บทที่ 2 ตอนที่ 6: สกิลพระเจ้า
วันก่อนที่ชั้นจะมาที่นี่ สิ่งหนึ่งที่ชั้นนึกขึ้นได้เมื่อได้ยินคำว่าปิกนิกก็คือแซนวิช
อย่างไรก็ตาม ขนมปังในโลกใบนี้มันแข็งมาก — แข็งเกินกว่าจะเป็นแซนวิชได้ ที่บอกว่าขนมปังในต่างโลกมักจะไม่มีคุณภาพก็ดูจะใช้กับโลกใบนี้ได้เหมือนกันแห่ะ
ถึงขนมปังในชาติก่อนของชั้นมันจะแข็งเหมือนกันก็เถอะ ดังนั้นมันเลยยังอยู่ในขอบเขตที่ชั้นจินตนาการเอาไว้อยู่
นั่นแหล่ะมันเลยถึงเวลาแล้วที่จะปฏิวัติวงการอาหารด้วยความรู้จากญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน!
แต่หลังจากนั้นชั้นก็ได้เข้าใจว่ายีสต์นั้นไม่ได้ทำกันง่ายๆ แถมสกิลการทำอาหารของชั้นเองก็ยังทั่วๆไปด้วย
และเนื่องจากการปิกนิกนั้นจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ชั้นจึงตัดสินใจที่จะเตรียมแค่วัตถุดิบเท่านั้น
***
“คุณหนู ต้องเก็บเป็นความลับนะคะ โอเคไหม?”
หลังจากที่ตัดสินใจจะไปปิกนิกกัน ชั้นก็ขอให้คอนนี่แอบพาชั้นเข้าไปในห้องครัวหน่อย
ดูเหมือนว่าขุนนางจะไม่ถูกแนะนำให้เข้าไปยังที่ทำงานของคนรับใช้นะ ดังนั้นชั้นก็เลยแอบในเงาของคอนนี่แล้วเข้าไป
“คือ ชั้นเตรียมทุกอย่างมาแล้วค่ะ แต่ว่า… พวกมันถูกต้องใช่ไหมคะ?”
คอนนี่กำลังถือไก่,หัวหอม,ไวน์ขาว,และน้ำมันมะกอกอยู่ในมือพร้อมกับมีสีหน้ากังวล
“สมบูรณ์แบบเลย ขอบคุณนะ”
ชั้นยิ้มให้กับคอนนี่เพื่อให้เธอสบายใจ เธอเองก็หัวเราะคิกคักกลับมา
“อย่างที่คิด คุณหนูไม่ควรทำอาหารเองค่ะ ดังนั้นคอนนี่จะเป็นคนทำให้เองนะคะ เข้าใจนะคะ?”
“อืม ฝากด้วยนะ”
เอาละ ช่วงทำอาหาร 3 นาที เริ่มได้!
“ก่อนอื่นก็หั่นเนื้อให้พอดีคำแล้ววางมันลงในถ้วย จากนั้นก็หั่นหัวหอมใส่เข้าไปผสมพร้อมกับน้ำมันมะกอกและไวน์นิดหน่อย เอาแค่ให้ตัวเนื้อจมอยู่ใต้น้ำก็พอนะ”
คอนนี่ตอบกลับมาว่า ‘ค่ะ’ แล้วจากนั้นก็เริ่มทำอย่างรวดเร็ว พวกเราทั้งคู่ร้องไห้ออกมาในตอนที่หั่นหัวหอมด้วย แต่ขั้นแรกของการหมักไก่ก็เสร็จเรียบร้อยดีโดยที่ไม่มีสะดุด
“สมบูรณ์แบบ แค่นี้ก็น่าจะพอแล้วละ พวกเราจะหมักมันเอาไว้หนึ่งคืน และพรุ่งนี้ชั้นอยากจะหั่นมันเพิ่มก่อนจะทำซอสจากมัน จากนั้นเราจะกินมันกับแซนวิชด้วย โอ๊ะ แล้วต้องตัดขนมปังให้เป็นแผ่นบางๆด้วยนะ!”
“เข้าใจแล้วคะ! แต่ว่า… ส่วนผสมนี้มันดูน่าอร่อยจริงๆค่ะ!”
