[นิยายแปล] I'm Really Scared ชั้นกลัวแล้วจ้าคุณระบบจ๋า! - ตอนที่ 20 รายชื่อเหยื่อ
ถังจือได้เกาหัวของเขา “ทำไมชั้นรู้สึกว่า… สิ่งที่เราทำได้นั้น คือการคอยตามเช็ดก้นเขาอย่างเดียวหว่า?”
เฉินเผิงหยุนตอกกลับว่า “ก็ดีแล้วนี่ หรือแกอยากสู้กับเจ้าระดับ C นั้นห๊า?”
ถังจือยิ้มและอ้อมแอ้มตอบว่า “ช่างเหอะ ตามเช็ดก้นให้อย่างเดียวก็ดีเหมือนกันนะ”
ทั้งสามคนต่างยืนรอกันต่อประมาณสิบนาที
คนที่พวกเขารอ…
ก็คือฝ่ายพลาธิการของหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษ
พวกนั้นได้รีบตั้งฉากกั้นขึ้นเพื่อปิดสถานที่เกิดเหตุ และนำร่างของเถาหลัวกับBKออกไป พวกเขาอำพรางเรื่องนี้ให้เป็นอุบัติเหตุทางจราจรอย่างชำนิชำนาญ
แน่นอนว่าในช่วงเริ่มต้นปฏิบัติการนี้ กองกำลังตำรวจในพื้นที่ได้ถูกสั่งการโดยหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษ
เช่นเดียวกับปฏิบัติการก่อนหน้านี้ ซึ่งก็คือจ้าวหงและภรรยาของเขา เพื่อป้องกันหยุดยั้งการรั่วไหลของข่าวภายหลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นไป และสะดวกในการจัดการกับปัญหาที่ตามมา
แต่ปฏิบัติการนั้นถือได้ว่าเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
เพราะแม้แต่ผู้บัญชาการก็ยังถูกศัตรูควบคุม ดังนั้นปฏิบัติการทั้งหมดจึงผิดพลาดตั้งแต่เริ่มต้น
พวกทีมสามได้กระทำการด้วยความประมาท พวกเขาระบุว่าลูกค้าทั้ง 15 คนซึ่งความจริงเป็นหุ่นเชิดของฟางหมินหมิน คือตัวประกันที่สามารถช่วยชีวิตได้ และเพื่อเป็นการไม่ให้งูตื่น หน่วยรบที่เก่งกาจอื่นๆจึงได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ให้ปิดล้อมร้านอาหารโดยสมบูรณ์ และส่งหลินซูม่านผู้โชคร้ายเข้าไปคนเดียว…
เหตุผลที่ฟังดูเข้าทีสำหรับการลงมือปฏิบัติ ได้เกือบทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงยิ่งไปกว่านั้น
หลินหวู่หัวหน้าทีมที่สามจึงถูกพักงานเป็นเวลาหนึ่งเดือน และรองหัวหน้าก็ถูกสั่งย้ายชั่วคราว
แม้ว่าฟางหมินหมินจะเป็นตัวต้นเหตุ แต่การตัดสินใจผิดพลาดของหลินหวู่ที่นำหุ่นเชิดเข้ามาในสถาบันวิจัย คือปัจจัยที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ดังกล่าว
อีกอย่างก็คือ ตัวหลินหวู่และปรสิตเองได้ต่อสู้ช่วงชิงร่างกันจนเขาได้รับบาดแผล จึงต้องใช้เวลาเกือบเดือนในการรักษาและเฝ้าสังเกตุอาการต่อ มันจึงมองได้ว่าเป็นการลงโทษที่เน้นตักเตือนซะมากกว่า
สำหรับฝ่ายพลาธิการ พวกเขามีจำนวนถึงครึ่งหนึ่งของหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษ
