[นิยายแปล] I'm Really Scared ชั้นกลัวแล้วจ้าคุณระบบจ๋า! - ตอนที่ 7 หาคนรับผิดชอบ
“ข่าวภาคค่ำหางโจว” เป็นหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก
กล่าวได้ว่า สื่อสิ่งพิมพ์ทั้งหมดล้วนกำลังตกต่ำในช่วงปีที่ผ่านมา และส่วนใหญ่ไม่เป็นที่รู้จักกันเลย สำนักงานหนังสือพิมพ์นี้ก็เป็นสำนักงานขนาดเล็ก และมีแผนกงานไม่มากนัก
นอกจากแผนกข่าวที่มีนักข่าวธรรมดาอย่างกวนชานแล้ว ยังมีแผนกกองบรรณาธิการ ห้องเรียบเรียงพิมพ์ ห้องเก็บหนังสือพิมพ์ ห้องรองหัวหน้าบรรณาธิการ และห้องทำงานของพวกระดับหัวหน้า รวมถึงห้องนอนชั่วคราวที่มักจะไม่ได้ใช้
กวนซานได้ก้าวออกจากลิฟต์ที่วิ่งกลางอาคาร และเลี้ยวไปทางขวาของโต๊ะพนักงานต้อนรับ
เมื่อผ่านห้องน้ำ ด้านซ้ายมือเป็นสำนักงานขนาดใหญ่ของแผนกข่าว
เมื่อกวนซานเดินผ่านประตู เขาได้ยินเสียงรองบรรณาธิการที่ชื่อเจียงซีหยาน กำลังตวาดเสียงดังว่า
“มีใครอธิบายให้ชั้นฟังได้ว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้อยู่ห่างจากสำนักงานหนังสือพิมพ์ของเราไม่ถึงร้อยเมตร แต่เพราะอะไรกัน ที่แหล่งข่าวของเรามาจากการโทรบอกของชาวบ้านและจากสื่ออื่นๆ สิ่งที่เรามีก็มาจากเศษน้ำแกงของคนอื่น พวกเธอไม่ละอายใจกันบ้างเลยหรือไง? ห๊า?”
ตำแหน่งรองบรรณาธิการอาจฟังดูน่ากลัว แต่มันมีรองบรรณาธิการสามคนใน “ข่าวภาคค่ำหางโจว” และเจียงซีหยานเป็นเพียงหนึ่งในนั้น
นอกจากนี้ยังมีหัวหน้าบรรณาธิการซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานบริหารด้วย นี่คือผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานทั้งหมด
โดยปกติ รองบรรณาธิการสามคนจะผลัดกันมาทำงานในสำนักงานประมาณสัปดาห์ละครั้ง
แม้ว่ากวนซานจะทำงานในหนังสือพิมพ์ได้เพียงครึ่งปี แต่เขาก็พอเดานิสัยของรองบรรณาธิการทั้งสามได้อย่างคร่าวๆ
โดยปกติแล้ว ท่านรองสองคนนั้นมักจะไม่ช่วยอะไรเลย พวกเขาจะมาพูดคุยก็ต่อเมื่อเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
แต่สำหรับตัวเจียงซีหยาน เขาชอบทำสองเรื่องเท่านั้น หนึ่งคือการบ่น อีกหนึ่งคือชี้สิ่งที่มันเห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว
“เริ่มเทศนาทุกคน จากนั้น….. ชั้นว่ามันก็เข้าอีหรอบเดิมนั่นแหละ”
กวนซานลอบร้องว่าฉิบหายแล้วในใจ และเปิดประตูด้วยความปลง
“แอ๊ด-“
เสียงเสียดสีของกรอบโลหะประตูกระจกมัวได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในสำนักงาน
กวนซานที่เปิดประตูและเดินเข้ามา กลายเป็นจุดสนใจของพนักงานทั้งหลายทันที
