[นิยายแปล] I'm Really Scared ชั้นกลัวแล้วจ้าคุณระบบจ๋า! - ตอนที่ 24 คนหลอกลวง
“เอิ่ม….เสี่ยวเสิน อย่าร้องไห้สิ”
กวนซานลุกขึ้นจากเตียงทันที เขาเดินไปประคองใบหน้าเสินติงฮัวและพยายามเช็ดน้ำตาให้
ดวงตาของเสินติงฮัวได้มัวหมองเพราะน้ำตา คราบน้ำตาอันพร่ามัวนั้นได้เอ่อล้นในดวงตาของเธอราวกับได้อัญเชิญแม่ทัพสวรรค์ ที่กำลังตีฆ้องและกลองอย่างเปี่ยมศักดาเพื่อสังหารภูติผีปีศาจ
กวนซานผู้ซึ่งเป็น “ปีศาจ” ได้ทำตัวไม่ถูกต่อใบหน้าที่หลั่งน้ำตาโจมตีเข้าใส่อย่างดุเดือด ดังนั้นจึงเขาทำได้เพียงจับมันไว้ด้วยมือของเขาเท่านั้น
เสินติงฮัวเม้มปาก น้ำตาเธอได้กำลังไหลคลออยู่ในตอนนี้ เธอสูดน้ำมูก จากนั้นก็ไม่ได้ร้องไห้หรือพูดอะไรอีก เธอทำแค่เพียงมองกวนซานอย่างเจ็บปวดรวดร้าวใจ
ในขณะนี้กวนซานอยากจะเผชิญหน้ากับการรุมฆ่าของคนขับสามคนมากกว่าต้องถูกเสินติงฮัวจ้องมองซะอีก
เขาพยายามคิดหาข้ออ้างหลายประการ ในฐานะนักข่าว เขามีคำพูดแก้ตัวสุดคณานัปต่อการผิดนัดเธอ เพราะจริงๆแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเขาเลยตั้งแต่ต้น
แต่ในท้ายที่สุด กวนซานทำได้เพียงกระซิบด้วยความอับจนว่า “ขอโทษนะ…”
เสินติงฮัวได้ส่ายหน้า เธอเอื้อมมือไปจับมือกวนซาน และค่อยๆม้วนแขนเสื้อชุดคนไข้ของเขาขึ้น
แขนที่ปรากฏได้ถูกพันด้วยผ้ากอซและผ้าพันแผล จนมองไม่เห็นโครงร่างแขนที่ผอมบางแต่ทรงพลังอีกต่อไป
นิ้วสีขาวเรียวของเสินติงฮัวได้ลูบไล้อยู่ด้านบนมัน ดวงตาเปียกโชกจนพร่ามัวได้มองไปยังกวนซาน และเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “เจ็บมั้ย?”
กวนซานคิดว่าหากเขาบอกเธอว่าเจ็บ เธอจะต้องร้องไห้ออกมาอย่างแน่นอน
เขาเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมา ชำเลืองมองแถบพลังชีวิตที่มี และสรุปได้ว่ามันไม่ได้เจ็บอะไรมาก…..
อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นระหว่างการจำลองจะไม่เกิดความเจ็บปวด แต่ถ้าคุณปล่อยทิ้งไว้จนถึงนอกเวลาการจำลอง มันก็จะรู้สึกเจ็บตามปกติ
อาจเป็นเพราะระบบจำลองได้บอกว่า “ให้ความใส่ใจกับความปลอดภัยส่วนตัวยามเล่น” ตั้งแต่คราวแรก ซึ่งมันน่าจะเป็นสาเหตุหลัก
ถ้าไม่ใช่เพื่อเป็นการให้คำพูดของเขาน่าเชื่อถือมากขึ้น กวนชานก็ไม่เก็บบาดแผลเหล่านี้ไว้หรอก เพราะแค่ใช้ [ก้อนปรสิตพัน] ชิ้นเดียว เลือดเขาก็เต็มแล้ว
เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บนี้ค่อนข้างรุนแรง แต่กวนชานไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนัก คงเพราะเขามีเลเวลสูงขึ้นกว่าเดิมมั้ง เขาจึงสามารถทนทานต่อการถูกทุบตีมากขึ้น
เมื่อครุ่นคิดอยู่สักพัก กวนซานก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ไม่เจ็บเลย”
เขาชี้ไปที่รอยแผลตื้นๆที่หลังมือ “ดูสิ ก็แค่รอยถลอกทั้งนั้นเลย เพียงแต่หมอเขาพันเยอะจนเว่อร์เกินอ่ะนะ ไม่ได้เจ็บมากหรอก”
เสินติงฮัวเอื้อมมือออกไปและลองจิ้มดูอย่างระมัดระวัง: “จริงเหรอ?”
กวนซานพยักหน้าอย่างฉะฉาน เขายกมือขึ้นและให้สัญญาด้วยใจจริงว่า “จริงสิ จริงซะยิ่งกว่าไข่มุกอีก”
เสินติงฮัวพองแก้มของเธอและกล่าวว่า “โกหก”
กวนซานรู้สึกหัวเราะมิออกร้องไห้มิได้ “มันไม่เจ็บจริงๆน้า ชั้นไม่ได้โกหก งั้นชั้นจะพิสูจน์ให้เธอเห็นดีมั้ย?”
