บทที่ 2 ตอนที่ 4 ท่านพี่วิล
“อลิซ…?!”
เมื่อชั้นหันไปหาเจ้าของเสียงเรียกที่ชั้นได้ยินมาจากประตูหลัก ชั้นก็พบกับร่างๆหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามาหาจากประตูหลัก มียามรักษาวิ่งไล่ตามมาพร้อมกับตะโกนไล่หลัง
“เอ๊ะ หรือว่าจะเป็น…?”
เขาสูงขึ้นนิดหน่อย แต่ถ้าชั้นจำไม่ผิด…
“ท่านพี่วิล!”
ชั้นรีบออกตัวกระโดดเข้าหาตัวเขาทันที
“โว้ว! รอเดี๋ยวก่อนสิ นี่?!”
เขาคงจะไม่คาดคิดว่าชั้นจะกระโดดเข้าใส่ตัวเขาแบบนี้ ทว่าท่านพี่วิลก็รีบรับตัวชั้นเข้ามากอดเอาไว้ได้
คนๆนี้ก็คือ วิลเฮล์ม อารอน เวอร์จิล ความสัมพันธ์ในมุมมองของชั้นก็คือว่าเขาเป็นประเภทชายข้างบ้านที่อลิซหลงไหลในฐานะพี่ชายละนะ
เขาเป็นคนที่ค่อนข้างหน้าตาดีอยู่ เขามีผมสีเขียวสว่างและดวงตาสีอำพันอันอ่อนโยน ชั้นคิดว่าเขาน่าจะอายุประมาณ 14 ปีนะ
“อลิซ! ออกมาข้างนอกแบบนี้จะไม่เป็นอะไรหรอ? พี่ดีใจมากเลยนะที่ได้เจอเธออีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอมานาน แต่ถ้าเธอเหนื่อยหรืออะไรแบบนั้นจนสลบไปอีกครั้งละก็…?”
ท่านพี่วิลพูดออกมาด้วยความเป็นห่วงสุขภาพของชั้น ทว่าอยู่ๆเขาก็หยุดนิ่งไปราวกับว่านึกอะไรบางอย่างออก
“…อลิซ เมื่อกี้น้องพูดชื่อของพี่หรือปล่าว?”
“???… ค่ะ หนูเรียกพี่เอง”
“…เธอ…นะ-น้อง… กำลังพูดดดดดดดดด?!?!?”
ท่านพี่วิลตะโกนเสียงดังออกมาราวกับเขาเห็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ
“น้องพูดได้แล้ววววววววว?!?!”
ชั้นคิดถึงการตอบสนองแบบนี้จังแห่ะ
ถึงมันจะไม่ใช่เวลามามัวคิดถึงเรื่องนี้อยู่อย่างใจเย็นก็เถอะ แต่ตัวชั้นไม่ได้เจอกับพี่ชายมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เหตุการณ์ของรูจนู่นเลย ดังนั้นมันจึงน่าตกใจใช่ไหมละ?
ถึงยังงั้น มันก็ยังมากเกินไปสำหรับชั้นอยู่ดี ตัวชั้นที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนขี้กลัว ชั้นหลบหน้าเขาอย่างสุดขีดนานถึง 2 ปี มันแย่ขนาดที่ว่าชั้นไม่สามารถเข้าไปใกล้เขาได้เลยในตอนนั้น
ชั้นรู้สึกผิดจากใจจริงเลย
“โอ้ อลิซ! เมื่อไหร่กันที่น้องอาการดีขึ้นแบบนี้? น้องพูดไม่ได้และอยู่ติดเตียงจนถึงเมื่อไม่กี่วันก่อนเองนะ… น้องที่ร่างกายอ่อนแอแต่ว่าตอนนี้กลับ…! ผิวพรรณผ่องใสขึ้น… แก้มเองก็อมชมพู — น้องน่ารักมากกว่าขึ้นเดิมหรือปล่าวเนี้ย??!!”
ท่อนสุดท้ายเมื่อกี้มีอะไรแปลกๆหรือปล่าวนะ?
