ฉันถูกพาตัวไปบันไดทางขึ้นชั้นดาดฟ้า
มันเป็นสถานที่ที่คนไม่นิยมมาและยากที่จะได้ยินบทสนทนา
ฉันคิดว่าถ้าเป็นที่นี่คงไม่มีใครสังเกต
“อ๊ะ คาสึคุงล่ะ! ไม่ได้เจอกันนานเลยสิน้า!”
เมื่อสังเกตเห็นฉัน คุรุมิซากะซังก็กระโดดลงจากบันไดลงมาที่ต่ำ
ทันใดนั้นเอง กระโปรงของเธอก็เปิดขึ้น—ฉันรีบเบือนหน้าหนีทันที
“หืม? เป็นอะไรไปงั้นเหรอ คาสึคุง?”
“ม-ไม่มีอะไรหรอก”
“งั้นเหรอ ขอบคุณที่เหนื่อยเดินมาไกลนะ คาสึคุง!”
คุรุมิซากะซังที่ใบหน้าเปี่ยมเต็มไปด้วยความสุข จับมือฉันอย่างแรง
น-นุ่มชะมัด…
ฉันเพลิดเพลินไปกับความสุขนี้โดยไม่ต้องพึ่งบัตรจับมือ
“เท่านี้ฉันก็หมดหน้าที่แล้วสินะ~”
“อื้ม ขอบคุณนะโคโตเนะจัง!”
แล้วเด็กสาวที่ชื่อโคโตเนะก็กำลังจากไป
ก่อนหน้านั้น เธอหันกลับมามองคุรุมิซากะซังแล้วพูดออกไป
“อา~ คิดว่าบางทีเขาอาจจะเป็นเด็กที่จริงใจและใจดีนะ”
“อื้ม ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ?”
คุรุมิซากะซังตอบโต้ราวกับมันเป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้ว
แล้วเธอก็ยังคงจับมือฉันอยู่อย่างนั้น…!
“หืมม อย่างงี้เองสินะ”
เด็กสาวที่ชื่อโคโตเนะหันหน้ามามองฉันราวกับว่าเธอกำลังประเมินฉันอยู่
มันค่อนข้างอึดอัด
จากนั้นครู่หนึ่ง โคโตเนะดูเหมือนจะมั่นใจอะไรบางอย่าง และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะลงบันไดแล้วหายไป
“ม-เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ”
“นั่นสินะ ฉันคิดว่าโคโตเนะจังคงพูดและกระทำลงไปโดยไม่มีเหตุผลหรอก เพราะงั้นเราคงไม่ต้องไปใส่ใจมากเกินไปหรอกนะ”
ถึงฉันจะไม่เข้าใจก็เถอะ แต่ถ้าคุรุมิซากะซังพูดอย่างงั้น ฉันก็จะลืมๆมันไปละกัน
…อย่างไรก็ตาม
“เอ่ออ คุรุมิซากะซัง…?”
ฉันมองลงไปยังมือที่ยังคงประสานกันอยู่แล้วทำท่าทางสับสน
ความเขินอายของฉันมันมีมากยิ่งกว่าความสุข
“อ๊ะ ขอโทษนะ! อุ…”
คุรุมิซากะซังที่แก้มถูกย้อมไปด้วยสีแดงถอยหลังออกไป
ฉันคิดว่าบนหน้าของฉันตอนนี้ก็คงอาจจะลักษณะคล้ายๆกัน
“…แล้ว คุรุมิซากะซังมีธุระอะไรงั้นเหรอ”
“อ๊ะ อืม คือว่านะ…มีเรื่องจะขอร้องคาสึคุงหน่อยน่ะ”
“เรื่องขอร้อง?”
เรื่องอะไรกันนะ
ฉันไม่คิดว่าเด็กเนิร์ดติดเกมอย่างฉันจะสามารถเติมเต็มคำขอของไอดอลได้เลย
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันถูกขอร้องให้ซื้อแผ่น CD ร้อยแผ่นพร้อมกับบัตรจับมือล่ะ…
ฉันรอให้คุรุมิซากะซังพูดขณะทุกข์ทรมานจากความวิตกกังวล
“ได้โปรด…ช่วยสนิทกับรินจังให้มากขึ้นด้วยค่ะ!”
