[นิยายแปล] Hell mode - ตอนที่ 109 เกมเมอร์หมกมุ่น
บทที่ 109 เกมเมอร์หมกมุ่น
“ขอถามอีกได้หรือเปล่าครับ?”
“ชะ เชิญค่ะ”
พี่สาวเจ้าหน้าที่กิลด์นักผจญภัยถึงกับผงะนิดหน่อยตอนที่รู้ว่ายังจะถามต่อ
“มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนให้หินเวทหรือเปล่าครับ?”
เหมือนอเลนจะรู้ว่ามอนสเตอร์ภายในดันเจี้ยนกับนอกเมืองเกิดมาด้วยกฎที่แตกต่างกัน เลยตรวจสอบว่าจะได้หินเวทหรือเปล่า
“แน่นอนค่ะ อ้อ ถึงจะยังไม่ได้บอกเรื่องนี้ แต่จะได้มาแค่หินเวทค่ะ”
“ได้แค่หินเวท?”
ภายในดันเจี้ยนจะได้แค่หินเวท ถ้าปราบมอนสเตอร์ลงจะเหลือแค่หินเวท ไม่เหลือศพเอาไว้ ดูท่าคงแตกต่างกับนอกดันเจี้ยน
ของที่จะได้จากดันเจี้ยน มีหินเวทที่ได้จากการปราบมอนสเตอร์ หีบสมบัติที่นานๆจะโผล่มาในดันเจี้ยน กับไอเทมรางวัลที่ได้จากการปราบบอสชั้นล่างสุดแค่ 3 อย่างเท่านั้น
ถ้าหากอยากได้วัตถุดิบอย่างอื่นของมอนสเตอร์แล้วละก็ เธอบอกให้ไปล่ามอนสเตอร์ตรงป่าหรือภูเขาที่ต้องเดินจากเมืองแห่งการศึกษาไปหลายวันแทน ตรงโน้นมีมอนสเตอร์ระดับ C และ B ค่อนข้างเยอะ
(เอาละ มีแค่หินเวทอย่างเดียวที่เหนือความคาดหมาย ส่วนอย่างอื่นเป็นไปตามที่คาดเอาไว้ ถ้างั้น)
“เข้าใจแล้วครับ ผมกำลังหาหินเวทระดับ D อยู่ ไม่ทราบมีจำนวนสูงสุดที่จะเปิดรับหรือเปล่าครับ?”
“เอ่อ นั่นสินะ ต้องการเท่าไรหรือคะ?”
“อย่างต่ำคิดว่าน่าจะ 2 ล้านก้อนครับ”
“““หา!? 2 ล้าน!!”””
เจ้าหน้าที่กิลด์และพวกคุเรนะ 3 คน ทุกคนประหลาดใจกันหมด
“นั่นคือจำนวนสุดท้ายที่คิดเอาไว้ครับ แต่ตอนนี้ตั้งใจจะเปิดรับแค่ครั้งละหนึ่งหมื่นก้อน ตอนนี้มี 100 เหรียญทอง ให้ออกคำขอเลยจะมีปัญหาหรือเปล่าครับ?”
อเลนบอกอย่างนั้นพร้อมกับวางถุงที่ใส่ 100 เหรียญทอง
“คะ คิดว่าไม่มีปัญหาค่ะ เมืองแห่งการศึกษานี้เต็มไปด้วยหินเวท แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีมากแค่ไหน ถ้าต้องการจำนวนมากในเวลาสั้นๆแล้วละก็ คิดว่าคงใช้เวลานานกว่าคำขอนี้จะสำเร็จค่ะ”
(1 หมื่นก้อนยังไหวงั้นเหรอ อย่างนี้ต้องตั้งใจเปิดรับซะแล้ว)
หินเวท 1 ก้อนราคา 1 เหรียญเงิน ดังนั้น 1 หมื่นก้อนต้องใช้ 100 เหรียญทอง และโดนบอกมาว่าค่าดำเนินการ 10 เหรียญทอง กะเอาไว้แล้วว่าคงไม่รับคำขอฟรีๆ ค่าเปิดคำขอคิดเป็น 10% ของรางรางวัล ดังนั้นเลยเพิ่มไปอีก 10 เหรียญทอง
“ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะรวมได้ 1 หมื่นก้อนเหรอครับ?”
