[นิยายแปล] Game of the World Tree - ตอนที่ 91 มังกรขวาง
บรรดาสมาชิกเผ่าเฟลมต่างลังเลเมื่อได้ยินคำสั่งของซามีร์
เอลฟ์ชรา ตนหนึ่ง ยกมือ อันสั่นเทา แตะลงบนสัมภาระของตน เขาแง้มกระเป๋า เผยให้เห็นคัมภีร์โบราณ ปกของมันเต็มไปด้วยลายเส้นสละสลวย
น้ำเสียงของเขาขมขื่น
“น… นี่คือคัมภีร์ทั้งหมดที่พวกเรานำติดตัวมาจากป่าเอลฟ์ เป็นมรดกอายุนับพันปี เกรงว่าถ้าทิ้งพวกมันไป ก็คงไม่ต่างกับการที่เผ่าของเราจะ…”
อารมณ์หลากหลายปรากฏบนใบหน้าของซามีร์ เขามองเอลฟ์ชราพลางถอนหายใจออกมา
“พระมารดากลับมาแล้ว อารยธรรมย่อมดำรงอยู่ได้ แต่ถ้าพวกเราตายกันหมด ทุกอย่างก็จะสิ้นสุดลงตรงนี้…”
มือของโฟลซิลแตะลงบนบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลม้วนหนา หยาดน้ำตาข้นพลันเอ่อขึ้นมาจากขอบตาของ เอลฟ์ชราผู้เป็นหัวหน้าเผ่า เธอ ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“…”
และท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึงของเอลฟ์ชราทั้งหลาย บันทึกลำดับวงศ์ตระกูลของเผ่าเฟลมที่สืบทอดกันมานานนับพันปี ซึ่งเต็มไปด้วยบันทึกทางประวัติศาสตร์จำนวนมหาศาล รวมถึงเรื่องราวของความรุ่งโรจน์ของเผ่า ก็ถูกโยนลงสู่พื้น…
“ท… ท่านหัวหน้าเผ่า!”
เอลฟ์ชราหลายตนพากันหน้าถอดสีด้วยความตระหนก
โฟลซิลชำเลืองมองไปที่พวกเขา พร้อมกับปล่อยแรงกดดันของระดับเหล็กขั้นสูงออกมา…
เหล่าเอลฟ์ชราต่างเงียบลง ทันที สายตา ของพวกเขามองโฟลซิลราวกับกำลังอ้อนวอน
แต่โฟลซิลเลือกที่จะไม่สน สายตา เหล่านั้น ท่าทีและน้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความแน่วแน่
“ประวัติศาสตร์เกิดจากอารยธรรม และผู้ที่สร้างอารยธรรมสีเงินก็คือเอลฟ์ ถ้าพวกเรายังปกป้องตัวเองไม่ได้ แล้วคัมภีร์โบราณพวกนี้… มันจะไปมีความหมายอะไร!”
“พวกเจ้าจงมองไปที่เด็ก ๆ ในเผ่า! พวกเรายังมีอนาคต ยังมีความหวัง! ที่ผ่านมาเรา ใช้ชีวิตแบบ ตกระกำลำบาก เป็นเอลฟ์พลัดถิ่นกันมาตลอด… พวกเจ้าจะปล่อยให้ลูกหลานต้องมาใช้ชีวิตแบบนั้นงั้นเหรอ!”
เมื่อกล่าวจบ เธอสั่งการออกมาสุดเสียง
“พวกเจ้าทุกคน จงทิ้งสัมภาระ ทิ้งอาหารไปให้หมด จงหยิบอาวุธขึ้นมาปกป้องลูกหลานของเรา จงบุกเต็มกำลัง!!”
เมื่อเห็นการกระทำของผู้นำเผ่าอันเป็นที่เคารพ เหล่าเอลฟ์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจปล่อยสัมภาระในมือลงสู่พื้นดิน
เสียงคร่ำครวญด้วยความเศร้าโศก ยังคง แว่วมาจากเหล่าเอลฟ์อยู่ครู่หนึ่ง
ท่ามกลาง/ภายใต้… เสียงคร่ำครวญด้วยความเศร้าโศก ยังคง แว่วมาจากเหล่าเอลฟ์
บรรดาเอลฟ์ชราต่างจับอาวุธไว้ในมือ สายตาของพวกเขายังชำเลืองเหล่าข้าวของบนพื้นด้วยความเสียใจ ก่อนจะคำรามออกมาอย่างโกรธแค้น
“ฝ่าออกไป! เราต้อง ฝ่าออกไปให้ได้—!”