ไก่ที่หมักเอาไว้นั้นทั้งสีและกลิ่นดีมากจนแม้แต่ตอนนั้นท้องของคอนนี่เองก็ร้องออกมาด้วย
จากนั้นในวันถัดมา
หลังจากที่ทานอาหาเช้าเสร็จ พวกเราก็ตัดสินใจทำอาหารกลางวันสำหรับปิกนิกให้เสร็จ
ท่านพี่วิลล์เองก็มากับชั้นด้วย
“พี่รู้ว่าน้องบอกให้พี่มาเช้าๆ แต่ว่าพวกเรากำลังจะทำอะไรงั้นหรอ?”
สถานที่ก็คือห้องเตรียมอาหารที่อยู่ติดกับห้องครัว
ชั้นบอกให้ท่านพี่วิลล์ที่กำลังสงสัยอยู่ว่าอยากจะให้เขาชิมอาหารที่พวกเราทำ ชั้นขอให้เขาตรวจดูว่ามันโอเคกับระดับมาตรฐานของขุนนางไหม แต่เขากลับดูค่อนข้างตกใจเลยละ
“ทำอาหารงั้นหรอ?! โอ๊ะ อยากบอกนะว่าพวกนี้อลิซเป็นคนทำเองหน่ะ? ท่านพ่อท่านแม่ของน้องรู้เรื่องนี้ด้วยหรือปล่าว?”
อุ๊บ ท่านพี่วิลล์อยู่ฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ขุนนางจะมาทำอาหารเองด้วยงั้นหรอ? ชั้นรีบปฎิเสธทันทีขณะที่เขามองมาที่ชั้นอย่างสงสัย
“ไม่ค่ะ ท่านพี่วิลล์ หนูแค่บอกให้คอนนี่เป็นคนเตรียมทุกอย่างให้ค่ะ”
“โอ๊ะ งั้นหรอ น้องอาจจะบาดเจ็บได้ ดังนั้นห้ามถือมีดหรืออะไรร้อนๆเด็ดขาดเลยนะ เข้าใจไหม?”
ท่านพี่ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าโล่งใจ ดูเหมือนเขาจะแค่เป็นห่วงความปลอดภัยของชั้นเท่านั้นเอง
สมกับเป็นท่านพี่วิลล์! ดีจังที่เขาเป็นห่วงชั้น
ชั้นตอบกลับไปว่า ‘ค่ะ!’ อย่างร่าเริง และท่านพี่วิลล์เองก็ดูจะพอใจมาก จากนั้นเขาก็พากลับมาเข้าเรื่องหลัก
“นี่ค่ะ!”
ชั้นพูดพร้อมกับเอาฝาครอบสีเงินออกและยื่นแซนวิชขนาดพอดีคำให้กับเขา
มันดูเหมือนกับแซนวิชทั่วไปที่ทำจากไก่และผักสลัดรวมถึงวัตถุดิบต่างๆที่อยู่บนขนมปัง ขนมปังเองก็ทำการอบบางๆที่ผิวของมันด้วย มันดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษเลย มันเป็นเพียงแค่แซนวิชธรรมดาๆเท่านั้น
“โอ้ มันดูน่าอร่อยมากเลย ขอบคุณสำหรับอาหาร!”
ชั้นดีใจที่มันดูปกติมากกว่าที่ชั้นคิดเอาไว้ มันอาจจะ… อย่างน้อยๆมันก็ไม่ได้ดูแปลกละนะ!
ท่านพี่วิลล์มองชั้นอย่างเอ็นดูตั้งแต่ที่ชั้นตื่นเต้นที่จะให้เขาดูอาหารสำหรับปิกนิกแล้ว จากนั้นเขาก็ไม่รอช้า กินแซนวิชนั้นเข้าไปในคำเดียว
ตอนแรกเขาก็เคี้ยวไปตามปกติ แต่หลังจากนั้นสักพัก สีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลง
“หืมม…? ……อื้มมมมม?!”
หลังจากที่เคี้ยวอย่างรวดเร็วแล้วกลืนมันลงไปจนหมด ท่านพี่วิลล์ก็มองมาที่ชั้นอย่างแรงกล้า
“อะไร…? มัน… มันมีอะไรบางอย่าง… มันอร่อย อร่อยมากๆ… นี้มันอะไรกัน…?”