“นั่นสินะ ถ้าคิดถึงคำร้องจากกิลด์อุปกรณ์เวทมนตร์แล้วละก็ คิดว่าน่าจะส่งมอบให้อีก 1 สัปดาห์ให้หลังค่ะ”
เหมือนเปิดรับระดับพ่อค้าเลย อเลนเคยเปิดรับแบบนี้ที่เมืองแกรนเวลเหมือนกัน
ถึงจะเปิดรับยาฟื้นพลังเวทกับหินเวทระดับ D แต่เขาบอกว่าจำนวน 1 หมื่นมันเป็นอะไรที่ค่อนข้างยาก เดิมทีจากการล่าก็อบลินอย่างกับยักษ์กับมารของอเลน ทำให้อุปทานของหินเวทมันขาดแคลน
ถึงจะพยายามซื้อยาฟื้นพลังเวท แต่จำนวนที่ผลิตได้จากสมุนไพรเลยกำหนดให้ซื้อได้แค่ 100 ชิ้น จะซื้อยาจากนักผจญภัยแบบไม่ระวังก็ไม่ได้
แต่ที่นี่คือเมืองแห่งการศึกษา มีดันเจี้ยนถึง 20 แห่ง ทำให้อุปทานหินเวทมาเรื่อยๆ ถ้ามีคนที่ต้องการแล้วละก็ อาจจะทำให้มีคนที่พยายามล่าหินเวทเพิ่มขึ้นก็ได้
แถมรู้แล้วว่าโลกเกือบจะล่มสลายเพราะจอมมาร อยากให้ยกโทษหากราคาของหินเวทแพงขึ้นจากอุปทานที่ลดน้อยลง ไหนจะมีนักผจญภัยจำนวนหลายหมื่นคน เลยคิดว่าราคาคงไม่พุ่งขึ้นหลายสิบเท่าหรอก แต่ในระยะสั้นราคาอาจจะเพิ่มเป็นหลายเท่าก็ได้ เลยลงความเห็นว่าจะเปิดรับแค่ 3 ปี
ตรวจสอบสิ่งที่จดในสมุดเวทมนตร์
เรื่องที่ยืนยันกับกิลด์นักผจญภัย
・เรื่องการมีอยู่และวิธีการหาแหวนฟื้นพลังเวท
・จำนวนสูงสุดที่เปิดรับหินเวทระดับ D ได้
(เอาละ ก่อนอื่นก็ยืนยันสิ่งที่ต้องการรู้แล้ว ที่เหลือก็ไปที่ดันเจี้ยน ถ้าเจอเรื่องที่ไม่เข้าใจค่อยถาม)
“มีคำถามอื่นอีกหรือเปล่าคะ?”
“ไม่มีแล้วครับ”
“ถะ ถ้าอย่างนั้น จะมอบตรานักผจญภัยให้นะคะ”
ในที่สุดก็หมดคำถามสักที เลยมอบตรานักผจญภัยมาให้
อเลนตรวจสอบตรานักผจญภัยที่ได้รับมอบมา มันเป็นป้ายสีดำสนิทขนาดพอๆกับนามบัตร และสลักชื่อกับระดับด้วยตัวอักษรสีเงิน
‘อเลน E’
(อืม ทั้งพิธีประเมินและสมุดเวทมนตร์ พระเจ้าใช้ป้ายสีดำตัวอักษรสีเงินทั้งหมดเลย มันให้ความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่หรอก)
“ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เท่านี้ก็เสร็จแล้วใช่ไหมครับ?”
อเลนยืนยันว่าจบขั้นตอนแล้วใช่หรือไม่
“ยังมีอีกเรื่องค่ะ ทั้ง 4 คนเป็นเพื่อนที่มารวมตัวกันใช่หรือเปล่าคะ?”
“ใช่แล้วครับ มาจากเมืองเดียวกัน หลังจากนี้ว่าจะเข้าดันเจี้ยนพร้อมกันครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ไม่ลงทะเบียนปาร์ตี้หรือคะ?”
