บทที่ 2 ตอนที่ 7: การเผชิญหน้าโดยบังเอิญ
อาการช็อกจากอาหารแห่งพระเจ้าอย่างมายองเนสและไก่หมักนั้นยากที่จะสงบลง
เพื่อที่จะทำให้ท่านพี่วิลล์ใจเย็นลง ชั้นสัญญาว่าจะไปหาเขาที่บ้านในเร็ววันนี้ และมอบสูตรอาหารให้กับคนรับใช้ของเขา
ถัดมา ชั้นสัญญากับท่านพ่อท่านแม่ว่าถ้าชั้นได้สูตรหรือคำแนะนำใหม่ๆจากสปิริตตนอื่นๆละก็ จะต้องมั่นใจว่าชั้นจะทำตามคำแนะนำนั้น
และจากนั้นในท้ายที่สุดพวกเราทำการพักผ่อนกัน คอนนี่ที่รีบทานอาหารของเธอให้เสร็จก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มขนาดใหญ่บนใบหน้า เธอกำลังเตรียมชาหลังอาหารกลางวันอยู่
“มันก็ 2 ปีมาแล้วนะที่อลิซไม่ได้มาที่บ้านของพี่หน่ะ ใช่ไหม?”
ท่านพี่วิลล์พูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม แน่นอน มันผ่านมา 2 ปีแล้วตั้งแต่ที่ชั้นหลบหน้าเขาเนื่องจากเหตุการณ์ของรูจ
มันนานมากเลยละ ชั้นเองก็ทนไม่ไหวแล้วที่จะได้พบกับกับพี่ชายของท่านพี่วิลล์ ท่านพี่ ออลูริส (Oluris)
ท่านพี่ออลูริสนั้นเป็นคนเงียบๆและสุภาพบุรุษมากๆ เขานั้นเชี่ยวชาญเวทมนตร์พืชมาก มันเป็นความสามารถพิเศษของตระกูลเวอร์จิลเลยละ เหตุผลที่ชั้นยังจำเขาได้ทั้งๆที่มีความทรงจำของเด็ก 3 ขวบในตอนนั้นก็เพราะความสามารถของเขานี่ละ
ชั้นยังคงจำตอนนั้นได้ดีเลยละ… ถึงแม้ตัวชั้นจะค่อนข้างขี้อาย แต่เขาก็ยังใจดีแสดงเวทมนตร์ของเขาให้ชั้นดู เขานำดอกไม้ที่กำลังเหี่ยวเฉามาชุบชีวิตมันขึ้นมาใหม่ในทันที มันกลับมาบานสะพรั่งอย่างสวยงามอีกครั้ง เขายังแสดงความสามารถในการควบคุมพืชของเขาให้ชั้นดูอีกด้วย เขาทำให้เถาวัลย์เล็กๆที่ข้างกำแพงโตขึ้นต่อหน้าต่อต่าชั้นเลยละ
…ถึงจริงๆแล้วนั่นเป็นสิ่งเดียวเกี่ยวกับท่านพี่ออลูริสที่กวนใจชั้นอยู่ก็เถอะ…
มันไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก ดังนั้นชั้นจะคิดทบทวนดูอีกทีเมื่อเจอกับเขาอีกครั้งนึงละกัน
เมื่อชั้นนึกขึ้นได้แบบนั้น ชั้นก็เรียกหาท่านพี่วิลล์ว่า
“ท่านพี่วิลล์คะ ท่านพี่ออลูริสสบายดีหรือปล่าวคะ?”
เมื่อชั้นถามออกไปแบบนั้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง สีหน้าของท่านพี่วิลล์ก็แข็งไปเล็กน้อย
“ท่านพี่คะ?”
“โอ๊ะ—อืม… พี่คิดว่าเขาก็น่าจะสบายดีนะ”
‘คิดว่า’ งั้นหรอ พวกเขาอาศัยอยู่คนละที่กันแล้วหรอ?
ชั้นไม่อยากซักไซ้ท่านพี่วิลล์ที่เอาแต่จิบชาแล้วเงียบไป ไปมากกว่านี้ ดังนั้นชั้นจึงทำการเปลี่ยนเรื่อง
“ท่านพี่วิลล์คะ ของฝากที่หนูจะนำไปให้ จะเอาเป็นเนื้อหรือว่าปลาดีคะ?”
“เนื้อ”
เขาตอบกลับมาทันทีเลย เขายิ้มออกมาอย่างสดใสพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกาย… บรรยากาศตึงเครียดเมื่อกี้มันหายไปไหนหมดแล้ว?
