บบที่ 3 ตอนที่ 15
「จะนานเกินไปแล้ว… มันแปลกเกินไปแล้วที่ผ่านมา 2 วันผมก็ยังไม่ได้ข่าวอะไรจากเธอเลย」
「จะนานเกินไปแล้ว… มันแปลกเกินไปแล้วที่ผ่านมา 2 วันข้าก็ยังไม่ได้เงินเลย」
ผมกับมูเกะซังพูดออกมาพร้อมเพรียงกัน
ตอนนี้พวกอยู่ที่โกดังของบริษัทมูเกะซัง เราได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ที่นี่ได้ในช่วงนี้ นอนบนเตียงแบบโคตรง่ายที่แค่เอาฟางข้าวปูบนท่อเหล็กเท่านั้น ทว่าถ้ามองจากมุมมองนักผจญภัยละก็ แค่มีเตียงให้นอนก็หรูแล้ว แถมยังมีประตูที่สามารถล็อคได้ด้วย ดังนั้นจึงค่อนข้างพอใจกัน
ถึงมันจะมีช่วงที่ผมคิดถึงเตียงในคฤหาสน์เอิร์ลซิวลิซส์ก็เถอะ
「อืม… เรย์จิคุงกำลังรอการติดต่อจากลูลูช่า และมูเกะซังก็กำลังรอเงินจากการขายออโตมาตรอนสินะ?」
「「ใช่」」
พวกเราพูดพร้อมกันอีกแล้ว
มีเพียงแค่มูเกะซัง มิมิโนะซัง แล้วก็ผมที่อยู่ในห้อง
ดันเต้ซังกับน็อนซังออกไปเดินเล่นในเมืองเนื่องจากยังไม่มีการยึดครองเขาวงกตเกิดขึ้น ส่วนเซอรี่ซังนั้นนอนหลับอยู่อีกห้อง ดูเหมือนว่าเมื่อวานเธอจะออกไปแหล่งพนันในจักรวรรดิ แต่ว่า… ตามที่มูเกะซังบอก ในจักรวรรดินั้นไม่มีแหล่งพนันนะสิ
อืม มีอย่างนึงที่แน่นอน… ไม่ว่าเธอจะไปไหนมา มันจะต้องไม่ใช่ที่ดีๆแน่
ยังไงก็เถอะ
「ผมรู้ว่าการรายงานการยึดครองเขาวงกตและจัดเตรียมการรักษาให้กับคนเจ็บนั้นต้องใช้เวลา แต่นี้ก็วันที่ 3 แล้วนะครับ หิมมม เธอลืมหรือปล่าวนะ?」
「เดี๋ยวเหอะ〜 จะเป็นงั้นได้ไง พวกเราเป็นถึงผู้ช่วยชีวิตเธอเลยนะ ชั้นไม่คิดว่ามันจะเป็นอะไรที่ลืมได้ง่ายๆหรอกนะ」มิมิโนะซังพูด
「มูเกะซัง มีวิธีติดต่อกับแผนกยึดครองดันเจี้ยนไหมครับ?」
「อืม แน่นอนว่ามีสิ พวกเราจะไปกันไหมละ?」
「ได้ก็ดีครับ」
ผมเข้าใจว่าลูลูช่าซังนั้นอาจจะกำลังยุ่งอยู่ก็ได้ แต่ว่าผมมาจนถึงที่นี่ก็เพื่อเธอ ดังนั้นผมจึงอยากจะพบแล้วคุยกับเธอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
「แล้วคุณละครับ มูเกะซัง? คุณอยากจะไปที่บริษัทที่ซื้อออโตมาตรอนหรือเปล่าครับ?」
「สำนักจัดการเขาวงกต– อ๊ะ องค์กรที่จัดการแผนกยึดครองเขาวงกตหน่ะ หลังจากที่ข้าไปส่งพวกนายแล้ว ข้าก็สามารถไปที่บริษัทนั่นด้วยตัวเองได้อยู่」
「แต่ 1,000 เหรียญทองจักรวรรดิ์ก็ไม่ใช่เงินจำนานเล็กน้อยที่จะจ่ายได้ทันทีเลยไม่ใช่หรอครับ?」
「ไม่หรอกๆ〜 บริษัทที่ชนะประมูลหน่ะเป็นบริษัทหน้าใหม่ไฟแรงที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดเลยนะ ดังนั้นไม่มีทางที่พวกนั้นจะไม่มีเงินหรอก! เรื่องที่พวกนั้นเลือกไปกับแผนกที่ 4 แทนที่จะเป็นแผนกที่ 1 นั้นเองก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของพวกนั้นเช่นกัน」
「หมายความว่าไงหรอครับ?」
「ข้าจะอธิบายให้ฟังระหว่างเดินไปกันนี้แหล่ะ เวลาเป็นเงินเป็นทองนะ」
มูเกะซังยื่นขึ้นหลังจากที่ดื่มน้ำแก้วนึง
ดูเหมือนจะมีคำว่า “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” อยู่ในโลกนี้ด้วยเหมือนกันแห่ะ
ตามที่มูเกะซังบอก ร้านค้าที่อยู่มานานหรือบริษัทยักษ์ใหญ่นั้นอยากที่จะเข้าร่วมไปกับแผนกที่ 1 ถึง 3 และแผนกที่ 4 ที่นำโดยครึ่งมนุษย์อย่างลูลูช่าซังนั้นไม่ค่อยจะเป็นที่นิยมซะเท่าไหร่ ว่ากันง่ายๆ ในแผนกที่ 4 มีคู่แข่งไม่เยอะนั่นเอง ดังนั้นมันจึงมีโอกาสสูงที่จะครอบครองออโตมาตรอนหายากที่ค้นพบได้ก็เป็นได้
「หรือก็คือ 1,000 เหรียญทองจักรวรรดิ์ก็อาจจะถูกไปด้วยซ้ำสำหรับออโตมาตรอนที่เราเจอ」มูเกะซังพูดอย่างตรงไปตรงมา
「อ๊ะ มูเกะซัง? ผมรุ้สึกว่าบางทีบริษัทนั่นอาจจะเบี้ยวไม่จ่ายก็ได้นะครับ?」
「บริษัทโรโรโระ (Rororo Company) น่ะเรอะ?」
ชื่อเห่ยชะมัด!
