บทที่ 1 ตอนที่ 3 แสงที่ย้อนกลับจากดวงตะวันยามเย็น
บุคคล 2 คนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ครอบครัวของชั้นไม่มีความสุข…
เอาตรงๆนะ ชั้นเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
หลังจากที่ชั้นอายุได้ 3 ขวบ ท่านแม่ของชั้นก็เป็นห่วงชั้นจนเอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน ซึ่งมันก็ส่งผลต่อสถานะทางสังคมและสุขภาพของเธอ มันได้กลายเป็นข่าวลือต่างๆนาๆของคนอื่นไป เมื่อกลายเป็นแบบนั้นเธอก็ยิ่งเก็บตัวหนักขึ้นไปอีก
สุขภาพของเธอยิ่งแย่ลงและป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ จากผลของความสัมพันธ์กับพ่อ
คนที่เป็นต้นเหตุอีกคนนึงก็คือเมดที่ทำงานอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้
เธอเป็นคนร้ายหลักๆที่ทำให้ความสัมพันธ์ของครอบครัวชั้นต้องแย่ลง เอาพูดเรื่องไร้สาระกับชั้นแถมยังกีดกันความเห็นของชั้นด้วย
เรื่องทุกอย่างมันเริ่มขึ้นในในวันนั้นที่ชั้นมีอายุได้ 3 ขวบ เมดคนนั้นก็ได้กระซิบอะไรบางอย่างกับชั้น
***
วันนั้น ชั้นกำลังอ่านหนังสือธรรมดาๆเพื่อฝึกการออกเสียงภาษาของโลกนี้ มันคล้ายกับภาษาอังกฤษเลย
สถานที่คือเรือนกระจกขนาดใหญ๋ที่สว่างไสวด้วยแสงอาทิตย์และเย็นสบาย ดังนั้นชั้นเลยไปนั่งเรียนอยู่ที่โต๊ะสีขาวในสวนของเรือนกระจกเพื่อรับความอบอุ่นเบาๆ
ใครจะคิดกันละว่าเด็กสาวอายุ 3 ขวบที่ยังไม่ได้ความทรงจำชาติก่อนกลับมา จะนั่งเรียนหนังสือด้วยท่าทางเป็นผู้ใหญ่แบบนั้น
มันเป็นเพราะว่าชั้นอยากจะอ่านหนังสือนิทานให้ท่านแม่ได้ฟัง นิทานที่เธอมักจะเล่าให้ชั้นฟังอยู่เป็นประจำ
มันรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่เธอเล่าให้ชั้นฟัง และมันก็ทำให้ชั้นดีใจที่ได้มีเวลาครอบครัวกับเธอ
ดังนั้น ชั้นจึงอยากจะทำแบบเดียวกันนี้ให้กับท่านแม่ที่ชั้นรักมากๆ
ชั้นเอาแต่เพ่งสมาธิกับมัน จนเมื่อได้ยินเสียงเรียก เมื่อเงยหน้าขึ้นชั้นก็พบว่า รูจ เมดที่มีผมสีแดงกับดวงตาคมกริบ กำลังนำชามาเสิร์ฟให้กับชั้น
“อลิซซามะ ดิชั้นนำชามาให้ท่านค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ รูจ”
เมื่อชั้นขอบคุณเธอ รูจก็ยิ้มพร้อมกับมองไปที่หนังสือเล่มนั้น
“คุณหนูนี่ฝักใฝ่ที่จะเรียนรู้จริงๆสินะคะ? สมแล้วที่เป็นคุณหนูสุดพิเศษของนายท่านและนายหญิง”
ชั้นแก้มแดงและหัวเราะคิกคักออกมาหลังจากที่ถูกชม
ถึงชั้นมักจะเป็นเด็กเงียบๆและขี้อาย แต่รูจก็คอยดูแลชั้นมาได้สักพักนึง เพราะเธอทำงานที่นี่มาตั้งแต่ชั้นเกิดแล้ว
อีกอย่าง รูจมักจะชมชั้นด้วยคำพูดที่ว่า “เด็กสุดพิเศษของท่านพ่อกับท่านแม่” เหมือนกับที่ทำอยู่ตอนนี้ มันทำให้ชั้นมีความสุขมากเลย
“คุณคิดว่าหนูจะอ่านได้เก่งเหมือนกับท่านแม่ไหมคะ?”
