[นิยายแปล] I'm Really Scared ชั้นกลัวแล้วจ้าคุณระบบจ๋า! - ตอนที่ 12 เขาเป็นคนดี
ภายในเวลาไม่นาน บริเวณแถบบ้านพักอาศัยซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านกวนซาน ก็ได้ถูกจัดตั้งฐานชั่วคราวขึ้นสำหรับปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยพิเศษ
สมาชิกสามคนในทีมที่หนึ่งของหมวดโหย่วแห่งหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษ นักจิตวิเคราะห์ของฝ่านพลาธิการ และผบ.เซี่ยเหล่ย รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้นห้าคน ต่างกำลังประชุมหารืออยู่ภายใน
มันมี 22 หมวดในหน่วยรักษาความปลอดภัยพิเศษ ซึ่งตั้งชื่อตามแผนภูมิสวรรค์
ภายในสิบสองภาคปฐพี(12 ราศีจีนนั่นแหละ) หกหมวดแรกเป็นหน่วยรบพิเศษ หกหมวดหลังคือทีมผู้ใช้พลังพิเศษ ซึ่งหกหมวดแรกมีหน้าที่สนับสนุนหกหมวดหลัง
หมวดโหย่ว(ระกา)ก็เป็นหนึ่งในนั้น และผบ.หมวดนี้ก็คือเซี่ยเหล่ย ซึ่งมีพลังจิตระดับ B
และแต่ละหมวดจะแบ่งออกเป็นสี่ทีม โดยทีมแรกเป็นทีมซึ่งแข็งแกร่งที่สุด รองลงมาคือทีมสองและสามตามลำดับ
ส่วนทีมที่สี่ ได้ประกอบไปด้วยเหล่าอาชญากรที่ถูกดึงตัวเข้ามา และทุกคนจะต้องใส่เครื่องระบุตำแหน่งพิเศษ – ซึ่งก็คือปลอกคอแบบระเบิดตัวเองได้สีดำ
ถึงแม้จะดูต่ำต้อยและหยาบคายต่อพวกเขาไปหน่อย แต่การใช้งานอาชญากรเหล่านี้ย่อมมีความเสี่ยงสูงจึงต้องป้องกันไว้ และการเฝ้าระวังติดตามผลก็จะได้ไม่ยุ่งยากอีกด้วย
ครั้งนี้เนื่องจากทีมสามพึ่งหวิดย่อยยับไป ดังนั้นทีมอื่นจึงถูกส่งมาทำภารกิจ
เซี่ยเหล่ยได้กำลังรับฟังการสังเกตการณ์ของหลินซูม่านกับนักจิตวิเคราะห์
นักจิตวิเคราะห์ที่ว่านี้ เธอเป็นสาวแว่นเงียบขรึมผมสีดำยาวเหยียดตรง ซึ่งกำลังใช้คอมพิวเตอร์บันทึกแบ่งข้อมูลเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เธอได้พยักหน้าเป็นครั้งคราว และแสดงความคิดเห็นออกมาเป็นบางครั้ง
เซี่ยเหล่ยได้วิเคราะห์ว่า “ถ้าอย่างงั้นในตอนนี้ บุคลิกลักษณะของเขามีแนวโน้มเชิงบวก และอาจเป็นคนซื่อตรงและอดทนอดกลั้นมากกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ”
นักจิตวิเคราะห์ได้พยักหน้าและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ใช่ค่ะ ในการทดสอบวันนี้ ฉันได้ใช้ภาวะกดดันต่อเขาสามครั้ง ซึ่งมากพอที่จะทำให้คนปกติระเบิดอารมณ์โกรธได้”
