[นิยายแปล] Tanin wo Yosetsukenai Buaisouna Joshi ni Sekkyou shitara, Mechakucha Natsukareta - ตอนที่ 2: เพื่อน
สำหรับผมแล้ว การได้ผลสอบกลับคืนมาเป็นช่วงที่ทำให้รู้สึกมีความสุขและไม่มีความสุข
ด้านหนึ่งก็หวังว่าผมจะได้คะแนนดีเพราะติวมาหนักมากแต่อีกด้านหนึ่งก็แอบกังวลว่าผมจะได้คะแนนน้อยถึงจะติวหนักแล้วก็ตาม ถ้าจะให้อธิบายช่วงอารมณ์ของคนอื่นว่ามันเป็นความสุขหรือความเศร้าล่ะก็พูดได้เลยว่ามันเป็นความสุขผสมปนกับความเศร้า
ถึงแม้จะเป็นแบบทดสอบก็ตาม
“โอคุซุ”
นั่นอาจารย์อังกฤษของผมเอง อาจารย์นิอิยามะกำลังเรียกผมและเมื่อได้รับชีทแบบทดสอบผมจึงดูคะแนนแล้วรู้สึกอธิบายอย่างบอกไม่ถูก
95.
ผิดไปข้อเดียวเท่านั้นเอง คิดว่าจะได้คะแนนเต็มซะแล้วเลยไม่ค่อยรู้สึกพอใจกับมันสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่แย่นักตั้งแต่มีคนบอกล่วงหน้าว่าคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 58
“โอคุซุ~ ได้เท่าไหร่?”
นั่นไซโตะเพื่อนโอตาคุของผมซึ่งกำลังเดินมาหา พอเห็นคะแนนของผมก็หันหน้าหนีและเดินไปหาเพื่อนผู้ชายอีกคนว่า “ชินโด~” จากนั้นมองดูคะแนนของชินโดแล้วจับไหล่พูดว่า “พวกเรานี่ซี้กันจริงๆนะ”
“โอคุซุ ได้คะแนนดีอีกแล้วเหรอ?”
ชินโดถามพลางขยับคางอ้วนๆ ผมจึงพยักหน้า
“95. อย่างน้อยคะแนนเยอะสุดล่ะนะ”
ชินโดถอนหายใจอย่างฉุดเฉียว
ไซโตะหัวเราะคิกคักขณะจับหัวโล้นๆของตัวเองอย่างเขินอาย
“ยังไงก็เถอะ คะแนนเรารวมกันได้ 50 เลยนะ อย่ามาถามว่าพวกเราได้เท่าไหร่กัน”
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นอาจารย์นิอิยามะก็เขียนคะแนนต่ำสุดบนกระดานดำ คะแนนต่ำสุดคือ 25
“ “…………” ”
“……อย่าคิดมากน่า”
“ที่ฉันไม่ได้ตั้งใจทำสอบก็เพราะไม่มีผลต่อเกรดไง”
หลังจากเห็นอาจารย์นิอิยามะกระแอมในลำคอพวกเราจึงกลับไปที่นั่งของเรา ไซโตะนั่งเยื้องขวาหลังผมส่วนชินโดนั่งข้างหลัง
ห้องเรียนกลับมาเรียนต่อ มีการทบทวนแบบทดสอบตามทั่วไปแล้วสรุปความว่าเราควรใช้ผลประโยชน์จากการสอบและทำให้ดีที่สุดกับการสอบกลางภาค
“นี่….”
ผมหันหลังไปครึ่งหนึ่งขณะโดนเย้าแหย่ ไซโตะกำลังคุยกับผมโดยถือกระดาษเล็กๆอยู่ตรงหน้า
“มาจากไหนสักที่นี่แหละ คงเป็นของนาย”
พอผมเปิดกระดาษที่พับไว้ ก็เห็นข้อความที่เขียนด้วยลายมือน่ารักๆ
― สอบเป็นไงบ้างโอคุซุคุง? ฉันได้ 90 แน่ะ
มีรูปวาดหน้าสิ้นหวังวาดต่อท้ายข้อความ
ไม่มีชื่อผู้ส่งเขียนไว้แฮะแต่มีอยู่คนเดียวที่กล้าทำแบบนี้ผมจึงหยิบปากกาเขียนตอบกลับโดยไม่ให้อาจารย์เห็น
― ฉันได้ 95 ดูเหมือนเราทั้งคู่ได้เกือบเต็มเลยสินะ
ผมเขียนส่งให้ไซโตะที่อยู่ข้างหลังผม ผมจึงเหลือบมองไปด้านหลังห้องมีนักเรียนหญิงสังเกตเห็นผมและยิ้มให้
พอหมดคาบคนๆนั้นที่ส่งข้อความให้ก็เดินมาหา
“โอคุซุคุง?”
