บทที่ 1 ตอนที่ 6 พันธมิตร
อย่างแรกเลย ชั้นได้บอกความจริงกับท่านพ่อโดยที่ไม่มีการปิดบังใดๆเลย
เรื่องที่ถูกล่อลวง เรื่องที่แอบเข้าไปในห้องสมุด เรื่องเอกสารฉบับนั้น และรวมถึงเรื่องที่ถูกบังคับเกี่ยวก้อยสัญญา
ยิ่งไปกว่านั้น ชั้นได้บอกเขาถึงแผนการของรูจเท่าที่ชั้นจะจำได้ แผนที่จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่โดยการยุยงแต่ละฝั่ง ชั้นบอกเขาไปทั้งหมดที่จำได้เลย
“หนูจะอธิบายทุกอย่างให้ฟังเอง ดังนั้นรบกวนฟังให้จบ และพยายามตามให้ทันด้วยนะคะ”
ชั้นบอกให้เขาทำอย่างนั้น ทว่า ตั้งแต่กลางเรื่องจนถึงจบเรื่อง ท่านพ่อก็เอาแต่นิ่งเงียบแล้วนั่งด้วยท่าท้าวศอกและกุมมือที่ข้างหน้าริมฝีปาก
ยิ่งไปกว่านั้น อุณหภูมิของห้องก็ลดลงเรื่อยๆราวกับว่ามีเวทมนตร์บางอย่างที่ตอบสนองต่ออารมณ์ของท่านพ่อเลย
มีบรรยากาศหนาวเย็นยะเยือกก่อตัวที่บริเวณท้าวของท่านพ่อ — นี่มันจะไม่เป็นไรใช่ไหมเนี้ย? มันไม่ใช่การระเบิดของพลังเวทย์อะไรแบบนั้นใช่ไหม…?
เรื่องที่อยู่ๆชั้นก็หายดีนั้น ชั้นได้อ้างว่าตัวชั้นได้ยินเสียงในความฝัน ชั้นบอกเขาไม่ได้หรอกว่ามันเป็นเพราะชั้นมีความทรงจำจากชาติก่อน โดยเฉพาะในตอนนี้ที่สติของชั้นพึ่งค่อยๆพื้นตัวดีขึ้นแบบนี้…
“หนูนั้นหมดทั้งเรี่ยวแรงและกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่อ และก็รู้ตัวด้วยว่าหนูกำลังจะตายค่ะ หนูคิดว่ามันคงจะดีถ้าหนูไม่สามารถสร้างปัญหาให้ใครได้อีก จากนั้น หนูก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งในฝัน มันบอกว่าในตอนนี้หนูนั้นยังไม่ถึงเวลาจากโลกนี้ไปค่ะ”
มันดูเป็นข้ออ้างที่อ่อนแอ แต่ด้วยการที่ท่านพ่อร้องไห้สะอื้นออกมาในท่านั่งเดิมนั้น บางทีเขาคงจะเชื่อละนะ
ก็แบบว่าจากความรู้ของอลิซ เวทมนตร์กับสปิริตมันมีตัวตนอยู่จริงภายในโลกนี้นี่นา ดังนั้น มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะอ้างว่าได้ยินเสียงของพระเจ้าหรือสปิริต แม้กระทั่งอ้างว่าได้ยินเสียงจากบรรพบุรุษก็ยังได้เลย
ชั้นละอยากจะเรียนรู้ของแฟนตาซีพวกนั้นอย่างถี่ถ้วนจริงๆ แต่ต้องหลังจากจัดการกับยัยปิศาจนั่นได้ซะก่อนละนะ
ตอนนี้ ท่านพ่อที่อยุ่ในท่าเดิมมาเป็นเวลานานก็ได้เงยหน้าขึ้น
บรรยากาศหนักขึ้นราวกับว่ามีเข็มทิ่มแทง
ดวงตาของเขาเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา ทว่าสีหน้าของเขานั้นแสดงออกถึงการเป็นหัวหน้าของตระกูลอาเชอร์เลช
“นี่ลูกเชื่อในสิ่งที่เมดนั่นพูดรึปล่าว?”