“แต่เขาก็ไม่ได้หุนหันตามอารมณ์ ไม่ได้ขาดสติ และไม่แสดงเค้าลางของการใช้พลังพิเศษ แต่เขากลับใช้รูปถ่ายเพื่อวางกับดัก… ซึ่งแน่นอนว่า ก็เป็นไปตามที่คาดไว้เช่นกัน”
เซี่ยเหล่ยกล่าวอย่างสงสัยว่า “ไม่มีวี่แววของการใช้พลังเลยเหรอ แต่ตอนนั้นเจียงซีหยานได้แสดงท่าทีเกรงกลัวออกมาให้เห็นนะ”
นักจิตวิเคราะห์ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “นั่นไม่ใช่เค้าลางของการใช้พลังค่ะ มันเป็นแค่การหยุดยั้งอารมณ์จิตใต้สำนึก”
“จากจุดนี้ได้แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำ หรือมีการสร้างบุคลิกลักษณะอื่น และเขาก็ไม่ได้ถูกสวมรอย มันเป็นตัวเขาเองจริงๆ”
“เอาเป็นว่า รายงานการประเมินโดยละเอียดของฉันอยู่ตรงนี้ค่ะ และฉันจะอัปโหลดเพิ่มให้ในภายหลัง คุณตรวจดูเองก็แล้วกัน และหลังนี้ ก็จะเป็นการทดสอบประเด็นอื่นๆต่อ”
นักจิตวิเคราะห์ได้ใช้คอมพิวเตอร์เลื่อนหน้าจอไปยังผลการประเมิน
มันได้แสดงแถบสีไล่ระดับจากสีขาวเป็นสีดำ มีทั้งสีอื่นๆอีกมากมายซึ่งได้แสดงความละเอียดน่าทึ่งของข้อมูล และด้านล่างสุดได้ระบุระดับความอันตรายไว้
“ในตอนนี้ ฉันคิดว่าน่าจะทำเครื่องหมายไว้ว่าเป็นสีเขียว เพราะเขามีบุคลิกลักษณะที่ปลอดภัยอย่างยิ่งค่ะ”
นักจิตวิเคราะห์ได้สรุปออกมา
“แต่ว่า…”
เซี่ยเหล่ยได้มองไปที่สีเขียวบนหน้าจอและยิ้มขื่น “เมื่อคืนนี้เขาได้ฆ่าคน 17 คนในหนึ่งชั่วโมง แม้ว่าคนพวกนั้นจะเป็นหุ่นเชิดที่โดนปรสิตแฝงลึก แต่มันไม่อาจรู้เห็นด้วยตาเปล่าก่อนที่จะวิเคราะห์เลือดออกมานะ “
นักจิตวิทยาพยักหน้า: “ก็จริงค่ะ”
“……”
เซี่ยเหล่ยรอจนเหงือกแห้ง สุดท้ายก็อดกล่าวไม่ได้ว่า “แล้วไงต่อ?”
นักจิตวิเคราะห์ได้ผายมือของเธอและกล่าวว่า “ฉันบอกได้แค่เรื่องที่อยู่ในขอบเขตอาชีพของตัวเอง ซึ่งในแง่ของบุคลิกลักษณะ เขาก็เป็นคนปกติจริงๆ”
สีหน้าเธอได้เปลี่ยนเป็นจริงจัง
“พูดง่ายๆก็คือ เขาเป็นคนดีค่ะ”
“ทว่า…”
นักจิตวิเคราะห์ได้หยุดพูดสักพักและกล่าวว่า “เขาอาจมีแนวโน้มเป็นโรคจิตเภท เช่น ประสาทหลอน อารมณ์แปรปรวน หรือบกพร่องทางสติปัญญา ซึ่งต้องสร้างสถานการณ์จำเพาะเพื่อยืนยันเพิ่มเติม”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า วิดีโอเมื่อคืนนี้ได้แสดงให้เห็นชัดว่า คนปกติสามารถยิงหัวคนทีละคนพลางแสดงเค้าหน้าหวาดกลัวได้ซะที่ไหนล่ะ?
