[นิยายแปล] Keiken Zumi na Kimi to, Keiken Zerona Ore ga, Otsukiai Suru Hanashi. - ตอนที่ 10 เซอร์ไพรส์
- Home
- [นิยายแปล] Keiken Zumi na Kimi to, Keiken Zerona Ore ga, Otsukiai Suru Hanashi.
- ตอนที่ 10 เซอร์ไพรส์
แล้วคุโรเสะซังก็มองไปรอบๆห้องด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อยและก็มาที่ตรงกลางห้อง….ในที่สุดเธอก็สบตากันกับผม
“…………..”
การแสดงออกบนใบหน้าของเธอหายไปในทันทีในขณะที่ปากของเธอเปิดออกเล็กน้อย
ผมรีบหลบตาแล้วก้มหน้าลง แต่ดูเหมือนว่าเธอจะสังเกตเห็นผมแล้ว
น่าอึดอัดใจชะมัด….
พอคิดว่าคนที่ปฏิเสธคำสารภาพรักของผมในอดีตถูกย้ายมาเรียนที่เดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นผมก็ค่อนข้างแน่ใจว่าเธอเองก็ชอบผมเหมือนกันและตื่นเต้นมากที่ผมเข้าไปสารภาพรักกับเธอแต่ผลมันกลับกลายเป็นว่าผมกลับโดนปฏิเสธอย่างน่าอัปยศอดสู
ตอนนี้ผมมีชิราคาวะซังอยู่แล้ว แฟนสาวที่แสนน่ารักเสียจนยอมพลีทุกอย่างให้ เพราะงั้นบาดแผลของผมมันก็สมานหายดีแล้วถ้าเทียบกับเมื่อก่อน
เท่าที่อีกฝ่ายเป็นกังวล เธอเองก็อาจจะไม่อยากย้อนความหลังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมด้วยเหมือนกัน ฉะนั้นผมเลยเลือกตัดสินใจที่จะหลีกเลี่ยงการเข้าไปเกี่ยวข้องกับ คุโรเสะ มาเรียให้มากที่สุด
แต่ถึงอย่างนั้น….
“เธอจะว่าอะไรไหม ถ้าที่นั่งของเธอจะเป็นตรงนี้น่ะคุโรเสะซัง? ที่ๆสามารถถามคำถามครูได้ง่ายๆจนกว่าจะชินกับคลาสได้ก็น่าจะดีนะ”
ตามดุลพินิจของอาจารย์โฮมรูมชั้น ที่นั่งของคุโรเสะซังคือโต๊ะด้านหน้าของโต๊ะอาจารย์
และนักเรียนที่นั่งแถวข้างๆผมก็ขยับที่นั่งไป ให้พูดอีกนัยนึงก็คือ…..
ที่นั่งของ คุโรเสะ มาเรีย ก็คือข้างๆผมนั่นเอง….
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
หลังจากนั่งลงเสร็จสิ่งแรกที่เธอทำก็คือทักผู้ชายที่อยู่ข้างๆเธอที่อยู่ฝั่งตรงข้ามผม
“คะ-ครับ! ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
หน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงหน่อยๆและจ้องไปที่คุโรเสะซังด้วยแววตาที่มึนงง
ผมรู้ดีเลยว่าเขารู้สึกยังไง ไม่ว่ายังไงเธอก็คือสาวสวยในระดับที่แม้แต่ไอดอลตัวจริงเสียงจริงยังต้องอาย ผมก็คงจะออกอาการแบบเดียวกันถ้าไม่ติดเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมมาก่อนแล้วในอดีต
หลังจากทักทายเขาเสร็จ คุโรเสะซังก็หันหน้ามาหาผม
มาแล้วสินะ…….
ผมละสายตาก้มมองต่ำแสร้งทำเป็นไม่สนใจเธอในขณะที่ตัวเองกำลังเตรียมตัวเตรียมใจ
คุโรเสะซังจ้องมองมาที่ผมอย่างเงียบๆไม่ขยับเขยื้อนอยู่ขณะนึงพร้อมกับมีป้ายเด้งขึ้นมาจากเธอซึ่งป้ายมันเขียนบอกว่า “ชั้นไม่คิดว่า ชั้นเคยเจอเขามาก่อนนะ แต่ก็….”
“อืม….ใช่ คาชิมะคุงรึเปล่า?”
