บทที่ 2 บทส่งท้าย 1
* พระราชวังศักดิ์สิทธิ์ *
หลังจากที่ได้ฟังรายงาน ราชันศักดิ์สิทธิ์ก็กอดอกแล้วแหงนหน้ามองฟ้า
ถึงจะเป็นโถงเข้าเฝ้าในพระราชวัง แต่แทนที่จะเป็นบรรยากาศห้องแบบ “ทางการ” กลับเป็นห้องที่มีโต๊ะกลมวางอยู่ตรงกลางแบบเดียวกับห้องรับรองซะงั้น บรรยากาศแบบ “ทางการ” อะไรนั่นเห็นได้แทบทุกที่ใน “เขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 1” อยู่แล้ว ยังไงซะก็มีแค่คนจากราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นแหล่ะที่จะสามารถเข้ามาในที่นี่ได้
ยิ่งสำหรับราชันศักดิ์สิทธิ์แล้ว ตอนนี้มีเพียงแค่เจ้าชายศักดิ์สิทธิ์คลูฟชราทกับเอิร์ลชายแดนมิวล์เท่านั้นที่อยู่ในโถงนี้ เอิร์ลชายแดนยังคงสวมหนังหมีสีเทาตามปกติ
「แล้วทำไมกัน…? ชายคนนั้นช่วยพวกเราจากคนกลาง, หยุดเหตุการณ์ที่คนจำนวนมากอาจตายได้, แถมยังเป็นคนจัดการงูยักษ์ให้ด้วย… จากทั้งหมดทั้งมวลพวกนั้นก็คิดที่จะจับเขาแล้วฆ่าทิ้งเนี้ยนะ?! เพียงแค่เพราะผมสีดำตาสีดำเนี้ยนะ?! ยิ่งไปกว่านั้น พวกนั้นยังถูกจัดการซะเองอีก?! แล้วเจ้าก็ทำเพียงแค่มองส่งเขาออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์โดยที่ไม่ทำอะไรเลยด้วย!?」
「ใช่แล้ว」
หมีเทาตอบกลับโดยที่ไม่ได้สนในเสียงอันโกรธเกี้ยวของราชันศักดิ์สิทธิ์เลย
「ไอ้เจ้าโง่เอเบนมันคิดอะไรอยู่!! ยิ่งไปกว่านั้น ไอ้พวกภาคีอัศวินด้วย!! ถึงจะเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดก็เถอะ แต่พวกนั้นกลับประกาศต่อสาธารณะว่าเป็นคนจัดการงูนั่นเองเนี้ยนะ!?」
「ความต้องการชื่อเสียงและผลกำไร บวกกับความไม่อยากยอมแพ้ต่อกิลด์นักผจญภัย พวกนั้นก็เลยยังดื้อด้านให้ผลลัพธ์เป็นแบบนี้เพราะไม่มีใครรู้ความจริง… พวกนั้นเหมือนกับขุนนางมากกว่าอัศวินซะอีก เป็นแบบเดียวกับคำพูดของพวกขุนนางเป๊ะเลย “ก็แค่พลาดไปหน่อยครับ”, “ไม่ได้รายงานข้อมูลเท็จนี้ครับ”, “ทุกอย่างก็เพื่อประเทศนี้นะครับ”, ฯลฯ」
「เอิร์ลชายแดน! ข้าไม่ได้ต้องการความเห็นถากถางหรอกนะ!」
「ไม่ใช่ถากถางซะหน่อยนี้ มันเป็นความจริงต่างหาก」
「งั้นก็หุบปากความจริงโง่ๆนั่นซะที! มันไม่มีความหมายอะไรแล้ว!」
「ทะ-ท่านพ่อครับ… ใจเย็นๆก่อนนะครับ」
เมื่อคลูฟชราทพูดแทรก ราชันศักดิ์สิทธิ์ก็ดูจะใจเย็นลงเล็กน้อยแล้วดื่มน้ำ 1 แก้ว
「อ้า บ้าเอ้ย… นี้ไม่ใช่เวลามาตรวจสอบตระกูลริเวียร์แล้ว」
