Chapter : 11 ชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป
.
.
.
“…หาาา~ว”
ฉันตื่นลุกขึ้นจากเตียงในยามเช้า
มองแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องผ่านช่องว่างของผ้าม่าน และหยิบสมาร์ทโฟนที่วางไว้ข้างเตียงขึ้นมา
มีเมลแจ้งเตือนสองฉบับ
ผู้ส่งทั้งสองฉบับคือมิสึกิซัง
“หายากแฮะ”
มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้รับเมลตั้งแต่เช้าตรู่แบบนี้
เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ฉันแตะหน้าจอเพื่อดูเนื้อหาข้างใน
[อรุณสวัสดิ์ค่ะคาสึโตะคุง วันนี้อากาศสดใสดีเนอะ อย่าไปสายล่ะ?]
…ปกติแฮะ
ไม่ดิ ปกติก็เห้ละได้รับเมลต้อนรับยามเช้าจากไอดอลสุดดังอย่างงี้
แต่อย่างไรเนื้อหาก็ปกติดี
จากนั้นจึงดูเมลที่สอง
[รักนะ คาสึโตะคุง]
“อ๊ะ!…อะ…อ.ออ-อะไ-…!”
จะตรงไปแล้วเฟ้ย
ความง่วงปลิวหายไปในทันที
งี้เอง นี่คือพลังของเมลในยามเช้าสินะ…!
“เธอไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย…เป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนนี้หรือป่าวนะ?”
บางทีอาจจะไปเปิดโดนสวิตซ์อะไรบางอย่างในตัวของมิสึกิซังเข้าก็ได้
แต่แบบนี้มันอันตรายต่อหัวใจของฉันตั้งแต่เช้าเลยแฮะ
“แล้วฉันควรจะ…ตอบกลับยังไงดีล่ะเนี่ย”
ฉันควรจะตอบกลับไปว่า [รักนะ] ด้วยดีไหมนะ?
“ไม่ไหวอะ เป็นไปไม่ได้ ไม่ทางหรอก มันน่าอายเกินไป!”
แล้วฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าตนเองชอบมิสึกิซังด้วยหรือป่าว
ฉันเพียงแค่รู้สึกชื่นชมและเคารพเธอเท่านั้นเอง
แน่นอนว่าฉันก็เหมือนเด็กผู้ชายมอปลายวัยเดียวกัน ต้องมีความคิดอยากจะเป็นคู่รักและมีความสัมพันธ์อันหวานแหววด้วยกันกับมิสึกิซังอยู่แล้ว
แต่พอถามว่ามันเป็นความรู้สึกแบบโรแมนติกไหม มันก็ต้องเอียงหัวอีกครั้ง…
“…ก่อนอื่นก็ต้องตอบกลับไปว่า อรุณสวัสดิ์ วันนี้อากาศสดใสดีเนอะ ก่อนสินะ”
ตั้งแต่วันที่ฉันได้รู้ตัวจริงของริน เหตุการณ์อันไร้สาระและไม่น่าเชื่อก็ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ความคิดและจิตใจของฉันก็ยุ่งเหยิงจากชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“จะเป็นยังไงต่อละเนี่ยจากนี้…ฉันพูดคำนี้ไปกี่รอบแล้วนะ”
***
“ไง อายาโนะโคจิ”
“อรุณสวัสดิ์ คาสึโตะคุง”
ทันทีที่ฉันถึงโรงเรียนและนั่งลงบนที่ของตัวเอง พวกเขาก็เข้ามาพูดคุยกับฉัน
ใบหน้าของทั้งคู่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวังราวกับว่าต้องการรู้อะไรบางอย่าง
“อรุณสวัสดิ์…แล้ว มีอะไร?”
“เฮ้ยๆ อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นดิ…เรื่องมิสึกิเป็นไงบ้าง?”
ว่าแล้วเชียวหัวข้อหลักคือนั่นสินะ
ไซโตะก็มองมาที่ฉันด้วยสายตาเป็นประกายภายใต้แว่นตาของเขา
“เป็นไงบ้างงั้นเหรอ…ฉันเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน”
ฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายจากตรงไหนดี
ฉันจึงตอบไปอย่างคลุมเครือ
ถ้าให้อธิบายง่ายๆก็คือมิสึกิซังไม่ใช่แค่ชอบฉัน แต่ตั้งใจจะเป็นภรรยาเลยต่างหากก็คงจะได้
เป็นคำอธิบายอย่างสั้นๆง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม ฉันต้องเตรียมใจให้พร้อมเพื่ออธิบายอย่างสั้นๆ
เมื่อเห็นฉันปิดปาก ทาจิบานะก็ลดตาลงมองและยืนยันให้แน่ชัด
“อายาโนะโคจินาย…โดนปฏิเสธมาสินะ!?”