ดวงตาหลายชีวิตต่างมองมาอย่างพร้อมเพรียงกันจากทุกหนทุกแห่ง และความกดดันก็ไม่ได้น้อยไปกว่าตอนที่พ่อครัวยักษ์วิ่งเข้ามาหาเขา
เสินติงฮัวก็อยู่ในหมู่พวกเขา
หญิงสาวได้ซ่อนตัวอยู่ในมุมโต๊ะทำงาน เธอกุมหัวและแอบเหล่มองมาอย่างลับๆ ดวงตาของเธอเผยให้เห็นถึงร่องรอยของความกังวล
กวนซานส่งยิ้มให้เธอ จากนั้นก็หันหน้ามาพยักหน้าเล็กน้อยต่อเจียงซีหยานอย่างลวกๆ “ไงครับคุณเจียง”
—“คุณเจียง” นามเรียกขานนี้ กวนซานได้ยินจากนักข่าวรุ่นพี่บางคน ว่ากันว่าเจียงซีหยานชอบให้คนอื่นเรียกแบบนั้นเป็นพิเศษ
เจียงซีหยานในวัย 40 ปี เขาสวมชุดสูทเต็มยศคู่กับรองเท้าหนังและแว่นตากรอบทอง ผมหงอกเทาของเขาได้หวีเสยกลับหลังอย่างพิถีพิถัน
สายตาที่กำลังจ้องมองกวนซาน ได้ให้ความรู้สึกเหมือนกับคณบดีตอนโรงเรียนมัธยมที่จับได้ว่าเขาทำอะไรไม่ดีเอาไว้
กวนซานหันไปหาเผิงเฟย ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งและทักทายเขา
เผิงเฟยเป็นชายกลางคนอ้วนท้วมและมีเค้าหน้าซึ่งซื่อสัตย์มาก ในช่วงเวลานี้ เขากำลังขยิบตาให้กวนชานและพยายามบอกใบ้ว่า “ตอนนี้ฤกษ์ไม่ดี”
ท่ามกลางบรรยากาศนี้ แม้แต่คนตาบอดก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีเลย… เขาหันไปอย่างนิ่งเฉย และเดินไปที่โต๊ะของเขา ภาวนาว่าเขาสามารถรอดไปได้
น่าเสียดายที่มันไม่เป็นเช่นนั้น
“หยุดเลย”
เจียงซีหยานพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ อีกทั้งยังทุบโต๊ะต่อหน้าเขาด้วย “กวนซาน ชั้นเห็นบันทึกเข้างานเมื่อวาน คุณเป็นคนสุดท้ายที่ออกไปใช่มั้ย?”
นั่นไง… มันเริ่มแล้ว!
กวนซานแอบด่าในใจ เขารู้สึกความอดทนต่ำขึ้นเนื่องจากอาการง่วงนอนของเขา
เขาลอบถอนหายใจ พยักหน้ารับแล้วพูดว่า “ใช่ผมเอง เมื่อวานนี้ผมออกไปหลังจากแก้ไขจดหมายข่าวสองฉบับ ทำไมครับคุณเจียง มีปัญหาอะไรเหรอครับ?”
ใบหน้าเจียงซีหยานได้ถมึงทึงและกล่าวว่า “ปัญหาอะไร? คุณไม่รู้เรื่องไฟไหม้ร้านขนม SX เมื่อวานนี้เรอะ?”
กวนซานพยักหน้า
ก่อนที่เขาจะทันพูดอะไรต่อ เจียงซีหยานก็พูดขัดจังหวะเขา
“ตำรวจแจ้งว่ามีไฟไหม้เกิดขึ้นเมื่อประมาณตีหนึ่ง คุณออกมาเวลา 12:30 น. จากที่ชั้นพอจำได้ มันคือทางผ่านเวลาที่คุณกลับบ้าน คุณเดินไปทางนั้น แต่ว่าผลก็คือคุณไม่ได้เบาะแสเลยแม้แต่นิดเดียว ความสามารถในการเป็นนักข่าวของคุณอยู่ที่ไหนกัน?”
คำกล่าวนั้นไม่มีเหตุผลเอาซะเลย พวกมันเป็นเพียงความเกรี้ยวกราดล้วนๆ
กวนซานทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากล้าใช้เรื่องนี้มาย้อนถามเขาได้ไง!