「หืมมม… เรื่องนั้นเป็นยังไงมั้งหล่ะ?」
「…ไปได้ไม่สวยเลย ดยุคเอเบนหนุนหลังดยุคริเวียร์เต็มที่ เขาไม่ยอมรับหลักฐานที่เอิร์ลซิวลิซส์เอามา」
「มันคงยากที่จะใช้ “เนตรเวทมนตร์แห่งการสืบสวน” ของเอิร์ลซิวลิซส์เป็นหลักฐานละนะ」
「ใช่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น คนคุ้มกันคนนั้น… เรย์จิละมั้งคิดว่า เรื่องที่เขาอยู่กับเอิร์ลซิวลิซส์ยิ่งทำให้ปัญหามันยุ่งยากขึ้นไปอีกหน่ะสิ แต่เอาเถอะ มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว เขาแค่กำลังหาจุดประนีประนอมอยู่」
「จุดประนีประนอม?」
「ใช่… ถึงดยุคเอเบนจะรู้ว่าเขาไม่สามารถปกป้องดยุคริเวียร์ได้เนื่องจากเรื่องมันแดงออกมาหมดแล้ว แต่ยังไงก็ตาม ถ้าปล่อยมันเอาไว้ละก็ เอิร์ลซิวลิซส์ก็จะได้รับชื่อเสียงในสังคม และก็จะสามารถเริ่มข่าวลือเสียๆหายๆอย่างเช่น “ดยุคเอเบนพยายามสังหารวีรบุรุษ” ได้ นั่นถึงเป็นเหตุผลว่าทำเขาถึงพยายามลดความชอบธรรมทางกฏหมายของเอิร์ลซิวลิซส์เท่าที่เขาจะทำได้อยู่」
「…………」
เอิร์ลชายแดนนั้นคิดว่านั่นเป็น “ข้อเท็จจริง” มากกว่า “ข่าวลือเสียๆหายๆ” แต่ในสังคมขุนนางนั้น “ข้อเท็จจริง” ไม่ได้เท่ากับ “ความจริง” เสมอไป
「ยิ่งไปกว่านั้น เขายังวิจารย์ดยุคลูซิเอลว่าถ้านักบุญดาบออกัสตินแห่งตระกูลลูซิเอลอยู่ที่นี่ด้วยละก็ ความเสียหายก็คงจะน้อยกว่านี้」
「ดยุคเอเบนกับดยุคลูซิเอลไม่ได้เห็นมันกับตานี้นะ… ถ้างั้น ฝ่าบาท ข้าคงต้องขอตัวก่อน」
「หืมมม… เจ้ากำลังจะกลับไปที่ดินแดนของเจ้าสินะ หา ข้าต้องขอขอบคุณความภักดีที่ไม่เปลี่ยนแปลงของเจ้าด้วยนะ เอิร์ลชายแดนมิลว์」
「อืม」
「ข้าจะไม่มีวันลืมเสียงตะโกนของเจ้าในครั้งนั้นเลย」
「…เจ้าบ้าเอ้ย」เอิร์ลชายแดนพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแบบโหดๆก่อนจะออกไปจากห้อง
「ฝ่าบาทครับ “เสียงตะโกน” นั่นคืออะไรหรือครับ…?」เจ้าชายคลูฟชราทถามขึ้น
「…เจ้าเองก็ควรมีเพื่อนนะ เพื่อนที่เจ้าจะสามารถพึ่งพาและฝากฝังทุกอย่างให้ได้หน่ะ」
มันแทบจะเหมือนกับว่าเขากำลังบอกเรื่องนี้กับตัวเองอยู่
มีปัญหามากมายกำลังรอราชันศักดิ์สิทธิ์อยู่ต่อจากนี้ไป โดยเฉพาะการอธิบายให้ขุนนางถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในงานพิธีมอบหินสกิล—ซึ่งสุดท้าย เขาก็เตรียมตัวเอาไว้แล้วว่าจะอธิบายตามความจริงไป
