บทที่ 3 ตอนที่ 17
* ลูลูช่า *
ห้องเล็กๆ เตียงแข็งๆพร้อมส้วม – นั่นคือทั้งหมดในห้องขังของลูลูช่า ถูกจับโดยข้อหา “ทรยศชาติ” ที่เธอไม่รู้เรื่อง ตอนสอบปากคำเธอก็บอกทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเขาวงกตไปแล้ว แต่เธอก็ยังถูกขังเอาไว้ในนี้ ประตูเหล็กที่ขวางระหว่างเธอกับข้างนอกถูกปืดเอาไว้หนาแน่น
「นี้มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี้ย…」
ถึงวันแรกเธอจะนอนไม่หลับเพราะความไม่พอใจและความวิตกกังวล ทว่าในวันที่ 2 ความเหนื่อยล้าจากการยึดครองเขาวงกตก็ถาโถมร่างกายจนเธอหลับไปทั้งวัน และตอนนี้ก็เป็นวันที่ 3 แล้ว เธอจึงสามารถประมวลผลสถานการณ์ของเธออย่างใจเย็นได้
เธอรู้ว่ามีหลายคนที่ไม่อยากให้เธอประสบความสำเร็จ แต่เธอไม่ได้มุ้งมั่นกับตัวเธอเองแต่เป้นจักรวรรดิ เธอเชื่อว่าถ้าเธอทำผลงานในการยึดครองเขาวงกตละก็ พวกเขาจะต้องเข้าใจแน่นอน
เธอแนะนำให้ไปสอบถามลูกน้องของเธอ ทว่าก็ถูกปฏิเสธ เธอถูกบอกว่าคำให้การของพวกนั้นเชื่อถือไม่ได้เพราะพวกนั้นถูกเชื่อว่าร่วมมือกับเธอ เจ้าหน้าที่สิบสวนเชื่อสุดใจว่าลูลูช่าไม่ได้ส่งคนประสานงานออกมารายงานเลย และเธอก็คือคนทรยศที่ใช้งานกองทัพจักรวรรดิเพื่อตัวเอง เขาปฏิเสธคำร้องทุกข์ของเธอพร้อมกับพูดว่า “เอาหลักฐานที่แกส่งคนประสานงานไปออกมาให้ดูสิ”
ลูลูช่านั้นส่งคนประสานงานออกไปตามปกติเพื่อขอการสนับสนุน ทว่าทั้ง 7 คนนั้นกลับหายตัวไป มีบางคนที่เกลียดลูลูช่า – ที่เป็นผู้หญิงและรวมถึงเป็นลูกครึ่งด้วย ทว่ามันก็แปลกที่ไม่มีใครสักคนนึงที่ส่งรายงานเลย
「มีใครบางคนลักพาตัวพวกเขาหรอ? ดูจะไม่ได้หายไปในเขาวงกตด้วย ทางเดินมันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น แถมพวกเราก็ไม่เจออะไรเลยในตอนที่ถอยทัพด้วย」
เธอถอนหายใจ ถึงแน่นอนว่าจะมีบางอย่างที่สำคัญกว่าการขังเธอเอาไว้ที่นี่ก็ตาม แต่ก็มีชีวิต 7 ชีวิตนั้นเป็นเดิมพันอยู่
「หรือบางที 7 คนนั้นจะถูกซื้อตัวไปแล้วจะปรากฏตัวขึ้นหลังจากชั้นตายไปแล้วกันนะ?」
เสียงหัวเราะเยาะตัวเองหลุดออกมาจากลูลูช่า เธอคิดว่ากรณีแบบนั้นก็มีความเป็นไปได้ แล้วตอนนี้เธอก็ถูกขังเอาไว้ในที่แบบนี้แล้วด้วย
โกรธ, เสียใจ, โศกเศร้า, หงุดหงิด, สิ้นหวัง, กังวล – อารมณ์หลากหลายได้ก่อตัวขึ้น ลูลูช่าล้มตัวลงบนเตียงและปิดหน้า ถูกครอบงำด้วยอารมณ์ เธอเริ่มร้องไห้ แต่ก็กัดฟันเพื่อไม่ให้ส่งเสียงออกมา มียามเฝ้าอยู่ข้างนอก ไม่มีอะไรยืนยันว่าเขาจะไม่รายงานท่าทางของเธอกับคนอื่น เธอไม่อยากจะให้ไอ้สารเลวที่จับเธอขังเอาไว้รู้สึกเพลิดเพลิน
อย่างน้อยๆเธอก็อยากจะรักษาเกียรติ์ของตัวเอง
「ถึงยังงั้น… ชั้นก็ยังไม่ได้ขอบคุณพวกนั้นดีๆเลย」