“ค่ะ คุณหนูต้องอ่านมันได้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ เพราะคุณหนูอยากจะอ่านมันให้กับนายหญิงฟังก่อนนอนใช่ไหมละคะ?”
ชั้นพองแก้มออกเพื่อคัดค้านสิ่งที่รูจพูดด้วยรอยยิ้มซุกซน
“แกล้งหนูอีกแล้วนะ! ท่านแม่ต้องดีใจที่ได้เจอกับหนูแน่!”
“อุฟุฟุ ดิชั้นมั่นใจว่านายหญิงต้องดีใจที่ได้เจอกับคุณหนูแน่นอนเลยค่ะ”
ดวงตาของรูจแคบลงและยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนเป็นการเห็นด้วย
อนึ่ง เป็นนิสัยส่วนตัวของรูจที่จะชำเลืองมองมาด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเธอจะมีลักษณะเป็นพระจันทร์เสี้ยวและมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน ชั้นชอบรอยยิ้มนี้มากเลยละ
“คุณหนูก็ใช้หนังสิอเล่มนี้มาสักพักแล้ว ไม่ใช่หรือคะ?… ใช่แล้ว ทำไมเราไม่มาลองบางอย่างที่ยากขึ้นอีกสักนิดกันละคะ?”
ยากขึ้นอีกสักนิดงั้นหรอ? เมื่อเห็นชั้นมีสีหน้างงงวย รูจก็อธิบายว่าเธอเจอกับหนังสือที่น่าสนใจเข้าตอนที่เธอทำความสะอาดห้องสมุดของท่านพ่อ
“ดิชั้นคืดว่านายท่านคงจะเอามันให้กับคุณหนู ตอนที่คุณหนูอ่านหนังสือได้คล่องกว่านี้ ไม่คิดยังงั้นหรือคะ? มีหนังสือภาพหลากหลายเล่มอยู่ที่นั่นเลยค่ะ”
“ว้าว เยี่ยมไปเลย! หนูอ่านมันได้ใช่ไหมคะ?”
เมื่อชั้นตอบกลับไป รูจก็ยิ้มออกมาอย่างซุกซนก่อนจะพูดว่า
“คุณหนู การจัดการกับปัญหาล่วงหน้าจากอายุของคุณหนูนิดหน่อยนั้นเป็นกุญแจสู่การพัฒนาคะ! อีกอย่าง คุณหนูไม่อยากจะเก็บไว้เซอร์ไพรส์นายท่านและนายหญิงโดยการพัฒนาตนเองอย่างลับๆสักหน่อยหรือคะ?”
“โอ้วว… ชั้นชอบที่จะเซอร์ไพรส์พวกท่านมากๆเลย แต่ว่า อืมม…”
รูจรู้สึกได้ว่าชั้นกำลังเห็นด้วยกับแผนของเธอ ดังนั้น เธอจึงลดเสียงของเธอลงแล้วกระซิบที่ข้างหูของชั้น
“ที่ชั้นหนังสือขวาสุดหลังจากที่คุณหนูเข้าไป มันมีชุดสะสมของหนังสือนิทานอยู่ที่ชั้นล่างค่ะ มันเป็นหนังสือนิทานที่มีรูปเจ้าหญิงอยู่บนปกด้วยนะคะ”
เมื่อชั้นได้ยินว่ามีปกเป็นรูปเจ้าหญิง ชั้นก็รู้สึกตื่นเต้นทันที
“เจ้าหญิงงั้นหรอคะ?! ว้าว! นี่ๆ มีแบบพวกสัตว์ด้วยไหมคะ?”