“ไม่สนไม่เสินอะไรทั้งนั้น นายชอบโกหกฉันอยู่เรื่อย ชอบผิดนัดแถมชอบทำตัวเองบาดเจ็บเวลาพูดอย่างงี้อ่ะ”
เสินติงฮัวโน้มตัวเข้ามาใกล้ เธอจ้องหน้า กวนซานและพูดเสียงค่อยว่า “ดังนั้น คืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้านาย”
“ทั้งคืนนี้ และตลอดไปด้วย”
กวนซานกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว เสินติงฮัวนั้นได้เอนตัวเข้ามาใกล้จนเขาสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆในอากาศซึ่งหนาวเย็น และกลิ่นหอมของสาวแรกแย้มก็ลอยละล่องมากระทบใส่ที่ด้านข้างคอของเขา
“ช้าก่อน… เอ๊ะ? นั่นเธอจะทำอะไรน่ะ? เสี่ยวเสิน ชั้นแนะนำให้เธอรักนวลสงวนตัวจะดีกว่านะ!”
กวนซานก้าวถอยหลังสองก้าวด้วยความตื่นตระหนก และนั่งลงบนเตียงของโรงพยาบาล เขาไม่หลงเหลือมาดตอนยิงหัวมอนสเตอร์นัดเดียวจอดเลยแม้แต่น้อย
เสินติงฮัวผลักเขาเข้าไปกลางเตียง เธอยึดพื้นที่ครึ่งเตียงของเขา และระหว่างที่กำลังจะเอนกายนอน เธอก็พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่า “ฉันจะจับตาดูนายไม่ให้คลาดสายตา ไม่งั้นเดี๋ยวนายหนีหายไปไหนอีกก็ไม่รู้”
กวนซานทำตัวไม่ถูกแล้ว เหล่าทหารและแม่ทัพสวรรค์เหล่านั้นไม่ได้มา กลับเป็นซุนหงอคงที่เริ่มอาละวาดในใจเขา
เขายื่นมือไปวางบนไหล่ของเสินติงฮัว และรีบกล่าวว่า: “เดี๋ยวก่อน ชั้นจะให้พยาบาลเพิ่มเตียงให้..…”
ก่อนที่กวนซานจะพูดจบประโยค เขาก็อึ้งชะงักไป
เพราะเมื่อเขากดไหล่ของเสินติงฮัว เธอก็ตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด
แต่สีหน้าเสินติงฮัวนั้นดูไม่ปกติ เพราะมันการข่มความเจ็บปวดจนน้ำตาปริ่มไหลรินจากหางตาของเธอ
กวนซานหน้าเปลี่ยนสีทันทีและพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
เสินติงฮัวกระพริบตาและยิ้มแย้มอย่างน่ารัก: “เสี่ยวซาน อย่าเปลี่ยนเรื่องสิ”
ใครเปลี่ยนเรื่องกันแน่?
กวนซานสงบสติอารมณ์และพินิจพิศดูเสินติงฮัวอีกรอบ
เธอสวมชุดเดรสและเสื้อถักไหมพรมคลุมบนร่างกายอีกที เขาเดาว่าเธอกำลังสวมชุดนอนในบ้าน พอได้ยินข่าวจากกวนซานเธอก็คว้าเสื้อผ้าสองชิ้นใส่อย่างลวกๆ และออกมาหากวนซาน
มันยังมีรอยคราบฝุ่น รอยยับที่กระโปรงและขอบเสื้อคลุม
เมื่อกวนซานเอื้อมมือมาถอดเสื้อคลุมของเสินติงฮัว เขาก็พบว่าบริเวณไหล่ของหญิงสาวได้มีรอยแผลฟกช้ำ เช่นเดียวกับที่ข้อมือข้างหนึ่ง
เสินติงฮัวรู้สึกผิดและก้มหน้าลง “ฉันแค่เป็นห่วงจนวิ่งเร็วเกินไปและเผอิญล้มลง ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกนะ”
กวนซานเมินต่อคำแก้ตัวและบอกให้เธอนอนลง เพียงเพื่อพบว่าเธอมีแผลถลอกที่ขา อีกทั้งเลือดก็ยังไหลซึมออกมาอยู่ มันถูกชายกระโปรงบดบังไว้เขาจึงมองไม่เห็นในทีแรก
“อย่างงี้เรียกว่าไม่เป็นไรเรอะ?”
กวนซานได้นำผ้าพันแผลสำรองและขวดยาที่ใช้สำหรับเขาออกจากลิ้นชักข้างเตียง “ถ้าชั้นไม่เห็น เธอก็จะไม่รักษาแผลสินะ? เธอคิดจะนอนไปทั้งๆอย่างนี้เลยหรือไง?”