เนื่องจากนี้มันยังคาบเกี่ยวกับเรื่องการยุบตระกูลริเวียร์ที่เป็น 1 ใน 6 ดยุคผู้ยิ่งใหญ่ด้วย ความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงก็คงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้
「คลูฟชราท เจ้าคิดยังไงกับพี่ชายและพี่สาวของเจ้ากัน?」
「ทั้งคู่เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากครับ ผมมั่นใจว่าท่านพี่จะต้องได้กลายเป็นราชันศักดิ์สิทธิ์คนถัดไปและครองราชย์อย่างสง่างาม– โอ๊ะ ไม่ครับ ผมไม่ได้หมายความว่าท่านพ่อ– ผมหมายถึง ฝ่าบาทจะครองราชย์ไม่สง่างามหรอกนะครับ!」
「ข้ารู้」
ราชันศักดิ์สิทธิ์หลับตาลงแล้วลูบหัวของคลูฟชราท
ความรู้สึกของเขาในฐานะพ่อคนทำให้เขาตัดสินในผิดพลาด ส่งผลให้เกิดความโกลาหลขึ้น
ถึงยังงั้น เขาก็ยังคงไม่สามารถละทิ้งตัวเองในฐานะพ่ออยู่ดี
「…เอาละตอนนี้ ข้ายังมีงานในฐานะราชันศักดิ์สิทธิ์ที่ต้องทำอยู่ ข้าคงต้องไปแล้ว」
「ครับ รักษาตัวด้วยนะครับ ฝ่าบาท」
ราชันศักดิ์สิทธิ์ยืนขึ้นก่อนจะก้าวออกจากโถงเข้าเฝ้า คลูฟชราททำการก้มหัวของเขา
「…………」
สีหน้าของคลูฟชราทในตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นมานั้นมืดมน
เขาเองก็รู้ดี ว่าเขาถูกช่วยเอาไว้โดยการสังเวยชึวิตของหลุยส์ – เด็กชายที่สามารถเรียกว่าเพื่อนได้
เขาไม่เข้ารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และในตอนที่เขารับรู้ทุกอย่างมันก็สายเกินไปแล้ว ขณะที่เขาหวาดกลัวเมื่อคิดว่าเขาอาจจะตายก็ได้ เขาก็ยังคงรู้สึกผิดที่รอดมาได้ด้วยความตายของคนอื่น
เขาคิดว่าถ้าความตายนั้นเป็นหน้าที่ของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ มันก็ควรจะเป็นไปตามนั้น
「สงสัยจังว่ามิสอีวาจะทำอะไรอยู่นะ…」
คลูฟชราทนึกถึงเด็กสาวผู้งดงามในตอนนั้น ลูกสาวของเอิร์ลซิวลิซส์ผู้ซึ่งเป็นมือขวาของพ่อของเขา เด็กสาวผู้ซึ่งถูกคุ้มกันโดย “วีรบุรุษ” ที่หยุดหายนะครั้งใหญ่เอาไว้
ตอนงานพิธีนั้นเธอดูไม่ค่อยดี ทว่า–
「…………」
คลูฟชราทส่ายหัว เขารู้ว่าเขานั้นหลงใหลเธอ แต่เขาไม่ได้อยู่ในจุดที่จะทำแบบนั้นได้
(ความจริงก็คือ ผมควรจะตายไปแล้ว)
ถ้างั้น
「ผมจะทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อประเทศนี้…」
เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้สร้างเงามืดให้กับพระราชวังศักดิ์สิทธิ์ จนถึงจุดที่เด็กชายอายุเพียง 12 ปีจะต้องแบบรับความโศกเศร้าเหล่านี้เอาไว้
MANGA DISCUSSION