“มันมีค่ะ คุณหนูนี่ชอบเจ้าหญิงกับสัตว์จริงๆเลยสินะคะเนี้ย?”
ชั้นรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ถ้าท่านพ่อจะเอาให้ชั้นอยู่แล้ว งั้นแอบดูก่อนสักนิดก็คงไม่เป็นไรใช่ไหมละ!?
อีกอย่าง ชั้นมั่นใจว่าเขาคงจะต้องตกใจมากๆและชื่มชมชั้น ถ้าชั้นพัฒนาขึ้นกว่านี้
ด้วยความคิดแบบนั้น ชั้นจึงตัดสินใจที่จะแอบเข้าไปในห้องสมุดตอนบ่ายนี้
***
ท่านพ่อมักจะไม่อยู่ในห้องสมุดก่อนทานอาหารเย็น
พ่อบ้านก็ไม่อยู่เช่นกัน เพราะเขาต้องไปจัดเตรียมอาหารเย็น ช่วงเวลาสั้นๆนี้แหล่ะเป็นโอกาศสำคัญ
ด้วยเหตุผลบางอย่างชั้นถึงรู้สึกว่าเขาจะลงโทษชั้นถ้าชั้นเข้าไปแล้วอ่านมันโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้น ชั้นจึงเข้าไปโดยที่ไม่ได้บอกใครเลย ชั้นพบเข้ากับกำแพงชั้นหนังสือสีน้ำตาลที่ทำจากไม้โอ๊ก และตัดสินใจที่จะเริ่มมองหาจากชั้นหนังสือด้านขวาตามที่รูจได้บอกเอาไว้
“อืมม… ด้านขวาสุด… ชั้นล่าง…”
ชั้นชะโงกมองชั้นหนังสือโดยการเขย่งเท้าแล้วก็เห็นว่ามีหนังสือหลากหลายที่มีสีปกสดใสกว่าเล่มอื่นๆ
หลังจากที่มองพวกมันไปเรื่อยๆ ชั้นก็เจอเข้ากับหนังสือที่รูจน่าจะหมายถึง
“ว้าว! สวยจังเลย!”
ชั้นล้มตัวลงบนพื้นพร้อมกับเปิดหนังสือเล่มใหญ่นี้ กลิ่นของกระดาษและน้ำหมึกเติมเต็มความขาดหวังให้กับชั้น
ทว่า เมื่อชั้นลองอ่านมัน ชั้นก็รับรู้ได้เลยว่ามันอ่านยากมาก ชั้นอ่านได้แค่ 1-2 อย่างเอง มันมีคำศัพท์ที่ชั้นไม่รู้จักอยู่มากมายเลย
ชั้นอ่านมันไป 1 หน้า แต่แทบจะอ่านมันไม่ออกเลย
“สงสัยท่านพ่อคงจะคิดว่ามันยากเกินไปสำหรับชั้นละนะ”
เมื่อชั้นกำลังจะเอาหนังสือกลับเข้าชั้นวาง มีกระดาษแผ่นนึงหลุดออกมาจากหนังสือ ตอกย้ำถึงเหตุผลที่เขาไม่ให่หนังสือเล่มนี้กับชั้น
“อะ! ชั้นทำมันขาดหรอ?”
ชั้นหยิบมันขึ้นอย่างรีบร้อน มันเป็นแค่กระดาษที่เต็มไปด้วยข้อมูลแผ่นเดียวเท่านั้น ชั้นรู้สึกโล่งใจที่เห็นว่ามันไม่ใช้กระดาษที่ขาดออกมาจากหนังสือ
อย่างไรก็ตาม ชั้นก็รู้สึกตกใจทันที
“ตรงนี้… มันเขียนว่า…”
ในกระดาษแผ่นนั้นมีคำๆแรกที่ชั้นได้เรียนรู้มันเพื่อจะอ่านและเขียนมันได้ “อลิซ รีเบคก้า อาเชอร์เลช”
“ทำไมถึงได้มีชื่อชั้นอยู่ตรงนี้ละหล่ะ?”