เพราะงี้ผมก็เลยเงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างไม่เต็มใจ
ว้าว เธอช่างน่ารักเสียจริง……แต่ก็แน่นอนว่าตอนนี้ผมชอบชิราคาวะซังจนหมดหัวใจไปแล้ว
“อะ-อื้อ ใช่แล้วล่ะ”
จากนั้นคุโรเสะซังก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ นี่ถ้าเป็นผมเมื่อสองสัปดาห์ก่อนก็คงจะตกหลุมรักเธออีกรอบไปแล้ว เป็นรอยยิ้มของเพรชฆาตที่น่ารักมากจริงๆ
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะได้นั่งใกล้กันอีกน่ะ ช่างบังเอิญจริงๆ ขอฝากตัวด้วยนะ”
“อื้ม ทางนี้ก็เหมือนกันนะ”
ผมตอบกลับเธอสั้นๆแล้วก้มหน้าลงอีกครั้ง
ทันทีที่คุโรเสะซังหันไปทางด้านหน้า เด็กผู้หญิงที่นั่งข้างหลังเธอก็สะกิดเธอทันที แล้วพูดอะไรบางอย่างกับเธอ
“อื้ม ใช่แล้วจ้ะ เราเรียน ม.ต้น ที่เดียวกันน่ะ”
ชัดเลยว่าเธอถูกถามเรื่องเกี่ยวกับผม
ผมตัดสินใจถูกแล้ว
ทุกคนก็ต่างพากันต้องการที่จะทำความรู้จักกับนักเรียนแลกเปลี่ยนสาวสวยคนนี้และไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าบทสนทนาบางหัวข้อจะไม่ทำให้พวกเขาได้รู้ถึงเรื่องสารภาพรักในอดีตของผม
ผมก็เลยคิดว่าคงเป็นการดีที่สุดที่จะรักษาระยะห่างจากคุโรเสะซังให้มากที่สุด
แต่ยังไงซะ หลังจากนั้นคุโรเสะซังก็ยังเอาแต่ชวนผมคุยซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ได้
“คาชิมะคุง อรุณสวัสดิ์นะ”
เธอมักจะทักทายผมทุกๆเช้า บางครั้งก็บอดี้ทัชด้วยการที่แขนของเราแตะโดนกันเบาๆ
และวันหนึ่ง….
“คาชิมะคุง ถ้าหากว่านายชอบก็ลองกินนี่ดูสิ ชั้นพึ่งทำมันเมื่อวานนี้น่ะ”
เธอก็ยังแบ่งคุกกี้ของเธอจากกล่องทัปเพอร์แวร์ให้ผมอีกด้วย
แล้ววันหนึ่งระหว่างที่กำลังเรียนวิชาคณิตศาสตร์เธอก็พูดขึ้นมาว่า
“ขอโทษนะ พอดีชั้นลืมเอาหนังเรียนมาน่ะ ขอดูหนังสือของนายด้วยได้ไหม?”
และเราก็แชร์หนังสือเรียนกันดูโดยการเอาโต๊ะเข้ามาชิดกัน
“นี่ คาชิมะคุง…….”
อาจารย์ไปที่ห้องพักอาจารย์เพื่อไปเอาสื่อการเรียนการสอนมาและในห้องเรียนก็เริ่มมีเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว คุโรเสะซัง เธอก็เอนตัวเข้ามาใกล้ๆผมมากขึ้นเรื่อยๆกลิ่นหอมของสบู่จางๆมันลอยมากระทบจมูกของผม
“มะ-มีอะไรเหรอ?”
ผมพูดถามออกไปในขณะที่กำลังตกใจอยู่และคุโรเสะซังก็กระซิบกระซาบด้วยใบหน้าเชิงขอโทษ
“เกี่ยวกับตอนนั้นน่ะ ชั้นขอโทษนะ”
“เอ๋…..”
ผมคิดว่ามันคงเกี่ยวกับตอนที่เธอปฏิเสธคำสารภาพรักของผม ในขณะที่ผมกำลังจ้องมองเธอแล้วคิดแบบนี้ เธอก็ยังคงพูดต่อ
“ชั้นเองก็ไม่ได้รังเกียจคาชิมะคุงหรอกนะ แต่ตอนนั้นชั้นไม่รู้จริงๆว่าการคบกันมันคืออะไร…..”