ชั้นตอบกลับไปพร้อมกับคิดแบบนั้น
“คือหนูอาการดีขึ้นตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อนแล้วค่ะ มีอะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้นแต่เรื่องมันยาววววววมากเลยละค่ะ ดังนั้นบางทีไว้ท่านพี่ไปถามรายละเอียดกับทุกคนจะดีไหมคะ?”
ชั้นมั่นใจเลยว่าคนอื่นๆโดยเฉพาะท่านพ่อจะต้องเล่ารายละเอียดให้ท่านพี่ด้วยหัวใจและจิตวิญญาณของท่านพ่อได้แน่ๆ
“โอ๊ะ-โอ้ อืม… ยังไงก็ตาม พี่ดีใจนะที่น้องอาการดีขึ้น พี่ดีใจจริงๆ อลิซ—!”
ท่านพี่วิลดีใจมากจนถึงกับน้ำตาไหลแล้วกอดชั้น ถ้าตัวชั้นไม่ได้อยู่ข้างนอกละก็ ชั้นก็คงจะร้องไห้ออกมาโดยไม่สนใจรอบๆตัวแน่ๆเลย
“ขออภัยที่ต้องขัดท่านนะคะ วิลเฮล์มซามะ แต่ในเมื่อพวกท่านได้พบกันอีกครั้งนึงแล้ว ทำไมท่านไม่ติดต่อนายท่านกับนายหญิงแล้วเข้าร่วมปาร์ตี้น้ำชาในวันนี้กับพวกเราด้วยละคะ?”
ถึงเธอจะพูดเหมือนกับใจเย็นแบบนั้น แต่สีหน้าของเธอกำลังบอกความรู้สึกจริงๆอยู่ เธอมองไปที่ท่านพี่วิลราวกับว่าเธอเจอกับพวกเดียวกัน ในทางกลับกัน สีหน้าของท่านพี่วิลนั้นดูมีความสุขสุดๆ ชั้นสามารถมองเห็นดอกไม้บานที่พื้นหลังของเขาได้เลยละ… เขาคงจะดีใจมากจริงๆ
“ยินดีอย่างยิ่งเลยละ ชั้นจะเข้าร่วมด้วย!”
“อืมม ไม่ใช่ว่าท่านพี่กำลังจะไปที่ไหนสักที่อยู่ไม่ใช่หรอคะ?”
เมื่อชั้นถามแบบนั้นออกไป เขาก็ตอบกลับมาพร้อมกับยืดอกภูมิใจว่า
“จะบอกว่าพี่ไม่เคยมีแผนอะไรเลยก็ได้ ถ้าอลิซจะเข้าร่วมปาร์ตี้ด้วย งั้นในสายตาของพี่ นี้ก็คือปาร์ตี้น้ำชาเพียงแห่งเดียวที่พี่จะต้องเข้าร่วมให้ได้”
อย่างกับ*โฆษณาเครื่องดูดฝุ่นเลยไม่ใช่รึไงนั่น? ชั้นคิดแบบนั้นแต่ก็ได้เงียบปากเอาไว้ ชั้นสงสัยจังว่าท่านพี่วิลจะเป็นคนญี่ปุ่นเกิดใหม่ด้วยเหมือนกันหรือแล่าวนะ… (*โฆษณาเครื่องดูดฝุ่น Dyson ของญี่ปุ่นละมั้ง)
***
อืม นั่นก็คือเหตุผลที่ทำไมพวกเราถึงมาจัดงานปาร์ตี้น้ำชากับท่านพี่วิลได้
เขานั้นเป็นเครือญาติใกล้เคียงกับพวกเรา ตามกำหนดการแล้วเขาต้องไปยังปาร์ตี้น้ำชายามบ่ายแห่งหนึ่ง ดังนั้นชั้นก็เลยส่งเมดไปบอกอีกฝ่ายในนาทีสุดท้าย เพื่อตัวเขาจะเข้าร่วมปาร์ตี้น้ำชากับพวกเราได้โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา
***
“ขอบคุณครับที่ให้ผมได้เข้าร่วมกับพวกท่านด้วยทั้งที่ผมไม่ได้บอกก่อน”