หลังจากอดทนได้ 30 นาที ใจของเธอก็เริ่มสงบลง
และครั้งนี้ เธอก็นึกเธอเหล่าผู้คนที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้
เหล่านักผจญภัยที่เข้ามาช่วยพวกเธอในตอนคับขัน เด็กหนุ่มที่บอกว่าเขามีบางอย่างจะคุยกับเธอ—ทว่ามันคงจะเป้นไปไม่ได้แล้ว
「สงสัยจังว่าพวกเขาป้องกันตัวเองจากการโจมตีทางอารมณ์ของออโตมาตรอนได้ยังไง มันน่าสนใจจริงๆ มันไม่ได้ผลกับมนุษย์แท้ๆหรอ? ไม่ ถ้างั้นพวกนักผจญภัยที่จ้างมาโดยบริษัทพวกนั้นก็ต้องไม่เป็นอะไรด้วยสิ ฮึมมม…」
ลูลูช่าเริ่มคิดไตร่ตรอง มันกลายเป็นธรรมชาติของเธอไปแล้วที่จะคิดถึงเรื่องเขาวงกตมากกว่าอย่างอื่น
กริ๊ก — เสียงของประตูเหล็กได้ถูกปลดล็อคพาเธอกลับมาสู่ความจริง
ด้านหลังของประตูที่เปิดออกเล็กน้อยนั้นปรากฏผู้คุมชาวเลฟขึ้นแล้วพูดอย่างห้วนๆว่า
「ออกมา มีคนต้องการพบแก」
ต้องการพบ? กับคนที่ก่อคดีโทษประหารนะหรอ?
ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นเด็กหนุ่มคนนั้น ทว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนนอกจะขอเข้าพบได้
อย่างไรก็ตาม ลูลูช่าก็ออกมาเพราะเธอไม่อยากจะอยู่ในห้องขังนานๆ เมื่อเธอถูกใส่กุญแจมือ ความหงุดหงิดที่เธอถูกทำเหมือนเป็นคนร้ายทั้งๆที่เธอบริสุทธิ์ก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
ห้องเข้าพบนั้นเป็นห้องธรรมดาๆ แต่มันก็กว้างเป็น 3 เท่าของห้องขังของเธอเลย ลูลูช่าตกใจกับคนที่นั่งอยู่ในห้องนั้นแล้วคุกเข่าลง
「ฝ่าบาทอนาสตาเซีย (Anastasia)! ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ!?」
ชุดเดรสสีเลม่อนที่ทำจากผ้าที่หาได้ยากในประเทศนี้บ่งบอกว่าเธอเป็นบุคคลอันเป็นที่เคารพ
อย่างไรก็ตาม เหนือสิ่งอื่นใดเลยก็คือผิวขาวเนียนและผมสีแพลตตินั่มบอร์นเป็นประกายอันเข้ากับสีผิวของเธอพร้อมกับกิ๊บติดผมทองประดับเพชรที่ข้างหลัง หูเรียวยาวโผล่พ้นผมออกมาบ่งบอกว่าเธอเป็นเผ่าเอลฟ์ – ไม่ใช่แค่เอลฟ์ทั่วๆไปแต่เป็นไฮเอลฟ์
นัยน์ตาสีฟ้าไพลินแวววาวภายในดวงตาเรียวยาว – ราวกับอัญมณี
ริมฝีปากอมชมพูของเธอนั้นยิ้ม แต่กลับไม่มีคำพูดใดเอ่ยออกมา
ผ้าพันแผลพร้อมกับตราผนึกคำสาปพันอยู่รอบคอของเธอ เป็นส่วนเดียวที่ทำให้รู้สึกแปลกๆ
『โปรดยืนขึ้นเถอะค่ะ』
อนาสตาเซียแสดงกระดาษเมโมให้กับลูลูช่าดูในขณะที่เธอพยายามคุกเข่าลง—อนาสตาเซียนั้นพูดไม่ได้
「แต่ว่า…」
『ไม่เป็นไร โปรดนั่งลงตรงนั้นเถอะค่ะ』
ขณะที่อนาสตาเซียเขียนอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางที่สง่างาม ลูลู่ช่าก็คิดว่ามันจะเป็นการเสียมารยาทต่อเธอที่จะต้องเธอมาเขียนบอกเธอเรื่องเดิมๆอีกครั้ง ดังนั้นเธอก็เลยนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามกับอนาสตาเซีย
อนาสตาเซียให้ผู้คุมออกไปโดยวางเหรียญทองเล็กลงบนมือของเขา ผู้คุมก็ออกไปจากห้องพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เหลือเพียงอนาสตาเซียและลูลูช่าอยู่ภายในห้อง
「จะไม่เป็นไรหรอคะ?」ลูลูช่าถามขึ้นพร้อมกับรู้สึกกังวลเกี่ยวกับผู้คุมที่จากไป
อนาสตาเซียส่ายหัวไปมาพร้อมกับรอยยิ้ม – บ่งบอกว่าไม่เป็นไร
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม กุญแจมือนั้นมีเวทมนตร์กันการหลบหนีอยู่ เป็นอะไรแบบที่จะระเบิดในจังหวะที่พยายามเอามันออกโดยใช้กำลังหรือหลบหนีออกไปจากอาคารนี้
『ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะทำการทรยศชาติแบบนี้นะคะ』
「แน่นอนว่ากระหม่อมเป็นผู้บริสุทธิ์คะ!」
ถึงเธอจะไม่ได้ถาม ลูลูช่าก็ได้บอกอนาสตาเซียทุกอย่างที่เธอพูดในตอนที่โดนสอบสวน ลูลูช่ารู้สึกตัวในตอนที่เธออธิบาย – ว่าเธอนั้นอยากจะให้ใครสักคนเชื่อในตัวเธอจริงๆ
『ดิชั้นเองก็จะพยายามอธิบายความบริสุทธิ์ของเธอแก่ฝ่าบาทองค์จักรพรรดิด้วยอีกแรงนึงค่ะ』
「……ขอบพระทัยจริงๆค่ะ」
ลูลูช่าสะกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของเธอเอาไว้ เธอรู้ตัวดีว่าวันนี้จิตใจของเธอนั้นหวั่นไหวและอารมณ์ไม่คงที่
คำพูดของอนาสตาเซียนั้นนำความสุขมาให้ ถึงแม้อนาสตาเซียจะเป็นผู้มีฐานะดีขนาดนี้ แต่เธอก็ไม่ค่อยมีปากมีเสียงอะไรในประเทศนี้เลย
อนาสตาเซียนั้นเป็นไฮเอลฟ์ราชวงศ์และบุคคลสำคัญของเผ่าเอลฟ์ ทว่าในตอนที่เธอยังเด็ก เธอถูกสาปโดยนักเวทย์ผู้ไม่ประสงค์ดีที่มาเยี่ยมเยือนป่าเอลฟ์จนสูญเสียเสียงของเธอไป คำสาปนั้นยังคงมีผลอยู่มาจนถึงปัจจุบันและถูกผนึกโดยผนึกคำสาป
“เสียง” นั้นสำคัญมากๆสำหรับไฮเอลฟ์
เสียงอันบริสุทธิ์นั้นจำเป็นยิ่งสำหรับพิธีที่จะจัดขึ้นในส่วนลึกของป่า เอลฟ์หลายตนเชื่อฟังและปฏิบัติตามเพราะพิธีนั้นจะเป็นการรักษาพรแห่งป่าเอาไว้
ถึงอนาสตาเซียจะเป็นไฮเอลฟ์ แต่เธอกลับเสียสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับไฮเอลฟ์ไป
สายตาของเอลฟ์ตนอื่นๆจับจ้องมาที่เธอที่ไม่สามารถทำหน้าที่ของเธอในฐานะไฮเอลฟ์ได้ เป็นที่ตัดสินแล้วว่าเธอนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตสุขสบายแบบราชวงศ์ได้ ในทางกลับกัน มันก็เป็นเรื่องที่ดูไม่ได้ถ้าไฮเอลฟ์จะต้องใช้ชีวิตแบบเอลฟ์ทั่วไป
ราชาแห่งป่าเอลฟ์เลยตัดสินใจที่จะส่งอนาสตาเซียออกไป
เธอนั้นเป็นไฮเอลฟ์ เผ่าพันธ์ุที่โด่งดังในเรื่อง “ขุมทรัพย์แห่งความงาม” ถึงแม้เธอจะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในป่าเอลฟ์ได้ เธอก็ยังมีค่าพอที่จะยกให้กับประเทศอื่น