แสงจากเวทมนตร์จำนวนนับไม่ถ้วนแผ่ออกมาจากร่างกายของพวกเขา
แม้เหล่าเอลฟ์สูงวัยผู้ผ่านชีวิตมายาวนานจะแก่ชราเป็นอย่างยิ่ง แต่ครั้งหนึ่งพวกเขาก็เคยเป็นถึงกำลังรบผู้ทรงพลังที่สุดของเผ่า!
โฟลซิลตกอยู่ในภวังค์เมื่อเห็น ภาพตรงหน้า ภาพของบรรดาสมาชิกเผ่าที่เปลี่ยนความโศกเศร้าให้เป็นพลัง
เธอรู้สึกราวกับได้ย้อนกลับไปในอดีต ในเวลาที่เธอนำกองกำลังเอลฟ์ฝ่าการปิดล้อมของกองกำลังผสมระหว่างเผ่ามนุษย์ ออร์ค และพวกครึ่งมังกรออกมาจากป่าเอลฟ์…
เอลฟ์ ชรา ผู้เป็นหัวหน้าเผ่า สูดลมหายใจเข้าช้า ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะยกไม้เท้าเพลิงที่สืบทอดมากว่าพันปีขึ้น
“ไปกันเถอะสหายข้า! สู่บ้านของพวกเรา!”
ประกายแสง จากเวทมนตร์ พวยพุ่ง ออกมาจากไม้เท้า เหล่าพืชพรรณที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขาเคลื่อนตัว ออก เกิดเป็นเส้นทางสายหนึ่ง
นี่คือเวทมนตร์ระดับสามวง บัญชาไพร
เอลฟ์จำนวนกว่าสองร้อยชีวิตเริ่มเปลี่ยนรูปแบบกระบวนทัพ บรรดาเอลฟ์สูงวัยต่างย้ายตำแหน่งมาบริเวณรอบนอก โดยให้นักรบและนักล่าเป็นผู้รับหน้าที่ปะทะ ในขณะที่จอมเวทและดรูอิดคอยสนับสนุนจากแนวหลัง
ในทางกลับกัน เอลฟ์ วัยหนุ่มสาว จะแบกเอลฟ์วัยเด็กไว้บนหลัง และได้รับการ คุ้มครอง อยู่กลางกลุ่ม
“ไป!”
เหล่าเอลฟ์คำรามออกมา พลางพุ่งตัวผ่านเส้นทางที่ผู้นำเผ่าของตนได้เปิดไว้ให้
และเมื่อพวกเขาผ่านไป บรรดาแมกไม้ต่างเคลื่อนตัวกลับมา ปิดเส้นทางกลางผืนป่าให้กลับสู่สภาพเดิมอีกครั้ง
“เวรแล้ว! ไอ้พวกเอลฟ์มันพยายามจะหนี!”
ออร์คจากหน่วยลาดตระเวนที่เฝ้าสังเกตเหล่าเอลฟ์อยู่ รีบคว้าแตรเขาสัตว์อย่างตื่นตระหนก และเป่าส่งสัญญาณอีกครั้ง
บรรดาออร์คที่ซุ่มรออยู่ทั่วป่าเอลฟ์ต่างพากันเคลื่อนพลตามเสียงสัญญาณมาอย่างรวดเร็ว
“มันกำลังส่งสัญญาณ! ฆ่ามัน!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงแตรของหน่วยลาดตระเวน สีหน้าของซามีร์พลันเปลี่ยนไป เ ขาตะโกนสั่งบรรดานักล่าในกลุ่มของตนอย่างรวดเร็ว
เหล่านักล่าต่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาชำเลืองมองสหายร่วมศึกราวกับต้องการให้ผู้อื่นเป็นคนลงมือแทน…
ในวินาทีนั้น เอลฟ์ชราตนหนึ่งคว้าเอาคันธนูขึ้นเล็งไปทางออร์ค และแผลงศรออกไป…
ลูกธนูแหวกผ่านอากาศ พุ่งทะลุลำคอของออร์คราวกับจับวาง
เอลฟ์ชราตนนั้นจ้องเขม็งไปทางกลุ่มนักล่าอย่างโกรธเคือง
“เลิกทำตัวใจดีกันเสียที! จำไว้ว่าพวกมันทำกับเราไว้มากขนาดไหน! พวกเจ้าไม่ได้ฝึกธนูมาเพื่อแค่ยิงเป้า!”