โดยปกติ กวนชานจะเล่นตามน้ำและปล่อยผ่านไป
แต่ไม่ใช่วันนี้
เหตุการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเมื่อคืนนี้ ได้ทำให้เกิดความหวาดกลัว ความหงุดหงิด และความตึงเครียดหลงเหลืออยู่ในจิตใจของกวนชาน
แม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพียงการจำลอง แต่มันก็สมจริงอย่างมาก ไม่มีคนปกติสามารถสงบใจได้หลังจากเผชิญกับประสบการณ์เหล่านั้นหรอก
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเกือบไม่ได้นอนทั้งคืน ซ้ำยังต้องตื่นไปทำงานตอนเช้าอีก
‘ชั้นโดนด่าอย่างไร้เหตุผลอีกแล้ว’
อารมณ์ของกวนซานได้เริ่มพลุ่งพล่านขึ้นทันที แต่เขายังพยายามระงับความโกรธและพูดว่า
“คุณเจียง คุณอย่าเพิกเฉยข้อเท็จจริงจะได้มั้ย? มันมีระยะเวลาห่างถึงครึ่งชั่วโมงระหว่าง 12:30 น. ถึง 01:00 น. ร้านขนม SX อยู่ห่างจากสำนักงาน 500 เมตร แม้ผมจะเดินช้าๆ ผมก็ไม่อาจหยุดยืนรอหน้าร้านได้เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงหรอก แล้วผมจะได้เบาะแสยังไง?”
เจียงซีหยานคาดไม่ถึงว่านักข่าวตัวน้อยผู้อยู่ที่นี่เพียงครึ่งปีจะตอกหน้าเขา เขากำลังกังวลอยู่ว่าลูกน้องเจนประสบการณ์พวกนี้ จะไม่มีใครกล้าแม้แต่ผายลมใส่เขา และไม่มีโอกาสอวดบารมี
แต่เจ้าเด็กนี่ประเคนโอกาสให้ถึงหน้าประตูเลย!
เจียงซีหยานหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “โฮ่? ถ้าไม่เห็นร้าน ก็น่าจะเห็นควันไฟบ้างนะ? และถ้ามองไม่เห็นควัน ก็น่าจะได้ยินเสียงหวอตำรวจ ถูกมะ?”
“เกิดอะไรขึ้น ก็ไม่คิดสนใจเลยสักนิดเดียว ชั้นว่าคุณไม่มีความรู้ในการทำข่าว หรือไม่ก็คุณแค่ขี้เกียจไปวันๆ!”
เขาโน้มหน้าลงเล็กน้อยและชี้หน้ากวนซาน
“ชั้นคิดว่าคนอย่างคุณไม่มีความสามารถในการทำงาน และแม้แต่ความตั้งใจก็ไม่มี คนอย่างคุณไม่ได้ทำอะไรเพื่อให้หนังสือพิมพ์ดีขึ้นเลย ดังนั้นเราจะเก็บคุณไว้ทำไมกัน?”
หาเรื่อง! เปลี่ยนจากขาวเป็นดำ!
แม้ว่ากวนซานจะทนได้ แต่เสินติงฮัวไม่อาจทนดูได้ เธอลุกขึ้นยืนและพูดว่า “รองบรรณาธิการเจียงคะ กวนซานอยู่ถึงดึกดื่นเมื่อคืนเพราะร่างเค้าโครงต้นร่าง หลังจากเขียนต้นร่างเสร็จ เขาจึงเป็นพนักงานคนสุดท้ายที่จากไป ในสายตาของคุณ มันไม่มีความสามารถและไม่มีความตั้งใจทำงานเลยเหรอคะ?”
เสินติงฮัวกล่าวอย่างเน้นชัดถ้อยชัดคำว่า “คุณกำลังมองข้ามความสำคัญของความพยายามในตัวพนักงานรึเปล่า?”
เจียงซีหยานตอบเลี่ยงๆไปว่า “ถึงงานจะเสร็จ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันออกมาดีนะ ทำไมคุณไม่ลองส่งมาให้ชั้นดูว่าคุณทำอะไรไปบ้างล่ะ?”
เขาหันหน้ามองไปที่กวนซานด้วยท่าทีจองหองและลอยชาย
เขาเป็นหัวหน้า ดังนั้นต้นร่างจะเขียนดีหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขาหรอกรึ?
ทำตัวก้าวร้าวเรอะ งั้นชั้นจะแสดงให้เอ็งเห็นว่าหมัดของชั้นหนักกว่า!
กวนซานเกือบจะหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ เขาหายใจเข้าลึกๆ เดินมาที่หน้าเจียงซีหยาน เขม้นมองเขาแล้วกล่าวว่า
” คุณเจียง ในเมื่อคุณเชื่อว่าความสามารถของนักข่าวอยู่ที่รูปถ่ายของพวกเขา เช่นนั้นแล้ว………ถ้าผมหามันมาให้คุณได้ล่ะ?”
เขาหันมองหน้าคนอื่นต่อและพูดว่า “ถ้าผมสามารถหาภาพเหตุการณ์ไฟไหม้ได้ คุณจะว่ายังไง?”
ต้องว่ายังไงต่อ ทำไมชั้นต้องทำตามที่เอ็งบอกด้วยฟะ?!
ไม่ว่าเอ็งจะได้ภาพมาหรือไม่ วันนี้เอ็งจะต้องก้มหัว หรือไม่ก็โดนชั้นไล่ออก!
ความคิดแรกของเจียงซีหยานคือต้องเบรกเขา เพราะยังไงซะ เขามาถึงขั้นนี้ก็เพื่อสร้างอำนาจบารมี ไม่ใช่เพื่อขอรูปถ่ายจริงๆหรอก
แต่เมื่อคำพูดแล่นไปถึงปลายลิ้นของเขา ก่อนที่เขาจะทันพูดอะไรออกมา เขาก็ได้รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแตะหลังของเขา
“อ๊า!”
เจียงซีหยานกรีดร้องโดยไม่รู้ตัวด้วยความกลัว
เพราะตอนนี้เขากำลังพิงโต๊ะทำงานอยู่ และข้างหลังเขา… ไม่มีใครเลย!
เขาหันศีรษะไปอย่างทันควัน ก็เห็นแค่โต๊ะอยู่ตรงหน้าเขา
แต่สัมผัสที่อยู่ข้างหลังเขายังคงชัดเจน มันเย็นเฉียบ และคล้ายกับคราบน้ำที่เหลือทิ้งไว้…
เจียงซีหยานเอาหลังมือแตะหลังอย่างหวั่นๆ
มันเปียกจริงๆ!
หรือว่า…ไม่ ไม่ ไม่ มันต้องเป็นน้ำรั่วบนเพดานแน่!
เปลือกตาเจียงซีหยานได้กระตุก และมือของเขาสั่นเทาเล็กน้อย แต่คนอื่นไม่รู้กัน พวกเขาคิดว่าเขาเป็นตะคริว
เผิงเฟยที่อยู่ข้างเขาได้กล่าวอย่างลังเลว่า “เป็นอะไรรึเปล่า? คุณน่าจะ…”
เจียงซีหยานฟื้นคืนสติ แม้เขาจะยังดูตื่นกลัวอยู่ แต่เขาก็ไม่อาจเสียหน้าได้ เขาตบโต๊ะและจ้องไปที่กวนซาน “ชั้นว่ายังไงน่ะหรือ? …ถ้าคุณหามาได้จริง ก็แสดงว่าคุณมีความสามารถไงล่ะ!”
คนรอบข้างที่แอบฟังอยู่ได้ตกตะลึง วันนี้ “เจ้าเล่ห์เจียง” ฮอร์โมนเปลี่ยนหรือไง?
เมื่อกี้ เขายังดูเหมือนกำลังจะฆ่าใครซักคน แล้วทำไมมันถึงเปลี่ยนเป็น “ก็แสดงว่าคุณมีความสามารถ” ล่ะ?
ก๊อก-ก๊อก
จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เอะอะอะไรกัน?”
เสียงอันนุ่มนวลแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามได้ดังขึ้น
ทุกคนหันไปตามเสียง และเห็นผู้หญิงในชุดเดรสสีเบจยืนอยู่ตรงประตู
ผมยาวสีนิลของเธอได้มวยผมขึ้นอยู่ด้านหลัง และใบหน้าที่สวยเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความสง่างาม ได้กำลังเปล่งประกายใต้แสงแดดยามเช้า น่องขาซึ่งพ้นจากกระโปรงนั้นช่างขาวเรียวและสวยยิ่งนัก
เผิงเฟยรีบทักทายเธอทันที “สวัสดีครับท่านประธาน”
ที่แท้นี่คือหัวหน้าบรรณาธิการและประธานบริหารของ “ข่าวภาคค่ำหางโจว” นามว่า หลี่จือหยิง