พวกเขาจึงมีความสามารถสามารถในการสู้รบมากกว่าใครเพื่อน
เกาเย่ได้พูดคุยกับผู้รับผิดชอบของฝ่ายพลาธิการที่มาในครั้งนี้ และยืนยันตัวตนของผู้ใช้พลังพิเศษทั้งสองคนที่เสียชีวิต
“หนึ่งคือเถาหลัว ผู้ใช้พลังระดับ C รหัส ‘ผึ้งงานหมายเลขสี่’ มีพลังที่อันตรายชื่อ ‘ควบคุมโลหะ’ เนื่องจากเขาชอบลอกหน้าผู้แพ้ เขาจึงมีชื่อเสียงมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฉันไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา แต่ฉันเห็นจี้สร้อยคอที่มีสัญลักษณ์ “ผึ้งงาน” จึงน่าจะเป็นสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมไม่นานมากนัก”
เธอได้แสดงจี้แก้วที่มีรอยไหม้
มันมีแมลงแปลกๆถูกผนึกไว้ในแก้วลักษณะคล้ายกับตัวต่อแต่ดูดุร้ายกว่า แต่น่าเสียดายที่มันตายแล้ว
เธออธิบายว่า: “จี้สัญลักษณ์ของ ‘ผึ้งเพชฌฆาต’ กล่าวกันว่าได้ถูกผลิตโดยสัตว์ประหลาดสายกายเนื้อ”
“นี่คือแมลงตัวลูก ตราบใดที่หนามส่วนหางยังคงอยู่ในร่างกายของคนๆนึง มันก็จะสามารถเชื่อมโยงกับของตัวเขา ตัวแมลงเองไม่สามารถทำอันตรายใดๆแต่สามารถรับรู้ตำแหน่งของแมลงตัวลูกอื่นๆได้”
“บุคคลที่ถือครองแมลงตัวแม่สามารถควบคุมแมลงตัวลูกได้”
ผู้รับผิดชอบฝ่ายพลาธิการได้กล่าวด้วยความงุนงงว่า “แต่เราไม่พบจี้ของเถาหลัว….”
“ทางเราก็ไม่ได้เอาไป” เกาเย่ส่ายหัวและขมวดคิ้ว ใบหน้าเล็กๆที่เย็นชาของเธอได้แสดงสีหน้าอับจนหนทาง “น่าจะเป็นฝีมือหมอนั่นอีกแล้ว”
เฉินเผิงหยุนคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ “เขาทำไปเพื่ออะไร? เป็นที่ระลึกหรือไง? แล้วทำไมเขาถึงเอาแต่ของเถาหลัวเท่านั้นล่ะ?”
ถังจือเดาว่า “อาจเป็นเพราะเถาหลัวคือระดับ C เขาคิดว่าระดับ D อ่อนแอเกินไปเลยรู้สึกไม่คู่ควรล่ะมั้ง?”
เกาเย่มีสีหน้าเคร่งขรึมและทันใดนั้นก็พูดว่า “ก็เป็นไปได้เหมือนกัน เพราะเถาหลัวมีนิสัยชอบลอกหนังหน้าเก็บเป็นที่ระลึก ดังนั้นเขาจึงกระทำแบบเดียวกันกับคนผู้นี้ด้วย”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเราอยู่ที่นี่ บางทีเขาอาจจะเลือก…หน้าของเถาหลัวแทนก็ได้มั้ง?”
การคาดเดานี้ช่างฟังดูน่ากลัวจริงๆ มันเต็มไปด้วยความป่าเถื่อนแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน!
เฉินเผิงหยุนได้ตัวสั่นเครือ เขาอดพูดไม่ได้ว่า “ชั้นบอกแล้วว่าพวกนักจิตวิทยาเชื่อถือไม่ได้ มีหน้ามาบอกว่าเป็นสีเขียวน้างั้นเหรอ มันช่างน่าขันเสียจริง”
“ตกลงผู้ชายคนนี้เป็นตัวอะไรกันแน่?”