ท่านพ่อกับท่านแม่ยิ้มออกมาอย่างร่าเริงให้กับคำพูดของท่านพี่วิล ก่อนจะตอบกลับไปว่า “เจ้ามาเยี่ยมพวกเราได้ตลอดเวลาตามที่เจ้าต้องการได้เลยนะ พวกเรายินดีต้อนรับ” และแล้วงานปาร์ตี้น้ำชาเล็กๆนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
กุหลาบฤดูใบไม้ร่วงในสวนนั้นบานอย่างเต็มที่ ชุดน้ำชายามบ่ายสามชั้นถูกวางเอาไว้บนโต็ะสีขาวในฐานะของว่างยามบ่ายจริงๆ สายลมได้พัดผ่านแก้มของชั้นเป็นครั้งคราว มันเป็นยามบ่ายที่สงบสุขเสียจริงๆ
ในขณะที่พวกเราพูดคุยกัน ท่านพ่อก็ได้อธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ให้กับท่านพี่วิลฟัง ในขณะที่เขาฟังไปเรื่อยๆ บางทีเขาก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจและความเจ็บปวดอีกด้วย
ท่านแม่กับชั้นนั่งฟังอยู่เงียบๆ ตอนนั้นอยู่ๆชั้นก็ตัดสินใจจะถามท่านแม่ถึงเรื่องที่รบกวนใจชั้นอยู่
“ท่านแม่คะ มีบางอย่างที่หนูสงสัยมานานแล้ว”
เมื่อชั้นพูดแบบนั้น ท่านแม่ก็ตอบกลับมาด้วยเสียงอันไพเราะว่า “เรื่องอะไรหรอจ๊ะ~?”
“ในตอนนั้นที่ท่านแม่ใช้เวทมนตร์ออกมานะคะ ที่ท่านแม่พูดว่าด้วยพลังของเบอร์รี่สีแดงอันเก่าแก่ หรือ ยามเมื่อถึงพระจันทร์เสี้ยวค่ะ… ท่านแม่หมายความว่ายังไงหรอคะ?”
ใช้แล้ว เรื่องแฟนตาซียังไงละ!
ชั้นมาเกิดใหม่ในโลกนี้ที่มีเวทมนตร์ยังไงละ! ความแฟนตาซี! และตั้งแต่ที่รำลึดชาติได้ ชั้นก็ยังไม่ได้สัมผัสมันเลยสักนิดเพราะตัวชั้นต้องแก้ปัญหาเรื่องรูจก่อน
แต่ว่าตอนนี้ปัญหาพวกนั้นมันคลี่คลายลงไปแล้ว และพวกเรากำลังมีปาร์ตี้น้ำชาอันสงบสุขพร้อมกันทั้งครอบครัวอยู่ ตัวชั้นก็เลยอดที่จะถามออกไปไม่ได้
“โอ้ อลิซสนใจในเวทมนตร์ยังงั้นหรอจ๊ะ?”
ท่านแม่หัวเราะคิกคักก่อนจะเริ่มอธิบาย
“มันมีเครื่องหอมดอกเอลเดอร์ที่ใช้สำหรับสร้างบรรยากาศอยู่ภายในห้องนะจ่ะ อันที่พ่อของลูกใช้ในห้องของเขาในตอนนั้นนั่นแหล่ะจ๊ะ”
หืมมมม มันมีกลิ่นไม้อยู่ในห้องจริงๆด้วย เหมือนกลิ่นของมัสกัตเลย ต้องเป็นนั่นแน่ๆเลย
“มันไม่ใช่เครื่องหอมที่เขาใช้ประจำหน่ะ ดังนั้นแม่ก็เลยรู้ในทันทีว่ามันมีความหมายอะไรบางอย่าง ตอนแรกแม่ก็มองโลกในแง่ร้ายเพราะดอกเอลเดอร์บางครั้งจะถูกใช้ในงานแต่งงาน… แต่หลังจากที่แม่เข้าใจสถานการณ์ แม่ก็เข้าถึงเจตนาที่แท้จริงของมันในทันที แล้วก็อีกอย่าง พระจันทร์เสี้ยวก็คือคำเรียกของระยะการขยายพลังเวทย์โดยเอาไปเทียบกับดวงจันทร์นะจ๊ะ”
เข้าใจแล้ว ถ้ามันคือผลของเวทมนตร์จากดอกเอลเดอร์แล้วละก็ ชั้นจำได้ว่าเคยอ่านเจออยู่ในหนังสือลึกลับเมื่อชาติก่อนนะ ชั้นสงสัยจังว่ามันจะเหมือนกับในโลกนี้หรือปล่าว?