ท่านพี่วิลล์ตกตะลึงจนพูดไม่ได้ศัพท์ และชั้นก็ตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มภาคภูมิใจว่า
“หนูเรียกมันว่า แซนวิชมายองเนสไก่หมักพร้อมผักฤดูใบไม้ร่วงค่ะ!”
***
ตอนนี้ชั้นกำลังเสิร์ฟแซนวิชที่ทำให้ท่านพี่วิลล์ตกตะลึงไปเมื่อก่อนหน้านี้ให้กับครอบครัวของชั้น
ชั้นได้เห็นปฏิกิริยาที่น่าสนใจมาบ้างแล้ว
คนแรกก็คือท่านพ่อ
ตั้งแต่แรกแล้ว เขาถูกกระตุ้นโดยอาหารของลูกสาว “ที่เต็มไปด้วยความรัก” มันทำให้เข้าใช้เวลาสักพักในการจะกินมัน
หลังจากชมรูปลักษณ์ของมันไปซักพัก เขาบอกว่ามันมี “ความสวยงามของสมดุลระหว่างการปรุงอย่างปราณีตกับกลิ่นอันหอมหวาน” ด้วย และหลังจากนั้นเขาก็เริ่มกินมันเข้าไป เมื่อเขากัดเข้าไปคำแรก สีหน้าของเขาก็แข็งค้างแล้วเปลี่ยนเป็นจริงจัง เขาวางศอกเอาไว้บนโต๊ะและประสานมือเอาไว้ข้างหน้าของเขาแบบ*ท่าเก็นโด เขาไม่ขยับเลยหลังจากทำท่านั้น เขาคงจะชอบท่าเก็นโดนั่นจริงๆสินะ…
คนถัดมาก็คือท่านแม่ เธอไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ดังนั้นเธอก็เลยทานมันทีละเล็กทีละน้อยอย่างสง่างาม ทว่า เมื่อเธอกินส่วนที่มีมายองเนสกับไก่หมักเข้าไป เธอเหมือนกับโดนฟ้าผ่าแล้วแข็งข้างไป เธอแข็งค้างไปทั้งๆที่ยังคงยิ้มอยู่ไปประมาณ 10 วินาที
หลังจากนั้นเธอก็ทานมันจนหมดอย่างสวยงามด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม 3 เท่า
ท่านพี่วิลล์นั้นเคยกินมันมาก่อนแล้วในตอนเช้านี้ ดังนั้นเขาจึงกินมันอย่ามีความสุขหลายต่อหลายชิ้น แก้มของเขานั้นถูกแต่งแต้มไปด้วยความอร่อย
คอนนี่จังนั่นจะทานหลังพวกเราเพราะเธอนั้นเป็นคนรับใช้ ชั้นรู้สึกสงสารเธอนิดหน่อยนะ
งั้นทำไมแซนวิชไก่ธรรมดาๆแบบนี้ถึงมีพลังที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึงขนาดนี้ละ? ชั้นคิดว่าเหตุผลคงเป็นเพราะว่าในโลกใบนี้ไม่มีวัฒนธรรมในการใช้แอลกอฮอล์และเอนไซม์ในการทำให้เนื้อนุ่ม
อีกเหตุผลนึงก็คือ มายองเนส
อาหารในโลกใบนี้นั้นขาดแคลนอยู่หลายอย่างเลย มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่แทบจะไม่มีพริกไทยและพริกอยู่เลย เกลือกับน้ำตาลเองก็เป็นสินค้าที่มีราคาสูง รวมถึงไม่มีแม้แต่มิโซะหรือโชยุเลยด้วย