ถังจือเอ่ยออกมา “เขาฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา อีกทั้งไม่รู้ระดับพลังหรือความสามารถของเขา เราควรจะควบคุมตัวเขาไว้ก่อน หรือจับขังคุกเลยดีกว่า…. ตอนนี้ชั้นเริ่มทำอะไรไม่ถูกแล้วแหละ”
“ไม่ต้องห่วง ไม่ใช่ว่าเขาไปที่โรงพยาบาลหรอกหรือ? พวกเราค่อยตามไปคุยกับเขาทีหลังก็ได้”
เสียงของเซี่ยเหล่ยได้ดังขึ้นอย่างไม่ปะติดปะต่อ ทั้งสามคนต่างหันไปหาเขาด้วยความประหลาดใจ
ทั้งสามเห็นเขากำลังปั่นจักรยานเก่าๆพลางพูดไปด้วย เขาจอดรถดัง “เอี๊ยด” ลงจากรถและปาดเหงื่อทิ้ง “ฟู่….. ปั่นจักรยานมา 5 กิโลเมตรนี่เหนื่อยใช้ได้เลย “
ทั้งสามคนต่างมองตาโตกัน “คุณปั่นจักรยานมาเหรอ? ทำไมคุณไม่ติดต่อฝ่ายพลาธิการล่ะ?”
เซี่ยเหล่ยผายมือออกอย่างจนปัญญา “ก็เพราะเจ้าผู้ใช้พลังเคลื่อนย้ายตัวดีน่ะสิ เล่นดึงเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดบนตัวชั้นและเคลื่อนย้ายแยกไปอีกที่นึง”
เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าศัตรูจะส่งผู้ใช้พลังสายมิติมา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เตรียมแผนการรับมือเรื่องนี้
แม้เซี่ยเหล่ยจะเป็นผู้ใช้พลังระดับ B มีระดับพลังสูงกว่าคนทั้งหมดในที่นี้รวมกัน
แต่ระดับพลังไม่ได้แสดงถึงระดับอันตรายของความสามารถ
มันมีความสามารถหลากหลายประเภทเกินไป
ตั้งแต่ที่มีการจดบันทึก ก็ได้มีความสามารถหลายพันประเภทบันทึกไว้จนถึงตอนนี้แล้ว
ในหมู่พวกเขา มีเพียง 300 คนที่จัดได้ว่าอันตรายมากทีเดียว พวกเขาถูกบันทึกไว้ในหนังสือเล่มเล็กที่เรียกว่า “รายชื่อเหยื่อ” และส่งเผยแพร่ในหมู่ผู้ใช้พลังพิเศษ
เหตุใดถึงใช้ชื่อนี้น่ะหรือ?
ก็เพราะว่าทุกครั้งที่ค้นพบผู้ใช้พลังอันตราย สิ่งที่ตามมาคือรายชื่อของผู้ตกเป็นเหยื่อ……
จดหมายสั่งเสียก่อนตาย
หรือไม่ก็ซากศพ
“ตอนพวกเรามาถึงที่เกิดเหตุ ก็เหลือเพียงเขาคนเดียว…”
ประโยคนี้คือคำกล่าวเปิดเรื่องราวที่พบเจอได้บ่อยที่สุดในหนังสือเล่มนี้
หลังจากรูปแบบถูกจัดระเบียบใหม่ ก็ได้แบ่งพลังออกเป็น 3 สายหลักคือ
[สายกายเนื้อ], [สายควบคุมธาตุ] และ [สายคุณลักษณะพิเศษ]
ในหมู่ผู้มีพลังพิเศษ สายกายเนื้อเป็นสายที่เห็นได้บ่อย และสายนี้ได้แบ่งออกเป็นเสริมพลังและกลายพันธุ์
ความแตกต่างระหว่างทั้งสองสาย คือร่างกายได้รับการเปลี่ยนแปลงจนเกิดลักษณะพิเศษ
พูดง่ายๆก็คือ “แขนงอกเพิ่ม” อยู่ในหมวดเสริมพลัง ในขณะที่ “แขนกลายเป็นปีก” อยู่ในหมวดกลายพันธุ์
ตัวอย่างเช่น กรณีของจ้าวหงและฟางหมินหมินที่ถูกฆ่าด้วยน้ำมือของกวนซาน พวกเขาจำแนกอยู่ในสายกายเนื้อ
จ้าวหงเพิ่มพลังในร่างกายเดิมของเขา ดังนั้นมันจึงจัดเป็นประเภทเสริมพลัง
