ชิราคาวะซังเธอได้เจอกับคลิปมากมายที่ KEN เป็นคนทำ
ส่วนเจ้า ‘คลิปเล่นเกม’ ที่เธอชอบและติดใจอย่าง ‘ซีรีย์การนอกใจ’ นั้นไม่ได้ทำตอนต่อไปอีกแล้วเพราะอย่างนั้นความตื่นเต้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆของชิราคาวะซังก็น่าจะจบลงในอีกไม่กี่วันนี้
ยังไงซะการที่ได้พูดคุยกับชิราคาวะซังเกี่ยวกับเรื่องของ KEN แบบนิ้มันทำให้ผมมีความสุขราวกับฝันไปเลยล่ะ
ทำยังไงดีล่ะ?
นับวันผมก็ยิ่งตกหลุมรักชิราคาวะซังมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ในเวลาเดียวกันผมก็รู้สึกโดนแรงผลักดันด้วยความรู้สึกที่อยากจะเข้าไปสัมผัสเธอ
และมันก็ทำให้หน้าอกของผมมันแน่นไปหมด
ผมรู้สึกว่าผมคงจะรอเดทของพวกเราในช่วงสุดสัปดาห์นี้ไม่ไหว
และในวันอาทิตย์ต่อมาผมก็ได้ไปยังสวนสัตว์กับชิราคาวะซัง
“โอ้โห! นกฮูกคอมันประหลาดจัง! นี่ไม่ใช่ว่าคอมันหักแล้วเหรอนั่น?”
จู่ๆชิราคาวะซังก็ตื่นเต้นสุดๆเมื่อได้เห็นเจ้านกฮูกหมุนคอ 180 องศาที่อยู่ใกล้ๆตรงทางเข้าสวนสัตว์
“ดูน้องแพนด้าสิ! แพนด้า อุหวาวว! ~! เห็นว่ามันเป็นที่นิยมสุดๆเลยนี่เนอะ”
เธอโหวกเหวกโวยวายใส่หมีแพนด้ายกใหญ่เลย
“…..แพนด้าพวกมันน่ะค่อนข้างที่จะซกมกเลยใช่ม้า~ อีกอย่างนึงพวกมันจะไม่ตัวใหญ่เกินไปหน่อยเหรอเนี่ย? แบบนี้ก็ไม่ใช่ต้าวน้องตัวเล็กเเล้วน่ะสิ………”
แพนด้าของจริงที่พวกเราเห็นกันมันต่างจากที่พวกเราคาดคิดไว้
จนทำให้ความดีดของชิราคาวะซังลดลงไปหน่อยๆ
“หวา~ น้องเสือน่ารักจังเลย นี่ๆพวกมันดูเหมือนแมวเลยไม่ใช่เหรอเนี่ย แถมลวดลายบนตัวเองก็ดูสวยมากเลย คิดแล้วชั้นเองก็อยากลองใส่ชุดลายนั้นบ้างจังเลยนะ!!”
เธอเอาตัวไปติดหนึบกับกรงของเสือเบงกอลแล้วก็ออกอาการประทับที่ไม่มีใครเหมือนออกมา
“รู้งี้วันนี้ชั้นน่าจะใส่ชุดที่มันมีลายสัตว์มาด้วยก็ดีสิ!! พวกมันก็อาจจะคิดว่าชั้นเป็นพวกเดียวกัน ถ้าเกิดว่าเผลอตกลงไปล่ะก็นะ”
แล้วเธอก็กำลังคิดไตร่ตรองถึงเรื่องกายแต่งตัวของตัวเองราวกับว่ากำลังนึกเสียใจ
แฟชั่นของชิราคาวะซังในวันนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม
แต่งตัวเหมือนกับสาวแกลแบบจัดเต็ม
เธอสวมเสื้อเปิดไหล่ตามปกติพร้อมกับกางเกงขาสั้นที่เป็นผ้ายีนส์ที่มีรอยขาดเยินๆและกระเป๋าเป้สะพายหลังที่เป็นหนังสังเคราะห์ที่มีสายสะพายยาวส่วนรองเท้าของเธอเองก็ยังคงเป็นส้นสูงเหมือนเคย
แต่ยังไงงานนี้ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าผ้าเดนิมและกระเป๋าเป้สะพายหลังจริงๆที่ทำให้ภาพลักษณ์โดยรวมเธอดูเป็นกันเองเพราะฉะนั้นแล้วเธอเองก็อาจจะคิดถึงเรื่อง เวลา,สถานที่และโอกาสของตัวสวนสัตว์ในรูปแบบของตัวเธอเอง
และเพราะแบบนั้นเราก็เลยเดินดูสัตว์ต่างๆเป็นเวลาร่วมชั่วโมงเศษๆจนในที่สุดท้องผมมันก็เริ่มหิวขึ้นมา
วันนี้เรานัดเจอกันที่สถานี A ตอน 11 โมง และตอนนี้ก็ปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าแล้ว
เพราะมันเป็นวันอาทิตย์ตามสถานที่ต่างๆเองผู้คนก็เลยเยอะเป็นพิเศษ
สถานที่ที่จะสามารถไปนั่งทานมื้อเที่ยงได้ก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ต่างพากันมาทานมื้อเที่ยงเหมือนกัน
“แล้วชิราคาวะซังอยากจะทานอะไรไหมครับ? ดูเหมือนว่าอาหารที่พวกเขาขายในเมนูมันจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่นะครับ…..”