คุรุมิซากะซังพูดเช่นนั้น แล้วก้มหัวลงอย่างขึงขัง
“ช่วยสนิทกันเนี่ย…ฉันคิดว่ามิสึกิซังกับฉันสนิทกันดีในเกมออนไลน์อยู่นะ”
“ไม่ใช่อย่างงั้น ฉันอยากให้สนิทกันในชีวิตจริงด้วย ไม่ใช่แค่เพียงในเกมน่ะ”
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะ…”
ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากจะคุยกับมิสึกิซังทุกวัน
แต่ว่านั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย
“แน่นอน พวกเราเป็นไอดอล ดังนั้นหากเราสนิทกับผู้ชายคนไหนโดยเฉพาะล่ะก็มันจะเป็นเรื่องวุ่นวายขึ้นนิดหน่อย”
“คิดว่าคงไม่น่าจะแค่นิดหน่อยหรอก นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันกับมิสึกิซังถึงตัดสินใจไม่คุยกันที่โรงเรียน”
“อย่างนี้เองสินะ เพราะงั้นรินจังถึงดูมีความสุขแต่ในขณะเดียวกันก็ดูเหงาสินะ”
“…?”
มีความสุขแต่ดูเหงาหงอย?
เป็นการแสดงออกที่ฉันไม่เข้าใจเลยนะ
“คาสึคุงช่วยเข้าหารินจังหน่อยได้รึเปล่า? ฉันคิดว่ารินจังคงจะมีความสุขมากแน่ๆ”
“ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากจะทำอย่างงั้น…แต่ถ้าฉันพูดคุยอย่างสนิทสนมกับเธอในที่สาธารณะล่ะก็ มันจะเป็นข่าวลือในโรงเรียนหรือในที่สาธารณะไม่ใช่เหรอ?”
“ถ้าอย่างงั้น…ก็สนิทสนมกันในที่ลับๆไม่ให้ทุกคนจับได้ก็พอนี่!”
“เอ๋…”
ดวงตาของคุรุมิซากะซังเปล่งประกายราวกับนึกไอเดียดีๆออก
ฉันไม่สามารถที่จะซ่อนความสับสนของตัวเองได้ต่อแรงผลักดันอันลึกลับของเธอ
“หรือคาสึคุงจะเกลียดรินจังอย่างนั้นเหรอ?”
“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นหรอก…”
“ได้โปรด! ขอร้องล่ะช่วยสนิทกับรินจังที!”
คุรุมิซากะซังขอร้องฉันอย่างสิ้นหวัง
เมื่อเห็นเธอแบบนั้น ฉันจึงตัดสินใจถามคำถามง่ายๆกับเธอออกไป
“…ทำไมคุรุมิซากะซังถึงอยากให้ฉันกับมิสึกิซังสนิทกันล่ะ?”
จากจุดยืนของไอดอลแล้วมันเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูง
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เธอก็ให้เงินฉันแล้วพูดว่า “ออกไปห่างๆจากรินซะ” ยังดีกว่าเลยไม่ใช่เหรอ?
มันอาจจะเป็นความคิดที่เกินจริงไปหน่อย แต่ฉันคิดว่ามันดีกว่าที่จะจัดการกับปัญหาของไอดอลกับผู้ชายอย่างละเอียดอ่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับยุคนี้
“ค-คือว่าเรื่องนั้น…ควรจะบอกว่าฉันบอกไม่ได้หรือมันต้องห้ามบอกดีล่ะ…”
เมื่อเธอละสายตาไปจากฉัน คุรุมิซากะซังก็เอานิ้วมือทั้งสองข้างของเธอชนเข้าหากันอย่างงุ่มง่าม
“มิสึกิซังเป็นคนขอให้เธอทำงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่นะ! รินจังไม่เกี่ยวอะไรเลย! ฉันแค่ทำด้วยตัวของฉันเองน่ะ!”