ส่วนวัตถุดิบต่างๆนั้น ส่วนใหญ่เป็นอันที่สามารถเก็บเอาไว้ได้นาน หรือก็คือ มันทั้งแข็งและหยาบกระด้างมาก
ถึงแม้ขุนนางจะมีการทำอาหารในคฤหาสน์ก็จริง แต่ดูเหมือนว่าแค่รสชาติหรูหราและอึ่มท้องมันก็เพียงพอสำหรับพวกเขาแล้วหน่ะสิ
บางทีสิ่งที่แตกต่างระหว่างขุนนางกับสามัญชนนั้นก็คือปริมาณอาหารที่ได้กินต่อวัน
มีเพียงแค่คนที่ฐานะค่อนข้างมีสูงเท่านั้นที่จะกินของที่หลากหลายเช่นผัก.ผลไม้,เนื้อ,และ ผลิตภัณฑ์ประเภทนมได้
ยิ่งไปกว่านั้น มันขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำอาหารของคนที่พวกเขาจ้างด้วย พวกเขาสามารถดื่มด่ำกับรสชาติที่หลากหลายจากคนที่ทำด้วย
ทว่า มีเพียงคนจำนวนน้อยนิดบนโลกเท่านั้นที่จะเป็นคนมีฐานะสูง เพราะแบบนั้น มันจึงไม่มีการพัฒนาด้านรสชาติอาหารและรูปลักษณ์จากวัตถุดิบที่หมดอายุได้ง่ายเลย
ดังนั้นเพื่อที่จะทำลายความคิดนั้น ชั้นจึงหมักไก่เอาไว้หนึ่งคืนด้วยเอนไซม์จากหัวหอมและดับกลิ่นด้วยไวน์ขาว จากนั้นชั้นก็ทาขนมปังแข็งๆด้วยมายองเนสเพื่อให้มันน่ากินมากยิ่งขึ้น
ในฐานะหญิงสาวชาวญี่ปุ่น ชั้นยอมไม่ได้กับความแข็งและกลิ่นเหม็นแบบนั้นหรอก
ยื่งไปกว่านั้น มันมีไม่กี่คนหรอกที่ไม่ชอบมายองเนส มันถูกทำขึ้นมาอย่างง่ายๆโดยการผสมไข่แดง,น้ำส้มสายชู,น้ำมัน,และเกลือให้เข้ากันเท่านั้น แต่มันไม่ได้มีมายองเนสอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว ที่มันยังไม่มีตัวตนก็อาจจะเพราะไข่นั้นมีราคาสูงมาก หรืออาจจะเพราะผู้คนยังไม่รู้ถึงวิธีการฆ่าเชื้อโรคของมันด้วยน้ำส้มสายชูก็ได้ ดังนั้นชั้นจึงทำมันขึ้นมาตั้งแต่ต้น
ปรากฏว่าไก่หมักกับมายองเนสที่ชั้นทำขึ้นมาจากการคำนวณนั้นจะได้ผลดีเกินคาดนะ
ท่านพ่อตัวสั่นไปมาและพึมพำอะไรบางอย่าง
“มายอง…เนส… นี่ต้องเป็นอาหารจากพระเจ้าแน่ๆเลย…”
–อาหารจากพระเจ้า… อุ๊ฟฟฟฟ!
ชั้นเกือบหลุดหัวเราะออกไปหลังจากที่ได้ยินเขาพึมพำแบบนั้น แต่ชั้นก็กลั้นมันเอาไว้เพื่อที่ชั้นจะได้ฟังเขาพูดต่อ
“และเนื้อนุ่มๆนี้มันอะไรกัน ครั้งแรกเลยที่ข้าได้กินเนื้อที่นุ่มราวกับจะละลายในปากแบบนี้… ข้าเคยล่ากระต่ายสดๆมาได้ก็จริง ทว่านั่นก็เทียบกับสิ่งนี้ไม่ได้เลย ถึงมันจะนุ่มเหมือนกัน แต่มันมีกลิ่นที่ค่อนข้างเหม็นด้วย…”
นั่นก็เพราะว่าชั้นหมักมันเอาไว้ข้ามคืนยังไงละ!