ปรากฏว่าชั้นกุมท้องของท่านพี่เอาไว้ได้อย่างอยู่หมัดซะแล้วละ
“พ่ออยากจะลองเมนูปลาตามไอเดียของอลิซนะ”
ท่านพ่อเข้าร่วมบทสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติ
ขณะที่ชั้นตอบเขาไปว่าชั้นจะลองคิดดู ท่านแม่ก็เปิดปากของเธอขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอันสง่างาม
“โอ๊ะ ถ้างั้น แม่เองก็อยากจะคิดสูตรขนมหวานใหม่ๆกับลูกเหมือนกันนะ อลิซ”
ชั้นไม่คาดคิดเลยว่าท่านแม่ก็จะเอากับเขาด้วย แต่ มันก็ดีนะที่จะได้คิดค้นขนมใหม่ๆด้วยกันหน่ะ มันเหมือนกับช่วงเวลาระหว่างแม่กับลูกเลยละ!
“เอะเฮะเฮะ หนูเองก็อยากจะทำแบบนั้นกับท่านแม่คะ!”
“งั้นตกลงกันแล้วนะ”
ดังนั้นสรุปแล้วชั้นจะต้องคิดค้นเมนูเนื้อ,ปลา,และของหวานใหม่ๆออกมา ชั้นจะต้องดึงความรู้ด้านห้องครัวออกมาให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้
พวกเราได้พูดคุยกันอย่างสนิทสนม จากนั้นเมื่อท่านพ่อเห็นว่าชั้นตัวสั่นจากการตากลมของฤดูใบไม้ร่วงโดยที่ไม่หยุดพัก เขาก็เลยบอกให้พวกเรารีบเตรียมตัวกลับกัน
ตอนนี้ตัวชั้นอยู่ในอ้อมแขนของท่านพ่อและกำลังเดินทางลงจากสวน
“อลิซ ลูกยังหนาวอยู่ไหม?”
เพื่อทำให้ท่านพ่อของชั้นที่เหลือบมองมาที่ชั้นสบายใจ ชั้นเลยกอดเขาแน่นๆพร้อมกับพูดตอบเขาอย่างร่าเริงว่า
“ท่านพ่อตัวอุ่นมากเลยค่ะ ดังนั้นหนูเลยรู้สึกอุ่นขึ้นแล้ว!”
“งั้นหรอ อบอุ่นและสบายๆ สินะ?” เขาทำหน้าราวกับว่าหัวใจของเขาเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน
ชั้นกลับไปนั่งท่าสบายๆตามเดิมขณะที่ท่านพ่อโล่งใจแล้วทำหน้ามีความสุขออกมา
สำหรับคนอื่นๆแล้ว ท่านพ่ออาจจะดูเป็นคนเย็นชา ทว่าท่าทางที่เขาพูดว่า “อบอุ่นและสบายๆ” นั้นดูน่ารักนิดหน่อยนะ
ยามเมื่อเขาไม่ได้พูดคุยกับครอบครัวของเขานั้น เขาดูจะทำท่าทางเย็นชาและไร้สีหน้าออกมา ดังนั้นมันเลยต่างออกไปจากตอนนี้มากๆ ถึงเขาจะเป็นพ่อของชั้น แต่ชั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชอบแก๊ปโมเอะแบบนี้
ชั้นกำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขในขณะที่ชั้นเฝ้าดูท่านพ่อแบบนี้ไปด้วย ตอนนั้นอยู่ๆชั้นก็ได้ยินน้ำเสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้นมาจากที่ใกล้ๆนี้
คนที่มาเที่ยวชมสวนนี้จนถึงตอนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแขกที่มาเงียบๆเช่นคู่รัก,และคู่ของผู้สูงอายุที่มาเดินเล่นเพียงเท่านั้น ดังนั้นเสียงนั่นจึงสะท้อนดังมากกว่าเดิมซะอีก
“—อะไร?! กล้าดียังไงถึงมองชั้นแบบนั้น มีปัญหาอะไรกับที่ชั้นพูดรึไง?!”