แล้วเมื่อผมถามเธอไป
“อ๊ะ…”
เธอส่งเสียงออกมาเบาๆและหลบสายตา
“หืม?”
ชิราคาวะซังมองมาที่ผมอีกครั้งและก็หลับตาลง
“เป็นอะไรไปครับ? ยังไม่หิวงั้นเหรอครับ?”
“คือ….”
เพราะชิราคาวะซังไม่ตอบให้ชัดเจนมันก็เลยทำให้ร่างกายของเธอดูหดเล็กลงเหมือนกับว่าเธอกำลังเขินอายอยู่
ไอ้การนิ่งเงียบแบบนี้มันไม่ใช่ปฏิกิริยาตามปกติของเธอเลย มันก็เลยมีเครื่องหมายคำถามวนเวียนอยู่ในหัวของผม
“เอ่อ……งั้นเธอยังอยากจะเดินดูรอบๆดูพวกสัตว์อีกไหมล่ะครับ? เราดูตรงพื้นที่ตะวันออกไปเกือบหมดแล้ว เพราะฉะนั้นก็เหลือตะวันตก….”
“นี่……คือว่า ฟังนะ!”
ชิราคาวะซังก็ยอมพูดขึ้นในที่สุด
ใบหน้าของเธอแดงเล็กน้อย
“หืม? มีอะไรเหรอครับ?”
พอผมถามเธอชิราคาวะซังก็ยิ่งหน้าแดงเข้าไปอีกและเริ่มพูดอย่างประหม่า
“อืม……ชั้นก็ไม่แน่ใจเลยจริงๆว่าควรที่จะเอาให้นายดีไหมแต่เนื่องจากชั้นตื่นตั้งแต่เช้าแล้วก็พยายามทำออกมาให้ดีที่สุดถึงแม้ว่ามันจะแค่เล็กๆน้อยๆก็เถอะ……….แต่ชั้นก็หวังว่านายจะรับมันไว้นะ”
“เอ๊ะ?”
“เพราะฉะนั้น!”
ขณะที่เธอพูดชิราคาวะซังก็วางกระเป๋าสะพายที่เธอถืออยู่แล้วก็หยิบบางอย่างออกมาจากข้างในกระเป๋า
“เอ้านี่! มื้อเที่ยงชั้นทำเองแหละ”
“เอ๊ะ……….เอ๋!!”
ไม่รู้แล้วว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ มื้อเที่ยงงั้นเหรอ?
มื้อเที่ยงที่ทำโดยชิราคาวะซัง!?
ผมดูของที่เธอยื่นส่งมาให้ผมและมันคือกล่องมื้อเที่ยงอย่างแน่นอน
กล่องพลาสติกอนินทรีย์สีขาวเรียบง่ายที่ไม่เหมือนกับตัวชิราคาวะซังเลย
เธออาจจะยืมมาจากครอบครัวของเธอเอง
“ชิราคาวะซังเป็นคนทำเองเหรอครับ!? มื้อเที่ยงนี่!?”