แต่เซี่ยเหล่ยก็ยังคงกังวลอย่างบอกไม่ถูก
เครื่องตรวจจับไม่ตอบสนอง ผลการประเมินทางจิตวิทยาก็ไม่มีปัญหา แต่หากบอกว่าเขาคือคนปกติ มันจะเป็นไปได้ยังไง
คนปกติบ้านเอ็งสิที่ฆ่าพลังพิเศษระดับ D ได้น่ะ?
ความสามารถลึกลับ
ไม่ทราบระดับพลัง แต่ประวัติไม่มีปัญหา และผลวิเคราะห์บุคลิกลักษณะก็ไม่แย่
กล่าวได้ว่ากวนซานผู้นี้เป็นตัวปัญหาที่จู่ๆก็โผล่ออกมา!
เซี่ยเหล่ยรู้สึกเหนื่อยใจ “เอาเป็นว่า เรามาใส่ใจภารกิจตรงหน้ากันก่อนดีกว่า ลำบากพวกคุณแล้ว”
เมื่อเทียบกับ “ความกระตือรือร้น” ของผบ.เซี่ยและนักจิตวิเคราะห์ สมาชิกทีมที่หนึ่งสามคนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆกลับนิ่งเงียบผิดปกติ
แต่ทั้งหมดนี้เป็นแค่โฉมนอก
อันที่จริง พวกเขากำลังแสดงความคิดเห็นผ่านหูฟังอยู่ และแน่นอนว่าหัวข้อก็วนเวียนอยู่ในเรื่องของกวนซาน
“จุ๊ๆ, ฆ่า 17 คนในหนึ่งชั่วโมง ไล่ตามสถิตินักฆ่าสังเวยศพมาติดๆเลยว่ามะ? แล้วนี่จะเป็นสีเขียวไปได้ยังไงกัน?”
ถังจืออดกล่าวฉีกหน้าไม่ได้ว่า “พวกสัดใส่ข้าวทีมสี่ก็ฆ่าคนมามากเหมือนกันไม่ใช่เรอะ?”
เฉินเผิงหยุนขยิบตาให้และกล่าวว่า “ทำไมไม่ลองเชื่อมต่อเขาดูล่ะ จะได้รู้ว่าเขามีปัญหารึเปล่า”
ถังจือตะโกนอย่างโมโหว่า “ไปไกลๆเลย! แกคิดว่าชั้นโง่เหรอ?”
พลังของถังจือคือ “การเชื่อมต่อ” เป็นความสามารถรูปแบบคุณสมบัติพิเศษ
ซึ่งเป็นไปตามชื่อเรียกของมัน เขาสามารถติดต่อกับเป้าหมายทางด้านประสาทสัมผัส ความทรงจำ และอารมณ์
การติดต่อระหว่างกันแบบนี้อาจเป็นแบบทางเดียวหรือสองทางก็ได้ ซึ่งถังจือสามารถควบคุมได้ตามใจปรารถนา ดังนั้นเขาจึงสามารถเโน้มน้าวใจอีกฝ่าย หรืออาจได้รับผลกระทบจากอีกฝ่าย
และหากโดนสะท้อนพลังกลับ ผลที่ตามมาย่อมร้ายแรงไม่ใช่หยอก
ดังนั้น เขาจะไม่พลีพลามใช้พลังจนกว่าเขาจะรู้ระดับพลังและความสามารถของกวนชานแน่ชัดแล้ว
เกาเย่ เด็กสาวผมสั้นสีดำที่หลับตาอยู่ ก็ได้ลืมตาขึ้นเอ็ดว่า “เลิกคุยได้แล้ว คืนนี้ยังมีภารกิจอีกนะ ลืมไปแล้วเหรอ?”
ถังจือและเฉินเผิงหยุนได้พูดทันทีว่า “ครับ หัวหน้า”
“แป๊ะ แป๊ะ”
เซี่ยเหล่ยได้เดินมาปรบมือเรียก เมื่อเห็นว่าทั้งสามคนได้หันมามอง ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานว่า “รู้กันแล้วใช่มั้ยว่าวันนี้มีภารกิจอะไรกัน?”