“เอ๊ะ?”
“การท้าทายลองเรียกชื่อล้มเหลวสินะ!?”
“ไม่ใช่ ฉันยังไม่ได้ลองเรียกชื่อเธอเลย…”
“เดี๋ยวก่อนนะอายาโนะโคจิคุง อย่าบอกนะว่านายโดนปฏิเสธก่อนที่จะได้ลองเรียกชื่อเธอเสียอีกงั้นเหรอ!?”
นายมันบ้าบอเกินไปแล้ว! ไซโตะพูดอย่างหยาบๆ
…ถึงฉันจะพูดไปด้วยก็เถอะ ว่าแต่การท้าทายลองเรียกชื่อนี่มันคืออะไรฟะ?
“เอ่อ เรื่องนั้น…ขอโทษด้วยนะอายาโนะโคจิ พวกเราแค่คิดว่ามิสึกิชอบนายจริงๆเท่านั้นเอง”
“จริงด้วยนะ ผมเองก็ผิดด้วย…ขอโทษด้วยจริงๆนะ”
ทั้งสองคนขอโทษฉัน ความเริงร่าเมื่อครูหายไปโดยสิ้นเชิง
ถูกเขาใจผิดไปในทางตรงกันข้ามเลย
“มิสึกิปฏิเสธนายหลังให้ความหวังตั้งขนาดนั้น จะซึมก็คงไม่แปลกหรอก”
“ไม่ใช่แบบนั้น ฉันไม่แน่ใจว่าอธิบายไปพวกนายจะเชื่อรึป่าว…ฉันพูดไม่ค่อยถูกน่ะ…”
“นายไม่ต้องฝืนตัวเองหรอกนะ อายาโนะโคจิคุง เพื่อเป็นการขอโทษ เดี๋ยวผมยกไลท์โนเวลบางเล่มที่เก็บสะสมตั้งแต่ม.ต้นให้นายนะ”
“โอ๊ะ งั้นฉันก็จะให้พริกหยวกนายสามอันด้วย”
“ว่าไงนะ!? ถ้างั้นล่ะก็ผมก็จะให้มะเขือยาวห้าลูกเลย!”
“งั้นเจ็ดเป็นไง!” “สิบ!” “สิบสองล่ะ!” “ยี่สิบ!” “ร้อยไปเลย!”
“เป็นคนขายผักรึไงกัน!? พวกนายจะมีผักกันเยอะเกินไปไหมเนี่ยห้ะ!”
เอาจริงๆเล๊ย ไอ้เจ้าพวกนี้…!
ขณะที่ฉันจ้องพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา ทาจิบานะและไซโตะก็แสดงท่าทีอ่อนโยนแล้วยื่นมือมาแตะไหล่ฉัน
“ในที่สุดก็กลับเป็นอายาโนะโคจิคนเดิมแล้วสินะ”
“ห๊ะ?”
“จากการคำนวณของผมแล้วมีโอกาส 97% ที่อายาโนะโคจิคุงจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว การตบมุกเมื่อกี้เป็นหลักฐานอย่างดี”
…เจ้าพวกนี้มันอะไรกันน่ะ
อย่าบอกนะว่าพวกนายเล่นมุกห่วยๆของเด็กประถมนั่นเพื่อให้กำลังใจฉันงั้นเหรอ?
“ถ้าลองคิดดูดีๆแล้ว คงไม่มีทางที่ไอดอลสุดดังอย่างมิสึกิเนี่ย จะมาตกหลุมรักกับคนอย่างอายาโนะโคจิที่เป็นเนิร์ดติดเกมไม่เข้าสังคมหรอก”
“นั่นสินะ จากการคำนวณของผมแล้วมีโอกาส 79% ที่มิสึกิซังจะมองอายาโนะโคจิคุงเป็นสัตว์หายาก มันคงไม่ได้เป็นความรู้สึกแบบโรแมนติกหรอก”
“พวกนายพูดตามใจชอบกันเกินไปละ…ก็ได้ๆๆ เซ้าซี้จัง ฉันพูดก็ได้”
คงไม่มีทางเลือก มีแต่ต้องบอกความจริงไป ถ้าจะโดนล้อเล่นอยู่แบบนี้ล่ะก็นะ
ทาจิบานะและไซโตะรอฟัง ฉันจึงเล่าความจริงให้ฟัง
“มิสึกิซังน่ะ…ตั้งใจจะเป็นภรรยาของฉันแม้แต่ในชีวิตจริง”
““ห๊ะ?””
