[นิยายแปล] Hell mode - ตอนที่ 11 น้องชาย
บทที่ 11 น้องชาย
วันคืนล่วงเลยไปจนอเลนอายุ 4 ขวบ ช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิของเดือนมีนาคม หิมะค่อยๆหายไปจนเข้าสู่ฤดูที่สวนกลับมาแตกหน่ออ่อนสีเขียว อเลนยืนอยู่หน้าต้นไม้ในสวนคนเดียว
เริ่มทำการปาหินตั้งแต่เดือนที่อายุ 3 ขวบ จนผ่านมาแล้วประมาณปีครึ่ง แล้วหน้าปกของสมุดเวทมนตร์ก็แสดงตัวอักษรสีทองบ่งบอกการเลเวลอัพให้รับรู้
’การขว้างเลเวล 3 แล้ว’
(ในที่สุดการขว้างก็เลเวล 3 สักที)
อเลนได้สกิลที่เรียกว่าการขว้างมาอย่างไม่มีปัญหา แถมยังสามารถเพิ่มเลเวลมาถึงเลเวล 3 ได้แล้วด้วย
ตรวจสอบดูจำนวนหินที่ขว้างไปจากสมุดเวทมนตร์
(กะแล้วเชียว การจะได้สกิลมีกฎที่ตายตัวอยู่ ประมาณ 10,000 เหรอ)
จำนวนหินที่ขว้างในช่วง 1 ปีครึ่งนี้ (สะสม)
・10,000 ก้อน ได้รับสกิลการขว้างเลเวล 1
・20,000 ก้อน ได้รับสกิลการขว้างเลเวล 2
・120,000 ก้อน ได้รับสกิลการขว้างเลเวล 3
(อาจจะเป็นเฉพาะสกิลการขว้างเท่านั้นก็ได้ แต่การจะได้สกิลกับเลเวลอัพมีเงื่อนไขที่ตายตัวอยู่)
・การจะได้สกิลต้องทำไปจนถึงจำนวนที่กำหนด
・สกิลเลเวล 2 จะใช้จำนวนเท่ากับจำนวนตอนทำสกิลเลเวล 1
・สกิลเลเวล 3 จำเป็นต้องทำเป็น 10 เท่าของสกิลเลเวล 1
ผิวนอกของต้นไม้ที่โดนปาหินใส่อย่างต่อเนื่อง 120,000 ครั้ง เกิดเป็นหลุมทรงกลม ถึงช่วงแรกตัดสินใจว่าจะทำวันละ 100 ครั้ง แต่พอเป็นเลเวล 2 และรู้ว่ามันขึ้นอยู่กับจำนวน หลังจากนั้นเลยเพิ่มขึ้นเป็น 300 ครั้ง จนมาถึงปัจจุบันนี้
(ถ้านี่ไม่ใช่เฮลโหมด แล้วเป็นนอร์มอลโหมด คงแค่ 100 ครั้งเหรอ)
การจะเลเวลอัพ หรือการเติบโตของสกิลในเฮลโหมดมันเหนื่อยกว่านอร์มอลโหมดเป็น 100 เท่า จึงสันนิษฐานว่าสิ่งนั้นน่าจะเป็นเรื่องของค่าประสบการณ์ และจำนวนครั้งที่จะทำให้สกิลเติบโตขึ้น
(เอาละ จะเอายังไงกับการขว้างเลเวล 4 ดี ถ้าหากจำนวนที่ต้องใช้สำหรับเลเวล 4 มันเป็น 1 ล้านแล้วละก็ หาก 1 วันปา 300 ครั้ง ต้องใช้เวลาตั้ง 9 ปี ยังไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำด้วยสิ ถ้าขว้างไปอีกสัก 1-2 แสนแล้วสกิลยังไม่เพิ่มขึ้น ก็มั่นใจได้เลยว่าต้องปาทั้งหมด 1 ล้านครั้ง)
ในระหว่างที่ตรวจสอบสเตตัส ก็คิดถึงแผนการหลังจากนี้
[ชื่อ] อเลน
[อายุ] 4
[อาชีพ] นักอัญเชิญ
[เลเวล ] 1
[พลังกาย] 16 (40) + 26
[พลังเวท] 1 (20)
[พลังโจมตี] 4 (10) + 26
[ความทนทาน] 4 (10) + 6