(หือ? จะว่าไป มีเรื่องอย่างนั้นด้วยนี่ ควรลงทะเบียนปาร์ตี้ด้วยดีกว่า)
ได้ยินมาจากเรเวนว่า นักผจญภัยที่มารวมตัวกันจะเรียกว่าปาร์ตี้ ถ้าตั้งปาร์จี้จะเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้น และรับคำขอเจาะจงได้ง่ายขึ้นอยู่ ถึงไม่คิดจะรับคำขอแต่สร้างเผื่อไว้ก่อนน่าจะดีกว่า
“ท่านเซซิล สร้างปาร์ตี้กันเถอะครับ มีชื่อที่อยากตั้งให้กับปาร์ตี้ไหมครับ?”
“เอ๊ะ? อืม”
จู่ๆถูกโยนมาเซซิลเลยใช้ความคิด ถึงจะโดนโยนมาให้แบบนี้แต่ดูเหมือนจะตั้งใจคิดอยู่
“ไม่มีเลย อเลนตัดสินใจเลยก็ได้”
คุเรนะกับโดโกร่าเองก็พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้น อยากตั้งว่า ‘เกมเมอร์หมกมุ่น’ ครับ”
“““เกมเมอร์หมกมุ่น”””
“อเลนมันมีความหมายว่ายังไง?”
“เกมเมอร์หมกมุ่นคือการหาหนทางสู่ความเป็นสุดยอด เป็นฉายาของผู้ที่เดิมพันทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายครับ”
“โห ความหมายดีนะเนี่ย เอาชื่อนั้นก็ได้”
(เกมเมอร์หมกมุ่นเหรอ ใช่แล้ว ฉันเองก็เป็นได้สินะ เพราะเรื่องของจอมมารกับหินเวททำให้เกือบลิมสิ่งสำคัญไปเลย)
อเลนรู้สึกตัวจากคำพูดของตัวเอง
ตอนที่อเลนยังเป็นเคนอิจิเมื่อโลกก่อน เป็นเกมเมอร์ที่ชื่นชอบการฟาร์ม แต่ยังไม่ถึงขั้นหมกมุ่น ถึงจะเล่นเกมตั้งแต่อายุ 7 ขวบยันอายุ 28 แต่ก็ไปโรงเรียน สอบเข้ามหาลัยและเป็นพนักงานบริษัท
ถึงจะเล่นเกมมามากมาย แต่ยังไม่เคยเชี่ยวชาญหรือเก่งเหนือใครแบบสุดๆ เลยสักเกม
สุดท้ายต้องทำงานของพนักงานบริษัทไปด้วย ไม่มีทางชนะคนที่หมกมุ่นทิ้งทุกอย่างเพื่อทุ่มเทกับมันได้ ต่อให้ใช้เงินโบนัสอันน้อยนิด แต่ในเกมก็มีคนที่เติมเงินมากกว่านั้นเป็น 10 เท่าอยู่
บางครั้งก็โดนในเว็บบอร์ดลือกันว่ามีเป็นคนที่หมกมุ่น เป็นเกมเมอร์ติดเกมที่แบกเครื่องเกมใส่กระเป๋าเดินทางตอนไปทำงานนอกสถานที่ด้วย แม้จะอยู่ในระดับต้นๆ แต่ก็ไม่ใช่ที่หนึ่ง
ตอนนี้อเลนเลือกเฮลโหมด และใช้อาชีพ 8 ดาวเพียงหนึ่งเดียว การมีชีวิตอยู่เพื่อตั้งเป้าท่ะแข็งแกร่งที่สุด
(ฉันตั้งเป้าว่าจะแข็งแกร่งที่สุดดีหรือเปล่านะ ใช่แล้วตั้งเป้าอย่างนั้นแหละดีแล้ว)
หลังเกิดใหม่ในต่างโลกนี้ก็ผ่านมาแล้ว 12 ปี เป็นช่วงเวลาที่อเลนตั้งเป้าจะแข็งแกร่งที่สุดเป็นครั้งแรก
“ขอโทษครับ ชื่อปาร์ตี้เอาเป็น ‘เกมเมอร์หมกมุ่น’ ด้วยครับ”
เจ้าหน้าที่ถามออกมาอีกครั้งราวกับสับสนว่าจะเอาชื่อนั้นจริงหรือ
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าอย่างนั้นช่วยกรอกชื่อปาร์ตี้กับผู้เข้าร่วมปาร์ตี้ด้วยค่ะ”
เจ้าหน้าที่กิลด์ยื่นกระดาษมาพร้อมกับบอกให้กรอกข้อมูล
พอกรอกเสร็จก็ส่งกระดาษคืน
“ถ้าอย่างนั้นจะรีบทำให้เสร็จค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ”
เจ้าหน้าที่กิลด์ เดินเข้าไปข้างใน
“ขอโทษทุกคนด้วยนะ ที่ใช้เวลานานขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะอเลนทำให้ยืนยันอะไรได้หลายอย่าง แล้วหลังจากนี้จะทำอะไรเหรอ?”
