[นิยายแปล] Kanojo ga Senpai ni NTR-reta node, Senpai no Kanojo wo NTR-masu - ตอนที่ 42 งานเลี้ยงอำลา ค่ายวันเดียว (ตอนกลาง)
- Home
- [นิยายแปล] Kanojo ga Senpai ni NTR-reta node, Senpai no Kanojo wo NTR-masu
- ตอนที่ 42 งานเลี้ยงอำลา ค่ายวันเดียว (ตอนกลาง)
พอกลับมาถึงที่ตัวเอง ไฟถ่านก็ไหม้ได้ที่พอดี
ในหม้ออบดัตซ์ ผมใส่หัวหอม, แคร์รอต, มันฝรั่งพวกนี้ลงไป แล้วก็วางไก่ที่เตรียมมาก่อนแล้วไว้ข้างบน
โรยหน้าด้วยพริกไทยบดหยาบกับเกลือหิมาลายัน ราดน้ำมันมะกอกให้จนทั่ว แล้วปิดฝาหม้ออบ
แล้วก็ห้อยไว้บนกองไฟทรงสามขาด้วยโซ่
จากนั้นก็ใส่ถ่านไว้บนฝาครอบหม้ออบดัตซ์เล็กน้อย
เพื่อที่จะให้ความร้อนอย่างช้า ๆ จากทั้งบนทั้งล่าง
หลังจากนั้นก็แค่คอยสังเกตดูไฟเป็นครั้งคราวก็พอ
อิชิดะเข้ามาใกล้ ๆ
“เสร็จแล้วหรอ?”
“อา จากนี้ก็เหลือแค่รอให้มันสุกแค่นั้นละ”
จากนั้นผู้หญิงเมื่อก่อนหน้านี้ ก็พาผู้หญิงคนอื่นมา
“โทษนะ พอดีมีเรื่องจะถามอีกสักหน่อยน่ะ?”
“ได้เลย มีอะไรครับ?”
“เธอคนนี้น่ะ พยายามจะย่างเนื้อแต่ไม่รู้ว่าจะคุมไฟยังไงให้เหมาะน่ะ”
จากนั้นผู้หญิงที่มาด้วยกันก็เอ่ยปาก
“คิดไว้ว่าจะย่างเนื้อชิ้นใหญ่ดูน่ะค่ะ แต่ว่าข้างนอกแทบจะไหม้แล้ว ข้างในเหมือนจะไม่สุกอยู่เลยน่ะสิ…”
“งั้นหรอครับ? ก่อนอื่นเดี๋ยวผมไปดูให้นะ ทำอยู่ตรงไหนครับ?”
“ตรงนั้นเองค่ะ”
พอมองดูก็ห่างจากกองไฟของผมไม่ถึง 10 เมตรเอง
พอเข้าไปดูใกล้ ๆ ผิวนอกของเนื้อไหม้เป็นสีดำไปทั่วจริง ๆ แต่พอลองเฉือนดูข้างในเกือบจะไม่ถูกไฟเลย
เนื้อวัวถึงแม้ว่าจะปรุงไม่สุกนิดหน่อยก็พอไหวก็เถอะ แต่ถ้าเนื้อยังเย็นอยู่แบบนี้ทานไม่อร่อยแน่ ๆ
“มีเนื้อชิ้นอื่นไหมครับ?”