[ความว่องไว] 10 (25) + 10
[ความฉลาด] 12 (30) + 4
[โชค] 10 (25)
[สกิล] อัญเชิญ <2>, สร้าง <3>, ผสม<2>, ขยาย <1>, วิชาดาบ <2>, การขว้าง <3>, ลบล้าง
[ค่าประสบการณ์] 0 / 1,000
・ เลเวลสกิล
[อัญเชิญ] 2
[สร้าง] 3
[ผสม] 2
・ ค่าประสบการณ์สกิล
[สร้าง] 1,846 / 100,000
[ผสม] 1,325 / 10,000
・สัตว์ที่สามารถอัญเชิญได้
[แมลง] GH
[สัตว์] GH
[นก] G
・ถือครอง
[แมลง] G 2 ใบ, H 2 ใบ
[สัตว์] G 13 ใบ
[นก] G 2 ใบ
ตอน 1 ขวบ 10 เดือน อัญเชิญขึ้นมาเป็นเลเวล 2 แต่ตอนนี้ 4 ขวบกับอีก 5 เดือนก็ยังอัญเชิญเลเวล 2
เริ่มทำการเก็บเลเวลของสร้างเลเวล 2 กับผสมเลเวล 1 ตั้งแต่ตอน 3 ขวบ ซึ่งตอนนี้มันก็เป็นเลเวล 3 กับ 2 แล้ว
(เกี่ยวกับอัญเชิญที่ยังไม่เลเวล 3 ทั้งที่สร้างเป็นเลเวล 3 แล้ว)
พอตรวจสอบสเตตัสของตัวเองด้วยสมุดเวทมนตร์ ข้อมูลเหมือนทุกทีก็โผล่เข้ามาในหัว เนื่องจากอัญเชิญยังไม่เลเวล 3 ทำให้จำนวนสัตว์อัญเชิญไม่เปลี่ยน ตอนอัญเชิญเป็นเลเวล 2 ทำการปลดนกระดับ G ดูเหมือนการจะอัญเชิญระดับสูง จะเป็นต้องเพิ่มเลเวลของอัญเชิญขึ้น
(ไม่รู้ต้องทำยังไงถึงจะเพิ่มเลเวลของอัญเชิญได้)
การเกิดใหม่ในต่างโลกที่ไม่มีไกด์บุ๊คและหนังสือบทสรุป มีแต่ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง สกิลสร้างเลเวล 3 แล้ว แต่อัญเชิญยังเป็นเลเวล 2 อยู่ ในระหว่างที่กลุ้มใจว่าทำยังไงถึงจะทำให้อัญเชิญเป็นเลเวล 3 ก็คิดว่าจะทำผสมให้เป็นเลเวล 3 ถ้าทำให้ทุกอย่างเลเวลเพิ่มขึ้น น่าจะดึงให้เลเวลเพิ่มขึ้นหรือเปล่า
อนึ่ง ถึงสกิลผสมจะเลเวลอัพก็ใช้ค่าพลังเวทแค่ 5 ดูเหมือนจะแตกต่างกับสร้างตรงที่ผสมจะใช้ค่าพลังเวทคงที่
เกี่ยวกับวิชาดาบ เพราะคุเรนะมาเล่นติ๊ต่างเป็นอัศวินด้วยแทบจะทุกวัน ทำให้มันต้องเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว ในเวลา 1 ปีครึ่งวิชาดาบก็เพิ่มเป็นเลเวล 2 และจากการที่เพิ่มจำนวนในการปาหิน ผลคือทำให้สกิลการขว้างเพิ่มขึ้นด้วย
สกิลที่มีเลเวล ซึ่งรวมไปถึงการขว้างด้วย ความรุนแรงโดยรวมทั้งหมดจะแตกต่างกันไปตามเลเวล จะการขว้างหรือวิชาดาบจะปรับการเคลื่อนไหวให้ มันให้ความรู้สึกประมาณว่าจะทำการปรับการเคลื่อนไหวให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ท่าทางถูกต้องมากขึ้น แล้วความรุนแรงของก้อนหินหรือการฟันจะรุนแรงมากขึ้น
การตรวจสอบผลของเลเวลสกิล
・ปรับการเคลื่อนไหวของร่างกาย
・สกิลเลเวลยิ่งเพิ่ม ความรุนแรงก็ยิ่งมากขึ้นตาม