เธอพูดออกมาอย่างนั้น แล้วก็ขยับเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นเรื่อยๆและกระซิบ
“ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็ ชั้นเข้าใจความดีของคาชิมะคุงแล้วล่ะ….”
“เอ๊ะ…?”
ด้วยความตกใจ ผมสะบัดตัวออกมาจากเธออย่างไม่ลังเล
มันหมายความว่ายังไงกัน?
ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นอย่างนั้นหรอกแต่ว่า….นี่คุโรเสะซังเธอชอบผมอย่างนั้นเหรอ?
ไม่ๆเดี๋ยวก่อน คิดให้ดีๆสิ สิ่งที่คุโรเสะซังพูดก็คือ
ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็ ชั้นเข้าใจความดีของคาชิมะคุงแล้ว นอกจากนี้มันยังเป็นถ้อยคำที่อาจจะเป็นไปได้แค่นั้น ขืนผมพลาดอีกซ้ำสองมันก็จะเป็นเหมือนกับตอน ม.1 อีกครั้ง
ตอนนี้ผมก็มีชิราคาวะซังอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นที่หัวใจของผมจะหลงผิดอีกต่อไป
คุโรเสะซังจ้องมองผม บางที่นั่นอาจจะเป็นใบหน้าที่เป็นธรรมชาติของเธออยู่แล้วก็ได้ ยังไงซะเพื่อที่จะได้ตัดความกังวลออกไปผมจึงพูดโดยการแสดงออกให้น้อยที่สุด
“ขอบคุณนะ แต่ว่าผมมีแฟนแล้วล่ะ”
ทันใดนั้นแสงจากดวงตากลมโตสีดำของเธอก็หายวับไปและท่าทางของเธอก็กลายเป็นแข็งทื่อ
หลังจากนั้นเธอก็ยิ้มออกมาอีกครั้งและถามผมโดยที่โน้มตัวมาข้างหน้า
“เอ๋ อย่างนั้นเองเหรอ? ใครล่ะ? ใครสักคนในโรงเรียนนี้เหรอ?”
“อืม….ก็นะ นั่นก็…..”
ผมมองบนและครุ่นคิดว่าตัวเองจะพูดอะไรต่อไปดี ผมไม่คาดคิดว่าจะโดนจี้ถามถึงเรื่องนั้น
“นี่! ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ชั้นไม่บอกใครหรอก เพราะงั้นช่วยบอกชั้นทีสิ….”
แน่นอนว่าคุโรเสะซังที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมาและยังไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษและผมเองก็ไม่คิดว่าเธอจะมีใครให้เธอได้บอกเรื่องนี้ด้วย
ถ้าเกิดว่าเธอรู้ว่าแฟนสาวของผมคือสาวแกลสุดสวยชิราคาวะซังล่ะก็เธอก็อาจจะสงวนท่าทีของเธอและเลิกคุยกับผมไปเองก็ได้
นี่มันภาวะหัวเลี้ยวหัวต่อ………หัวใจของผมมันสั่นเพราะผมเองก็คิดว่าควรบอกคุโรเสะซัง
“ขอโทษที่ให้รอนะ”
อาจารย์คณิตศาสตร์กลับมาพอดีและนั่นคือจุดสิ้นสุดของการพูดคุยกันของพวกเรา
จากนั้นก็ถึงเวลาพักเบรค ผมสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของคุโรเสะซังจากที่นั่งข้างๆ
ผมควรบอกเธอดีไหมถ้าเกิดว่าเธอถามอีกรอบ? แล้วในตอนที่ผมคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น
“นี่! นายคือคาชิมะ ริวโตะสินะ?”
เสียงของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความรู้สึกแบบขมขู่ทำให้ผมสะดุ้ง
ผมหันหลังไปก็พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่อย่างโอ่อ่าเฉียงที่นั่งทางด้านหลังของผม
“คะ-ครับ….”
ผมรู้จักเธอ
ใช่….เธอคือเพื่อนสนิทของชิราคาวะซัง สาวแกลตาขวางที่ชื่อว่า “นิโคล” ยามานะ นิโคล
“มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย……..”
“เอ๊ะ…!?”
นี่เธอต้องการอะไรจากผมน่ะ….?