“ต่อให้ฆ่าพวกมันแล้วจะต้องลงนรก เราก็ต้องสู้ เพื่ออนาคตของเผ่าเฟลม!”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของเขา เค้าลางของความละอาย พลัน ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนักล่าหลายตน
ทว่าผ่านไปเพียงครู่เดียว ความละอายและลังเลของพวกเขาก็เปลี่ยนไปเป็นความ เด็ดเดี่ยว กลุ่มนักล่าต่างยกคันธนูและลูกศรขึ้นมาเตรียมพร้อม ตนแล้วตนเล่า
และในเวลาเดียวกัน ทัพหลักของออร์คก็ได้ตามเสียงแตรมาจนถึงบริเวณป่าที่กลุ่มเอลฟ์รวมตัวกันอยู่
ออร์คพร้อมอาวุธครบมือจำนวนเกือบร้อยพุ่งตัวออกมาจากป่าและขวางทางเหล่าเอลฟ์ไว้ ร่างของพวกมันเรืองแสงด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์จากเวทมนตร์ของนักบวช
ขณะเดียวกัน ออร์คจำนวนมากก็กำลังเร่งรุดมาจากบริเวณป่าที่ไกลออกไป
“ฆ่าเอลฟ์แก่ให้หมด จับเด็กและผู้หญิงกลับไป!”
นักบวชผู้นำทัพสั่งการออกมาดังลั่น
“เหอะ!”
ซามีร์คำรามเสียงเย็นเยียบ อณูเวทมนตร์อันทรงพลังสะสมอยู่บนร่างกายของนักบวชชรา
หลังจากที่เทพธิดาได้มอบพลังให้ ซามีร์ได้ยกระดับสู่เลเวล 41 กลายเป็นนักบวชแห่งธรรมชาติระดับเงินขั้นต้น
แต่ในความเป็นจริง เขายังมีอีกหนึ่งอาชีพ—
—นั่นคือดรูอิด
ในยามที่เขาได้ยกระดับสายอาชีพนักบวชแห่งธรรมชาติ ความชำนาญในอาชีพดรูอิดของเขาก็ได้รับการพัฒนาสู่ระดับเงินขั้นต้นเช่นกัน!
สิ่งนี้คือสาเหตุที่แท้จริง ที่อีฟเลือกที่จะมอบหมายภารกิจค้นหาเหล่าเอลฟ์ให้กับซามีร์!
เพื่อที่จะเก็บความลับเรื่องพระมารดาแห่งธรรมชาติ ซามีร์ต้องหลีกเลี่ยงการใช้เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ …แต่เวทมนตร์สายธรรมชาติของดรูอิดนับเป็นข้อยกเว้น!
ด้วย เสียงบริกรรมคาถาของซามีร์ เถาวัลย์เส้นเขื่องจำนวนมาก พลัน พุ่งขึ้นจากผืนดิน มัน รัดตรึงเหล่าออร์คที่กำลังดาหน้าเข้ามาตัวแล้วตัวเล่า
“ดรูอิดระดับกลาง!”
นักบวชออร์คกรีดร้องเสียงหลง เสียงของมันทำให้กระบวนทัพของออร์คหยุดชะงักไปชั่วขณะ
เพราะคำว่าระดับกลาง …ย่อมหมายถึงตัวตนระดับเงิน
และจากบรรดาสมาชิกเผ่าถ้ำหินทั้งหมด มีเพียงหัวหน้านักบวชที่ครอบครองพลังระดับนี้!
