“จบสักที!”
ช่วงเวลาที่กวนซานเห็นคนขับไร้หน้าฮึดสู้ขึ้นกระทันหัน และปัดทั้งมีดเลาะกระดูกพร้อมกับตัวเขาจนกระเด็นออกไปอย่างควบคุมไม่ได้
กวนซานได้เกิดความคิดแว๊บขึ้นในใจว่า
พริบตาที่คนขับได้ระเบิดพลังอันไม่อาจหยุดยั้งได้ เขาหมดหนทางสู้จริงๆ
กวนซานรู้สึกเหมือนเด็กน้อยกำลังสู้กับผู้ใหญ่ และเขาก็ประสบพบเจอกับตัวเองว่าตั๊กแตนยันรถศึก หรือมดพยายามเขย่าต้นไม้นั้นมีสภาพเป็นอย่างไร……
แต่เมื่อกวนซานเตรียมใจพร้อมตายและลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง เขาเปลี่ยนมาใช้ Glock 17 และถือไอเทมยารักษาเพื่อเตรียมสู้สุดชีวิต
เขาดันกลับพบว่าบอสซึ่งอยู่ตรงหน้าเหลือพลังชีวิตแค่ “1” เท่านั้น และมันยังกำลังคุกเข่าดิ้นทุรนทุรายใกล้ตายด้วยความเจ็บปวด
แม้แต่ดวงหน้าเล็กๆจำนวนเหลือคณานับก็ยังแสดงสีหน้าเจ็บปวด—อีกทั้งกล้ามเนื้อใบหน้าทั้งหมดยังหดตัวจนย่นราวกับดอกเก๊กฮวย
เกิดอะไรขึ้นน่ะ?
ชั้นถอดกางเกงออกและเกือบเยี่ยวเล็ดออกมา แต่กลับให้ชั้นเห็นภาพเยี่ยงนี้รึ?
(ถอดกางเกงออก = โดนหลอก)
กวนซานไม่อยากเชื่อเลย
เขารับไม่ได้จริงๆ
ดังนั้นกวนซานจึงยกปืนขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยวและเล็งไปที่หัวคนขับ
“ปัง!”
ยิงเข้าที่หัวจะๆ
ซึ่งทำให้ปริมาณพลังชีวิตทั้งหมดถูกขจัดทิ้งทันที
คนขับล้มลงกับพื้น พยายามดิ้นรนและเอื้อมมือออกมาราวกับว่าเขากำลังพยายามไขว่คว้าตัวกวนซานอยู่
ในตอนที่เขาใกล้ตาย สิ่งที่เขาเห็นในห้วงภวังค์ผ่านเงาสะท้อนในดวงตากวนซาน ก็คือใบหน้าที่บิดเบี้ยวไร้อวัยวะใดๆ
สุดท้าย ชายที่ชื่อเถาหลัวได้ชิงตายก่อนที่เขาจะได้ “ใบหน้า” ที่เขาต้องการ
“เฮ้อ…”
เมื่อเห็นข้อความจากระบบจำลองปรากฏขึ้นตรงหน้า ในที่สุดกวนชานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเอื้อมมือแตะที่หน้าผากของเขาและพบว่ามันเต็มไปด้วยเหงื่ออันเย็นเฉียบ
กวนซานพอจะเดาได้แล้วว่า บอสตัวนี้อาจจะใช้พลังความสามารถบางอย่างก่อนที่เขาจะตาย เขาน่าจะพยายามช่วงชิงบัฟทั้งหมดของกวนซาน
อย่างไรก็ตาม เขาคงไม่คาดคิดว่าพลังอันยิ่งใหญ่นี้ จะโดนย้อนกลับเป็นดีบัฟเมื่อเวลาหมดลง……
ดังนั้นบอสตัวนี้จึงตกหลุมพรางของตัวเอง และได้รับดีบัฟ “เลือดเหลือ 1 หลังจาก 10 วินาที”
“จะพูดยังไงดี……คงบอกได้คำเดียวว่าเจ้าบอสนี้ช่างดวงซวยจริงๆ”
มุมปากกวนซานได้กระตุกขึ้น เขารู้สึกดีใจที่ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะใช้ [ยาฉีดเร่งอะดรีนาลีน]
มิฉะนั้น หลังจากผลของ [หัวใจนักแล่เนื้อ] หายไป เขาก็ต้องใช้เวลานานพอดูก่อนที่จะสามารถฆ่าบอสลงได้ และเขาอาจมีโอกาสโดนพลิกสถานการณ์อีกด้วย
ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงไม่ดูง่ายดายอย่างนี้แน่
กวนซานได้เริ่มต้นอ่านข้อความแจ้งเตือน
【ค่าประสบการณ์ +12000】
【ค่าประสบการณ์ปัจจุบัน: 13150/1000 (อัพต่อไม่ได้) 】
【 HP ปัจจุบัน: 1100/1100 (อัพต่อไม่ได้) 】
【บอสตัวสุดท้ายได้ถูกฆ่า】
【การจำลองได้สิ้นสุดลง ฉากนี้จะถูกทำลายในไม่ช้า โปรดออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด】
【นับถอยหลัง: 00:59】
“หืม ค่าประสบการณ์หนึ่งหมื่นสองพันเชียวเหรอ!”