ความจริงนี้ทำให้ตาของพวกเขากลายเป็นจุด
ทั้งสองคนเปล่งเสียงโง่ๆออกมา มองหน้ากันและกระพริบตาปริบๆ
แล้ว…
“ฟุ ฮะฮะฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่เอาน่าอายาโนะโคจิ! ถึงจะหลอนเพ้อเจ้อแค่ไหนแต่นี่มันก็มากเกินนะ! ฮะฮะฮ่าฮ่าฮ่า!”
“อุฟ! อ-อายาโนะโคจิคุง! ต่อให้ยังไง…อุฟฟ!”
“…”
ทั้งสองหัวเราะจนท้องแข็ง
ฉันรู้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อ แต่ก็ไม่นึกว่าจะหัวเราะกันหนักขนาดนี้
เอาเถอะ ก็คงปกติแหละ
มันไม่น่าเชื่อจริงๆแหละที่ไอดอลสุดดังมิสึกิ รินกะจะไม่เพียงแต่ชอบเด็กเนิร์ดติดเกมเท่านั้น แต่ยังคิดว่าตัวเองเป็นภรรยาของเขาด้วย
“ฟู่ว~ ฉันไม่ได้หัวเราะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์เลยนะเนี่ย”
“นั่นสินะ…หัวเราะกันหนักมากจนอยากเข้าห้องน้ำเลย”
“ฉ-ฉันเองก็ด้วย อายาโนะโคจิล่ะ ไปด้วยกันไหม?”
“จะไปได้ไงกันเล่า!”
ฉันชักสงสัยว่าฉันจะทนไปห้องน้ำพร้อมกับพวกเขาที่หัวเราะเยาะฉันอยู่อย่างงี้ได้หรือป่าว
ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้ มองคนสองคนที่หัวเราะคิกคักเดินออกจากห้องเรียนไป
“…ชิ”
ทั้งที่ทางนี้จริงจังอยู่แท้ๆ
ฉันจะไม่ไปปรึกษาอะไรกับเจ้าพวกนั้นอีกแล้ว
*
“เอ่อ คือ…อายาโนะโคจิคุง ตอนนี้รบกวนนิดนึงได้ไหม?”
เด็กนักเรียนหญิงตัวเล็กๆ พูดกับฉันราวกับต้องการถามคำถามอย่างหวาดๆ
เธอคือฮิเมกาวะซังจากห้องเดียวกัน
ทรงผมของเธอเป็นเปียสองข้าง บรรยากาศโดยรวมของเธอชวนให้นึกถึงสัตว์น้อยตัวเล็กๆ
ลักษณะของเธอค่อนข้างดูน่ารัก แต่เธอก็มีบุคลิกที่ค่อนข้างเงียบและไม่ใช่ประเภทที่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ
สิ่งที่เด่นชัดในความทรงจำของฉันคือเธอมักจะพูดคุยกับเพื่อนของเธออย่างเงียบๆ ที่มุมหนึ่งของห้องเรียน
“ตอนนี้ก็ว่างอยู่หรอก มีอะไรงั้นเหรอฮิเมกาวะซัง?”
“ค-คือว่า…ออกจะกระทันหันไปหน่อยก็เถอะ ช่วย…เลือกนิ้วหน่อย…ได้ไหมคะ?”
“นิ้ว?”
ฮิเมกาวะซังกางมือขวาเล็กๆของเธอเบาๆแล้วยื่นมาให้ฉัน
มันกระทันหันจริงๆนั่นแหละ
นี่มันอะไรกันละเนี่ย
“ล-เลือกมาสักนิ้ว…”
“เพื่ออะไรเหรอ?”