“เอ่อ วันนี้ก็ค่อนข้างเย็นแล้ว พรุ่งนี้ค่อยไปหาฐานสำหรับทุกคนกันเถอะครับ”
“ฐานงั้นเหรอ”
โดโกร่าตอบสนองต่อคำว่าฐาน คงไปกระตุ้นจิตวิญญาณการผจญภัยก็ได้
“นั่นสินะ ถ้าหาที่อยู่ได้แล้วค่อยมาพูดเรื่องหลังจากนี้น่าจะดีกว่านะ?”
พอบอกอย่างนั้นก็มองคุเรนะกับโดโกร่า
“นั่นสินะ ยังไงก็ต้องพูดเรื่องที่จะทำต่อจากนี้ด้วยสิ”
(ใช่แล้ว พรุ่งนี้ถ้าหาที่อยู่ได้แล้ว ควรจะพูดเรื่องต่อจากนี้กับคุเรนะและโดโกร่า ไม่ควรให้เข้าดันเจี้ยนโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไร)
“ต่อจากนี้? อเลนต่อจากนี้ที่ว่าเนี่ย”
“ใช่แล้วคุเรนะ เป้าหมายของ 3 ปีต่อจากนี้ไง”
ถ้าหาฐานได้แล้ว ตอนนั้นค่อยพูดกับทุกคน
ปุ๋ง
“““เหวอ!”””
สมุดเวทมนตร์ปรากฏขึ้นมาต่อหน้าพวกอเลนทั้ง 4 คน
(เอ๊ะ?)
อเลนตรวจหน้าปกของสมุดเวทมนตร์ โดยตรงปกมีตัวอักษรสีเงินเขียนอะไรบางอย่างอยู่
‘ได้คุเรนะเป็นพวก’
‘ได้เซซิล แกรนเวลเป็นพวก’
‘ได้โดโกร่าเป็นพวก’
“หนังสือเล่มนี้มันอะไร ทำไมจู่ๆโผล่ขึ้นมา”
เซซิลพูดพร้อมกับมองสมุดเวทมนตร์
(หา เห็นสมุดเวทมนตร์ได้แล้วเหรอ ขอบคุณมากจริงๆ ถ้างั้น)
อเลนไม่สนใจปฏิกิริยาของทั้ง 3 คนแล้วเปิดสมุดเวทมนตร์
“อืม มาแล้วๆ!!!”
(ค่าสเตตัสของทั้ง 3 คนมาแล้ว! ผลของการสวดภาวนาถึง 4 เดือน!!)
ด้านหลังหน้าที่บอกข้อมูลสัตว์อัญเชิญของสมุดเวทมนตร์ มีสเตตัสของทั้ง 3 คนเขียนเอาไว้เหมือนอย่างอเลน เลยทำการตรวจสอบว่ามีการแจ้งจากพระเจ้าหรือเปล่า แต่ดูเหมือนจะไม่มีการแจ้งอะไรเลย
“เดี๋ยวสิ สิ่งนี้อเลนเรียกออกมาเหรอ? แล้วทำไมจู่ๆถึงเอาออกมาเนี่ย”
ภายในใจของเซซิล คงรับรู้แล้วว่าอเลนเอาออกมาจากความว่างเปล่า
“อะ เอ่อ ไว้ถ้าใจเย็นกันแล้ว เดี๋ยวค่อยคุยเรื่องนี้เข้าไปด้วยก็แล้วกัน”
บอกให้ทุกคนใจเย็นๆก่อน แล้วจะอธิบายเรื่องของสมุดเวทมนตร์ให้ฟังหลังจากนี้ แล้วการลงทะเบียนปาร์ตี้กับส่งคำขอหินเวทระดับ D 1 หมื่นก้อนก็สิ้นสุดลง ส่วนพรุ่งนี้ค่อยออกตามหาที่อยู่ซึ่งจะใช้เป็นฐาน