อนึ่ง ในโลกใบนี้นั้นไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับยีสต์และเอนไซม์อยู่เลย มันจึงยากที่จะโน้มน้าวคอนนี่ว่ามันมีอาหารหลายอย่างที่ปล่อยเอาไว้ข้ามคืนได้นอกจากการโรยเกลือ
เธอเอาแต่ยืนกรานว่าถ้าพวกเราปล่อยอาหารเอาไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นเวลานานมันก็จะเน่าเสีย ทว่าตัวชั้นก็ยังเอาแต่พูดว่า ‘มันไม่เป็นไร’ จนกระทั่งเธอยอมแพ้ไป
“ค่ะ ทั้งสองอย่างนั้นมันมหัศจรรย์มากจริงๆ แต่ความกลมกล่อมของมันโดยรวมนั้นสุดยอดมากจริงๆ…! รสชาติของผักที่ผสมเข้ากับเนื้อ ความกรุบกรอบของผักทำให้ซึมซับน้ำมันเอาไว้ ขนมปังที่ห่อหุ้มทุกอย่างเอาไว้ด้วยกัน รวมถึงมายองเนสนี้ด้วย ซอสนี้… ที่ทำให้ขนมปังนั้นทั้งหวานและนุ่ม ชั้นไม่เคยรู้สึกถึงความกลมกล่อมแบบนี้ในมื้ออาหารมาก่อนเลยค่ะ”
ท่านแม่พูดออกมาอย่างกับหญิงสาวในรายการอาหารบนทีวีเลย
ขณะที่ทั้งคู่กำลังถอนหายใจออกมาด้วยความปิติยินดี ท่านพ่อที่ยังไม่หายตื่นเต้นก็โพล่งออกมาว่า
“อลิซ ลูกไปเรียนรู้วิธีทำอาหารแบบนี้มาจากไหนกัน…?”
อั๊ก
ว่าแล้วว่ามันต้องมา… คำถามแบบนี้
ทว่าชั้นได้เตรียมคำตอบเอาไว้แล้ว ดังนั้นชั้นก็เลยตอบออกไปอย่างงงๆว่า
“หนูก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าตอนไหน แต่หนูสังเกตว่าเนื้อที่หนูกินพร้อมกับหัวหอมนั้นมันจะนุ่มกว่าปกติค่ะ หนูก็เลยตัดสินใจลองใช้ทฤษฎีนี้ดู!”
ตอนที่ชั้นไม่รู้ว่าจะพูดอะไร การใช้แผน ‘ชั้นเองก็ไม่รู้อะไรมากเหมือนกัน ดังนั้นไม่ต้องถามเยอะ’ มักจะได้ผลเสมอ
ทว่าท่านพ่อกับท่านแม่ก็พูดออกมาว่า “มีเรื่องแบบนั้นด้วยหรอ?” ดังนั้นชั้นก็เลยพยักหน้า
จากนั้น ชั้นก็เข้าสู่แผนที่ 2
“แล้วก็เรื่องมายองเนส อยู่ๆหนูรู้จักมันในตอนที่หนูป่วยอยู่ หนูสงสัยว่าหนูจะสามารถปรับปรุงไข่ให้เป็นแบบที่หนูอยากให้เป็นได้ไหมน่ะค่ะ… บางทีมันอาจจะมาจากปัญญาหรือกำลังใจที่บรรพบุรุษหรือสปิริตส่งมาให้หนูก็ได้นะคะ เพื่อให้หนูได้ทานมันแล้วแข็งแรงขึ้น…”
ถึงจะพูดยืดยาวไปหน่อย แต่การยกประเด็นที่ว่าเป็น “ประสงค์ของพระเจ้า” ออกมานั้นดูจะใช้ได้ผลดีมากเลยละ
“โอ้ห์…! งั้นรึ! เข้าใจแล้ว มันก็สมเหตุสมผลอยู่…!”
ท่านพ่อได้มองขึ้นไปบนสวรรค์ ท่านแม่เองก็ทำตามด้วย
“ค่ะ รสชาติแบบนี้จะต้องเป็นงานของพระเจ้าแน่นอน…!! ทั้งการหายดีอย่างปาฏิหาริย์ของอลิซกับมายองเนสนี้จะต้องเป็นการดลบันดาลจากสวรรค์แน่ๆเลยค่ะ…!”
รู้สึกเหมือนกับการรอดชีวิตของชั้นจะอยู่ระดับเดียวกับมายองเนสเลย แต่อย่างน้อยๆก็ดูจะหลอกพวกเขาในตอนนี้ได้ งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก
……ไม่ ชั้นไม่ได้เสียใจนะ! ไม่ได้เสียใจเลยจริงๆนะ!!
================================================================
*ท่าเก็นโด ท่าโพสต์ประจำตัวของอิคาริ เก็นโด จากเรื่อง EVANGELION
MANGA DISCUSSION