“งั้นด้วยการร้องขอถึงทั้งสองสิ่งนี้ ท่านแม่กำลังเรียกหาเวทย์ป้องกันและหวังที่จะขยายพลังของตัวเองอยู่ใช่ไหมละคะ?”
ท่านแม่กระพริบตาด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะกล่าวชมชั้น
“ใช่แล้วละจ๊ะ อลิซเชี่ยวชาญในเรื่องแบบนี้สินะจ้ะ”
ชั้นคิดว่าบางทีทั้งสองโลกอาจจะเกี่ยวข้องกันด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งก็เป็นได้!
ท่านแม่หัวเราะคิกคักก่อนจะพูดต่อว่า
“ตั้งแต่โบราณกาลแล้ว ดอกเอลเดอร์จะถูกแขวนเอาไว้ที่ประตูและเพิงบ้านเพื่อขับไล่โจรผู้ร้ายจ๊ะ ตัวลำต้นจะถูกใช้เป็นวัตถุดิบในการร่ายเวทมนตร์อีกด้วย… พวกเราเองก็ใช้มันในการจัดการกับอะไรที่เหมือนกับโจรในคืนนั้นด้วย ดังนั้นมันเป็นตัวเลือกที่เหมาะมากเลยละจ๊ะ”
เข้าใจแล้ว! ชั้นฟังอย่างตั้งใจพร้อมกับคิดว่าแย่จังที่ตัวชั้นตอนนี้ไม่มีอะไรเอาไว้จดบันทึกเลย
และในตอนที่ชั้นฟังการอธิบายอยู่นั้น อยู่ๆท่านแม่ก็แสดงสีหน้าเศร้าสร้อยออกมา
“…และเหนือสิ่งอื่นใด มันก็คือต้นไม้ที่ปกป้องหลุมศพของเด็กคนนั้นด้วย ดังนั้นเขาคงอยากจะใช้มันเพราะแบบนี้แน่ๆ”
“…พี่สาว…”
ชั้นพยักหน้าเห็นด้วย
พี่สาวนั้นชั้นหมายถึง “อลิซ” ที่ได้จากไปหลังจากเกิดมาได้ไม่นาน
ครอบครัวของชั้นเห็นด้วยกับชั้นและตัดสินใจที่จะเรียกเธอแบบนี้
สำหรับชั้น เธอควรจะต้องถูกเรียกว่า “อลิซคนก่อน” อยู่หรอก แต่ว่าด้วยความที่ท่านพ่อกับท่านแม่ของชั้นในโลกใบนี้ได้อุ้มตัวเธอก่อนตัวชั้น ดังนั้นชั้นจึงรู้สึกว่าเธอเป็นพี่สาวของชั้น
เหนือสิ่งอื่นใด ชั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเอ็นดูเธอตั้งแต่เหตุการณ์ตอนที่ไปเยี่ยมหลุมศพ — ที่ตัวชั้นยังคงไม่แน่ใจอยู่ ชั้นอยากจะเชื่อว่าเธอยอมรับตัวตนของชั้นในฐานะครอบครัวแล้ว ถึงแม้ตัวชั้นจะเป็นคนที่ขโมยสถานที่ที่ควรจะเป็นของเธอไปก็ตาม
หลังจากที่คุยกันเสร็จ ชั้นก็ได้ยืนขึ้นในขณะที่ท่านแม่ยังคงเป็นห่วงตัวชั้นเพราะเธอพึ่งจะพูดถึงเรื่องที่แสนจะเจ็บปวดออกมา
ชั้นวางหัวของชั้นลงบนตักของท่านแม่ที่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ก่อนจะคตตัวลงเหมือนกับแมว
มันเป็นการแสดงออกว่าตัวชั้นไม่เป็นไรเพราะตัวชั้นยังออดอ้อนเธอได้อยู่แบบนี้ และชั้นหวังที่จะปัดเป่าความโศกเศร้าของท่านแม่อีกด้วย
ท่านแม่ลูบหัวของชั้นอย่างอ่อนโยน
ระหว่างที่ชั้นกำลังดื่มด่ำกับปฏิสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกอยู่นั้น อยู่ๆชั้นก็รู้สึกตัวว่ารอบๆมันเงียบลงไปแล้ว