เสินติงฮัวกล่าวด้วยท่าทางน่าเอ็นดูว่า “เสี่ยวซานต้องเห็นมันอยู่แล้วแหละ”
กวนซานใส่ยาและพันแผลให้เธอ เขาสั่งให้เธอนอนลงแต่โดยดี
แต่มันแปลกตรงที่ตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เขาใช้ไอเทมผ้าพันแผล แม้จะไม่เคยมีใครสอนวิธีใช้ เขาก็สามารถพันเป็นเองได้
น่าจะเป็นผลพลอยได้จากเจ้าระบบจำลองกระมั่ง
เสินติงฮัวกางแขนของเธออย่างออดอ้อน “ฉันอยากนอนกอดเสี่ยวซานจัง”
“……”
กวนซานถอนหายใจเฮือก โถแม่ทูนหัวเอ๊ย ตอนนี้เขากำลังสวมชุดคนไข้นะ นี่ตั้งใจจะทดสอบขันติเขาหรือไงกัน?
แต่เขาไม่อาจปฏิเสธท่าทางที่เสินติงฮัวแสดงออกมาอย่างคาดหวังในเวลานี้ ถึงแม้มันจะเป็นการทดสอบขันติเขาก็เถอะ
“อืม กอดก็กอด”
กวนซานกอดเสินติงฮัวอย่างระมัดระวังด้วยลักษณะราวกับกำลังถือกล่องทองคำล้ำค่า “ทีนี้ก็นอนได้แล้วสินะ”
เสินติงฮัวกอดเขากลับและฝังหัวเล็กๆของเธอเข้าตรงอกเขา
กวนซานไม่กล้าขยับจนตัวแข็งทื่อ จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหม่นหมองของเสินติงฮัว “ต้องโกหกแน่ๆ มันต้องเจ็บอยู่แล้วแหละ….จะไม่เจ็บได้ยังไง นายต้องโกหกฉันโดยบอกว่ามันไม่เป็นไรเลย เชอะ คนหลอกลวง”
เนื่องจากพอเสี่ยวเสินนอนลงตนเองยังรู้สึกเจ็บปวดมาก ตัวเสี่ยวซานเองที่ถูกหมอพันแผลไว้ขนาดนี้ จะต้องเจ็บปวดมากกว่าเธอแน่
มีแผลที่ไหนซึ่งไม่เจ็บบ้างเล่า?
เขาแค่ไม่อยากให้ฉันกังวลมากกว่า
กวนซานได้มองดูผมบนหัวของเสินติงฮัว เส้นผมสีดำเข้มและอ่อนนุ่มของหญิงสาวได้แผ่กระจายอยู่บนหมอน ซึ่งดูอ่อนชดช้อยเสมือนแสงยามราตรี
ตั้งแต่พ่อแม่ของเขาจากไป ก็มีเพียงคนแบบนี้ ผู้หญิงแบบนี้นี่แหละ ที่ยอมเข้าหาเขาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นใด
ห้องคนไข้ได้กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
นานจนกระทั่ง
“เฮ้อ… คืนนี้ถ่างตาไว้ตลอดคืนละกัน”
กวนซานลอบถอนหายใจ และศึกษาไอเทมสองชิ้นนั้นอีกครั้ง
——
ณ มุมหนึ่งบริเวณทางเดิน
“จะกลับไปทั้งแบบนี้เหรอ?”
ถังจือสับสนและอดถามไม่ได้ว่า: “เขาไม่ได้ปริปากบอกอะไรเลยนะครับ?”
เซี่ยเหล่ยมองไปทางวอร์ดด้วยสีหน้าแจ่มใสและกล่าวว่า: “เอาเถอะ เท่านี้ก็พอแล้ว ที่เหลือก็ให้หลินซูม่านเฝ้าตามต่อ เมื่อไหร่ที่ผึ้งเพชฌฆาตลงมืออีกครั้ง เราค่อยมาหาเขาก็แล้วกัน”
เกาเย่มองไปที่วอร์ดซึ่งได้ดับไฟไป และนึกถึงท่าทางกังวลใจของหญิงสาวที่พึ่งเดินผ่านไป
“อย่างงี้นี่เอง….”
เธอเข้าใจในทันทีว่า “ไม่มีทั้งคนขับและผู้โดยสาร” ไม่ใช่เป็นการบอกกับหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษ แต่เป็นสำหรับตัวกวนชานเอง
หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็จะได้อยู่ในโลกคนปกติธรรมดาต่อไป นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการสินะ?
เกาเย่ได้รู้สึกประทับใจ เธอหันกลับมาและพูดว่า “ไปกันเถอะ เรายังมีภารกิจอื่นรอยู่”
แม้ว่าเฉินเผิงหยุนจะไม่เข้าใจ แต่เมื่อหัวหน้าเข้าใจ งั้นเขาก็ยอมเข้าใจ เพราะเขาจะได้รู้สึกปลอดภัยไงล่ะ!
ดังนั้นเขาจึงพยักหน้ารับ “ครับ”
ถังจือได้เกาหัวอ้าปากค้าง เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดบรรยากาศตอนนี้ถึงดูเหมือนจะบรรลุความเข้าใจตรงกันแล้วล่ะ?
ไหงเหลือเขาคนเดียวที่ไม่เข้าใจหว่า?