ด้วยความตกใจสุดขีดผมจึงได้เผลอถามเธอด้วยน้ำเสียงดังลั่นออกไปโดยที่ไม่ทันรู้ตัว
“อื้อ……”
ชิราคาวะซังเธอกลับมาด้วยเสียงอ่อนๆส่วนแก้มของเธอก็ดูแดงก่ำและเธอก็หลับตาลง
“ริวโตะเองก็พูดอะไรอย่างตัวชั้นกับงานพาร์ทไทม์ที่ร้านขายเค้กแล้วดูเหมือนว่านายจะชอบอะไรแบบนั้นด้วย เพราะงั้น………ชั้นไม่เคยลงมือทำอาหารหรืออะไรแบบนั้นมาก่อนเลยแต่……พอคิดว่าริวโตะอาจจะรับมันไปอย่างมีความสุขแล้วชั้นก็………รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองอยากจะลงมือทำอะไรสักอย่างน่ะ”
“ชิราคาวะซัง……..”
ผมมองไปที่เธออีกครั้ง
ผมหยิกยาวสีอ่อนๆของเธอและเล็บที่ยาวแวววาวของเธอนั้นช่างตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ที่ดูอบอุ่นของเธอและดูจากรูปร่างหน้าตาของมันแล้วเธอก็อาจจะยังทำอาหารไม่เก่งนักและพอคิดว่าชิราคาวะซังเธอทำมื้อเที่ยงให้ผมแล้ว……ผมก็มีความสุขมากซะจนขวัญหนีดีฝ่อ
“ถ้าไม่อยากก็ไม่เป็นอะไรนะ! เดี๋ยวชั้นจะกินทั้งหมดนี่เอง!”
เมื่อผมลำบากใจที่จะรับกล่องมื้อเที่ยงที่เธอยื่นเสนอให้
ใบหน้าของชิราคาวะซังก็บิดเบี้ยวจนเกือบจะร้องไห้ออกมาและด้วยใบหน้าที่แดงก่ำนั้นเธอก็ขมวดคิ้วและลดมือที่ถือกล่องอาหารลง
“ไม่ใช่นะครับ เอาครับ!! ขอบคุณนะครับชิราคาวะซัง”
ผมพูดกับเธออย่างตื่นตระหนกและยอมรับกล่องอาหารมื้อเที่ยงมา
เนื่องจากเราไม่ต้องซื้อมื้อเที่ยงแล้ว เราจึงพากันไปพักผ่อนบริเวณใกล้ๆนี้และทานมื้อเที่ยงกันที่นั่น
มันเป็นสถานที่กลางแจ้งแต่ก็มีหลังคาเล็กๆมุงอยู่พร้อมกับมีพวกโต๊ะเก้าอี้อยู่จำนวนมาก
“เอาจริงๆเลยนะ อย่าได้คาดหวังอะไรกับมันมากนะ………ชั้นไม่เคยทำมื้อกลางวันด้วยตัวเองมาก่อนเลยในชีวิต”
ชิราคาวะซังบอกกับผมอย่างเหนียมอายแต่ยิ่งเธอพูดมากเท่าไหร่มันก็เป็นผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกันและความคาดหวังของผมก็ยิ่งปะทุขึ้นมากเท่านั้น
ผมไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นมื้อเที่ยงแบบไหน
มื้อเที่ยงทำมือมื้อแรกของชิราคาวะซัง……อาหารกลางวันที่ผมในตอนนี้ได้มีโอกาสที่จะได้ลิ้มลองซึ่งแฟนเก่าของเธอไม่เคยได้มีโอกาสได้ชิม
ผมตื่นเต้นมากจนมือของผมสั่นระริกๆตอนที่กำลังเปิดฝา
“ไหนดูซิ….”
ด้วยสภาวะเอาจริงเอาจังผมก็เปิดฝากล่องแล้วก็ถึงเวลาพบกับอาหารกลางวันที่เผยให้เห็นตัวมันเองและความสมบูรณ์แบบของตัวอาหารกลางวัน
“โอ้…..?”