“อ๊ะ งั้นเองเหรอ”
เธอปฏิเสธอย่างหนัก เธอดูร้อนรนนิดหน่อย
“ฉันน่ะนะ อยากให้รินจังมีความสุขมากกว่านี้น่ะ เพราะเธอได้ผ่านช่วงเวลาที่ลำบากมากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้…”
“…”
เธอไม่ได้หมายความถึงในฐานะของไอดอลนักเรียน
ฉันรู้สึกว่าเธอใช้คำว่า “ยากลำบาก” ในทิศทางที่ต่างออกไป
“ฉันอยากให้รินจังน่ะ มีความสุขทั้งในฐานะไอดอล และในฐานะของเด็กผู้หญิงคนนึง ฉันไม่อยากให้เธอเลือกยอมแพ้อย่างใดอย่างหนึ่ง”
“งั้นเองสินะ…”
ฉันยังไม่เข้าใจสถานการณ์เลย
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกอันจริงจังของคุรุมิซากะซังก็ได้ส่งผ่านมายังหัวใจของฉันอย่างเจ็บปวด
“ช่วยสนิทกับรินจังในชีวิตจริงด้วยได้ไหม?”
“อา อืม…ฉันหวังว่าฉันจะสนิทและได้รู้จักกับตัวตนของมิสึกิซังมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้นะ…”
“ได้จริงเหรอ? โล่งอกไปที”
คุรุมิซากะซังถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอเป็นห่วงมิสึกิซังมากจริงๆ
“แล้วฉันควรจะทำยังไงดีล่ะ ถึงจะสนิทกับมิสึกิซังได้น่ะ?”
“เอ่อ…ก่อนอื่นฉันคิดว่าควรจะเปลี่ยนวิธีเรียกเธอก่อนนะ?”
“วิธีเรียก?”
“อืม ที่จริงแล้วนะ รินจังไม่ชอบให้คาสึคุงเรียกเธอเหมือนคนแปลกหน้าน่ะ”
“เอ๊ะ อย่างงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ เพราะงั้นจะดีกว่าถ้าคาสึคุงเรียกเธอว่ารินกะ”
“เอาจริงดิ? เดี๋ยวนะ แต่นั่นมัน…”
มันเป็นอุปสรรคสูงมาก
อย่างที่ฉันเคยพูดกับทาจิบานะและไซโตะ ฉันไม่มีความกล้าพอที่จะทำแบบนั้น
“ประหม่าจริงด้วยสินะ?”
“อืม ใช่แล้วล่ะ”
ทำไมฉันถึงทำไม่ได้?
แค่คิดใจฉันก็เต้นแรงแล้ว
“ถ้างั้นวันเสาร์หน้าคงเป็นโอกาสดี ฉันคิดว่าควรเริ่มจากการเรียกชื่อจากในโลกของเกมก่อน แล้วค่อยชินกับในชีวิตจริงไป”
“จะไหวไหมนะ…?”
มันมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการเรียกว่า ‘ริน’ กับ ‘รินกะ’
ความสำคัญมันต่างกัน
“ฉันจะตามไปด้วย เพราะงั้นพยายามให้ดีที่สุดเพื่อเรียกรินจังด้วยชื่อให้ได้นะ!”
“…เข้าใจแล้ว”
ฉันพยักหน้ายอมรับให้กับคุรุมิซากะซังซึ่งพูดแกมบังคับเล็กน้อย
การกดดันบังคับแบบนี้ช่างคล้ายกับมิสึกิซัง
“ขอบคุณนะคาสึคุง! สมแล้วล่ะนะ!”
“…คุรุมิซากะซังเนี่ย แข็งแกร่งกว่าที่ฉันคาดไว้อีกนะ…”
สิ่งที่ฉันถูกขอร้องคือการเป็นเพื่อนสนิทที่แท้จริงของมิสึกิซัง
[[ TL : ไม่ใช่โว้ย ]]
ฉันมีงานอดิเรกทั่วไปอย่างเกมออนไลน์ ดังนั้นฉันจึงอยากจะเชื่อว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก
“อย่างที่ว่าแหละคาสึคุง เพราะงั้นได้โปรดแลกข้อมูลติดต่อกับฉันด้วยเถอะค่ะ”
“เอ๊ะ จะดีเหรอ?”