ผมเงยหน้ามอง
เป็นนักเรียนหญิงเมื่อก่อนหน้านี้
เธอผมยาวปานกลางไว้ผมเปียด้านข้าง ผมสีดำเงาของเธอช่างสวยระยิบระยับที่ขยับไปตามฝีเท้าทำให้น่ารักอยู่ตลอดเวลา
ชื่อของเธอคือ ชิโอริ ฟูจิซากิ เธอกับผมเป็นหัวหน้าระดับชั้นด้วยกัน
ระหว่างที่ผมได้ที่หนึ่ง ฟูจิซากิก็จะวนเวียนอยู่ที่สองถึงห้าดูเหมือนเธอจะหงุดหงิดที่ไม่ได้ตีตื้นผมเลยสักครั้งและถามคะแนนผมอยู่ตลอด
“ครั้งนี้ฉันก็แพ้อีกแล้ว เกือบแล้วเชียว”
หน้าของเธอแก้มป่องนิดหน่อย
“ความต่างระหว่าง 95 กับ 90 มันก็แค่ความผิดพลาด ฉันแพ้ได้ตลอดนะ”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิ ฉันไม่เคยชนะนายมาก่อนเลย”
“แค่เรื่องบังเอิญน่า บางทีอาจจะแพ้สักวันก็ได้”
ระหว่างที่พูดอย่างนั้นผมก็เหงื่อแตกพลั่งอยู่ข้างใน
ห่างกันเพียงห้าคะแนนเนี่ยนะ ถ้าผมสอบได้คะแนนเต็มมันก็จะยิ่งห่างเยอะกว่าเดิมแต่ความต่างระหว่างไม่กี่ข้อสองข้อมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“ช่วงนี้คะแนนฟูจิซากิก็กระเตื้องขึ้นมากนะดังนั้นต้องระมัดระวังตัวไง แถมครั้งนี้ฉันไม่ได้ติวมามากพอเลยกลัวว่าอาจจะแพ้ตอนสอบกลางภาคน่ะ”
“แน่ใจเหรอ? นายพูดแบบนั้นตลอดแต่ก็ได้ที่หนึ่งอยู่ดี”
แน่นอน ผมโกหกอยู่แล้วผมน่ะเรียนเอาเป็นเอาตายจะตายไป
“ก็แค่เรื่องบังเอิญไง ฟูจิซากิก็เรียนเก่งเหมือนกันอีกไม่นานเดิ๋ยวเธอก็แซงแล้ว”
“หืมมม เห็นว่าครั้งนี้นายมั่นใจตัวเองเหมือนกับครั้งหน้าเลยนะ”
ใช่แล้ว เหตุผลเดียวที่ผมสามารถปากเบาถึงความเป็นไปได้ที่จะแพ้ก็คือรู้ว่าผมจะแพ้ สอบรอบนี้เป็นการตัดสินใจในนาทีสุดท้ายแต่ก็มีสอบกลางภาคทั้งหมดแปดครั้ง หวังว่าจะไม่พ่ายแพ้ให้กับคะแนนรวม
“ว่าแต่โอคุซุคุงติวตอนไหนล่ะ? เหมือนจะไม่ทำตอนอยู่โรงเรียนกับหลังเลิกเรียนเลยนะแถมยังกระตือรือร้นกับชมรมวิทย์ด้วย…ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีเวลาติวเลย”
“ฉันบอกไปก่อนหน้าแล้วไงว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้ติวน่ะ ฉันอาจจะแพ้ครั้งหน้าก็ได้”
“นายแน่ใจนะเดิ๋ยวก็เป็นแบบนั้นทุกทีแถมฉันไม่เคยชนะเลย”
คืออาจจะฟังดูเหมือนผมไม่ตั้งใจเรียนแต่ผมตั้งใจนิดหน่อยนะ
ผมไม่เพียงแค่ตัวติวกับโต๊ะอยู่ที่บ้านเท่านั้นแต่ผมก็ท่องจำเนื้อหาในหัวตลอดระหว่างไปโรงเรียนและในห้อง บางครั้งระหว่างกิจกรรมชมรมผมก็แอบดูสมุดคำศัพท์ภาษาอังกฤษ การติวหนังสือน่ะไม่ใช่แค่จับปากกาแล้วอยู่บนโต๊ะหรอกนะ
“นี่ เรามาแข่งกันตอนสอบกลางภาคกันเถอะ”
ฟูจิซากิเอานิ้วไปจิ้มแก้มแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ไม่ใช่ว่าทำอยู่ตลอดรึไง?”
“เอาเป็นว่าครั้งนี้ผู้แพ้ต้องฟังผู้ชนะมั้ยล่ะ?”
ผมรู้สึกแปลกใจหน่อยๆที่ฟูจิซากิตั้งใจจะโค่นผมรอบนี้
“แล้วคำสั่งแบบไหนล่ะที่พอเราพูดแล้วอีกฝั่งต้องทำตาม?”
“นั่นก็แล้วแต่คนสั่งเลย”
ความคิดที่ว่าเด็กหนุ่มม.ปลายสามารถสั่งสาวม.ปลายได้อย่างอิสระเนี่ยฟังดูลามกชะมัดเลย แน่ใจว่าเธอคงคิดเรื่องนี้เหมือนกันก่อนจะมาท้าผม
“งั้นเราตัดสินผู้แพ้ผู้ชนะจากอันดับคะแนนรวมดีมั้ย?”
“แน่อยู่แล้วฉันกะจะทำแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ ฉันเอาชนะนายแน่”
จากนั้นมา เสียงกริ่งก็ดังขึ้นคาบต่อไปกำลังเริ่มในไม่ช้า
หลังจากคุยกันต่อนิดหน่อยฟูจิซากิก็กลับไปที่ของเธอ
จะเอาชนะผมอย่างงั้นเรอะ ได้สิ เดิ๋ยวผมจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แท้จริงให้เอง