บทที่ 3 โจรสลัดอากาศสีดำยิ้มแย้มภายใต้แสงจันทร์ หมอผีสีแดงกู่ร้องสู่ดวงดาว
ตอนที่ 1
「เรย์จิ! ข้าฝากทีเหลือด้วย!」
「ครับ!」
ร่างยักษ์สีน้ำตาลวิ่งตัดผ่านเข้าไปในป่าลึก มันถูกเรียกว่ากิก้าโบ (Giga Boar) ที่ตัวใหญ่ประมาณรถบรรทุก 2 ตันได้ แถมยังสามารถล้มต้นไม้ต้นเล็กๆได้เลยด้วย
ขนของมันนั้นห่างไกลจากคำว่า “สวยงาม” แถมยังเปื้อนโคลนไปหมด บางทีคงเพราะวิ่งผ่านโคลนมาละมั้ง เส้นขนของมันหนาอย่างกับลวด ดังนั้นต่อให้ชนกับต้นไม้ก็ไม่หลุดออกมาง่ายๆหรอก
และคนที่กำลังวิ่งเข้าหามันจากด้านหน้า – ก็คือผมเอง
ผมยื่นสองมือไปข้างหน้าแล้วสร้างลูกบอลลมขนาดยักษ์ขึ้นด้วย【เวทย์ลม】
「ไม่ปล่อยให้แกผ่านไปหรอก!!!」
จังหวะที่ผมยิงลูกบอลลมออกไป มันก็ได้โดนเข้าใส่ระหว่างคิ้วของมันจังๆ
「บูโมวววววววว!!」
กิก้าโบเสียการทรงตัวล้มลงมาข้างหน้า กลิ้งแล้วลอยเข้าหาผมด้วยแรงโมเมนตัม
อย่างกับฉากรถไล่ล่ากันที่มีตามหนังแอคชั่น ตอนที่รถพลิกคว่ำแล้วลอยไปมา
「โอ๊ะ!」
ผมเอนกลับหลังหลบได้ในวินาทีสุดท้าย ในเวลาเดียวกันนั้นผมก็ได้สร้างเตียงลมด้วย【เวทย์ลม】เพื่อลบแรงโมเมนตัมของกิก้าโบ แถมด้วยการทำให้พื้นนุ่มขึ้นด้วย【เวทย์ดิน】เพื่อลดแรงกระแทก เพราะแรงกระแทกรุณแรงอาจทำให้เนื้อของมันเสียหายได้
「ฟูโก! ฟูโกโก!!」
「อุ๊บ แกยังไม่สลบไปสินะ… ค่อนข้างอึดเลยนะแกหน่ะ?」
ดูเหมือนว่ามันจะขาหักในตอนที่ล้มลง และก็เพราะพื้นมันนุ่มด้วย มันก็เลยลุกขึ้นมาไม่ได้ ดังนั้นมันเลยกลิ้งฝาดงวงฝาดงาไปมาเพื่อไม่ให้ผมเข้าใกล้ได้ง่ายๆ ก็เป็นช่วงที่ต้องใช้เวทมนตร์เข้าช่วยละนะ ผมสร้างหินทรงกรวยปลายแหลมขึ้นมาจาก【เวทย์ดิน】แล้วยิงเข้าใส่ระหว่างคิ้วของมันที่ผมโจมตีด้วย【เวทย์ลม】ไปก่อนหน้านี้
「ฟูโก… โกกก…」
และแล้วกิก้าโบก็ได้ตายลงไป
ร่างของมันยังคงกระตุกอยู่แม้จะตายไปแล้ว บางทีคงเป็นกล้ามเนื้อกระตุกละมั้ง
「ฮะ-เฮ้ยยย์… จัดการมันไปแล้วรึ…?」
ผมยกมือขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหวาดๆนั้น
「เรียบร้อยแล้วครับ! ทางนี้ครับผม มูเกะซัง (Muge-san)!」
จากนั้นมูเกะซังก็เข้ามาพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์
มันเป็นเครื่องจักรโลหะขนาดเล็กกว่าร้านราเมนแผงลอยที่ส่งเสียงนั้น มันมี 4 ล้อและรวมถึงตัวรถที่ทำจากเหล็ก ตัวรถนั้นขึ้นสนิมแล้ว
ขณะที่มันพ่นควันดำออกมาจากปล่องควัน มันก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เร็วกว่าคนเดินเท้าเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้บรรทุกมนุษย์หรอก เพราะแทบทั้งตัวรถเป็นเครื่องยนต์นี้นา มูเกะซังต้องบังคับมันจากด้านหลังเอา