“ดิชั้น… ดิชั้นขอโทษค่ะ—”
เสียงหวาดกลัวพูดขึ้นหลังจากที่เสียงตวาดนั้นเงียบลง ทว่ามันก็ถูกขัดด้วยเสียงตบที่ดังก้องไปทั่วบริเวณ บรรยากาศไม่ได้สงบสุขอีกต่อไปแล้ว
ชั้นมองไปทางนั้นแล้วก็เห็นกลุ่มคน 6 คนที่หยุดยืนอยู่กลางถนน
คนที่ตะโกนเสียงดังก็คือคุณหนูที่มีผมบอร์นทรงสว่านเป็นลอนๆและสวมชุดเดรสสีแดง มองจากไกลๆเธอก็น่ารักอยู่หรอก แต่ออร่าโกรธเกรี้ยวของเธอนั้นทำให้เธอดูไม่น่าคบหาอย่างมากเลย ชั้นสงสัยจังว่าเธอจะอายุพอๆกับชั้นหรือปล่าวนะ
มีเมดที่ดูท่าทางเคร่งขรึมกับคนรับใช้ชายที่ดูอ่อนแอยืนอยู่ใกล้ๆ พวกเขากำลังพยายามห้ามปรามคุณหนูคนนั้นอยู่
ถัดออกไปเล็กน้อย มีหญิงสาวมีอายุที่งดงามกำลังเฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยท่าทางเย็นชา ใบหน้าของเธอนั้นคล้ายกับคุณหนูคนนั้น ดังนั้นชั้นคิดว่าเธออาจจะเป็นแม่ของคุณหนูคนนั้น…
มองแวปแรก เธอก็ดูจะยิ้มอยู่เล็กน้อย ทว่ามันกลับไม่มีความอบอุ่นอบู่เลยแม้แต่น้อย มันเหมือนกับว่าชั้นไม่สามารถมองเห็นอะไรภายใต้ใบหน้าที่ไร้สีหน้าแบบนั้นได้เลย
ด้านหลังของคนแม่นั้นมีคนรับใช้อยู่ 2 คน พวกเขานั้นทั้งไร้สีหน้าและอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
ขณะที่ชั้นกำลังมองไปพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยและผ่านไปนั้น ท่านแม่ก็เรียกชั้นอย่างใจเย็นว่า
“อลิซ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไร ให้ยิ้มเข้าไว้นะ”
“?!”
อะไรนะ ท่านแม่แน่ใจแล้วหรอที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยนะ? ชั้นรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา ทว่า ชั้นก็ปั้นสิหน้ายิ้มแย้มทางธุรกิจด้วยประสบการณ์ของหญิงสาวอายุ 30 ปีขึ้นมาในทันที
ถ้าชั้นมองไปที่ใบหน้าของท่านพ่อ เขาก็คงจะอยู่ในโหมดธุรกิจเหมือนกัน ถ้าจะให้ชั้นอธิบายละก็ ชั้นจะบอกว่ามันเป็นสีหน้าหล่อเหลาแต่เย็นชา แถมยังห่างเหินกับยิ้มเล็กน้อยอีกด้วย ดูเหมือนคนพวกนั้นจะเป็นคนรู้จักของท่านพ่อกับท่านแม่นะ
ท่านพ่อกอดชั้นแน่นขึ้นกว่าเดิมจนชั้นรู้สึกเจ็บ แต่ชั้นรับรู้ได้ว่าเขากำลังปกป้องชั้นอยู่ ดังนั้นชั้นก็เลยไมได้พูดอะไรออกไป
คอนนี่ที่ดูจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนั้นก็ดูจะอารมณ์เสียอยู่ เธอใส่แรงลงไปในมือที่ถือตระกร้าอยู่มากขึ้น ท่านพี่วิลล์นั้นควบคุมสีหน้าของเขาเอาไว้ได้ ทว่าความรังเกียจของเขาก็ยังถูกส่งผ่านออกมาอยู่ดี
“คุณหนูครับ ได้โปรดใจเย็นลงด้วยครับ มีคนมากมายกำลังมองมาทางนี้นะครับ”
“หาา?! ใครสนกัน!?”
คุณหนูเสียงแหลมคนนั้นรู้ตัวถึงพวกเราจากคำพูดของคนรับใช้ที่ดูอ่อนแอคนนั้น
“………”
คุณหนูมองมาทางชั้นแล้วก็มีสีหน้าหงุดหงิดขึ้นหลังจากที่เห็นชั้นอยู่ในอ้อมแขนของท่านพ่อ
ห๊ะ ทำไมกันละ?