พอผมถามไปอย่างนั้น เธอก็หยิบก้อนเนื้อออกมาจากกล่องเก็บความเย็น
“อา เวลาจะย่างเนื้อทั้งชิ้น ต้องเอาออกมาจากกล่องเก็บความเย็นก่อน แล้ววางไว้ในอุณหภูมิห้องนะครับ”
จากนั้นผมก็มองไปที่เตาบาร์บีคิว
ด้วยความที่ถ่านมากองกันอยู่ตรงกลาง ทำให้เปลวไฟลุกขึ้นมาพึ่บพั่บ
“แล้วก็แบบนี้ไฟค่อนข้างแรงเกินไปหน่อย เราจะต้องเอามืออังไว้เหนือตะแกรงประมาณ 5 เซ็นต์ แล้วดูว่าสามารถทนได้ถึง 5 วินาทีหรือเปล่าครับ”
ตอนนั้นพวกผู้หญิงก็มองด้วยสีหน้างง
“พวกฉันน่ะ ไม่รู้ว่าจะต้องใช้ไฟประมาณไหนถึงจะพอดีเลย”
“ทางผมเองก็เหลือแค่รอให้สุกอย่างเดียว เดี๋ยวลองทำให้ครับ”
ผมพอว่าอย่างนั้น ก็เอาตะแกรงเตาบาร์บีคิวของพวกเธอออก เกลี่ยกองถ่านที่รวมกันตรงกลางให้เท่ากันทั่ว ๆ
หยิบเอาถ่านก้อนเล็ก ๆ ออกไปส่วนนึง ทำเป็นบริเวณที่ไม่มีถ่านเฉพาะส่วนนึงตรงขอบเตาบาร์บีคิว
ส่วนตะแกรงชโลมด้วยน้ำมันมะกอกแล้ววางคืนบนเตาบาร์บีคิว แล้วก็วางก้อนเนื้อเมื่อสักครู่ไว้ตรงขอบเตาบาร์บีคิวที่ไม่มีถ่าน
“พอเนื้อสุกได้ประมาณนึง ก็เริ่มเอาไปย่างที่ตรงกลางได้ครับ ความแรงของไฟก็อย่างที่พูดไว้เมื่อตะกี้นะ ถ้าไฟอ่อนไปก็ให้เติมถ่าน หรือกองถ่านรวมกันไว้ตรงที่ย่างเนื้อไว้ข้างบนก็ได้ครับ”
ขณะที่พูดอยู่นั้น รู้ตัวอีกทีผู้หญิงก็มีรวมตัวกันรอบ ๆ
ทุกคนเข้ามาฟังวิธีการทำบาร์บีคิวของผม
“ขอบใจนะ ช่วยได้เยอะเลย!”
“เชี่ยวชาญจริง ๆ เลยเนอะ”
“มาดูของพวกฉันด้วยได้มั้ย?”
“อยากฟังตั้งแต่ต้นจังเลยน้า”
“ของพวกฉันใช้หม้อน่ะ ต้องทำยังไงดีหรอ?”
“อิชชิกิคุงทำอะไรอยู่ล่ะ? เอ้ะ ไก่ย่างหม้อดัตซ์หรอ? สุดยอด ของจริงแหะ”
“ดีจังเลยน้า ฉันอยากกินอาหารฝีมืออิชชิกิคุงจังเลย!”
โห ถึงจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ได้ความนิยมจากสาว ๆ พอตัวเลยนะเนี่ย!
รู้สึกว่ากล้ามเนื้อใบหน้าคลายลงเลย
แต่ จะตื่นเต้นเกินไป ณ ตอนนี้ไม่ได้
ก่อนอื่น ผู้หญิงที่ว่า ‘อยากกินจัง’ พอบอกว่า ‘ถ้าเสร็จเมื่อไรเรียกด้วยนะ’ ผู้หญิงหลาย ๆ คนก็บอกกันมาว่า ‘ฉันด้วย!’
ตอนนั้นเอง คาเรนก็มาถึง แหวกทางกลุ่มผู้หญิงที่รวมตัวกันเข้ามาตรงนั้น
แล้วก็มากอดตัวผม
“นี่ ยูคุง ยังทำอาหารไม่เสร็จหรอ? คาเรน หิวแล้วนะ!”
เอ็งนี่ กำลัง ‘แสดงตัวว่าชั้นเป็นแฟนสาวนะ’ ท่ามกลางกลุ่มผู้หญิงเหล่านี้อยู่สินะ
มิหนำซ้ำจนถึงตะกี้ ยังไปวนเวียนไปคุยตรงที่ผู้ชายคนอื่นทำอาหารอยู่เลยไม่ใช่รึไง
สมกับเป็นนางตัวดีจริง ๆ
พอไก่ย่างได้ที่ ก็เอาหม้อนึ่งดัตซ์ลงจากกองไฟ
บนฝาปิดก็ยังวางถ่านไว้อยู่จำนวนนึง
ทำแบบนี้แล้วความร้อนที่เหลืออยู่ทำให้น้ำแทรกเนื้อไหลเวียนอย่างช้า ๆ
ระหว่างนั้น ผมใส่น้ำกับซุปมิเนสโตรเน่ซองลงในหม้อใบใหม่ จากนั้นก็เติมผักกาดที่สับเตรียมไว้แล้วกับเบคอนเข้าไป
จากนั้นอุ่นให้พอเดือดเป็นอันเสร็จ
ตัดขนมปังฝรั่งเศสเตรียมไว้เป็นชิ้นหนาประมาณ 2 เซ็นต์
“เอาล่ะ ไก่ย่างทั้งตัวกับซุปมิเนสโตรเน่ เสร็จเรียบร้อย!”