ชั้นอ่านคำถัดไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น มีชื่อของท่านพ่ออยู่ด้วย
“คำนี้หมายถึงอะไรกัน?… อืม…”
คำๆรี้ปรากฏในกระดาษแผ่นนี้บ่อยมาก
“คำนี้คือ… ความลับ… คำนี้ละ?… โอ๊ะ สัญญานี้เอง… และที่เหลือก็คือ…?”
ชั้นทบทวนคำศัพท์ไปเรื่อยๆ
“เด็กที่… ถูกทิ้ง…?”
เสียงระฆังแจ้งเตือนเริ่มดังขึ้นมาในหัว
มือและเท้าของชั้นเย็นยะเยือก มือที่ถือกระดาษอยู่นั้นไม่ได้สั่นเทาใดๆ — มันแข็งค้างอยู่กับที่
ถ้าหาความหมายเพื่ออ่านมันมากไปกว่านี้ละก็ มันจะอันตรายแล้ว
ชั้นรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณ ถ้าชั้นยังปะติดปะต่อคำที่ปรากฏไปเรื่อยๆแบบนี้ละก็ ชั้นจะต้องเพชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ชั้นไม่อยากรับรู้แน่นอน
ทว่า ชั้นอยากจะทำให้มั่นใจว่าตัวเองอ่านผิด มากกว่าการยอมแพ้กลางทาง ดังนั้นชั้นจึงอ่านมันต่อไป
“ความลับ, สัญญา, อลิซ รีเบคก้า อาเชอร์เลช, ทอดทิ้ง, เด็ก, ขาย, ไฮม์นิส… ถึงซิกมุนด์ สเตฟาน อาเชอร์เลช”
ชั้นอ่านข้อมูลพวกนั้นอย่างไม่ปะติดปะต่อกัน ชั้นอ่านข้อมูลในนั้นได้ไม่ถึงครึ่งนึงเลย ทว่าคำพื้นฐานที่อ่านได้ไม่ได้สร้างความมั่นใจใดๆให้กับชั้นเลย ไม่ว่าจะเอามาต่อกันแบบไหน
ชั้นหยิบกระดาษขึ้นมาอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จนเกือบจะตกจากชั้นหนังสือ ทว่าด้วยมือที่สั่นไม่หยุด จึงทำกระดาษหล่นหลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องสมุดด้วยขาที่สั่นเทา
หลังจากนั้นชั้นก็ไปตามหารูจก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเธอเป็นคนที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ในท่ามกลางคฤหาสน์ที่กำลังวุ่นวายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเวลากลางคือที่กำลังจะมาถึง ชั้นเจอรูจได้อย่างง่ายดาย เธอกำลังยืนรออยู่ที่หน้าห้องของชั้นเอง
“อ้า! คุณหนู ได้เจอหนังสือหรือปล่าวคะ?”
ดวงอาทิตย์ยามเย็นได้ส่องผ่านคฤหาสน์หลังนี้ สะท้อนผมสีแดงของรูจให้ดูร้อนแรงขึ้น
“ฮึก อึก… อ่าห์ รู…จ…”
หลังจากที่เห็นชั้นสั่นเทาด้วยใบหน้าที่ขาวซีด รูจก็หยุดเคลื่อนไหวไปสักพัก ก่อนจะพาชั้นเข้าไปในห้องด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว
“โอ๋ โอ๋ เป็นอะไรไปหรือคะ คุณหนู ทำไมถึงได้หน้าซีดแบบนั้น?… ช่างหน้าสงสาร”
…ในตอนนี้ชั้นมีความทรงจำของชาติก่อนแล้ว ชั้นถึงได้รู้สึกตัวว่า การที่เธอพาชั้นเข้าห้องทันทีโดยไม่เรียกใครมาเลยหลังจากที่เห็นชั้นเป็นแบบนั้นมันเป็นเรื่องที่แปลกมากๆ
“หนูเจอ… อะไรแปลกๆ”
“โอ้ อะไรงั้นหรือคะ?”