ดวงตาของกวนซานได้เบิ่งกว้างเมื่อเห็นจำนวนตัวเลขนี้ ความหวาดกลัวและความเหนื่อยยากก่อนหน้านี้ดูจะถูกขจัดออกไปในทันที
“ไม่เสียแรงที่ชั้นได้ใช้ไอเทมถึงสองชิ้นในแพ็คเอาชีวิตรอดสำหรับมือใหม่ อีกทั้งยังต้องประสบการณ์เฉียดตายอีกด้วย….. นับว่าเจ้าระบบจำลองนี้ยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้างนะ”
กวนซานได้รู้สึกอารมณ์แจ่มใสขึ้น
ผาสุกซะยิ่งกระไร
แต่กวนชานก็ไม่ได้สุขใจนานนัก เพราะเขานึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้ทำภารกิจอัพเลเวล และไม่สามารถใช้ค่าประสบการณ์ที่สะสมไว้ ใบหน้าของเขาจึงพลันเปลี่ยนเป็นยิ้มเหยเก
“มันคงดีถ้าระบบจำลองชาติหมานี้ไม่ต้องมีภารกิจทะลายขีดจำกัดอ่ะนะ!”
เนื่องจากฉากนี้ถูกสร้างขึ้นภายในรถเมล์ ดังนั้นหากต้องทำลายฉาก ก็น่าจะหมายถึงการทำลายรถเมล์ทิ้งล่ะมั้ง
ณ เวลานี้กวนซานได้อยู่ข้างนอก เขาจึงไม่ต้องกังวลกับการนับถอยหลังนี้
ตัวเขาซึ่งอยู่ห่างจากซากรถบัสไปเล็กน้อย ได้เริ่มหยิบไอเทมทั้งหมดที่สามารถหยิบได้ และตรวจสอบการประเมินรางวัลอย่างตั้งอกตั้งใจ
[การจำลองเกมสิ้นสุดลง: รถเมล์เที่ยวสุดท้าย]
[ฆ่าบอสสุดท้าย: 1/1 (ระดับการประเมิน↑↑)]
【ฆ่ามอนสเตอร์ระดับสูง: 1/1 (ระดับการประเมิน↑)】
[ไอเทมที่ได้รับ: ลูกกวาดปลุกพลัง x 1 ครีมพิษ x 1 บัตรธนาคารของใครสักคน x 1 ตราโลหะที่เสียหาย x 1 จี้สร้อยคอผึ้งงาน x 1]
[ระดับการประเมิน: สมบูรณ์แบบ (สามารถเก็บไอเทมที่ได้รับทั้งหมด)]
[รางวัล: สกุลเงินในเกม x 5000 แต้มทักษะ x 2]
[ปลดล็อคความสำเร็จ: ไม่รอดสักราย (ฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดสองฉากติดต่อกัน)]
[รางวัลความสำเร็จ: หนังสือทักษะ [การวาดวงเวทย์] x 1]
[ของรางวัลทั้งหมดได้ถูกส่งไปยังกระเป๋าระบบเรียบร้อยแล้ว กรุณาตรวจสอบ]
[ภารกิจทะลายขีดจำกัดได้ถูกปลดล็อค โปรดตรวจสอบเวลาให้ดีและทำตามภารกิจที่กำหนดให้สำเร็จ]
[การประเมินได้เสร็จสิ้น โปรดอดใจรอการจำลองครั้งต่อไป]
“บรึม!”
กวนซานปิดหูของเขาพลางมองไปที่รถเมล์ซึ่งไฟได้ลุกท่วม ด้วยการเกื้อหนุนจากเปลวไฟที่ยังไม่ดับดีก่อนหน้านี้ มันจึงระเบิดออกมาประดุจดอกไม้ไฟที่ตระการตา
แม้แต่ศพทั้งสองก็ยังถูกกลืนโดยเปลวไฟจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
กวนซานอดบ่นไม่ได้ว่า: “ระบบจำลองนี้ชอบระเบิดเสียจริงเชียว”
เมื่อเปลวเพลิงได้ซาลง มันก็เหลือเพียงแค่ซากรถเมล์อันเละเทะซึ่งทิ้งไว้บนถนน
และแล้วคืนราตรีก็ได้กลับมาเงียบสงบอีกครั้งนึง
ส่วนกวนซานนั้นได้หยิบมือถือขึ้นมา และส่งข้อความถึงเสินติงฮัวก่อน หลังจากนั้นจึงกดโทรหมายเลข 120…..