ถึงมันจะเป็นแนวดาบและเวทมนตร์ แต่มันเป็นต่างโลกไม่ใช่เกม ไม่มีทางที่จะมองเห็นค่าเดมเมจ ถึงจะไม่รู้ว่ามันประมาณไหน แต่รู้ได้ว่ามันรุนแรงขึ้น
“อเลน มาช่วยทำอาหารกลางวันที”
ดูเหมือนจะใกล้เที่ยงแล้ว เทเรเซียเลยส่งเสียงมาหาอเลนตรงสวน เขาเลยกลับเข้าไปในบ้านเพื่อช่วยแม่
“ครับ มาม้า”
เขายืนข้างๆเทเรเซียที่อุ้มทารกไว้กลางหลัง แล้วช่วยทำอาหารกลางวัน
เทเรเซียให้กำเนิดลูกชายคนที่สองได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากเกิดตอนเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทารกที่อยู่กลางหลังจึงมีอายุ 1 ขวบครึ่ง เพราะว่าตื่นแล้วหรือเปล่านะเลยเตะขาไปมา
เธอโยกแผ่นหลังพร้อมกับส่งไม้ให้อเลนทำการบดมันฝรั่งนึ่ง
“มัชชู เดี๋ยวข้าวก็เสร็จแล้วนะ”
“แอ้”
มัชชูตอบกลับมาในขณะที่น้ำลายไหลยืด น้องชายของอเลนมีชื่อว่ามัชชู เขามีเส้นผมสีน้ำตาลตาสีเขียว เค้าหน้าถ้าจะให้บอกก็ต้องบอกว่าคล้ายกับพ่อ
แน่นอนว่าชื่อ โรดันเป็นคนตั้งให้ตามมอนสเตอร์ของต่างโลกนี้ เท่าที่ฟังโรดันพูดรู้สึกจะเป็นมอนสเตอร์หมาป่าที่ชื่อว่ามาด้ากัลชู หมาป่าเดียวดายที่เดินทางตามความต้องการของตัวเอง รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของพ่อที่อยากจะให้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ
คิดว่าชื่อต้นแบบหายไปค่อนข้างเยอะ เหมือนกับอัลบาเฮรอนของอเลน
พอลองถามระดับของมาด้ากัลชู ได้รับการบอกมาว่าเป็นมอนสเตอร์ระดับ B ระดับสูงกว่าอัลบาเฮรอนระดับ D ถึง 2 ขั้น คิดว่าคงไม่มีน้องชายที่เป็นเลิศกว่าพี่ชายหรอก
(กินเข้าไปเยอะๆ แล้วรีบๆโตนะ น้องชายของฉัน)
เนื่องจากเริ่มหย่านมแล้ว เลยบดมันฝรั่งนึ่งให้ละเอียดเพื่อที่จะได้ไม่ติดคอของน้องชาย และยังไม่ได้รับอนุญาตให้ไปช่วยงานสวน ก็เลยช่วยทำงานบ้านเพิ่ม
“กลับมาแล้ว”
โรดันกลับมาจากสวน ทุกคนล้อมรอบเตาอิฐและกินข้าวกลางวัน อนึ่ง เนื่องจากเป็นทาสติดที่ดินและด้วยเหตุผลของวัฒนธรรมต่างโลก ทำให้อาหารกลางวันค่อนข้างเป็นมื้อเบาๆ
มีบ่อยครั้งที่โรดันมักจะกินมันฝรั่งนึ่ง 2 ลูกก่อนจะกลับไปที่สวน
“จะว่าไป ปีหน้าหมู่บ้านนี้จะได้ชื่อว่าหมู่บ้านเดโบจิด้วย ดูหมือนคนส่งสารของท่านเจ้าเมืองจะบอกมาอย่างนั้น”
โรดันพูดสิ่งที่ได้ยินเรื่องจากเหล่าเพื่อนๆทาสติดที่ดินตอนไปตักน้ำตอนเช้า
“ในที่สุดหมู่บ้านนี้ก็มีชื่อสักทีนะคะเนี่ย”
(ถ้าการบุกเบิกคืบหน้าจะไม่ใช่หมู่บ้านบุกเบิกแล้วสินะ)