รูจยิ้มออกมาอย่างเงียบๆตามปกติ
“นี้…”
เพราะว่ารูจเป็นผู้ใหญ่ เธอจึงน่าจะสามารถอ่านมันได้ ชั้นอยากจะให้เธอปฎิเสธความเป็นจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น
ชั้นพยายามเปิดกระดาษแผ่นนั้นเพื่อที่จะยืนให้ด้วยมือที่สั่นเทา ทว่านิ้วมือของชั้นเป็นอัมพาตจากอาการตื่นตกใจจนเปิดมันไม่ออก
รูจจับมือของชั้นแล้วกางนิ้วของชั้นออกทีละนิ้ว
“โอ๊ะ นี้มันกระดาษงานของนายท่านนี่คะ? ถ้าเขารู้ต้องโกรธมากแน่ๆเลยใช่ไหมละคะ? เราจะมีปัญหานะคะถ้ามันเป็นเอกสารสำคัญ”
เธอเปิดมันออกด้วยใบหน้าบูดบึ้งก่อนที่จะอ่านเนื้อหาข้างใน
“ข้อตกลงการซื้อเด็กกำพร้า, ทั้งสองฝ่ายจะต้องเก็บความลับของเอกสารฉบับนี้ อิมฟิโดส ผู้อำนวยการของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งจักรวรรดิไฮม์นิส ยินดีที่จะขายทารกหญิงหนึ่งคนให้กับ ลอร์ด ซิกมุนด์ สเตฟาน อาเชอร์เลช ในราคา 100 เหรียญทอง”
รูจอ่านมันออกมาดังๆ ด้วยรอยยิ้มสงบเสงี่ยม
หลังจากนั้นเธอก็จ้องมองมาที่ชั้นทันที
เมื่อชั้นสบตาเข้ากับดวงตาของรูจ ร่างกายของชั้นก็แข็งค้างไปทันที
และหลังจากนั้น ชั้นก็รู้สึกเย็นวาบ รู้สึกราวกับว่ามันได้ชอนไชเข้าไปในร่างกายของชั้น ชั้นรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะสลบไปเลย
ไม่ เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่เป็นแบบนี้สิ!
“……คุณหนู? ดิชั้นไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรผิดปกติเลยนะคะ?”
เป็นครั้งแรกที่ดวงตาของรูจที่มักจะปิดอยู่เสมอยามที่เธอยิ้มได้เปิดกว้างออกมา
ชั้นได้มองตรงเขาไปในดวงตาคู่นั้นเป็นครั้งแรก
มีความบ้าคลั่งลองลอยอยู่ในส่วนลึกของดวงตาคู่นั้น
ราวกับว่ามันพยายามบอกชั้นว่าเธอชอบที่จะทำร้ายและข่มขู่คนอื่น แถมยังมีอะไรที่เหมือนกับความเกลียดชังอย่างสุดหัวใจลองลอยอยู่ภายในด้วยเหมือนกัน
“อา—!”
ระฆังเตือนดังขึ้นในหัวราวกับว่ามันดังที่แก้วหูของชั้นในความเป็นจริงเลย
ชั้นไม่สามารถรับรู้ความเป็นจริงตรงหน้าชั้นได้เลย ชั้นรู้สึกถึงบางสิ่งที่ แปลกประหลาด,หนาวเย็น,และมืดมิด กำลังกัดกินร่างกายของชั้น
เนื้อหาในเอกสารใบนั้นไม่ได้ใกล้เคียงกับอันตรายที่อยู่ตรงหน้าของชั้นเลย
“อา—… อา—…?”
ชั้นพยายามจะหนี แต่ขยับขาได้ไม่ดีจนล้มลงไปด้านหลัง จากนั้น รูจก็คุกเข่าลงแล้วเข้ามาใกล้ๆชั้น
“คุณหนูเป็นเด็กพิเศษสำหรับนายท่านและนายหญิงจริงๆนะคะ ทั้งโง่เง่าและไม่ได้รับรู้อะไรเลยสินะคะ?”