หืมม? ชั้นเงยหน้ามองไปทางท่านพ่อกับท่านพี่วิล… แล้วก็ต้องเสียใจที่ทำแบบนั้น
ใช่ มีชายหน้าตาดีเสียของสองคนกำลังจ้องมองชั้นด้วยสายตาที่เบิกกว้างและหวานเยิ้ม แถมพวกเขายังทำสีหน้าโคตรเด๋อด๋าออกมาจนทำลายความหล่อเหลาของตัวเองอีกด้วย
ชั้นทำเป็นไม่เห็นพวกเขาก่อนจะวางหัวลงบนตักของท่านแม่อีกครั้ง พวกเขาทั้งคู่หน่ะเป็นคนที่หน้าตาดีมาก ทว่าในตอนที่พวกเขาทำสีหน้าแบบนั้นออกมา บอกได้คำเดียวเลยว่าเสียของชะมัด
ชั้นคิดว่าท่านแม่คงไม่ได้สังเกตเห็นมันหรือบางทีเธออาจจะชินแล้วก็ได้ เพราะตัวเธอกำลังผ่อนคลายแล้วไม่ได้สนใจมันเลย จากนั้น เธอก็นำดอกกุหลาบดอกหนึ่งจากบนโต๊ะมาวางเอาไว้บนผมของชั้น
“แม่ว่าแล้วว่าดอกกุหลาบจะต้องเข้ากันกับอลิซจริงๆด้วย”
ชั้นมองขึ้นไปที่ท่านแม่ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“จริงหรอคะ?”
ชั้นมองไม่เห็นตัวเอง ดังนั้นชั้นก็เลยเอียงคอเพื่อโชว์มันให้พวกเขาดู ท่านแม่พูดออกมาว่ามันเข้ากันกับชั้น และตรงหางตาของชั้นก็เหลือบไปเห็นท่านพ่อกับท่านพี่วิลกำลังพยักหน้าเห็นด้วยอย่างจริงจังราวกับว่าหัวของพวกเขาจะหลุดออกมาเลย
อืม สีบนตัวของชั้นล้วนเป็นสีโทนสว่างดเช่นสีขาว,สีเงิน,สีทอง บางทีสีแดงของกุหลาบอาจจะเข้ากันกับชั้นด้วยก็ได้
เมื่อคิดแบบนั้น อยู่ๆชั้นก็มองไปยังกุหลาบที่อยู่ในสวน ตอนนี้มันเป็นช่วงฤดูกาลของกุหลาบฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นพวกมันเลยบานกันอย่างเต็มที่
“ท่านแม่คะ กุหลาบในสวนงดงามมากเลยละคะ”
“ใช่แล้วละจ๊ะ พวกมันเป็นดอกไม้ที่แม่เองโปรดปรานเหมือนกัน”
ท่านแม่พูดออกมาอย่างมีความสุข
“มันมีสถานที่ที่เรียกว่าสวนจักรวรรดิอยู่ด้วยหน่ะจ๊ะ เป็นที่ที่กุหลาบสวยงานมาก จนแม่ต้องบอกคนสวนให้ลอกแบบมาจากที่นั่นเลยละจ๊ะ”
“สวนจักรวรรดิหรอคะ?”
เมื่อชั้นถามคำถามถึงคำที่ไม่รู้จักออกไป ท่านแม่ก็ได้อธิบายให้กับชั้นอย่างใจเย็น
“อลิซเองก็เคยไปมาเหมือนกันตอนที่ลูกยังเล็กกว่านี้ ดังนั้นลูกอาจจะจำไม่ได้ ตัวคฤหาสน์หลังนี้ตั้งอยู่ใกล้กับศุนย์กลางของจักรวรรดิ ส่วนสวนนั้นจะตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกจากที่นี่ไปอีกนิดนึงจ๊ะ มันเป็นสวนที่กว้างมากแถมยังเปิดให้ผู้คนเข้าไปเยี่ยมชมได้อีกด้วยนะจ้ะ”
ในญี่ปุ่นมันก็น่าจะเหมือนกับเขตอนุรักษ์ธรรมชาติหรือไม่ก็อุทยานแห่งชาตินะ
ไม่มีทางที่ชั้นจะไม่สนใจธรรมชาติของโลกแฟนตาซีแบบนี้อยู่แล้ว!