ถังจือพยักหน้าทันที
“รู้ครับ หลังจากจ้าวหงและภรรยาถูกฆ่า ในฐานะที่เป็นมนุษย์ทดลองซึ่งบรรลุความสำเร็จที่สุดจากการทดลอง “ลูกกวาดปลุกพลัง” องค์กร “ผึ้งเพชฌฆาต” จึงน่าจะลงมือต่อกวนซาน”
“สาเหตุหนึ่งก็คือเป็นการตอบโต้กลับ ส่วนอีกสาเหตุก็เนื่องจากกวนซานไม่มีการตอบสนองระดับพลังจิต ดังนั้นเขาจึงมีโอกาสถูกลักพาตัวเพื่อใช้เป็นเป้าหมายในการทดลอง”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “ถูกต้อง ‘ผึ้งเพชฌฆาต’ สามารถสร้างผู้ใช้พลังพิเศษระดับ D จากตัวยาที่เรียกว่า ‘ลูกกวาดปลุกพลัง’ แต่เราพบเพียงเบาะแสบางส่วนเกี่ยวกับฐานที่มั่นของพวกมัน ซึ่งทำให้เราเสียเปรียบมาก ดังนั้นเราควรถือโอกาสนี้…”
แต่แล้วเซี่ยเหล่ยพลันเคร่งเครียดขึ้น “เฮ่อเจียงขาดการติดต่อ! สัญญาณชีพก็หายไปด้วย! พวกมันมาแล้ว!”
ทั้งสามคนต่างหน้าถอดสี และเริ่มลงมือทันที พวกเขาได้กระโดดออกจากบ้านพักและวิ่งไปที่ตำแหน่งของรถเมล์
แต่เพียงวินาทีต่อมา เมื่อพวกเขาได้เห็นดอกไม้ปรากฏขึ้นตรงหน้า พวกเขาก็กลับไปที่จุดแรกเริ่ม
และเซี่ยเหล่ยก็หายตัวไป
ถังจือและเฉินเผิงหยุนต่างเหม่อลอยไปพักใหญ่ ในขณะที่ดวงตาซึ่งหรี่ลงของเกาเย่ได้ทอประกายเย็นชาออกมา
“พลังสายมิติ?!”
เฉินเผิงหยุนได้ตกใจอะไรบางอย่างและบอกว่า “สัญญาณจากเครื่องตรวจจับระดับพลังที่ปลอกคอเฮ่อเจียง ได้แจ้งว่ามีพลังสองตำแหน่งบนรถเมล์… หนึ่งระดับ D และหนึ่งระดับ C!”
——
【โหลดเนื้อเรื่องสำเร็จ!】
【สาม สอง หนึ่ง! ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด——รถเมล์เที่ยวสุดท้ายได้ออกเดินทาง! ยินดีต้อนรับสู่รถเมล์สาย ■■ ซึ่งมุ่งตรงสู่แดนนรก รถเริ่มต้นวิ่งแต่ชีวิตคนกลับหยุดลง การเดินทางนี้ไร้ซึ่งจุดหมาย ฉะนั้นโปรดนั่งให้มั่น………และเดาว่าคุณจะโดนอะไรฆ่าทิ้งดีกว่าเนอะ?】
【* หมายเหตุ: การจำลองนี้จะยุติได้ก็ต่อเมื่อฆ่าบอสตัวสุดท้ายเท่านั้น!】
เสียงจำลองแสนเย็นชาไร้อารมณ์ซึ่งฟังจนคุ้นหู แต่เมื่ออ่านตอนเปิดเนื้อเรื่องกลับดูมีอารมณ์ขันขึ้นเล็กๆ
แต่กวนซานหัวเราะไม่ออก