“ฮาา!…!!”
ชั้นพยายามตะโกนขัดคำพูดของรูจ ทว่าคอของชั้นแน่นไปหมดจนพูดอะไรออกมาไม่ได้ ชั้นพยายามพลักเธอออก แต่ก็ถูกขว้ามือทั้งสองข้างเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว เธอบีบมือของชั้นแน่มากซะจนเกือบเป็นรอยแดง
“ไม่เอาหน่า อลิซซามะ เรามาเลยคำศัพท์มากกว่านี้กันเถอะคะ? คำนี้คือ ‘เด็กกำพร้า’ ส่วนคำนี้ก็คือ ‘ขาย’ เด็กกำพร้าที่ถูกขายก็คือคุณหนูยังไงละคะ อลิซซามะ”
ดวงตาอันดำมืดของรูจเบิกกว้างและแสดงกระดาษแผ่นนั้นให้ชั้นดู
ดวงตาของเธอพร่ามัวและแพรวพราวไปด้วยความตื่นเต้นขณะที่จับจ้องมองมาที่ชั้นด้วยสายตาดูถูก
ชั้นไม่อาจเชื่อได้เลยว่าภายใต้รอยยิ้มที่ชั้นคิดอยู่เสมอว่าชอบมันจะเก็บซ่อนดวงตาอันแสนน่ากลัวแบบนี้ไว้!
นี่เธอมักจะแอบเยาะเย้ยอยู่เงียบๆในใจเวลาที่เธอหัวเราะงั้นหรอ? เธอมักแสดงออกโดยเก็บซ่อนดวงตาที่เกลียดชังคู่นั้นเอาไว้ข้างในงั้นหรอ?
สายสัมพันธ์ที่ชั้นคิดว่ามันทั้งอบอุ่นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำนั้นพังทลายลง
“โอ๊ะ ใช่แล้วละคะ! ทำไมคุณหนูไม่อ่านมันให้กับนายหญิงในคืนนี้ละคะ? ถ้าคุณหนูอ่านอะไรยากๆแบบนี้ได้ ดิชั้นมั่นใจเลยละค่ะว่าเธอจะต้องภูมิใจในตัวคุณหนูแน่นอนเลยคะ!”
รูจพูดออกมาอย่างสดใสพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนเช่นเดียวกับที่เธอทำเมื่อตอนกลางวัน
ชั่นตัวสั่นเทา ไม่สามารถกรีดร้องอะไรออกมาได้อีก
“นายหญิงนะไม่ทราบอะไรเลย ท่านไม่รู้ว่าลูกของเธอตายไปตั้งแต่คลอดออกมาแล้วนะค่ะ หรือแม้แต่เรื่องที่คุณหนูถูกเก็บมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในคืนนั้นและคุณหนูก็เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าที่มีสีผมเหมือนกันเท่านั้น ท่านก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ช่างน่าสงสารที่คุณหนูเองก็ไม่ทราบเหมือนกันใช่ไหมละคะ? คุณหนูอยากจะสอนเรื่องนี้แก่นายหญิงไหมละคะ?”
รูจพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงอิ่มเอมใจ
“ไม่มีลูกที่เกิดมาระหว่างนายท่านที่รักกับนังนั่น ไม่มีความรักเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา!… นายท่าน อาาา… นายท่านควรจะทิ้งนังนั่นซะเดี่ยวนี้เลย… ดิชั้นต่างหากที่จะทำให้ท่านมีความสุข ฮ่าๆๆๆๆ!”
รูจมองไปยังความว่างเปล่าขณะที่พร่ำเพ้อถึงนายท่านสุดที่รักของเธอ จากนั้นเธอก็หันกลับมาและจับตัวชั้นอีกครั้ง
“คุณหนู ท่านทราบหรือไม่คะว่าพวกขุนนางมักจะคิดยังไงกับเด็กกำพร้า… ของสามัญชนที่แสนจะน่ารังเกียจหน่ะคะ?”