“……สวัสดีค่ะ มาร์ควิสอาเชอร์เลซ และก็ลูกชายของเคานต์เวอร์จิล คุณชายเวอร์จิลด้วย”
“……สวัสดีครับ มาร์เชอเนส เวอร์รันเดล”
“……สวัสดีครับ”
หญิงสาวตรงนั้นกล่าวทักทายพวกเรา ดังนั้นท่านพ่อกับท่านพี่วิลล์เลยตอบกลับไปอย่างไม่เต็มใจนัก
“ขออภัยที่ต้องให้เห็นภาพไม่น่าดูนะคะ เธอค่อนข้างเป็นเด็กหัวแข็งนะคะ”
ผู้หญิงคนนั้นไม่แม้แต่จะชายตามองไปที่ลูกสาวของเธอเลยในตอนที่เธอกล่าวขอโทษพวกเราพร้อมกับรอยยิ้มตึงเครียด
ที่เธอพูดมันก็เหมือนกับสิ่งที่คนเป็นแม่ตามปกติจะพูดเลย ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง ชั้นกลับรู้สึกเย็นวาบจากเสียงของเธอ
“ไม่หรอก ไม่ต้องกังวลไป ลูกสาวของท่านอายุเพียง 5 ขวบเท่านั้นเอง มันเป็นเรื่องที่พอจะคาดเดาได้อยู่แล้วครับ”
เมื่อท่านพ่อตอบกลับไปตามกิริยามารยาท ผู้หญิงคนนั้นก็ลดตาลงแล้วยิ้มออกมา
อย่างไรก็ตาม…
ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ท่านแม่ถูกเมินเฉยจากบนสนทนาแบบสุดๆไปเลย
คำทักทายนั้นก็ทักทายแต่กลับท่านพ่อกับท่านพี่วิลล์เท่านั้น
เธอยังคงพูดคุยกับท่านพ่อตามปกติ แต่เธอไม่แม้แต่จะชายตามองท่านแม่เลย
ตัวท่านแม่เองก็ยืนอยู่ข้างๆท่านพ่อพร้อมกับรอยยิ้มตามปกติของเธอ
ชั้นคิดว่ามันค่อนข้างจะรู้สึกแย่ ชั้นก็เลยหันความสนใจไปที่เด็กสาวผมบอร์นทรงสว่านที่อยู่ๆก็เงียบไป และชั้นก็เห็นว่าใบหน้าของเธอที่ตอนแรกนั้นแดงแปร๊ดจนถึงเมื่อกี้นั้นได้ซีดเซียวไปแล้ว
ชั้นสงสัยว่ามันเป็นเพราะสถานการณ์ในตอนนี้ หรือเธอหน้าซีดไปเพราะใจเย็นลงแล้วกันแน่ ขณะที่มองไปที่เธอ เธอก็จ้องมองชั้นกลับมาหลังจากที่รับรู้ถึงสายตาของชั้น น่ากลัวจัง
ขณะที่ชั้นรีบหลบสายตากลับมาที่ครอบครัวของชั้น ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็เรียกชื่อของท่านแม่ซักที
อย่างไรก็ตาม เธอเรียกหาท่านแม่ก็จริง ทว่าไม่ได้ส่งสายตาไปทางเธอเลย เธอทำเพียงแค่บิดตัวเล็กน้อยเท่านั้น ชั้นรับรู้ได้ถึงอคติที่ชัดเจนเลยละ
“…โอ๊ะ? เอเลนอร์ที่รัก สุขภาพจิตของคุณวันนี้ดูจะดีขึ้นนะคะวันนี้ คุณหายจากอาการป่วยแล้วหรอคะ?”
ว้าว เธอทำอย่างกับว่าเธอพึ่งสังเกตเห็นเธอเลย หยาบคายจริงๆ!