จากที่ได้มองหน้าของท่านพ่อ ชั้นก็รู้ได้เลยว่าเขานั้นได้เตรียมพร้อมสำหรับกรณีที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว ดังนั้น ชั้นจึงมั่นใจว่ามันคงเป็นเรื่องนั้นแน่ๆ
ถ้าเป็นยังงั้น ชั้นก็จะพูดในสิ่งที่ชั้นรู้สึกจริงๆออกไป
“หนูรักทั้งท่านพ่อกับท่านแม่ และหนูก็เชื่อว่าพวกท่านรักหนู ดังนั้น หนูจึงไม่สนใจความจริงที่รูจพูดเอาไว้หรอกค่ะ… ในสักทางละนะคะ”
ท่อนสุดท้ายนั้นโกหก
ส่วนหนึ่งในจิตใจของชั้นที่ได้ใช้ชีวิตเป็นอลิซมานั้นกำลังร่ำไห้ อีกส่วนหนึ่งในหัวใจที่ยังคงอ่อนแอและยังคงไม่พัฒนานั้นได้ร้องไห้ออกมา
เพราะแบบนั้น น้ำตาของชั้นก็ได้ไหลออกมาจากดวงตาเร็วมาก ทั้งๆที่ตัวชั้นเองก็ยังคงใจเย็นอยู่
ทันใดนั้น ในตอนที่ชั้นเริ่มรู้สึกถึงความสิ้นหวัง ท่านพ่อก็ได้กอดชั้นแน่นๆในอ้อมกอดของเขา
เขาขึ้นมาบนเตียงแล้วมอบโอบกอดที่หนักแน่นให้กับชั้น
“อลิซ ในฐานะที่พ่อเป็นพ่อของลูก พ่อรักลูกมากๆ แม้จุดเริ่มต้นมันจะแตกต่างจากครอบครัวอื่นๆก็ตาม แต่นั่นก็คือความจริงอยู่ดี”
ท่านพ่อพูดกับชั้นอย่างช้าๆและหนักแน่นในทุกคำพูด
ชั้นตอบสนองโดยการสวมกอดเขากลับไปอย่างอ่อนโยน
***
พวกเรากอดกันเป็นเวลานาน นานจนรับรู้ได้ถึงความรักระหว่างพ่อกับลูก ทว่า เสียงเคาะประตูก็ได้นำสติของพวกเราทั้งคู่กลับมา
ท่านพ่อปล่อยชั้นอย่างเสียดายก่อนจะกลับไปนั่งเก้าอี้ที่อยู่ข้างเตียงเหมือนเดิม
บรรยากาศเย็นยะเยือกก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้วในตอนที่พวกเราได้สวมกอดกัน
เมื่อท่านพ่อลูบหัวของชั้นในตอนที่พวกเราแยกกัน มันได้นำความสุขมากมายมาให้กับชั้น
“ออฟรานซ์งั้นรึ?”
ได้ยินเสียง ‘ขอรับ’ ตอบกลับมา และออฟรานซ์ซังที่ได้คำรับอนุญาติก็ได้เข้ามาในห้อง
“เจ้าได้กันคนออกไปและทำให้พวกเขาเงียบเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
“ขอรับ เรียบร้อยแล้วขอรับ กระผมได้ขอให้พวกเขาไม่ส่งใครมาในบริเวณนี้แล้วขอรับ แล้วท่านอยากจะให้กระผมทำสิ่งใดต่อไปหรือขอรับ?”
ชั้นพยักหน้าให้กับท่านพ่อเมื่อเขาส่งสายตามาถามชั้นถึงเรื่องที่ชั้นอยากจะทำต่อไป ชั้นได้พยักหน้าตกลงให้กับเขา
“ใช่…แล้ว ออฟรานซ์ เจ้ารู้เรื่องสถานที่เกิดที่แท้จริงของเด็กคนนี้ด้วยสินะ ถ้ายังงั้นนายก็สามารถเข้าร่วมการสนทนาครั้งนี้ได้”
โอ๊ะ งั้นออฟรานซ์ซังก็รู้ต้นกำเนิดของชั้นด้วยหรอเนี้ย
ขณะที่ชั้นกระพริบตาปริบๆด้วยความแปลกใจ ออฟรานซ์ซังก็ได้ตื่นตระหนกออกมา
“นะ-นายท่านขอรับ!! ทำไมท่านถึงมาพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคุณหนูกันละขอรับ…?!”
“อลิซหน่ะได้รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเธอเองตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนแล้ว นั่นแหล่ะเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงขอให้กันคนออกไปยังไงละ”
“!! แต่ว่าได้ยังไงกัน… เรื่องแบบนี้… ใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้…!”
ออฟรานซ์ซังพูดติดๆขัดๆออกมาแล้วเอาเมือกุมหัวของเขา เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน เขาสับสนมากจนเริ่มตัวสั่นไปหมด ก็คงแบบนั้นละนะ ชั้นคิดว่าสำหรับเด็ก 5 ขวบ… จริงๆแล้วตอนนั้นชั้นอายุ 3 ขวบนี้นา เอาเถอะ การเปิดเผยเรื่องแบบนี้ให้กับเด็กอายุเท่านี้นั้นก็โหดร้ายเกินไปจริงๆละนะ
อย่างไรก็ตาม ชั้นก็ได้อธิบายเรื่องทั้งหมดให้กับออฟรานซ์ซัง
ตามปกติ ออฟรานซ์ซังจะเป็นคนสุขุมและใจเย็น เขาทำงานได้อย่างสง่างามและรวดเร็ว ทว่า ขณะที่กำลังเล่าเรื่องราวอยู่นั้น เขาก็กำลังวุ่นวายอยู่กับทั้งการร้องไห้,โกรธ,และโศกเศร้าออกมา
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อออฟรานซ์ซังโกรธ อุณหภูมิของห้องก็สูงขึ้นและบริเวณด้านหลังของเขาก็เบลอๆราวกับภาพลวงตา ทว่าเมื่อท่านพ่อรับรู้ได้ถึงมัน เขาก็พึมพำบางอย่างก่อนจะโบกนิ้วของเขาออกไป ลมเย็นๆก็ได้พัดเข้ามาพร้อมกันนั้นอุณหภูมิของห้องก็ได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
อะฮ่าห์! ความแฟนตาซีละ~! ชั้นอดทนรอที่จะได้จดจ่อกับสิ่งแฟนตาซีเหล่านี้ไม่ไหวแล้ว แต่ทว่าตอนนี้ชั้นต้องสนใจเรื่องที่อยู่ตรงหน้าก่อน!
ขณะที่ชั้นกำลังคิดอะไรในหัวของตัวเองอยู่นั้น ออฟรานซ์ซังก็ได้ทำท่าทางท้าวศอกและกุมมือที่ข้างหน้าริมฝีปากแบบเดียวกับท่านพ่อเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว ชั้นหัวเราะออกมาข้างในเล็กน้อยโดยที่ไม่ให้ใครได้ยิน
ขณะที่ชั้นยังคงอธิบายเรื่องราวให้กับออฟรานซ์ซังฟังนั้น ชั้นก็ได้เหลือบมองไปที่ท่านพ่อและก็สะดุ้ง ชั้นทำอะไรไม่ได้นอกจากหันหน้าหนี เมื่อได้เห็นเขาแสดงสีหน้าดิบเถื่อนกระหายเลือดออกมา ก่อนหน้านี้เขาก็อาจจะได้ทำสีหน้าแบบนี้ออกมาแล้วก็ได้ ทว่าชั้นก็บอกอะไรไม่ได้เนื่องจากตอนนั้นหน้าของเขาแทบทั้งหมดถูกซ่อนไว้ด้านหลังท่ากุมมือนั่น
ในตอนที่ถึงท่อนที่ชั้นนั้นถูกข่มขู่ ใบหน้าของเขาก็ดูเย็นชาขึ้นและจ้องมองไปยังความว่างเปล่าด้วยรอยยิ้มอันสง่างามราวกับว่าเขามาถึงขีดสุดแล้ว รูปลักษณ์ของเขาในตอนนี้บ่งบอกได้เลยว่าเขาจะต้องฆ่ารูจให้ได้อย่างแน่นอน ความตั้งใจของเขานั้นแข็งแกร่งเหมือนกับจอมมารมาเองเลยทีเดียว
ตลอดเวลามานี้ ชั้นเห็นเพียงแค่เขาที่พยายามอดทนอดกลั้นเอาไว้ ทว่าตอนนี้ จิตวิญญาณของเขาได้ลุกโชนและดูเขาจะสดชื่นมากๆเลย ในตอนนั้นเองที่ชั้นสาบานกับตนเองเลยว่าจะไม่ทำให้เขาโกรธเด็ดขาด… น่ากลัวชะมัด!