「โอ้ว ตัวใหญ่ชะมัด」
มูเกะซังกระพริบตาสีทองของเขา นัยน์ตาของเขานั้นเป็นแนวตั้งเหมือนกับแมว แถมผิวหน้าของเขายังมีสีเหลืองแซมน้ำตาลด้วย
เขาเป็นกึ่งมนุษย์ที่คล้ายกับกิ้งก่า เป็นพลเมืองของจักรวรรดิเวทมนตร์เลฟ
「เนโกะจังของข้าจะบรรทุกกิก้าโบนี้ไหวไหมเนี้ย?」
「มาลองดูกันครับ ถ้าไม่ได้ละก็ พวกเราก็คงต้องชําแหละเครื่องในออกมาเพื่อให้เบาขึ้น」
「ไม่ ไม่ได้! มันมีคำขอหลายอันเลยนะที่ต้องการเครื่องในหน่ะ ดังนั้นมาพยายามกันเต็มที่เลยนะ เนโกะจัง?」
เจ้ารถจักรไอน้ำสีดำขึ้นสนิมนั่นดูจะถูกเรียกว่า “เนโกะจัง” แถมมูเกะซังก็รักมันมากๆด้วย เขาบอกว่าอารมณ์ของรถมันจะขึ้นอยู่กับวันด้วย แต่แน่นอนละว่าผมไม่เชื่อ
มูเกะซังลงมาจากรถ เขาสวมชุดจั๊มสูทหนังแต่ก็ไม่ได้มีหางโพล่ออกมาจากหลังของเขาแต่อย่างใด เมื่อเขาเอาโซ่ต่อกับเนโกะจังและมัดรอบๆตัวกิก้าโบแล้วสตาร์ทเครื่อง มันก็เริ่มเคลื่อนที่พร้อมกับส่งเสียง “ฮี้ ฮี้” ออกมา
「เนโกะจังดูจะอารมณ์ไม่ดี แต่เธอก็จะทำให้ดีที่สุดนะ!」
「งะ-งั้นหรอครับ…?」
หลังจากนั้น มันก็ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการออกมาจากป่า—พวกเราออกมายังทุ่งหญ้ากว้างที่มีพื้นดินสีแดงแซมออกมาเป็นระยะๆ
แสงอาทิตย์ส่องลงมาร้อนระอุ ในด้านของฤดูละก็ มันก็ควรจะอยู่ในช่วงต้นหน้าร้อนสิ แต่ความร้อนนี้อย่างกับกลางหน้าร้อนเลย อยู่ใต้ร่มเงามันก็เย็นอยู่หรอก ทว่า… มันไม่มีร่มเงาที่ไหนเลยหน่ะสิ
จากตรงที่ห่างออกไป ดันเต้ซังกำลังโบกมือให้กับผมอยู่
「—นั่นกิก้าโบหรอ?」
「—ใหญ่โคตร! พวกนั้นล่าของแบบนั้นได้ด้วยหรอเนี้ย?」
「—คิดว่าคืนนี้พวกเราคงจะได้กินเนื้ออร่อยๆกันแน่」
ผมได้ยินเสียงมีความสุขมาจากผู้คนของกองคาราวาน
「เรย์จิคุง〜 ทางนี้」มิมิโนะซังตะโกน
「ครับ กำลังไปครับ」
ผมตรงไปยังที่ที่มิมิโนะซังกับน็อนซังอยู่
ทั้งมิมิโนะซังกับน็อนซังดูจะกำลังพักผ่อนใต้ร่มกันแดดกันอยู่ เมื่อดันเต้ซังกับผมไปถึง พวกเขาก็เสริฟชาให้กับพวกเรา
ผมดื่มชาสมุนไพรแสนอร่อยหมดในอึกเดียวเลย
อ้าา ชาอร่อยๆหลังเสร็จงานนี้มันเยี่ยมจริงๆ
「…อ่าห์ ข้าอยากจะดื่มเบียร์ซักแก้วจริงๆ」ดันเต้ซังพึมพำ
「นั่นคงต้องทนรอจนกว่าจะถึงเมืองหน้านะครับ」ผมพูด
「กลับกันนะคะคุณพ่อ คุณพ่อควรจะงดดื่มไปสักพักนะคะ เงินที่คุณพ่อได้มามันไปลงกับค่าเหล้าหมดแล้วนะคะ」
「มะ-ไม่นะ คือมันก็แค่… เหล้ามันรสชาติดีขึ้นหลังจากที่คำสาปหายไปแล้วต่างหาก เป็นความผิดของเรย์จินั่นแหล่ะ」
หา?