และฟางหมินหมินได้เปลี่ยนเลือดเนื้อของตัวเองให้กลายเป็นหุ่นเชิดและปรสิตที่บงการด้วยจิตได้ กายนี้แน่นอนว่าไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็น “มนุษย์” อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงกับจิตตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นการผสมผสานระหว่างกลายพันธุ์และคุณลักษณะพิเศษ
อย่างไรก็ตาม สายกายเนื้อนั้นจริงๆแล้วแตกต่างจากที่ผู้คนคิดกัน เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นมนุษย์กล้ามเนื้อใหญ่โตตัวหนาสามช่วงคน หรือว่าเป็นคนที่จิตใจโหดเหี้ยมชั่วร้ายไปซะทั้งหมด
มันตรงข้ามกันต่างหาก เนื่องจาก “การพัฒนาของสมอง” เป็นความสามารถของสายกายเนื้อ เพราะงั้นนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกือบทั้งหมดในองค์กรจึงจัดอยู่ในสายกายเนื้อกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สายกายเนื้อคือคนที่มีไอคิวสูง
ส่วนจำนวนผู้ใช้พลังสายธาตุนั้นมีไม่มากนัก แต่ตราบเท่าที่พลังตื่นขึ้น พวกเขาจะเป็นผู้ใช้พลังระดับ B เสมอ ฉะนั้นสายนี้จึงถือว่าเป็นสายที่แข็งแกร่งยิ่ง
จำนวนผู้ใช้พลังคุณลักษณะพิเศษ คือสายที่มีมากที่สุด และมีรูปแบบซับซ้อนมากที่สุดอีกด้วย
มันเปรียบเสมือนตะกร้าใบหนึ่งที่ใส่สายพลังซึ่งไม่อาจจำแนกได้ทุกอย่างเข้าไปในนั้น
พอหลายเดือนหลายปีผ่านไป มันก็ยุ่งเหยิงกันไปหมด แต่โดยพื้นฐานแล้วมักจะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่อง “วิญญาณ” “กฎเกณฑ์เงื่อนไขการใช้” และ “โชคชะตา” แต่สายนี้ระหว่างระดับสูงกับระดับต่ำจะมีช่องว่างความต่างของพลังมาก
ดังนั้น พลังสายคุณลักษณะพิเศษจะถูกใช้งานที่ตรงตามวัตถุประสงค์
ด้วยเหตุนี้สมาชิกจากองค์กร “ผึ้งเพชฌฆาต” ที่มีชื่อรหัสว่า “ผึ้งงานหมายเลขสิบ” จึงเป็นผู้ใช้พลังรูปแบบมิติของสายคุณลักษณะพิเศษ
เซี่ยเหล่ยซึ่งมีความสามารถในการสู้รบเพียงอย่างเดียว จึงถูกเคลื่อนย้ายออกไปในทันทีอย่างขัดขืนไม่ได้
“พลังสายคุณสมบัติพิเศษ…แม้จะเป็นแค่ระดับ C เท่านั้น ก็ไม่อาจประมาทได้เลย! เพราะบางสถานการณ์ พลังพิเศษอาจมีบทบาทที่สำคัญกว่าระดับ S เสียอีก”
เซี่ยเหล่ยถอนหายใจหลังจากกล่าวมาซะยืดยาว เขาได้ถือโอกาสสอนเด็กทั้งสามคนตรงหน้าเขาเรื่องพลังจิตไปในตัว
“ไปกันเถอะ ไปดู ‘มหาวีรบุรุษ'” ของเรากันดีกว่า”
เซี่ยเหล่ยได้เน้นย้ำคำพูดยกย่องนี้ และพูดติดตลกว่า “คราวนี้ต้องขอบคุณเขาจริงๆที่ได้กำจัดผึ้งเพชฌฆาตทั้งสอง หากพิจารณาจากคุณธรรมและความกล้าหาญแล้ว เขาต้องได้รับรางวัลชัวร์ป้าปแน่”
—
ในเวลาเดียวกัน
หลังจากเจอะเจอเรื่องมามากมาย กวนซานผู้ซึ่งมี “คุณธรรมและความกล้าหาญ” ก็ได้นอนแผ่อยู่บนเตียงโรงพยาบาลพร้อมกับผ้าพันแผล เขากำลังมองดูผลการประเมินของเจ้าระบบจำลองนี้