เมื่อชั้นได้เล่าเรื่องจบ ออฟรานซ์ซังก็ได้ยืนขึ้น ก่อนจะโค้งตัวให้กับชั้น เป็นการโค้ง 90 องศาที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
“คุณหนู กระผมต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งจากการกระทำของคนงานของกระผมจนถึงบัดนี้ขอรับ หนึ่งในคนงานภายใต้สังกัดของกระผมได้ทำบางสิ่งที่สมควรได้รับโทษตาย และกระผมเองก็ได้พลาดที่จะสังเกตถึงความเจ็บปวดของคุณหนูขอรับ รวมถึงการที่คุณหนูที่ติดอยู่ในความเจ็บมาอย่างยาวนานนั้น กระผมไม่อาจช่วยอะไรได้เลย กระผมขอกล่าวอีกครั้งนะขอรับ กระผมต้องขออภัยคุณหนูอย่างสุดซึ้งจริงๆขอรับ”
จากนั้นเขาก็หันไปทางท่านพ่อ ออฟรานซ์ซังก็ได้พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่น
“นายท่านขอรับ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆในฐานะพ่อบ้านเรื่องที่กระผมไม่อาจควบคุมผู้คนในคฤหาสน์ได้อย่างสมบูรณ์ขอรับ กระผมขอน้อมรับบทลงโทษอย่างสาสมภายหลังจากที่จบเรื่องราวครั้งนี้ขอรับ กระผมทำให้ท่านผิดหวังในฐานะพ่อบ้านขอรับ”
“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะลงโทษเจ้า”
“!!”
ชั้นจ้องมองกลับไปที่ท่านพ่อด้วยสายตาจริงจัง ท่านพ่อที่กำลังจ้องมองไปที่ออฟรานซ์ซังด้วยดวงตาที่ไม่แสดงถึงอารมณ์ใดๆเลย
“รับทราบขอรับ ถ้าเรื่องนี้จบลง กระผมจะสละตำแหน่งของตัวเองขอรับ และถ้าท่านจะโยนกระผมออกไปราวกับคนหลอกลวงละก็…”
ออฟรานซ์ซังก้มหัวของเขาลงอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ
“อา ใช่ เท่าที่ข้าเห็น เรื่องนี้คงยังไม่จบบริบูรณ์ง่ายๆไปอีก 70 ปีเลย ดังนั้นจนกว่าจะถึงตอนนั้น ข้าก็ยังคงตกอยู่ในความดูแลของเจ้าละนะ”
“!!”
ออฟรานซ์ซังเงยหน้าขึ้นทันที
ท่านพ่อมองหน้าของเขาก่อนจะพูดออกมาว่า ‘ให้ตายสิ’ และหลังจากนั้นเขาก็บ่นพึมพำออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“ไม่มีพ่อบ้านคนไหนเหมาะสมกับตระกูลอาเชอร์เลชไปมากกว่าเจ้าแล้ว เพราะอย่างนั้น เจ้าไม่อาจสละตำแหน่งได้ ดังนั้น ด้วยความสามารถทั้งหมดที่ข้ามี ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเกรียณตัวเองจนกว่าเจ้าจะแต่งงานอย่างมีความสุขและเลี้ยงดูทายาทพ่อบ้านที่แข็งแกร่งออกมาเด็ดขาด”
“ซิกมุนด์ซามะ…”
ออฟรานซ์ซังนั้นสั่นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก มีหยดน้ำตาล่วงลงมาขณะที่เขาก้มหัวลง
“แทนที่ข้าจะบังคับปลดเจ้าออก ข้าเองต่างหากที่ควรจะลงจากตำแหน่งหัวหน้าตระกูล รวมถึงในฐานะสามีและในฐานะพ่อคนด้วย ตัวข้าไม่แม้แต่จะทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูกสาวของข้า หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ภรรยาของข้านั้นป่วยมากขึ้นอีกด้วยเช่นกัน”
“แบบนั้นหนูไม่เอานะ!”
ชั้นตะโกนออกไปในทันที
“ท่านพ่ออดทนมาตั้งหลายปี และยังคงรักหนูกับท่านแม่เสมอมา! หนูชอบที่ท่านพ่อเป็นท่านพ่อของหนูนะ!”