“เอ่อ นั่นมัน…”
ฮิเมกาวะซังพะงาบปากอย่างงุ่นง่าน
เธอเขินอาย ร่างกายเล็กๆของเธอสั่นเทาและพูดอะไรไม่ออก
นอกจากนี้แก้มของก็แดงระเรื่อเล็กน้อย
เมื่อฉันมองไปที่ฮิเมกาวะซังฉันก็สังเกตเห็นบางสิ่ง
ด้านหลังของฮิเมกาวะซัง
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในแถวติดโถงทางเดินกำลังมองมาที่เราพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
ฉันคิดว่านี่คงเป็นการแกล้งกันหรือเกมลงโทษอะไรบางอย่าง
เมื่อคิดแบบนั้น ฉันก็รู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย
…ยังไงก็ตามฉันควรจะเลือกนิ้วก่อนสินะ
ฉันเลือกนิ้วกลางของฮิเมกาวะซังอย่างเบาๆ
“อะ…นิ้วกลาง งั้นเหรอ…”
“เอ๊ะ? มันผิดงั้นเหรอ?”
“ม-ไม่หรอก ก็ดีค่ะ…”
ผิดหวัง? เศร้า? แม้ว่าฉันจะดูไม่ออก แต่ฮิเมกาวะซังก็กลับไปหาเพื่อนพร้อมกับความรู้สึกลบ
“…อะไรกันน่ะ?”
ฉันเอียงศีรษะอย่างไม่เข้าใจความหมายของการกระทำของพวกเธอ
*
—-ฉันรู้เรื่องนี้ในอีกไม่กี่วันต่อมา ดูเหมือนที่ฉันจะถูกบังคับให้เล่นคือ ‘นิ้วทำนายดวงชะตา’
มันสามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายคิดกับเรายังไงโดยการเลือกนิ้ว
ดูเหมือนว่าความหมายจะเปลี่ยนไปขึ้นอยู่ว่าอีกฝ่ายเป็นเพศเดียวกันหรือเพศตรงข้าม
อย่างไรก็ตาม กรณีหากถูกเลือกโดยเพศตรงข้าม ความหมายคือ
・นิ้วโป้ง ที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้
・นิ้วชี้ พันธมิตรทางธุรกิจ
・นิ้วกลาง เพื่อนปกติ
・นิ้วนาง คนที่คุณอยากแต่งงานด้วย
・นิ้วก้อย เนื้อคู่
ฉันได้ยินมาว่ามันเป็นแบบนั้น(มันเป็นเพียงการดูดวง)
ในกรณีนี้ ฉันเลือกนิ้วกลางของเธอ มันหมายความว่าฉันคิดกับฮิเมกาวะซังเป็นแค่เพื่อนปกติ—-
*
“…บางนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ฉันได้แตะนิ้วของเด็กผู้หญิง”
ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกได้ปกคลุมไปทั่วร่างกายของฉัน
มันทั้งเล็กและนุ่ม—-เจ้ย!
ฉันสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจึงมองหันกลับไป
มันมาจากทางมิสึกิซัง
แต่เธอกำลังแตะสมาร์ทโฟนอยู่
คิดไปเองงั้นเหรอ?
ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนในกระเป๋ากางเกง
ฉันเปิดดูมันคือ…
[เหมือนว่าคืนนี้เรามีเรื่องต้องคุยกันนะคะ?]
ถึงจะไม่เข้าใจก็เถอะ แต่ดูเหมือนว่าฉันควรจะขอโทษเธอก่อน
[ขอโทษด้วยครับ]
[วันนี้ตอนพักเที่ยง กรุณามาที่หลังโรงเรียนเพื่อไม่ให้ใครพบด้วยค่ะ จะมาหลังกินข้าวเสร็จก็ได้ค่ะ]
[เอ่อคือ ปฏิเสธได้ไหม?]
[ช่างเป็นสามีที่โหดร้ายอะไรอย่างนี้ ภรรยาของตัวเองอยากจะใช้เวลาพักเที่ยงด้วยกันแท้ๆ แต่จะปฏิเสธเธออย่างงั้นน่ะเหรอคะ?]
ไหงเรากลายเป็นคู่แต่งงานไปซะแล้ว
[…ไปครับ]
[ดีจังเลย ฉันไม่เคยตั้งตารอพักเที่ยงมากเท่านี้มาก่อนเลยค่ะ]
มันคือความสุขหรือความปราถนาที่มาจากความรู้สึกอันดำมืดกันนะ ฉันไม่รู้เลย
มันเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้รับเชิญจากมิสึกิซัง
แต่ว่าครั้งนี้มัน…
“น่ากลัวนิดหน่อยแฮะ”
.
.
.
*———-จบตอน———-*
MANGA DISCUSSION