และในวันนั้นตอนหลังเลิกเรียน
ผมได้อยู่ในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดหน้าสถานีแล้วกำลังเผชิญหน้ากับยามานะ นิโคล ที่กำลังดื่มมิลค์เชคอยู่
“…………”
ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วนะ ที่ยามานะซังเอาแต่กินมันฝรั่งทอดอยู่เงียบๆพร้อมกับมองผมไปด้วย
เธอมีสีผมอ่อนกว่าของชิราคาวะซัง มีสร้อยคอที่หน้าอก เจาะหู ทำเล็บสีฉูดฉาดและแฟชั่นแบบสาวแกล แต่เธอก็มีดวงตาที่แหลมคมซึ่งทำให้เธอมีบรรยากาศเหมือนกับพวกแยงกี้ไม่มีผิดเลย
ถ้าเกิดผมถูกจับมัดให้ดวลเดี่ยวๆกับเธอ ผมก็คงจะจบลงโดยการเป็นคนที่ก้าวขาไม่ออกเองก็ได้
เพราะว่าเธอไม่ได้พูดอะไรเลยแม้จะรอจนผ่านไปสักพักนึงแล้วและผมเองก็ไม่สามารถอดทนต่อบรรยากาศนี้ได้อีกต่อไป ในที่สุดผมเปิดปากพูด
“เอ่อ…คือว่า…..ขอโทษนะครับ……นี่ผมทำอะไรผิดรึเปล่าครับ?”
ผมรู้ว่าดีเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน แต่ผมก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างสุภาพกับเธออยู่ดี
จากนั้นยามานะซังก็ขมวดคิ้วและจ้องมาที่ผม
“หา?”
ผมตัวสั่นเทิ้มภายใต้ความน่ากลัวนั้นและรู้สึกถูกกระตุ้นให้คว้ากระเป๋าแล้วเผ่นออกจากที่นี่ซะ
แต่อย่างไรก็ตาม ยามานะซังก็พูดกับผม
“รู้ไว้ก่อนเลย ว่าชั้นไม่ได้รู้สึกโกรธนายหรืออะไรทั้งนั้น ชั้นเกิดมาพร้อมกับตาขวางแบบนี้เนี่ยแหละ”
“เอ๋….”
ตอนที่เธอพูดดวงตาของเธอก็ดูเฉียบคมแต่การแสดงออกของเธอกลับไม่ได้มีท่าทางน่ากลัวเป็นพิเศษ
“พอเย็นแล้ว ไอ้เจ้ามันฝรั่งทอดนี่ก็จะรสชาติห่วยแตกบรมเลย ไว้ค่อยพูดกันตอนชั้นกินเสร็จได้รึเปล่าล่ะ?”
“คะ-ครับ”
ดังนั้นผมก็เลยดูดมิลค์เชคของผม ขณะที่รอให้ยามานะซังกินมันฝรั่งทอดของเธอจนเสร็จ
ในที่สุดเมื่อจานใส่มันฝรั่งทอดว่างเปล่ายามานะซังก็เช็ดนิ้วของเธอด้วยกระดาษเช็ดปากแล้วมองมาที่ผมอีกครั้ง
“ว่าแต่นายรู้รึเปล่าว่าอาทิตย์หน้าเป็นวันเกิดของลูน่าน่ะ?”
และด้วยความคิดเห็นสั้นๆนั้น ผมก็พูดอะไรไม่ออกในทันที
“เอ๊ะ…..”
“เอาจริงดิ? นี่นายไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยรึ?”
ยามานะซังมองมาที่ผมด้วยใบหน้าที่ตกตะลึงอยู่หน่อยๆ
“อย่างไอ้วันเกิดเนี่ย มันไม่ใช่สิ่งแรกที่นายควรต้องกังวลในตอนที่นายเริ่มคบกับใครสักคนงั้นเหรอ? ช่างเถอะ ชั้นก็กะไว้แล้วว่าคนอย่างนายก็คงจะไม่รู้ล่ะนะ”
“เอ๊ะ นั่นมันหมายความว่ายังไงครับ?”