ดูเหมือนว่ามื้ออาหารที่อาศัยแรงกายแรงใจของผมพอสมควร เสร็จค่อนข้างเร็วเลยทีเดียว
ด้วยผลของการโฆษณา(?)เมื่อครู่ ผู้หญิงหลายคนก็มารวมตัวกัน
ผมตัดแบ่งไก่ย่างใส่บนจานกระดาษแต่ละใบพร้อมกับผักนึ่ง จากนั้นราดด้วยซอสซึ่งผสมน้ำจากเนื้อย่างที่เหลือกับขิงกับซอสถั่วเหลืองและน้ำผึ้ง
ถ้วยกระดาษสำหรับซุปมิเนสโตรเน่
“ขนมปังหยิบเองได้เลยนะครับ”
ผมเรียกอย่างนั้น
ผู้หญิงต่างมารวมกันรอบตัวผม
“อร่อยจัง!”
“อื้ม อร่อยกว่าร้านอาหารอีก!”
“เนื้อกับผักนี่มีรสชาติดีเลยล่ะ”
“ใส่เกาลัดด้วยหรอเนี่ย? อร่อยละมุนมาก!”
“วันนี้อากาศเย็น พอได้ซุปมิเนสโตรเน่อุ่น ๆ ด้วยแล้วแมตซ์กันสุด ๆ เลยล่ะ!”
สำเร็จสินะ ได้รับความนิยมล้นหลามเลยไม่ใช่รึไงกัน?
ตรงนั้นคุณคาซุมิ กับกลุ่มผู้หญิงที่อยู่ด้วยกัน คุณมินะ ชั้นปีสอง กับคุณอายากะ ชั้นปีหนึ่งคณะเศรษฐศาสตร์, คุณมานามิ ชั้นปีสองคณะอักษรศาสตร์, กับคุณยูริ ชั้นปีหนึ่งคณะพาณิชยศาสตร์ก็มาจนได้
ข้างหลังตรงนั้น รุ่นพี่โทวโกะก็อยู่ด้วย
“ให้พวกฉันกินด้วยสิ ฝีมือของอิชชิกิคุง”
“ได้เลยครับ ผมเก็บไว้เผื่อพวกคุณคาซุมิไว้พอดี”
ว่าอย่างนั้นก็แบ่งมื้ออาหารให้ทีละคน
พอยื่นให้รุ่นพี่โทวโกะ เธอก็พยักหน้ายิ้มอย่างร่าเริง
คงจะสื่อว่า ‘ทำได้ดีมาก!’
คุณคาซุมิชิมคำหนึ่งแล้วก็ร้อง
“อร่อยมาก อร่อยจริง ๆ นะเนี่ย ไม่คิดเลยว่าจะได้ทานอาหารดีขนาดนี้ที่นี่”
คุณมิระก็เอ่ยต่อ
“อร่อยจริง ๆ นะ อิชชิกิคุง ปกติเป็นคนทำอาหารอยู่แล้วรึเปล่า?”
“เปล่าครับ เฉพาะบางโอกาสน่ะครับ เพียงแต่พ่อแม่ช่วยกันทำงานทั้งคู่ ผมเลยต้องทำอาหารเป็นอย่างเลี่ยงไม่ได้ว่างั้นก็ได้ครับ”
“แต่ว่าทำได้ขนาดนี้เนี่ยฝีมือดีเลยนะ ถือว่าสมบูรณ์แบบสำหรับคู่แต่งงานเลยล่ะ”
จากตรงนั้นคุณคาซุมิก็ตะโกนเสียงดัง
“จริง ๆ นะ อิชชิกิคุง มาเป็นภรรยาที่บ้านฉันทีได้ไหมคะ?”
“กลับกันไม่ใช่เรอะ”
ทุกคนรอบก็หัวเราะกัน
ประโยคตะกี้ของคุณคาซุมิคงจะคิดกันเอาไว้แล้วล่วงหน้าแหละ
ถึงจะรู้อย่างนั้น แต่ก็ดีใจจัง
รุ่นพี่โทวโกะแม้จะไม่พูดอะไร แต่ก็ทำหน้าพึงพอใจ
ถัดจากตรงนั้น คาเรนจ้องมาที่ผมกับคุณคาซุมิอย่างไม่ชอบใจ
ดูเหมือนจะไม่ตลกด้วย
แล้ว จู่ ๆ มือถือก็สั่น
พอเอาขึ้นมาดู ก็เป็นข้อความบางอย่างจากรุ่นพี่โทวโกะ