“อา—” เป็นสิ่งเดียวที่ชั้นพูดออกไปได้ รูจพูดว่าชั้นนั้นเป็นเด็กกำพร้า ดังนั้นที่เธอพูดจึงหมายถึงชั้นแน่นอน
“ขุนนางทั่วไปหน่ะไม่อยากจะเสวนาตรงๆกับสามัญชนเลยละค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่อยากจะเห็นใครที่เกิดมาด้วยสถานะคลุมเครือแบบนี้แม้แต่น้อย… นายหญิงเป็นคนใจบุญมากๆ ทว่าดิชั้นเองก็ยังคงสงสัยว่า เธอจะยังเป็นเหมือนเดิมรึปล่าวหลังจากได้รู้ความจริงเข้าหน่ะค่ะ”
ชั้นได้ยินแบบนั้น ในหัวก็รู้สึกมืดมัวและไม่อยากยอมรับความจริง ชั้นไม่รู้สึกถึงร่างกายของตัวเองอีกต่อไปแล้ว
“ถ้านายหญิงทราบว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอนั้นตายไปนานแล้ว และเด็กที่นอนหลับอยู่ข้างๆเธอเป็นเพียงแค่สามัญชนแปลกหน้าที่น่ารังเกียจ ถ้าเธอทราบว่านายท่านได้หลอกลวงเธอ!… นายหญิงจะต้องเป็นบ้าแน่นอนเลยใช่ไหมละคะ? นี่ คุณหนูอลิซ! พวกเราจะต้องเก็บเรื่องนี้ให้เป็นความลับจากนายหญิงใช่ไหมละคะ? คุณหนูต้องระมัดระวังเรื่องนี้เอาไว้นะคะ…”
ขณะที่เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่รุณแรง รูจก็ปล่อยแขนของชั้นที่เธอจับมันไว้ออก จากนั้นเธอก็ยกนิ้วก้อยของเธอขึ้นมาแล้วบังคับให้ชั้นทำการเกี่ยวก้อยสัญญา
“คุณหนูเป็นเพียงหุ่นเชิดที่สร้างจากความใจดีของนายท่านค่ะ ห้ามพูดอะไรไม่เข้าเรื่องเด็ดขาดเลยนะคะ อลิซซามะต้องไม่พูดอะไรทั้งนั้นค่ะ พวกเราทั้งคู่มาปกป้องนายหญิงด้วยกันเถอนะคะ? คุณหนูสัญญากับดิชั้นได้ไหมคะ?”
ชั้นขยับปากที่สั่นเทาเป็นคำว่า “ค่ะ”
ชั้นตอบกลับไป ในเสี้ยววินาทีนั้น ชั้นก็จินตนาการถึงตัวชั้นเองได้บอกความจริงนี้กับท่านแม่แล้วทำให้เธอตกอยู่ในความสิ้นหวัง… ภาพของตัวเธอที่เกลียดชั้น และภาพของท่านพ่อที่โยนตัวชั้นออกไปจากชีวิตของท่านแม่เนื่องจากชั้นทำตัวไร้ประโยชน์
ทว่าไม่มีเสียงใดๆออกมาจากลำคอที่แน่นขนัดของชั้นอีกต่อไปแล้ว
และนั่นก็คือตอนที่สติของชั้นได้ดับวูบไป
สิ่งสุดท้ายที่ชั้นได้เห็นก็คือรูจ ชั้นมองไม่เห็นใบหน้าของเธอเนื่องจากแสงที่ย้อนกลับจากดวงตะวันยามเย็น เห็นเป็นเพียงใบหน้าสีดำเท่านั้นเอง
================================================================
TL: ตอนที่ 3 ก็ใส่กันตูมๆขนาดนี้แล้วเรอะ!
MANGA DISCUSSION