พอผมถามเธอไปยามานะซังก็เหลือบมองมาที่ผม ผมรู้ว่าเธอไม่ได้โกรธผม
แต่การจ้องเขม็งของเธฮนั้นมันไม่มีอะไรเลยนอกจากความน่าสะพรึงกลัว
“ก็นาย………..ดูไม่ฉลาดเลย”
“……………………………………”
“อ่า แล้วก็ไม่ใช่ว่าชั้นกำลังพยายามจะดูหมิ่นหยาบคายใส่นายหรอกนะ ไอ้ที่พวกฉลาดๆหัวหมอมันก็ชอบนอกใจแฟนกันหมดนั่นแหละ”
แบบนั้นก็หมายความว่ายามานะซังคิดว่าผมไม่ใช่ผู้ชายปลิ้นปล้อนสินะ
ถ้าเธอหมายความแบบนั้นจริงๆผมก็คงไม่รู้สึกแย่อะไรหรอก…..
“แล้วนี่เข้าใจรึยัง? วันเกิดของลูน่า นายควรที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อฉลองไปกับมัน”
“อ่า ครับ….”
“ยังไงซะ มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ชั้นแค่อยากพูดเรื่องนี้ตอนที่ไม่มีลูน่าอยู่ด้วย”
ด้วยความรู้สึกตื่นตระหนกผมก็เรียกยามานะซังซึ่งเธอกำลังจะลุกขึ้นพร้อมกับถาดของเธอหลังจากพูดเสร็จ
“ได้โปรดรอเดี๋ยว!…”
ยามานะซังยืนถือถาดอยู่ในมือแล้วมองมาที่ผม
“มีอะไร?”
ผมพูดในขณะที่ขาแข็งไปหมดเพราะตาขวางของเธอ
“คุณช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมครับว่าชิราคาวะซังเธอชอบอะไร? ผมอยากจะให้อะไรสักอย่างในวันเกิดของเธอครับ”
ยามานะซังขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แล้วทำไมไม่ไปลองถามเจ้าตัวดูเองล่ะ? นายเป็นแฟนของเธอนี่ แบบนั้นมันจะไม่เร็วกว่ารึไง?”
“นะ-นั่นก็จริง แต่….”
ผมก้มลงมองดูมือถือของผมที่วางอยู่บนโต๊ะ
“เคสมือถืออันนี้…..ผมได้รับมาจากชิราคาวะซังครับ”
“เออๆ ชั้นรู้ก็ชั้นนี่แหละที่เป็นคนไปต่อแถวกับเธอเอง”
ขณะที่ยามานะซังตอบอย่างห้วนๆกลับมาผมก็โค้งคำนับอย่างสุดตัว
“ชิราคาวะซังเธอไม่ยอมพูดอะไรกับผมเลยแม้แต่คำเดียวจนกระทั่งถึงวันที่มอบให้ผมเพื่อที่จะได้เซอร์ไพรส์ในการฉลองครบรอบหนึ่งสัปดาห์ที่เราคบกัน นั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ว่าครั้งนี้ผมเองก็อยากจะทำเซอร์ไพรส์ให้กับเธอบ้างครับ!”
พอได้ยินแบบนั้นยามานะซังก็มองผมด้วยท่าทีกังวลใจ
“แล้วนายจะทำได้เหรอ? ชั้นว่านายคงไม่ถนัดเรื่องแบบนั้นหรอกนะ ถึงแม้ว่านายจะไม่ได้ฝืนบังคับตัวเองให้ทำก็ตามทีเถอะ แต่ถึงอย่างนั้นลูน่าเองก็ยังมีความสุขได้ถ้าหากว่านายฉลองวันเกิดให้เธอแบบปกติธรรมดาๆน่ะ ”
“ผมก็ไม่รู้ว่าตัวผมเองจะทำได้รึเปล่า? แต่ผมก็อยากจะลองดูสักตั้งครับ เอ่อ….คือผมหมายถึงผมคิดว่าชิราคาวะซังเองเธอก็เป็นผู้หญิงประเภทที่พยายามทำให้แฟนหนุ่มของเธอมีความสุขอยู่เสมอๆน่ะครับ”
ตั้งแต่ที่เราเริ่มคบกันและเธอก็พยายามที่จะมีอะไรกันกับผม
ชิราคาวะซังเธอก็มีความยึดมั่นที่เหนียวแน่นอยู่
“นั่นก็เป็นเหตุผลที่เธอเซอร์ไพรส์ด้วยเจ้าเคสมือถือนี่ไงครับ เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอคิดว่าเธอจะทำให้ผมมีความสุขได้……….และนั่นก็หมายความว่าชิราคาวะซัง เธอเองก็เป็นคนประเภทที่จะดีใจที่ได้ถูกเซอร์ไพรส์ยังไงล่ะครับ ผมคิดแบบนั้นนะ”
พอได้ยินแบบนั้นสีหน้าของยามานะซังก็อ่อนลงและมองผมอย่างมีเลศนัยแทน
“….บางที…..อาจจะเป็นอย่างที่ลูน่าพูดก็ได้……นายเนี่ย….แปลกคนอยู่หน่อยๆแฮะ ชั้นก็เผลอคิดว่านายเป็นแค่ไอ้งั่งคนนึงซะอีก แต่ก็พูดอะไรดีๆเป็นอยู่ไม่ใช่รึยังไงกัน”
ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังถูกชมหรือถูกด่าอยู่กันแน่ แต่ดูเหมือนยามานะซังจะยิ้มออกมาโดยที่มุมปากของเธอมันยกขึ้นมาเล็กน้อย
“เอาล่ะ!”