「คุณพ่อคะ… อยากจะติดคำสาปอีกงั้นหรือคะ?」
「คะ-แค่ล้อเล่นหน่ะ ใช่ไหม้ เรย์จิ?」
「อย่าลากผมไปเกี่ยวด้วยสิครับ…」
ผมรู้สึกว่าดันเต้ซังเริ่มกลายเป็นเหมือนเซอรี่ซังเข้าไปทุกที
และเซอรี่ซังที่พูดถึงก็กำลังหลับอยู่ในรถม้านั่นแหล่ะ เธอบอกว่าเธอพนันกับคนของกองคาราวานคนอื่นๆจนดึกดื่นแล้วชนะมาได้ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว หนี้ของเธอที่ติดผมไว้มันเพิ่มขี้นเรื่อยๆหน่ะสิ ดังนั้นเธอแพ้มาต่างหาก ดูเหมือนมันคงถึงเวลาที่ต้องเข้มงวดกับเธอแล้วสิ…
「นอกจากนี้ กิก้าโบนั่นก็น่าจะได้ราคาดีไม่ใช่หรือไง?」ดันเต้ซังพูดขึ้นมาอย่างมีความหวัง
มันกลายเป็นชีวิตประจำวันของพวกเราไปแล้วที่จะออกไปล่าในช่วงพักเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าเล็กน้อย ทว่าวันนี้พวกเราโชคดีที่ล่าของดีมาได้
「เรย์จิซัง ดันเต้ซัง มาเริ่มหารกิก้าโบกันดีกว่า」มูเกะซังพูดในตอนที่เขามาถึง และพวกเราก็ได้ตรงไปทางเขา
จักรวรรดิเวทมนตร์เลฟนั้นตั้งอยู่ในพื้นที่เล็กๆระหว่างราชอาณาจักรอัศวินนักบุญกับราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ครูวาน เป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับการพัฒนาที่ชื่อว่า “เคเนี่ยน (Canion)” แต่เพราะมันถูกล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชัน 3 ด้าน มันก็เลยช่วยกันการบุกรุกจากประเทศศัตรูได้
ชาวเลฟนั้นเป็นเผ่าพันธ์ุพิเศษที่ไม่สามารถใช้หินสกิลได้ เป็นเผ่าพันธ์ุกึ่งมนุษย์กิ้งก่า ในอดีตพวกเขานั้นถูกดูถูกข่มเหงหลายครั้งเพราะไม่สามารถใช้หินสกิลที่ใช้กันเป็นเรื่องปกติในโลกใบนี้ได้ และผลลัพธ์ก็คือพวกเขาขังตัวเองอยู่ในดินแดนจำกัดๆนี้
มองจากมุมกลับแล้ว มันก็ค่อนข้างยากที่คนนอกอย่างพวกเราจะเข้าไปในประเทศได้ — ดังนั้น มันจึงเป็นการดีที่พวกเราพบเข้ากับกองคาราวานที่มีชาวเลฟอยู่ และได้ทำความรู้จักกับพวกเขา
ไม่ว่าจะปลีกวิเวกขนาดไหน มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ที่จะทำธุรกิจกับประเทศอื่นๆ และชาวเลฟที่ออกมาข้างนอกนั้นก็มีปฏิสัมพันธ์สูงด้วย
「มะ-มากขนาดนี้จะดีหรอ?」
「ไม่เป็นไรหรอก จากตรงนี้ก็ไม่ไกลจากจักรวรรดิแล้ว และที่จักรวรรดิเองไม่มีกิก้าโบด้วย ดังนั้นเนื้อสดๆจึงสามารถขายได้ในราคาสูงเลยละ」
เหรียญทองที่กองอยู่ตรงหน้าของผมกับดันเต้ซังนั้นเป็นค่าเงินของจักรวรรดิเลฟ และแต่ละเหรียญก็มีค่าประมาณ 50,000 เยนด้วย มีประมาณ 100 เหรียญทอง
「…ไชโย!!!」ดันเต้ซังตะโกนพร้อมกับท่ากำมัดขึ้นฟ้า แต่… ผมสงสัยจังว่าจากหมดนี้ น็อนซังจะให้เขาจริงๆเท่าไหร่กันแน่นะ…
「ซิวเวอร์บาลานซ์วางแผนที่จะออกไปจากจักรวรรดิทันทีที่งานของกิลด์เสร็จแล้วเลยหรือเปล่า?」
「ไม่หรอกครับ ที่นั่นมีคนที่ผมอยากจะเจอให้ได้อยู่… ดังนั้นผมจะพยายามขอให้อยู่ต่อได้ครับ」
