่มเฉียบคมและน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ
“……”
ถึงกระนั้นเอนามิซังก็ยังเงียบเช่นเคย เธอมองหน้าอาจารย์หนึ่งครั้งแล้วหันไปนอกหน้าต่างราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
รู้สึกเหมือนผมได้ยินเส้นเลือดของอาจารย์เดือดปูดๆ อาจารย์เดินลงมาจากแท่นบรรยายไปหาเอนามิซังด้วยฝีเท้าเสียงดังซึ่งเธอยังหันหน้าหนี เอนามิซังคงรู้ถึงการมาของอาจารย์แล้ว อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังเมินต่ออย่างไม่ลังเล
จนสุดท้ายอาจารย์ก็ถึงตัวเอนามิซัง
“จารย์บอกไปกี่ครั้งฟังบ้างมั้ย! เอนามิ!”
ในที่สุดเอนามิซังก็หันหน้าไปทางอาจารย์
— ถึงแม้ผมจะไม่เห็นชัดมากจากที่นั่งตรงหน้าสุดแต่ดูเหมือนใบหน้าของเอนามิซังแทบไม่มีความรู้สึกเลย แม้จะโดนตะคอกใส่ขนาดนั้นเธอก็ยังมองอาจารย์ด้วยสายตาน่ารำคาญแบบเดียวกับมองแมลงวันตอมเธอ
“….อะไรคะ?”
อย่างไรก็ตาม เป็นคำพูดแรกที่หลุดออกมาจากปากเธอ
อาจารย์ยังแปลกใจและพูดไม่ออก ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วห้องเรียนสักพัก
ไม่นานนักอาจารย์ก็ตั้งสติได้
“….เธอสายขนาดนี้ยังมีหน้าพูดว่า ‘อะไร?’ เนี่ยนะ ไม่ใช่ว่ามีคำอื่นต้องพูดรึไง”
เอนามิซังพูดโดยขยับผมหน้าม้า
“ก็ไม่มีนะคะ ไม่ใช่ว่าอาจารย์มีเรื่องที่ต้องทำกับนักเรียนที่ตั้งใจเรียนมากกว่าหนูหรอกเหรอคะ?”
เฮ้ย นี่มันแย่กว่าที่ผมคิดอีกนะ
กำมือของอาจารย์เริ่มสั่น
ผมค่อยๆสังเกตเห็นต้นคอของอาจารย์เปลี่ยนเป็นสีแดง
และเป็นไปตามที่คาดไว้ความอดทนของอาจารย์ได้หมดลง
“เอนามิ ! ! !”
เสียงตะโกนของอาจารย์ดังลั่นทั่วห้องเรียน ถึงแม้จากจุดตรงนี้จะอยู่ใกล้เพียงใดแก้วหูของผมก็สั่นสะท้านไปหมดหลายคนในห้องต่างตัวสั่นเทาไปกับเสียงน่าสะพรึงกลัว
“พูดเรื่องไร้สาระมามากพอละไม่รู้จักสำนึกผิดสักที! อย่ามาหยามกับพวกผู้หลักผู้ใหญ่นะ! เธอมาขัดจังหวะของจารย์! เป็นแค่เด็กม.ปลายอย่าคิดว่าตัวเองมาโรงเรียนตอนเที่ยงได้นะ!”
ผมได้ยินเสียงมาจากข้างหลังว่า “โอ้ แย่ละ!” เป็นเสียงจากไซโตะ
ถ้าอาจารย์โกรธถึงขีดสุดแบบนี้คงหยุดไม่ได้แล้วล่ะ
“แล้วนี่ทำหน้าอะไร!? ฟังที่จารย์พูดอยู่ไหม!? ทั้งมาโรงเรียนสายไม่สนใจเรียนแล้วพอมาเรียนทีไรเธอก็นอนจนผลการเรียนออกมาห่วยแตก! เธอมาโรงเรียนเพื่ออะไรกันแน่? จารย์จะให้เธอลาออกแล้วนะ!”
ผมอยากรู้ว่าเอนามิซังเป็นไงบ้างจึงเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อดูอาการของเธอ
….เอนามิซังยังใจเย็นอยู่ในสถานการณ์นี้
เธอไม่ละสายตาไปจากอาจารย์แล้วฟังโดยการเท้าคางราวกับว่าเกิดเหตุการณ์ที่ไหนสักแห่งห่างไกล
“โอ้ แสดงว่าเธอโอเคกับมันแล้วใช่ไหมแต่จารย์จริงจังอยู่นะ! จารย์ไม่เคยเห็นเด็กอวดดีขนาดนี้มาก่อนทั้งชีวิต! อย่าคิดว่าจะได้รับอนุญาตให้ทำแบบนี้ไปตลอดนะ!”
ระหว่างนั้น ในที่สุดเอนามิก็ขยับเขยื้อน เธอสูดหายใจลึกๆแล้วเอนหลังพร้อมกับกอดอกดูเหมือนจะไม่ใช่พฤติกรรมของคนโดนบ่นเลยแฮะ
จากนั้นเธอก็พูดว่า
“แล้วไงคะ?”
บรรากาศยิ่งหนาวเย็นขึ้น
ไซโตะตบไหล่ผมและกระซิบเบาๆ
“ฉันว่าวันนี้คาบนี้คงไม่สอนแล้วล่ะ โชคดีนะเนี่ย”
“นายก็รู้หนิ….”
แต่ผมว่ามันก็จริงแหละที่เราคงไม่ได้เรียนต่อ โยนน้ำมันเข้ากองไฟซะแบบนั้นมันจะมีเรื่องอะไรที่เราช่วยได้แล้วล่ะตอนนี้
บางทีอาจจะเป็นจินตนาการของผมเลยได้ยินเสียงฟึดฟัดจากอาจารย์ ถ้าผมเป็นอาจารย์ล่ะก็คงจะหมดสติเพราะความโกรธแน่ๆแม้จะบ่นถึงขนาดนั้นก็ตาม มีเพียงคำสั้นๆที่ได้กลับมาเป็น “อะไรคะ?” กับ “แล้วไงคะ?” เท่านั้นแล้วยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนเอนามิซังไม่รู้สึกอารมณ์เสียและยังฟังคำพูดของอาจารย์
จากนั้นอาจารย์ก็ขึ้นเสียงยิ่งขึ้นไปอีกและตะโกนว่า
“เอนามิ ! ! ! ! มากับฉันเดิ๋ยวนี้ ! ! ! ! !”
ไม่ต้องพูดก็รู้ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ไซโตะพูดไว้หลังจากนั้น
――――――――――――――――――――――――――――――
MANGA DISCUSSION