หลังจากพูดอย่างนั้น ยามานะซังก็วางถาดลงบนโต๊ะแล้วนั่งลง
“งั้นชั้นจะบอกนายเกี่ยวกับลูน่าให้เอง และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่านายจะต้องทำให้เธอมีความสุขให้ได้ ตกลงไหม”
“คะ-ครับผม!!”
ดังนั้นผมจึงมีการประชุมหารือกันกับยามานะซังและรับฟังบรรยาถึงสิ่งที่ชิราคาวะซังชอบ
วันต่อมา
ในตอนเช้า ขณะที่ผมกำลังจะไปโรงเรียน ผมก็เห็นชิราคาวะซังยืนอยู่ที่ประตูตรวจตั๋วของสถานี K
“อรุณสวัสดิ์ริวโตะ”
“เอ๊ะ! อรุณสวัสดิ์ครับ…..เดี๋ยวนะ ทำไม?….”
“ก็ชั้นคุยกับริวโตะที่โรงเรียนไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”
หลังจากทักทายกันชิราคาวะซังก็โชว์หน้าจอมือถือของเธอให้ผมดู
“นี่คือ?”
มันเป็นหน้าจอของช่องแชท LINE
มีสมาชิก ลูน่า,ยูนะ,อาคาริ
[ยูนะ : ยัยนิโคลไปเดทกับอีตาหนุ่มหน้าตาบ้านๆจากห้องของเราที่ร้านแม็คด้วยล่ะ LOL **อ่านแล้ว 2 คน**]
[อาคาริ : เอาจริงดิ? น่าขำชะมัด **อ่านแล้ว 2 คน**]
และเมื่อผมเห็นภาพที่คนที่ชื่อยูนะอัพโหลดผมก็เผลออุทาน “อ๊ะ” ออกมาทันที
สิ่งที่แสดงให้เห็นในรูปก็คือหลังของยามานะซังกับผมที่กำลังคุยกันอยู่ในร้านอารหารฟาสต์ฟู้ดเมื่อวานนี้
“นายได้ไปเจอกับนิโคลมารึเปล่า?”
“อา…ครับ….”
ดูเหมือนว่าคุณจะยังไม่ได้บอกกับชิราคาวะซังสินะครับยามานะซัง…
“ชิราคาวะซังวันอาทิตย์หน้าเธอพอว่างไหม?”
ชิราคาวะซังแสดงท่าทีดูสับสนออกมา
“นี่…นี่! ยังไงก็ตอบช่วยชั้นมาก่อนสิ นายกำลังคุยอะไรกับนิโคลน่ะ?”
ใบหน้าของชิราคาวะซังแสดงความรู้สึกเริ่มหมดความอดทน
“วันอาทิตย์หน้าเธอว่างอยู่ใช่ไหม?”
ผมเริ่มหมดหวังที่จะชวนคุยต่อไป
“เอ๊ะ? วันอาทิตย์? ชั้นก็ว่างอยู่หรอก แต่มันมีอะไรล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้น เธอจะให้ผมฉลองวันเกิดให้เธอในวันอาทิตย์ได้ไหม?”