“ฮัลโหล นี่ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินรึเปล่าครับ”
“ที่ป้ายจิ่วฉวน ใช่ครับ มีรถเมล์เกิดอุบัติเหตุบนถนนไม่ไกลจากป้ายนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรอกนะ แต่มันเกิดการระเบิด…”
—
หลังจากสมาชิกสามคนในทีมแรกของหมวดโหย่วได้หลุดจากกับดักของ BK ไม่สิ, มันควรพูดว่า หลังจากเขตแดนมิติได้คลายลงเพราะการตายของ BK พวกเขาก็รีบเร่งไปจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
และแล้วพวกเขาก็ได้เห็นภาพสถานที่เกิดเหตุดังกล่าว
ในใจกลางแรงระเบิดนั้น ได้มีซากรถเมล์กำลังไฟลุกท่วมอยู่ และมีเพียงกวนซานคนเดียวที่ยืนห่างออกมาตรงราวกั้นถนน มือข้างหนึ่งของเขาได้ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกมือก็ได้ถือโทรศัพท์
ท่ามกลางลมหนาวยามค่ำคืน ร่างของกวนชานได้ตัดกับภาพซากรถอย่างแปลกประหลาด
พวกเขาได้ยินอย่างเลือนรางว่ากวนซานกำลังโทรไปเบอร์ฉุกเฉิน 120
เนื่องจากที่เกิดเหตุไม่ได้เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด หรือการไล่ฆ่าอยู่ฝ่ายเดียวอย่างที่พวกเขาคาดไว้ ดังนั้นทั้งสามจึงเลือกที่จะสังเกตการณ์จากด้านข้างก่อนด้วยความระแวดระวัง
เกาเย่ได้กำกระชับดาบในมือเธอและคงความตื่นตัวไว้ตลอด เธอกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ตำแหน่งพลังจิตทั้งสองอยู่ไหนแล้ว?”
เฉินเผิงหยุนได้ง่วนอยู่กับเครื่องตรวจจับในมือด้วยท่าทางงุนงง “ปฏิกิริยาของระดับพลัง…..ได้หายไป หรือว่าพวกมันหนีไปแล้ว?”
เกาเย่ยืนนิ่งไปสักพักและกล่าวว่า “อาจจะเป็นการอำพรางตัว หรือว่าตายจริงๆแล้วก็ได้นะ”
เฉินเผิงหยุนส่ายหน้าปฏิเสธ “เมื่อสามสิบวินาทีก่อนหน้านี้ปฏิกิริยาของระดับพลังยังมีอยู่เลยนะครับ ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง……ผมว่าศัตรูคงจะไม่เก่งเท่าไหร่เลย”
ถังจือสูดหายใจเข้าลึก ในเวลานี้สีหน้าเขาได้เหมือนกับพึ่งเห็นผีมา “แสดงว่า..…เขาสามารถฆ่ารวดเดียวสองศพอีกแล้วเหรอ?”
ครั้งที่แล้วเป็นระดับ D สองคน คราวนี้เป็นระดับ D และระดับ C อย่างละคน
เขาไม่อยากนึกเลยว่าครั้งต่อไปจะเป็นอย่างไร……
บัดนี้ มันไม่มีใครสงสัยแล้วว่ากวนซานมีพลังพิเศษหรือไม่
สิ่งเดียวที่พวกเขาสงสัยก็คือ ผู้ชายคนนี้มีพลังแบบไหนกันแน่?
หลังจากนั้นไม่นาน
เสียงรถพยาบาลก็ได้ดังขึ้นมาแต่ไกล
ถังจือเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ว่า “แล้วไงต่อครับ หรือเราแค่ยืนมองไปเรื่อยๆอย่างนี้?”
เกาเย่ได้มองไปยังกวนซาน เธอสอดดาบยาวเก็บเข้าฝัก และกล่าวว่า “คอยจับตาดูบริเวณโดยรอบว่ามีความเคลื่อนไหวใดๆอีกมั้ย เพราะศัตรูอาจยังมีการซุ่มโจมตีต่อ จากนั้นก็รอจนกว่าผบ.เซี่ยจะมาถึงแล้วค่อยว่ากันอีกทีนึง”
ถังจือ: “ครับ”
ดังนั้นทั้งสามคนจึงเฝ้าดูกวนชานสนทนากับหมอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์อย่างเหลือเชื่อ เขาชี้ไปที่รอยฟกช้ำของตัวเอง และต่อมาก็ส่งตัวเองขึ้นรถพยาบาลด้วยหน้าตาอ่อนระโหยโรยแรง แล้วรถพยาบาลก็ได้แล่นฉิวจากไป
แต่พวกเขากลับรู้สึกว่า……เหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องยังไงไม่รู้
MANGA DISCUSSION