「ตอนนั้นมีพ่อค้าคนอื่นๆอยู่ด้วยหน่ะ ถ้าพวกนั้นไม่ยอมจ่ายละก็ มันจะสร้างชื่อเสียกับบริษัทด้วย ดังนั้นนายไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก」
「งั้นหรอครับ…」
「โอ๊ะ สำนักจัดการเขาวงกตอยู่ตรงนั้นไงละ」
พวกเราทิ้งเนโกะจังเอาไว้แล้วลงเดินไปตามถนน
แดดนั้นแรงมาก ชาวเลฟทุกคนเลยสวมฮูดสีสว่างอย่างสีขาวและเงินเพื่อสะท้อนแสงอาทิตย์
พวกเราได้มาถึงอาคารสีดำที่ตั้งอยู่ตรงพื้นที่ราบทรงจัตุรัสและให้อารมณ์ “หน่วยงานราชการ” อะไรแบบนั้น
มีป้ายที่เขียนว่า “สำนักจัดการเขาวงกต” ติดอยู่ที่ทางเข้า
「งั้นข้าจะไปที่บริษัทโรโรโระก่อนนะ ถ้าพวกนายต้องใช้ ID ละก็ บอกชื่อของข้าไปได้เลย」
「ขอบคุณครับ」
มูเกะซังจากไปพร้อมกับโบกมือ
ผมเข้าไปภายในสำนักจัดการเขาวงกตพร้อมกับมิมิโนะซัง ภายในนั้นรู้สึกเย็นสบาย บางทีคงเพราะมันอยู่ใต้ร่มเงาด้วยละมั้ง หรือไม่ก็พวกเขาอาจจะมีอะไรอย่างเครื่องปรับอากาศก็ได้
มียาม 2 คนสวมเครื่องป้องกันพร้อมหอกโลหะสั้นและกระบองตรงเอวเข้ามาหาพวกเรา แต่เมื่อผมบอกว่าผมต้องการจะพบลูลูช่าซังและเธอเองก็สัญญาว่าจะหาเวลามาพบผมออกไป ทั้งสองคนก็มองหน้ากันสักพัก
「ข้าจะไปเช็คกับเบื้องบน ดังโปรดรออยู่ตรงนั้นสักครู่」
ล็อบบี้นั้นเล็กเกินกว่าจะเรียกว่าล็อบบี้รับแขกได้ พวกเราถูกชี้ไปยังบริเวณที่มีเก้าอี้สำหรับ 10 คนนั่งตั้งเอาไว้ เป็นสถานที่ที่ไร้รสนิยมจริงๆ ไม่มีการตกแต่งด้วยต้นไม้หรือภาพวาดอะไรทั้งนั้น อย่างกับศูนย์กักกันเลย
มีแสงจากข้างนอกลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา สามารถเห็นถึงผู้คนชาวเลฟที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างไม่รีบร้อนได้
ชาวเลฟดูจะเป็นพวกขยันขันแข็งจริงๆ พวกเราเดินกันค่อนข้างเร็วเลยหล่ะ และก็จะเดินกันตั้งแต่อาทิตย์ขึ้นจนดึกเลยด้วย ที่มูเกะซังบอกว่าไม่มีแหล่งพนันนั้น บางทีอาจจะเป็นเพราะธรรมชาติของชาวเลฟก็เป็นได้
「นี้ เรย์จิคุง ชั้นมาพบลูลูช่าซังกับเธอด้วยจะดีหรอ?」
มิมิโนะซังถามผมในขณะที่ผมกำลังคิดว่าพวกยามนี้ใช้เวลากันนานจัง
「ไม่มีปัญหาครับ ลูลูช่าซังเธอเป็นแค่หลานสาวของผู้มีพระคุณของผมหน่ะครับ」
「เอ๋!? งะ-งั้นหรอ?」
「อา… ผมยังไม่เคยเล่าให้ฟังหรอครับ?」
มาคิดๆดูแล้ว ผมก็ไม่เคยบอกเลยสักครั้งนี้นะ ผมหมายถึงว่า ก็ทุกคนในซิวเวอร์บาลานซ์นั้นอ่อนโยนถึงขั้นที่ว่าพวกเขาไม่เคยถามผมเรื่องตอนในเหมืองเลยนี้นา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมเลยไม่มีโอกาสเล่าเรื่องตาแก่ฮินกาเลย… ไม่ๆ ไม่สิ เดี๋ยวก่อนนะ นั่นหมายความว่าทุกๆคนตามผมมาจนถึงที่นี่โดยไม่ถามสักคำ แค่เพราะผมบอกว่าอยากจะเจอคนที่ชื่อลูลูช่าซังงั้นหรอ?