ชิราคาวะซังตาเบิกกว้างกับคำพูดเหล่านั้น
“ยามานะซังเป็นคนบอกเรื่องนี้กับผมน่ะครับ วันเกิดของชิราคาวะซัง…”
ชิราคาวะซังเงียบไปครู่หนึ่งโดยอ้าปากค้าง แล้วใบหน้าของเธอก็ดูสว่างไสวขึ้นทันตา
“โธ่ เป็นอย่างนั้นเองหรอกเหรอ!”
ใบหน้าที่หมดความอดทนของเธอก่อนหน้านี้หายไปทันทีทันใด
“โธ่เอ้ยย! นายน่าจะบอกชั้นตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วนะ!”
“อ๊ะ ขอโทษครับ….ผมคิดว่าถ้าจะพูดเรื่องวันเกิด ผมก็คงต้องเชิญเธอก่อนสินะ”
ผมพูดออกไปไม่ได้จนกว่าผมจะได้ทำตามแผนการที่วางเอาไว้ในใจและอีกอย่างนิสัยแย่ๆของการที่เป็นคนเก็บตัวของผมก็อาจจะเผลอหลุดออกมาด้วย
“อืม ไม่เป็นอะไรหรอก”
การแสดงออกของชิราคาวะซังกลับเข้าสู่โหมดอารมณ์ดีตามเคย
และผมก็โค้งคำนับเธออีกครั้ง
“ผมขอโทษ….ผมมันงี่เง่าเองและไม่ได้ถามเลยด้วยซ้ำว่าวันเกิดของชิราคาวะซังคือวันไหน”
“ไม่ๆ ชั้นเองก็ขอโทษด้วยที่มาซุ่มดักรอนายแบบนี้”
พอเธอพูดแบบนั้นชิราคาวะซังก็หยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมาและหันเท้าไปทางบันไดเลื่อน
“ถ้างั้นชั้นไปโรงเรียนก่อนนะ มันก็คงจะไม่ดีถ้ามีคนเห็นเราอยู่ด้วยกัน”
“อา…ครับ…ขอบคุณครับ”
ขณะที่ผมรีบพูดขอบคุณเธอออกไป เธอก็โบกมือให้ผมเบาๆแล้วก็หายเข้าไปในสถานีที่มีผู้คนพลุกพล่าน
“สงสัยจังว่าอะไรของชิราคาวะซังกันนะ?…….”
ผมครุ่นคิดตามลำพังขณะมุ่งหน้าไปยังชานชาลา
ผมนึกถึงใบหน้าของชิราคาวะซังตอนที่เธอเปิด LINE ให้ดู
และหน้าตาของเธอก็ดูหมดความอดทนเมื่อเธอคิดว่าผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง
การแสดงออกของเธอดูไม่เหมือนตัวตนตอนปกติของเธอ นี่เธอโกรธรึเปล่านะ?
ไม่สิ มันไม่เหมือนกัน มันคือใบหน้าที่กำลังอมทุกข์กับอะไรบางอย่างที่ไม่ชัดเจน
-นายได้ไปเจอกับนิโคลมารึเปล่า?
-นี่…นี่! ยังไงก็ช่วยตอบชั้นมาก่อนสิ ว่านายกำลังคุยอะไรกับนิโคลน่ะ?
นี่หรือว่าจะเป็น……หึงงั้นเหรอ?
“ไม่ล่ะ ไม่มีทาง”
ไม่มีทางที่คนอย่างชิราคาวะซังจะมาหึงคนอย่างผม ก็นะถ้าเธอชอบผมมากพอที่จะหึงผมได้ แบบนั้นผมก็คงมีความสุขมากๆเลยล่ะ
ไม่ต้องรีบร้อน นิ่งเข้าไว้ ผมจะกระชับความสัมพันธ์ของผมกับชิราคาวะซัง
และด้วยเหตุนี้ผมถึงได้อยากทำให้เธอมีความสุขในวันเกิดของเธอเองในสัปดาห์หน้า
ผมมีเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์ในการวางแผนการออกเดทที่สมบูรณ์แบบของผม
ขณะที่ผมกำลังฮึกเฮิมลุกโชนด้วยความมุ่งมั่นที่มันซ่อนเร้นอยู่ภายใน
ผมก็ได้เดินขึ้นรถไฟที่กำลังจอดอยู่บนชานชาลาพร้อมกับฝูงชนจำนวนมาก