ด้วยเหตุนี้ กองกำลังออร์คจึงตกอยู่ในความสับสน
เหล่าเอลฟ์ชราที่รับหน้าที่แนวหน้าต่างฮึกเหิมขึ้น พวกเขาชักอาวุธ ฉวยโอกาสฟันออร์คผู้โชคร้ายจนร่างของพวกมันทรุดลงกองกับพื้น
แต่ถ้าพิจารณาอย่างละเอียด จะพบว่าบรรดาเอลฟ์ไม่ได้สังหารพวกออร์ค พวกเขาเพียงจัดการให้พวกมันหมดสภาพ และยั้งมือไว้ก่อนจะถึงจุดที่พรากชีวิตของพวกมันไป
ความเมตตา…
ความเมตตาที่เป็นทั้งเกียรติยศ และความรันทดของปวงเอลฟ์
เวทมนตร์ของซามีร์เปรียบเสมือน ก้อนน้ำหนักที่วาง ลงบนขาข้างหนึ่งของตราชั่ง ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อผลลัพธ์ของสงครามนี้
ในทันทีที่เวทมนตร์ควบคุมอันทรงพลังถูกใช้งาน ความสามารถในการรบของเหล่าออร์คก็ถูกบั่นทอนลงโดยพลัน และเมื่อปะทะกับบรรดาเอลฟ์ที่โถมตัวเข้าสู้อย่างไม่คิดชีวิต แม้พวกมันจะถนัดในการต่อสู้ระยะประชิดถึงเพียงใด ก็ทำได้เพียงดิ้นรนจนกว่าจะพ่ายแพ้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้แต่พลังระดับเงินของซามีร์ก็ไม่อาจหยุดการเคลื่อนไหวของออร์คที่มีจำนวนเป็นกองทัพได้
ออร์คจำนวนมากจึงได้พุ่งผ่านดงเถาวัลย์เข้ามาปะทะกับเหล่าเอลฟ์
และยิ่งการต่อสู้ผ่านไปนานเท่าไร ความแตกต่างของพละกำลังก็ยิ่งเด่นชัด
ถึงอย่างไร ร่างกายของเอลฟ์ชราก็อยู่ในช่วงถดถอย ในขณะที่ออร์คส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยฉกรรจ์
พวกมัน ได้ เปรียบทั้งในแง่ของพละกำลังและความสามารถทางกายภาพ อีก ทั้งยังได้รับคำสั่งให้จับเป็นเพียงเด็กและสตรีเท่านั้น
…ด้วยเหตุนี้ เพียงอึดใจเดียวเอลฟ์สูงวัยหลายตนจึงถูกสังหารลง
เมื่อเห็นสมาชิกในเผ่าตายตกไปจากการปะทะ ดวงตาของโฟลซิลก็เต็มไปด้วยความโกรธ แค้น
เอลฟ์สูงอายุที่มีชีวิตมาจนถึงบัดนี้ ล้วนเป็นสหายเคียงบ่าเคียงไหล่ ต่อสู้ร่วมกับเธอมาช้านาน
นอกจากนี้ เอลฟ์ชราผู้ผ่านช่วงชีวิตมาอย่างยาวนานทุกตน ล้วนมีความแตกฉานในศาสตร์แขนงต่าง ๆ จำนวนนับไม่ถ้วน
ยามที่บ้านเมืองสงบสุข ผู้เฒ่าเหล่านี้คงเป็นทรัพยากรบุคคลอันล้ำค่าของเผ่าเอลฟ์…
ทว่าในยามนี้ พวกเขากลับต้องจับอาวุธขึ้นสู้เพื่ออนาคตของเผ่าพันธ์ุ
โฟลซิลหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะเบิกตาขึ้นมาอีกครั้ง
เธอข่มความเศร้าลง เปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลัง และร่ายเกราะเวทมนตร์ให้กับพวกพ้องที่อยู่เบื้องหน้า พลางตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น
“ฆ่ามันให้หมด!”
ความตายของเหล่าเอลฟ์ชราไม่ได้สูญเปล่า พวกเขาสามารถลดทอนกำลังรบของเหล่าออร์คไปได้ บางส่วน
และด้วยการความพยายามโดยไม่คำนึงถึงชีวิตของเอลฟ์ทุกตน ในที่สุดพวกเขาก็หลุดออกมาจากวงล้อมของพวกศัตรู!
ทันทีที่เห็นป่าทึบเบื้องหน้า ดวงตาของซามีร์ปรากฏแสงขึ้นมา เขาตะโกนลั่น
“เรากำลังจะพ้นแล้ว! ทุกคนอย่าหยุดวิ่ง เลิกพัวพันกับพวกมันแล้ววิ่งให้เร็วที่สุด!