ดังนั้นอนาสตาเซียจึงถูกส่งตัวให้กับจักรวรรดิเวทมนตร์เลฟ – โดยแลกกับเรือเหาะเวทมนตร์ 1 ลำแก่ป่าเอลฟ์
นั่นเป็นทั้งหมดที่ลูลูช่าได้ยินมา
นี้ก็ผ่านมาปีนึงแล้วตั้งแต่ที่อนาสตาเซียมายังประเทศนี้ ตอนที่เธออายุ 14 ปีแล้วและยังงดงามยิ่งขึ้นไปอีก
―ดิชั้นไม่มีค่าในฐานะไฮเอลฟ์ แต่ดิชั้นยังคงเป็นประโยชน์แก่เหล่าเอลฟ์ด้วยเรือเหาะเวทมนตร์ได้ค่ะ
ในตอนที่ทั้งสองคนพบกันึครั้งแรก อนาสตาเซียเขียนแบบนั้นและยิ้มออกมา อย่างเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย
อนาสตาเซียนั้นได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีและถูกบอกว่าเธอจะต้องอยู่ข้างกายจักรพรรดิทุกครั้งที่มีงานระดับประเทศ ไฮเอลฟ์นั้นมีอายุขัยมากกว่าชาวเลฟที่มีอายุขัยเหมือนมนุษย์ ดังนั้นแทนที่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันจะรับเธอในฐานะภรรยา เขากลับปฏิบัติต่อเธอในฐานะองค์หญิงไฮเอลฟ์ ราวกับว่าเธอเป็น “เครื่องประดับ”
ลูลูช่าผู้ที่ถูกปฏิบัติเหมือนกับ “ส่วนเกิน” ในจักรวรรดินั้นเข้ากันได้ดีกับอนาสตาเซียในแบบคนที่เป็นเหมือนๆกัน
「ถึงแม้ว่ากระหม่อมต้องถูกโทษประหาร กระหม่อมก็ขออวยพรให้ฝ่าบาทพบกับความสุขนะคะ」
『โปรดอย่าพูดเรื่องน่าเศร้าแบบนั้นเลยค่ะ』
『มีใครมาเยี่ยมมั้งไหมคะ?』
「ดูเหมือนการแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้จะเป็นเรื่องยากหน่ะค่ะ กระหม่อมไม่ค่อยมีพันธมิตรอยู่แล้วด้วย รองผู้อำนวยการอับบาแห่งสำนักการต่างประเทศก็มาหาอยู่ครั้งนึง แต่เขาเห็นพ่อของกระหม่อมเป็นคู่แข่ง ดังนั้นเขาเลยสอบสวนกระหม่อนเรื่องนู้นเรื่องนี้แล้วจากไป กระหม่อมมั่นใจว่าเขาคงจะกำลังฉลองกันเลยในตอนนี้ค่ะ」
『มีอะไรที่ดิชั้นพอจะทำได้ไหมคะ?』
「แค่น้ำใจก็เพียงพอแล้วค่ะ โอ๊ะจริงสิ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นละก็ ท่านสามารถฝากขอบคุณเหล่านักผจญภัยที่ชื่อว่าซิวเวอร์บาลานซ์ที่ช่วยทีมของกระหม่อมเอาใว้ในเขาวงกตแห่งความกลัวจะได้ไหมคะ?」
นักผจญภัย? …ขณะที่ถูกขอแบบนั้น อนาสตาเซียก็เอียงคอของเธอ
ท่าทางแบบนั้นมันน่ารักมากซะจนชายหลายคนจะต้องตกหลุมรักเธอ ณ ตรงนั้นได้เลย
「ดูเหมือนพวกเขามีบางอย่างที่อยากจะบอกกับกระหม่อมหน่ะค่ะ ทว่าสถานการณ์ที่กระหม่อมเป็นอยู่ตอนนี้… กระหม่อมก็ไม่ได้อยากจะรบกวนฝ่าบาทหรอกค่ะ แต่ว่า…」
『ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกค่ะ』
การสนทนากันระหว่างทั้งสองยังคงดำเนินต่อไป
ลูลูช่ารู้สึกสบายใจในช่วงเวลานี้
========================================================
TL: ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลยหง่ะ T T
MANGA DISCUSSION