(คนพวกนี้จะอ่อนโยนไปจนถึงขนาดไหนกันนะ…)
ผมมันโง่เอง ถึงแม้พวกเขาจะเชื่อใจผมจึงถึงขนาดนี้แท้ๆ… ผมกลับเอาแต่ดีใจที่ได้กลายเป็นสมาชิกของซิวเวอร์บาลานซ์แล้วได้ร่วมเดินทางไปกับทุกคนอีกครั้งนึงเท่านั้นเอง
…ผมจะต้องบอกดันเต้ซังกับน็อนซังด้วยเหมือนกันถ้าพวกเขากลับมาแล้ว
「ตอนที่ผมอยู่ในเหมือง ได้มีคนๆนึงคอยสอนผมเกี่ยวกับโลกใบนี้หลากหลายอย่างเลยครับ ลูลูช่าซังเธอเป็นหลานสาวของคนๆนั้นหน่ะครับ」
「งั้นหรอกหรอ… ขอโทษด้วยนะ ชั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะขุดคุ้ย–」
「ไม่ ไม่หรอกครับ มิมิโนะซัง ผมไม่คิดว่ามันเป็นการขุดคุ้ยอะไรเลยครับ ผมไม่มีความทรงจำดีๆตอนอยู่ในเหมืองเลยก็จริง แต่ถ้าผมไม่ได้ไปที่นั่นละก็ ผมก็คงจะตายไปแล้วละครับ」
ถ้าผมไม่ขายตัวเองละก็ ครอบครัวของผมจะต้องฆ่าผมแน่ๆ แค่เพราะว่าผมมีผมสีดำกับตาสีดำเท่านั้น
มิมิโนะซังตกตะลึง ทว่าผมก็พยายามทำให้ดูร่าเริงเข้าไว้
「มันเป็นแค่อดีตไปแล้วละครับ ตอนนี้ ผมมีความสุขที่ได้ออกผจญภัยกับมิมิโนะซังและคนอื่นๆแล้วครับ ผมไม่ได้ติดใจอะไรแล้วละครับ」
จากนั้นผมก็เล่าเรื่องของตาแก่ฮินกา เรื่องหลายอย่างที่ผมได้เรียนรู้มาจากเขา มิมิโนนั้นตกใจตอนที่ผมพูดเกี่ยวกับยาสมุนไพรจนพูดว่า “เขาเป็นคนที่มีความรู้ขนาดนี้เลยหรอ?” ขนาดในมุมมองของฮาล์ฟลิงที่เชี่ยวชาญสมุนไพรอย่างมิมิโนะซัง ตาแก่ฮินกาก็ดูจะมีความรู้ที่โดดเด่นมากๆเลยนะ
ผมคุยเพลินจนลืมเวลาเลย ทว่า—จู่ๆผมก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ก็เลยหยุดพูดลง
「หืมมม เป็นอะไรไปหรอเรย์จิคุง? แล้วก็นะ ทำไมยามพวกนั้นใช้เวลานานจังเลยเนี่ย?」
「มิมิโนะซัง」
ผมเข้าใจได้ทันทีแม้จะไม่ต้องใช้เสริมการได้ยินก็ตาม—ว่าที่ข้างนอกนั้นไม่มีใครเดินผ่านไปมาเลย
ผู้คนที่ผ่านไปมาที่ด้านนอกหน้าต่างนั้นไม่มีอยู่แล้ว
และก็ไม่มีใครสักคนเข้าออกอาคารหลังนี้เลยด้วย
ขณะที่ผมเงี่ยหูฟัง ผมก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกันเบาๆ
「ดูเหมือนว่าตึกนี้จะถูกล้อมด้วยกลุ่มคนติดอาวุธแล้วครับ ผมเองก็ไม่อยากจะคิดหรอก แต่เป็นไปได้สูงที่พวกนั้นจะเล็งเป้ามาที่พวกเราครับ」
เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี้ย? ผมก็แค่อยากจะมาพบลูลูช่าซังเท่านั้นเองนะ!
MANGA DISCUSSION