ซามีร์ชำเลืองไปที่กลุ่มเอลฟ์ชราผู้ได้รับบาดเจ็บ เขากัดฟันกล่าว
“สำหรับเอลฟ์ชราและผู้บาดเจ็บ …คอยเฝ้าระวังแนวหลัง!”
เมื่อสั่งการเสร็จ เขาหันไปหาโฟลซิลก่อนจะกล่าว
“โฟลซิล เจ้า พาทุกคนในเผ่าไปก่อนเลย ข้าจะอยู่คุ้มกันข้างหลังไว้เอง!”
ดวงตาของโฟลซิลจ้องมาที่ซามีร์ราวกับต้องการจะกล่าวบางสิ่ง แต่เมื่อสบเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของซามีร์ เธอจึงเพียงพยักหน้ารับ
“เจ้า… ต้องรอดกลับมาให้ได้นะ”
เมื่อกล่าวจบ เธอยกไม้เท้าพลางตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
“ ฝ่าออก ไป!”
โฟลซิลพาสมาชิกในเผ่าที่เหลือเร่งรุดหน้าสู่ใจกลางป่าเอลฟ์
นักบวชที่ซ่อนตัวอยู่กลางกลุ่มออร์คพลันหน้าถอดสี
“แย่แล้ว! ไอ้พวกหูยาวมันจะหนีไปแล้ว! เร็ว! พวกเอ็งรีบเรียกท่านไมเรลมาเร็ว! จะปล่อยให้พวกมันหนีไปไม่ได้!!”
ออร์คที่อยู่ข้างนักบวชคว้าแตรสัญญาณมาเป่าขึ้นฟ้าอย่างเร่งรีบ
อวู่—– —- – –
แตรแผดเสียงกึกก้อง กระจายไปยังบริเวณโดยรอบอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้น นกจำนวนมหาศาลต่างแตกกระเจิงออกจากกลางป่าราวกับถูกบางสิ่งข่มขวัญ พวกมันพากันบินหนีไปทั่วสารทิศ
“Rua——”
เสียงคำรามที่แฝงความตื่นเต้นดังสนั่นจากเบื้องบน
“เสียงอะไรน่ะ?”
เหล่าเอลฟ์ล้วนตื่นตัวสุดขีด
ทว่า ก่อนที่พวกเขาจะได้เงยหน้าขึ้น แรงกดดันมหาศาลก็แผ่ลงมาจากฟากฟ้า
ทุกสรรพสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่ออร์ค ต่างสั่นเทาโดยไม่อาจควบคุมได้
เงาดำขนาดยักษ์พาดผ่านกลุ่มเอลฟ์ที่เพิ่งจะฝ่าวงล้อมของออร์ค ออก มา
โฟลซิลเงยศีรษะทีละน้อย
ก่อนที่สายตาของเธอจะหยุดลงบนอสูรกายร่างยักษ์!
รูปลักษณ์ที่น่าพรั่นพรึง เกล็ดสีดำสนิท เศียรลักษณะคล้ายกะโหลก ประดับด้วยหนามแหลมและเขาอันเป็นเอกลักษณ์
รูม่านตาของเธอหดลง โฟลซิลกรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัว
“มังกร… มังกรดำ!”
มังกรดำ!
สายพันธุ์ที่อยู่ ณ จุดสูงสุด ของมังกรทั้งหลายในดินแดนซากัส—
ผู้ที่ดุร้ายและน่าหวั่นเกรงที่สุด ผู้ที่โหดร้ายและป่าเถื่อนที่สุด ตัวตนสุดแกร่งที่ไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก!
…
…
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _
T/N: บอสของช่วงนี้… ล่ะมั้งคะ
…
อ่านแปลไทยได้ที่ https://www.nekopost.net/novel/12413/ ค่ะ ถ้าถูกใจโปรเจ็คนี้ ขอความอนุเคราะห์ในการซัพพอร์ทที่ผู้แต่งโดยตรง ตามลิงก์หน้าแรกนะคะ
Support the project: https://book.qidian.com/info/1016509432
_ .. _ .. _ .. _ .. _ .. _