ข้าวห่อไข่
พื้นผิวทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยไข่บางๆสีเหลืองเพราะฉะนั้น
ก็ไม่ต้องสงสัยเลย
อย่างไรก็ตามตรงจุดสีเหลืองนั้นก็ดูไม่ปะติดปะต่อกันอยู่หลายจุดและก็เห็นข้าวสีแดงๆอยู่ด้านล่างและบางจุดก็มีสีน้ำตาลไหม้ๆอยู่ด้วย
ตัวบร็อคโคลีและมะเขือเทศเชอร์รี่ที่เป็นเครื่องปรุงแต่งจากตัวไข่เจียวที่ไม่สมดุลก็ถูกบดขยี้บี้แบนอย่างเจ็บปวดอยู่ที่มุมของตัวกล่อง
มื้อเที่ยงนี้ไม่ใช่การทำอาหารที่แย่อะไรเบอร์นั้น เช่นเดียวกับตัวคร็อกเก้สีดำไหม้แต่ก็เป็นอาหารกลางวันจริงๆและก็ทำได้ไม่เลวเลยสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็รีบร้อนพยายามทำอย่างสุดความสามารถให้มันออกมาให้ดีที่สุด
ชักจะไม่ดีแล้วสิความรักของผมที่มีต่อชิราคาวะซังกำลังจะทะลุทะลวงขึ้นสู่สวรรค์เพราะด้วยความกล้าหาญของเธอ
“เอ๊ะ ไม่มีทาง! มันไม่สมดุลสุดๆเลยนี่นา ! เอ๋ ~ ……ตอนชั้นทำเสร็จใหม่ๆมันดีกว่านี้อยู่นะ!”
เมื่อเธอดูสิ่งที่อยู่ด้านในเธอก็รู้สึกสับสน
“ไม่เป็นไรจริงๆครับ เอาล่ะ ได้เวลาทานกันแล้วครับ”
แล้วในตอนนั้นที่ผมกำลังจะจุ่มช้อนลงไปในข้าวห่อไข่
มือถือของผมก็สั่นสองถึงสามครั้งและเนื่องจากอยากรู้ว่ามันมีอะไรผมจึงหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วมองไปที่หน้าจอ
**นิโคล**
[ได้กินข้าวกลางวันไปรึยัง?]
[ถ้ากินเหลือล่ะก็ ชั้นฟาดนายยับแน่ๆ เข้าใจ๊?]
“เฮือก………”
มันคือ LINE จากยามานะซังนั่นเอง
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นใบหน้าที่แข็งทื่อของผมชิราคาวะซังก็มองไปที่หน้าจออย่างไร้เดียงสา
“อ๋า! จากนิโคลนี่นา”
ผมลืมตากว้างและจ้องไปที่หน้าต่างป๊อปอัพที่เด้งขึ้นมา
“เธอได้คุยเรื่องมื้อเที่ยงกับยามานะซังด้วยเหรอครับ?”
“จะว่ายังไงดีล่ะ………เช้านี้เธอโทรมาปลุกชั้นตั้งหลายรอบเพื่อให้ชั้นลุกทำมื้อเที่ยงเพราะงั้นชั้นก็เลยตื่นเช้า…….พ่อแม่ของชั้นพวกท่านก็นอนกันหมดในช่วงวันหยุดส่วนคุณย่าก็ไปเที่ยวกับเพื่อนๆที่เต้นฮูล่าด้วยกัน ก็ประมาณนั้นล่ะนะ”
“เอ๋ แล้วนาฬิกาปลุกของเธอล่ะครับ?”
“มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตื่นด้วยเจ้านั่นใช่ไหมล่ะ? เพราะชั้นก็ปิดมันทันทีที่มันปลุกแล้วก็กลับไปนอนต่อแต่ถ้าเป็นนิโคลล่ะก็เธอก็จะชวนชั้นคุยไปเรื่อยๆจนกว่าชั้นจะตื่นเลยล่ะ”
“……………….”
ชิราคาวะซังเนี่ยน่าทึ่งจริงๆเพราะถ้าเป็นผมล่ะก็แทนที่จะลากคนอื่นเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวอย่างให้มาปลุกผม
เป็นผมจะขอเลือกที่จะนอนต่อโดยเอานาฬิกาปลุกมาวางไว้บนท้องเหมือนระเบิดไดนาไมต์ยังจะดีซะกว่า
“แล้วยามานะซังเธอตื่นเช้าไหวเหรอครับ?”
“งืมมมม เธอทำงานพาร์ทไทม์จนดึกเลยล่ะเมื่อวานนี้น่ะ เธอก็แบบว่า ‘เมื่อยชิบหายเลยว้อย ! แต่ช่างแม่มเถอะ’ แล้วก็โมโหใหญ่เลยล่ะ”
งั้นเหรอครับ……..ความโกรธนั่นมันก็นำมาสู่ข้อความ LINE ตะกี้นี้เองสินะ
MANGA DISCUSSION