หมู่บ้านบุกเบิกตอนนี้ 9 ปีแล้ว การบุกเบิกผลผลิตเองก็นิ่งแล้ว ดูเหมือนจะมีการบอกกันมาว่าถ้าเข้าสู่ปีที่ 10 จะทำการตั้งชื่อหมู่บ้าน
“อ้า เอาเถอะ ถึงจะใช้ชื่อของหัวหน้าหมู่บ้าน มันเป็นอะไรที่ปกติอยู่แล้วด้วยสิ”
(หัวหน้าหมู่บ้านเดโบจิเหรอ ไม่เคยพบเลยด้วยนี่สิ)
แล้วก็นึกถึงเรื่องที่โรดันเคยพูดให้ฟังก่อนหน้านี้ ได้ยินมาว่าถ้าการบุกเบิกของหมู่บ้านบุกเบิกคืบหน้าจะเอาชื่อของคนที่โด่งดังที่สุดมาเป็นเชื่อหมู่บ้าน ส่วนใหญ่เลยเอาชื่อของหัวหน้าหมู่บ้านคนแรกมาจนเป็นปกติ
โรดันพูดว่า เดี๋ยวไปก่อนนะ ก่อนจะกลับไปที่สวน เทเรเซียเองก็อยู่กับมัชชูจนกระทั่งอายุ 1 ขวบ แต่พอเกิน 1 ขวบแล้ว พอมัชชูนอนกลางวันจะไปช่วยงานสวนกับโรดัน
(การสนทนาในครอบครัวสินะ)
โรดันมาจูบแก้มของเทเรเซียก่อนจะออกไป เธอพูดว่า คุณก็ ด้วยท่าทางที่ดีใจ ในขณะที่มองมัชชูพลันคิดว่าน่าจะมีคนที่ 3 ก็ได้ น้องชายมัชชูที่กำช้อนและพยายามกินอาหารอย่างเอาเป็นเอาตายจนรอบๆสกปรกไปทั่ว
บางครั้งก็คิดขึ้นมาว่า ทำไมตัวเองถึงมาเกิดใหม่
เพราะจิตใจหวังที่จะเล่นเกมฟาร์มที่ไม่สมดุล ดังนั้นจึงไม่รู้สึกเสียใจที่มายังต่างโลกดาบและเวทมนตร์อย่างนี้ ต้องจากโลกแห่งความเป็นจริงตอนอายุ 35 ปี บางทีครอบครัวทางนู้นอาจจะเสียใจเล็กน้อยก็ได้ โชคยังดีที่ไม่ได้แต่งงาน ไม่มีแม้กระทั่งแฟนทำให้คิดว่าคงไม่เสียหายอะไรถึงจนาดนั้น
แต่สิ่งที่คิดขึ้นตอนมาโลกนี้อย่างแรกก็คือ ถ้าถูกย้ายมาทั้งที่เป็นผู้ใหญ่เลยน่าจะดีกว่า ไม่ใช่มาเกิดใหม่เป็นทารกอย่างนี้
ไม่ต้องผูกมัดกับใคร และมุ่งมั่นฝึกฝนการเป็นนักอัญเชิญด้วยตัวเองตามที่ใจต้องการ ถูกย้ายมาแล้วไปเป็นนักผจญภัยที่เมืองใกล้ๆ ไปล่ามอนสเตอร์เพื่อเพิ่มเลเวลกับฝึกฝนสกิล
เคนอิจิหากเล่นเกมจะต้องตามหาอาวุธสุดยอดกับเก็บเลเวลจนถึงขีดสุดอยู่ นั่นคือวิธีที่เขาเล่นเกมมาโดยตลอด ถึงจะมาต่างโลกก็คิดจะทำแบบเดียวกัน
อเลนมาต่างโลกนี้เป็นเวลา 4 ปีแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าประเทศนี้ชื่ออะไร ครอบครัวไม่เคยพูดถึงมันเลยไม่คิดที่จะถามออกไป อย่างไรก็ตามรู้แค่ว่าหมู่บ้านนี้อยู่ในพื้นที่ของบารอนแห่งเมืองหลวง
(วงสนทนาในครอบครัวนี่มันดีจังเลยนะ อย่างน้อยอยากจะให้ทุกคนหลุดพ้นจากการเป็นทาสติดที่ดินจัง ถึงจะยังไม่รู้วิธีก็เถอะ)
พอครอบครัวมีน้องชายก็มีเรื่องให้คิดเพิ่มขึ้น มีเป้าหมายอย่างอื่นนอกจากการเก็บเลเวล