「งั้นหรอๆ ช่วงนี้ข้าเองก็เข้าพบคนในจักรวรรดิได้ง่ายๆด้วย ดังนั้นข้าหวังว่านายจะเจอคนที่อยากพบง่ายๆเหมือนกัน」
「ขอบคุณครับ」
「แต่ให้ตายสิ สกิลที่นายใช้จัดการกิก้าโบตัวนี้มันสุดยอดไปเลยจริงๆนะเนี้ย」
「แล้วเนโกะจังละครับ?」
「เธอหลับอยู่ตรงนั้นหน่ะ」
รถจักรไอน้ำจอดอยู่เงียบๆที่ด้านหลังของรถม้า
จักรวรรดิเวทมนตร์เลฟนั้นเริ่มขึ้นจากเครื่องจักรไอน้ำที่ใช้ถ่านหิน แล้วค่อยขยับขึ้นไปใช้พลังงานจากหินเวทย์ เรือเหาะเวทมนตร์เกือบทั้งหมดในโลกนี้นั้นสร้างขึ้นที่เลฟนี้หล่ะ
พวกเราเก็บเหรียญทองจากบนโต๊ะแล้วหลับไปหามิมิโนะซัง แน่นอนว่าส่วนของดันเต้ซังก็ถูกริบโดยน็อนซัง และแล้วตรงนั้นก็ได้มีนักรบที่ยืนสิ้นหวังอยู่
(พวกเราน่าจะถึงในอีกไม่ช้านี้แล้ว)
มันก็ผ่านมา 15 วันแล้วตั้งแต่ออกมาจากเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งครูวานยู ที่ซึ่งเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ครูวาน พวกเราน่าจะไปถึงชายแดนประเทศระหว่างราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์กับจักรวรรดิ์เลฟในอีกประมาณ 2 วัน
ตอนที่ผมทำงานเป็นทาสขุดเหมือง เขาคนนั้นที่มอบความรู้ให้กับผมฟรีๆ — ตาแก่ฮินกาที่ผมสามารถเรียกได้เต็มปากว่า “อาจารย์” ของผมในโลกใบนี้ ตอนก่อนที่เขาจะตาย ตาแก่ฮินกาได้ฟากฟัง “หินฟอสฟอรัส” ที่ฟังเอาไว้ในฟันกรามของเขาให้กับผม
ตาแก่บอกว่าผมจะสามรถพบกับหลานสาวของเขา ลูลูช่าซังได้ด้วยสิ่งนี้–หรือผมจะเอาไปขาบก็ได้ถ้าผมต้องการ
ถึงจะมีเรื่องหลายๆอย่างเกิดขึ้นหลังจากนั้น แต่หนึ่งในเป้าหมายของผมก็คือการพบกับลูลูช่าซังเพื่อบอกช่วงเวลาสุดท้ายของตาแก่ อีกเป้าหมายนึงของผมก็คือการพบกับพี่สาวของผม ลาร์ค
ลูลูช่าซังอยู่ที่จักรวรรดิเวทมนตร์เลฟนั้นเป็นข้อมูลที่ผมได้มาจากราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ผมไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหนในจักรวรรดิหรือมีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่โชคดีที่จักรวรรดินั้นเป็นประเทศเล็กๆ ดังนั้นการหาเธอก็น่าจะไม่ใช่เรื่องยาก
(พอนึกถึงตาแก่ฮินกาก็รู้สึกเศร้าขึ้น แต่ถึงยังนั้น…)
ผมเป็นเพียงคนเดียวที่ได้เห็นวาระสุดท้ายของเขาในเหมืองที่ 6 ผมคิดว่าผมควรจะบอกใครสักคนนอกจากผมว่าเขาเคยมีชีวิตอยู่ ยังไงซะ จากในมุมมองเขาเอลซังผู้เป็นนักบวชชั้นสูงแห่งราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ตาแก่ฮินกาก็เป็นถึง “ผู้นำการถอดรหัสเอกสารโบราณ” เกี่ยวกับ “พันธสัญญา”, “โลกอื่น”, และ วิจัยเกี่ยวกับ “หินสกิล” ด้วย – ศาสตราจารย์ผู้ที่ถูกเรียกว่า “มันสมองของราชอาณาจักรฟอร์ชา”
「เรย์จิคุง ได้เวลาไปกันแล้วนะ」
「อา ครับ」
มิมิโนะซังเรียกให้ผมขึ้นไปบนรถม้า
เอาละถ้างั้นไปกันเลยดีกว่า สู่ดินแดนแห่งใหม่!
MANGA DISCUSSION