ทั้งหมดนั้นคือความจริง ความรักและความอดทนของท่านพ่อนั้นเป็นของจริง โดยเฉพาะตัวชั้นที่เคยผ่านการอาศัยในญี่ปุ่นที่การหย่าร้างนั้นถือเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
“และหนูเองก็ได้เห็นมาแล้วว่าออฟรานซ์ซังนั้นคอยช่วยเหลือท่านพ่อกับท่านแม่มากแค่ไหน เป็นเพราะออฟรานซ์ซังหนูเลยมาถึงจุดนี้ได้! หนูเองก็ชอบออฟรานซ์ซังที่เป็นพ่อบ้านของหนูเหมือนกัน!”
ชั้นเป็นคนที่ตะโกนความในใจพวกนั้นออกมา ทว่า คนที่ได้รับผลมากที่สุดคงเป็นท่านพ่อกับออฟรานซ์ซัง พวกเขากลืนความรู้สึกของพวกเขาเองแล้วถูกบังคับให้มองมาที่ชั้น
บทสนทนามันไปได้ไม่ถึงไหน ดังนั้น ชั้นจึงตัดบทแล้วประกาศมันออกมา
“เอาเถอะค่ะ ยังไงก็ตาม… หนูก็รักทั้งท่านพ่อและออฟรานซ์ซัง หนูเสียใจที่หนูไม่ยืนหยัดให้ได้เร็วกว่านี้ แต่ หนูไม่ได้เกลียดครอบครัวของหนูหรอกนะคะ ดังนั้น เรามาร่วมมือกันจัดการกับคนไม่ดีกันเถอะค่ะ!”
ไปฆ่ารูจกันเถอะ! ทำลายเธอเลย!… นั่นเป็นสิ่งที่ชั้นไม่อาจพูดออกไปได้ ดังนั้นชั้นจึงลดระดับลงมาเล็กน้อย ถึงแบบนั้น บรรยากาศรอบๆตัวของท่านพ่อกับออฟรานซ์ซังก็ได้เปลี่ยนไป
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระผมเองขอรับ คุณหนู ครั้งนี้ในฐานะพ่อบ้านของคุณหนู กระผมจะกำจัดบุคคลที่แสนจะน่ารังเกียจออกไปจากคฤหาสน์ของคุณหนูเองขอรับ ถึงแม้จะแลกด้วยชีวิตของกระผมก็ตาม”
ขณะที่ออฟรานซ์ซังประกาศกร้าวออกมาแบบนั้น อุณหภูมิรอบๆตัวเขาก็ได้สูงขึ้นตามอารมณ์ตื่นเต้นของเขา เหมือนกับตอนก่อนหน้านี้ เรือนผมสีแดงเข้มของเขานั้นปลิวไสวไปมาอย่างนิ่มนวล
ดวงตาสีน้ำตาลแดงของเขาลุกโชนไปด้วยไฟแห่งปณิธานอันแรงกล้า
ท่านพ่อก็พูดขึ้นต่อจากออร์ฟรานซ์ซังด้วยออร่าที่ไม่ย่อท้อ
“ในฐานะ ซิกมุนด์ สเตฟาน อาเชอร์เลช หัวหน้าตระกูลอาเชอร์เลช พ่อขอสัญญาว่าในครั้งนี้ พ่อจะไม่ทำผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง พ่อขอสัญญาต่อลูกถึงฉากจบที่ลูกปราถนา เพื่อลูกสุดที่รักของพ่อ”
ทางนี้เองก็เหมือนกัน อุณหภูมิรอบๆเปลี่ยนไปตามอารมณ์ความรู้สึก และผมของเขาที่เป็นสีฟ้าอ่อนราวกับน้ำแข็งนั้นก็ได้ปลิวไสวไปมาภายใต้สายลมเย็นๆที่พัดมาจากไหนก็ไม่รู้
ดวงตาสีฟ้าของเขานั้นสวยงามและสว่างไสวจนไม่อาจหยั่งรู้ได้
และเพราะแบบนั้น ชั้นเลยได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุดมา นั่นก็คือท่านพ่อและก็พ่อบ้านของพวกเรานั่นเอง
MANGA DISCUSSION