“แน่นอนสิ! เพื่อให้รินจังกับคาสึคุงอยู่ด้วยกัน—ไม่ใช่สิ เราต้องหารือกลยุทธ์สำหรับให้ทั้งสองคนสนิทกันได้ใช่ไหมล่ะ เพราะงั้นฉันคิดว่าการรู้ข้อมูลติดต่อของกันและกันจะสะดวกกว่า แน่นอนว่าเราต้องห้ามไม่ให้รินจังรู้เรื่องนี้เข้าเด็ดขาดเลย”
“อืม จริงด้วยนะ…”
ถ้ามิสึกิซังรู้เกี่ยวกับการประชุมลับนี้เข้า เธอคงจะโกรธแน่นอน
ดังนั้นมันจึงจำเป็นต้องเก็บเป็นความลับเพื่อปกป้องจุดยืนของคุรุมิซากะซังด้วย
“งั้นเรามาแลกข้อมูลติดต่อกันเลยไหม”
ฉันหยิบสมาร์ทโฟนออกมาตามที่เธอบอก
เราแลกเปลี่ยนข้อมูลติดต่อกันสำเร็จโดยไม่ติดขัดอะไร
“ดีล่ะ เท่านี้ก็โอเคแล้วสินะ!”
ด้วยเหตุนี้ ข้อมูลติดต่อของสองไอดอลสุดฮอตจึงถูกบันทึกลงในสมาร์ทโฟนของฉันแล้ว
…สมาร์ทโฟนเครื่องนี้อาจจะมีมูลค่ามากที่สุดในโลกแล้วก็ได้
“ภารกิจเพื่อมิตรภาพที่ดีของรินจังและคาสึคุงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!”
“…อ-โอ้วว?”
อะไรกันนะ แบบนี้
รู้สึกเหมือนถูกล้อมรอบไปด้วยคูเมือง
ก่อนที่ฉันจะได้คิดอะไร ฉันรู้สึกเหมือนว่าคุรุมิซากะซังบังคับให้มีส่วนร่วมด้วยแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามันจะทำให้ฉันได้รู้จักตัวตนของมิสึกิซังมากกว่าที่ฉันเป็นอยู่ในตอนนี้ฉันก็มีความสุข
ปัญหาคือถ้าคนทั่วไปรู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็…
โชคยังดีที่เรามีโลกธรรมดาที่แยกออกมาจากโลกแห่งความเป็นจริงอยู่
มันจะไม่เป็นอะไรตราบใดที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดลงไป
***
ช่วงเย็นของวันเดียวกัน
มิสึกิซังโทรหาฉันตอนที่ฉันกำลังเล่นเกมออนไลน์อยู่ที่บ้าน
“…?”
ในขณะที่ฉันคิดว่าหายากที่เธอจะโทรมา ฉันก็หยุดขุดเหมืองแล้วหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล คาสึโตะคุงใช่ไหม? ขอโทษนะที่จู่ๆก็โทรมาอย่างกระทันหัน”
“ไม่หรอก ไม่เป็นไรหรอก”
นอกจากเสียงของมิสึกิซังแล้ว ฉันยังได้ยินเสียงของเด็กสาวที่พูดคุยกันอย่างคึกคักเบาๆจากสมาร์ทโฟนของฉันด้วย
เป็นเสียงที่มีคุณภาพเหมือนไอดอล
มิสึกิซังโทรหาฉันระหว่างกำลังทำงานงั้นเหรอ?
“เวลาพักใกล้จะหมดแล้ว เพราะงั้นคงคุยนานไม่ได้ก็เถอะ แต่…ฉันมีเรื่องนึงที่อยากจะถามคาสึโตะคุงให้ได้อยู่”
“อะไรงั้นเหรอ?”
ฉันตอบกลับไปโดยไม่ได้คิดอะไรมาก
…แต่นั่นกลับกลายความผิดพลาด
มิสึกิซังถามคำถามด้วยน้ำเสียงโทนต่ำเย็นยะเยือกต่างจากเธอตามปกติ
“—-ไปทำอะไรกับเด็กผู้หญิงคนนั้นในช่วงพักของวันนี้งั้นเหรอ?”
.
.
.
*———-จบตอน———-*
Oomaevils
วะ ฮะฮ่าๆๆๆๆ…?????ยังไม่ทันแต่งจริง ตำนานพ่อบ้านใจกล้าก็เริ่มเปิดแล้วว้อยยยยย