“โอ้ว้าว! หนูไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะดีถึงขนาดที่ท่านแม่ต้องการเลียนแบบมันเลยละคะ หนูอยากจะไปเห็นมันจังเลย!”
ชั้นพูดแบบนั้นพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายระยิบระยับ พยายามทำตัวให้ดูคาดหวังให้มากที่สุด ท่านพ่อที่ดูราวกับว่ามีความคิดดีๆอยู่ในหัวของเขาก็แนะนำออกมาอย่างง่ายๆ
“งั้นพวกเราหาเวลาไปกันไหม?”
“ว่าไงนะคะ?! พูดจริงหรอคะ?!”
เมื่อชั้นหันไปหาเขาอย่างกระแทกกระทั้นพร้อมกับถามเพื่อความแน่ใจ ท่านพ่อก็ดูจะคงสภาพหน้าจริงจังเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไป จากนั้นเขาก็พูดออกมาพร้อมกับยิ้มอย่างเบิกบานบนใบหน้าว่า
“ทันทีที่อลิซร่างกายแข็งแรงคงที่แล้ว พวกเราเองก็กำลังปรึกษากันว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันซักที่เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้กับลูกอยู่แล้ว สวนจักรวรรดิเองก็อยู่ไม่ไกลมาก ดังนั้นมันก็น่าจะไม่เป็นอะไรหรอก”
“จริงด้วยสิจ๊ะ มันใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงโดยรถม้าเอง ดังนั้นมันก็น่าจะดีนะ” ท่านแม่พูดขึ้น
“แล้วเจ้าละ? เจ้าอยากจะไปเล่นด้วยกันกับอลิซไหม?” ท่านพ่อถามกับท่านพี่วิล
“แน่นอนครับ! ผมไปแน่นอน!”
ด้วยแผนของท่านพ่อ,ท่านแม่,และก็ท่านพี่วิล ชั้นก็จะได้ไปยังสวนแฟนตาซีกับพวกเขาด้วย! ในที่สุดชั้นก็จะได้ไปเห็นโลกภายนอกแล้ว! ชั้นเริ่มรู้สึกไฟลุกโชนไปด้วยความตื่นเต้นในขณะที่คิดแบบนั้น
ชั้นไม่ได้เห็นอะไรมากในตอนที่ชั้นไปเยือนปราสาทตระกูลเจมี่เป็นครั้งแรกเพราะชั้นป่วยติดเตียงบนรถม้า จากนั้นชั้นก็ต้องกลับมาทันทีที่ชั้นไปถึง นี้จึงเป็นครั้งแรกที่ชั้นจะได้ออกไปข้างนอก!
มันจะมีสิ่งมีชีวิตเวทมนตร์อะไรแบบนั้นอยู่ข้างนอกหรือปล่าวนะ? จะมีสมุนไพรลึกลับหรือปล่าว? ผู้คนข้างนอกนั่นจะเป็นยังไงกันนะ? อุฟุฟุฟุ
“ดวงตาของลูกมีประกายระยิบระยับอยู่ด้วย… ลูกสาวของพ่อน่ารักจริงๆเลย!!”
ท่านพ่อพูดขึ้นในขณะที่เห็นชั้นกำลังจินตนาการถึงสิ่งต่างๆอย่างแรงกล้าอยู่
ขณะที่ชั้นมองไปที่ใบหน้าเอ็นดูของท่านพ่อ ชั้นก็อดคิดไม่ได้ว่า คำว่าเปล่งประกายอาจจะดูเหมาะสมในการบรรยายภาพมากกว่าคำว่าระยิบระยับนะ
MANGA DISCUSSION