ขณะที่ชั้นกำลังเดือดจากภายในอยู่นั้น ดวงตาของท่านพ่อก็กระตุกจากความหยาบคายนี้ ความรู้สึกเมื่อกี้ของเขาคงมาถึงจุดพีคแล้วแน่ๆ
ชั้นคิดว่าชั้นยังฝืนยิ้มตามที่ท่านแม่บอกได้อยู่ ทว่าปากของชั้นในตอนนี้อาจจะกลายเป็นรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวได้อยู่ตลอดเวลาแล้ว
“ค่ะ ดิชั้นอาการดีขึ้นแล้ว ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงนะคะ ทั้งตัวดิชั้นและลูกสาวต่างก็ฟื้นตัวเต็มที่แล้วค่ะ กราเซียนาซามะ”
ท่านแม่ตอบกลับผู้หญิงคนนั้นด้วยรอยยิ้มสง่างาม
ปรากฏว่าคนๆนี้มีชื่อเต็มว่า มาดาม กราเซียนา เวอร์รันเดล เธอให้ความประทับใจที่แรงอย่างมากจริงๆ
บางทีเธอคงจะสัมผัสได้ถึงวิธีการพูดที่เปลี่ยนไปของท่านแม่ ในที่สุดมาดามกราเซียนาก็หันมาทางท่านแม่ซักที เธอแสดงร่องรอยของความประหลาดใจออกมาจากรอยยิ้มตึงเครียดของเธอ
อืม ก็สมเหตุสมผลอยู่นะ ในตอนที่ท่านแม่ป่วย… หรือต้องบอกว่า… ในตอนที่ท่านแม่อยู่ภายใต้คำสาปนั้น ท่านแม่มีปัญหาสุขภาพจิตจริงๆ ความสง่างามของเธอไม่ได้ลดลงก็จริง แต่ตัวเธอนั้นทั้งขาวซีดและอ่อนแอ
แต่ว่าในตอนนี้ที่เธอหายจากคำสาปแล้วนั้น ได้กระซิบคำบอกรักให้กับสามีของเธอที่ได้เพชิญกับเรื่องที่ยากลำบากเพราะเธอเป็นเวลา 24 ชั่วโมงต่อวันเลย เธอเองก็ได้คืนความสัมพันธ์กับลูกสาวของเธอ และกลับมามีความมั่นใจพร้อมทั้งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอีกครั้งนึงแล้ว ตอนนี้ตัวเธอสง่างามมากกว่าเมื่อก่อนซะอีก
สายตาของมาดามกราเซียนาได้เปลี่ยนมาที่ตัวชั้น แล้วก็เบิกกว้างออกด้วยความแปลกใจ
ชั้นจำไม่ได้ว่าเคยเจอกับผู้หญิงคนนี้ แต่ถ้าเธอรู้จักตัวชั้นหลังจากที่ชั้นป่วยละก็ เธอก็คงจะแปลกใจแน่ๆละ ยังไงซะตอนนั้นตัวชั้นก็ยังกับผีที่มีออร่าแห่งความตายกรีดร้องออกมานี่นา
ตอนนี้ตัวชั้นมีความแข็งแกร่งทางจิตใจของหญิงสาวอายุ 30 ปี และยังมีรอยยิ้มทางธุรกิจสุดสมบูรณ์แบบอยู่บนใบหน้าด้วย ถึงจะมีสายตาที่รู้สึกไม่ดีจากผู้หญิงคนนั้นก็ตาม… อย่างน้อยๆชั้นก็ควรจะยิ้มอยู่ ทว่าใบหน้าของชั้นรู้สึกเหมือนกับจะเป็นตะคริวเลย
“โอ๊ะ… ลูกสาวของคุณเปลี่ยนไปมากเลยนะคะ”
มาดามกราเซียนาทนไม่ได้จนต้องพูดออกมา น้ำเสียงของเธอบ่งบอกชัดเจนเลยว่าเธอหวังให้ตัวชั้นยังป่วยอยู่! ชั้นเห็นนะ!
ชั้นรู้สึกอยากจะทำให้เธอพูดไม่ออกยังไงไม่รู้ ดังนั้นชั้นก็เลยทักทายเธอออกไปอย่างเหมาะสม
“สวัสดีค่ะ กราเซียนาซามะ หนูต้องขออภัยที่ทำให้ท่านต้องเป็นห่วงมาเป็นเวลานาน หนูมั่นใจว่าในอนาคตพวกเราจะต้องได้พบกันอีกในงานเลี้ยงน้ำชาหรืองานอื่นๆแน่นอนค่ะ ดังนั้นหนูขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับความช่วยเหลือต่างๆจากท่านนะคะ”
ชั้นประกาศออกไปอย่างใจเย็นและขอให้เธอ*กล่าวตอบรับด้วยการเอียงหัวราวกับเด็กๆ
มาดามกราเซียนาแข็งข้างไปซักพักนึง ประหลาดใจจากการตอบสนองเกินเด็กวัย 5 ขวบของชั้น แต่จากนั้นเธอก็รู้ตัวว่าเธอถูกขอให้พูดตอบรับ เธอก็ตอบรับกลับมาด้วยวิธีปกติ
จากนั้นเธอก็มองไปทางลูกสาวของเธอเองเป็นครั้งแรกตั้งแต่พวกเราปรากฏตัวขึ้น แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้แนะนำตัวเด็กคนนั้นให้กับพวกเราเลย
================================================================
*เพื่อใครงง น่าจะเป็นการขอให้มาดามพูดตอบรับคำขอถึงความช่วยเหลือในอนาคตนะครับ
MANGA DISCUSSION