[นิยายแปล] Akuyaku Reijou no Naka no Hito ~Danzai sareta Tenseisha no Tame Usotsuki Heroine ni Fukushuu Itashimasu~ - ตอนที่ 38 นักประพันธ์ ‘ละครเพลง’ เรื่องแรกของโลก
- Home
- [นิยายแปล] Akuyaku Reijou no Naka no Hito ~Danzai sareta Tenseisha no Tame Usotsuki Heroine ni Fukushuu Itashimasu~
- ตอนที่ 38 นักประพันธ์ ‘ละครเพลง’ เรื่องแรกของโลก
นักประพันธ์ ‘ละครเพลง’ เรื่องแรกของโลก
เพื่อให้ผู้คนยอมเปิดกว้าง จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน ‘ความเข้าใจ’ ของพวกเขา ไม่อย่างนั้นผู้คนจะต่อต้านสิ่งใหม่ๆที่เข้ามาอย่างกะทันหัน
หรือก็คือ ต้องมีการบอกเล่า ‘เรื่องราว’ ที่ต่างออกไป ให้มนุษย์ปรับเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเผ่าปีศาจซึ่งในตอนนี้ใกล้เคียงกับ ‘มาร’
ให้มนุษย์ได้รับรู้ความยากลำบากทั้งหมดที่เผ่าปีศาจต้องเผชิญ ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นความเห็นใจ และจะกลายเป็นความอยากให้การช่วยเหลือในท้ายที่สุด
เพราะฉะนั้น ข้าจะนำเสนอเรื่องราวการกอบกู้โลกที่เกิดขึ้นทั้งหมดในรูปแบบ ‘ละครเพลง’ และแน่นอนว่าผู้ที่ถูกกำจัดในตอนท้ายต้องไม่ใช่ ‘เทพแห่งการสร้าง’ แต่เป็น ‘เทพมารผู้ชั่วร้าย’ ที่ทำการกักขังเทพแห่งการสร้างเพื่อทำลายโลก
มันจะไม่ใช่แค่การแสดงละคร หรือแค่ขับร้องบทเพลง แต่มันจะเป็น ‘ละครเพลง’ ที่ในโลกนี้ยังไม่เคยมีมาก่อน… เรื่องราว ‘ราชาปีศาจแองเจิ้ล’ จะถูกจดจำในฐานะ ‘ละครเพลง’ เรื่องแรกของโลก ซึ่งจะถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางทั้งชื่อและเนื้อหา
โลกจะได้รับรู้ถึงสิ่งบันเทิงรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานการขับร้อง ร่ายรำ และเวทมนตร์เข้าด้วยกันอย่างลงตัวในการแสดงละคร
อย่างแรก ข้าจะใช้เนื้อหาที่มีอยู่แล้วในความทรงจำของเอมิ มันเป็นเนื้อเรื่องฉบับนิยายที่ทางผู้พัฒนา ‘เกม’ ตีพิมพ์ออกมา ในเมื่อกฎหมายลิขสิทธิ์ไม่สามารถเอาผิดถึงโลกนี้ ข้าจึงเขียนมันขึ้นมาใหม่โดยให้มุมมองของตัวละครหลักถูกแทนที่ด้วยตัวข้าเอง และมอบให้นักเขียนเพื่อเรียบเรียงเป็นบทละครที่ทำให้ผู้คนบนโลกนี้เข้าใจได้ง่ายๆ
ในส่วนของบทเพลงก็จะใช้ทำนองจากเพลงที่ได้รับความนิยมสูงตามที่เอมิรู้จัก นักดนตรีที่ข้าขอให้ช่วยทดลองฟังก็ถูกใจเพลงนี้เป็นอย่างมาก มั่นใจได้เลยว่ามันจะต้องออกมาดีแน่ แล้วอีกอย่าง ศิลปิน นักดนตรี พวกนี้ก็เป็นหนึ่งในตัวละครที่สานความสัมพันธ์ได้ใน ‘เกม’ แม้ว่าโลกนี้ได้รับการกอบกู้ไปก่อนแล้ว แต่พวกเขาก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญตามสายอาชีพของพวกเขา
ทีมงานที่ไวเคานต์ลอเรียลแนะนำมาก็เป็นคนที่มีความสามารถมากเช่นกัน
เวทมนตร์ที่จะใช้ในการแสดงก็เป็นชนิดที่ปลอดภัยที่ข้าคิดค้นขึ้นมาใหม่ให้เผ่าปีศาจสามารถใช้ได้โดยไม่มีปัญหา
น่าสงสัยว่าสเตฟานจะรู้สึกอย่างไรในตอนที่เขารู้ว่าข้าคือคนที่แต่งเพลงในละครเพลงที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่นี้? สำหรับคนที่ชอบดูถูกคนอื่นที่ไรรสนิยมทางด้านดนตรีอย่างเขา ได้เห็น ‘เรมิเลียของเอมิ’ ได้เป็นนักเวทนักดนตรีผู้มีชื่อเสียงยิ่งกว่าใคร เขาคงอิจฉาจนแทบกระอักเลือดเลยทีเดียว
จะว่าไป ถ้าผู้หญิงคนนั้นจำทำนองเพลงชื่อดังจากโลกของเธอได้ล่ะ? เอาเถอะ ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังน่าสนุกอยู่ดี
เมื่อคิดถึงผลลัพธ์แล้วก็เริ่มมีแรงขึ้นมา จากที่ก่อนหน้านี้ข้าเริ่มเหนื่อยหน่ายกับงานมากมายที่ต้องทำ
ตอนนี้เพลงก็เสร็จสิ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปคือท่าเต้น ซึ่งเรื่องนั้นข้าก็มีแผนการคร่าวๆอยู่ในใจ ในเกมมีตัวละครอาชีพ ‘นักเต้น’ อยู่ด้วย ตัวข้าทำได้แค่เต้นรำตามจังหวะที่จำได้ และเอมิก็ไม่ค่อยสนใจการเต้นสักเท่าไหร่ ดังนั้นข้าจึงฝากเรื่องเหล่านั้นให้มืออาชีพจัดการ ข้าเชื่อว่าพวกเขาจะคิดว่าแผนการแสดงนี้น่าสนใจเป็นอย่างมาก
ในเมื่อนักแสดงส่วนใหญ่เป็นคนของเผ่าปีศาจ ข้าจึงบอกให้พวกเขาใช้เวทมนตร์เสริมร่างกายเพิ่มขีดจำกัดท่วงท่าการเคลื่อนไหวสำหรับการแสดง
“ข้าคิดว่ายังมีผู้คนอีกมากมายที่ไม่สามารถรับชมการแสดงนี้ได้ จึงอยากให้มีในรูปแบบหนังสือเพื่อให้พวกเขาสามารถเข้าถึง”
จำนวนผู้ชมที่โรงละครรองรับได้มีจำกัด
‘หนังสือ’ จะช่วยยกระดับความนิยมของเรื่องราวนี้
อัตราการรู้หนังสือของโลกนี้ยังคงต่ำ เพราะฉะนั้นควรใช้เป็นหนังสือภาพหรือไม่ก็โรงละครกระดาษ
ในเทศกาลครบรอบการก่อตั้งหมู่บ้าน ชาวบ้านมักจะทำอะไรสักอย่างเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับข้า (คล้ายกับความรู้สึกที่เอมิทำเพื่อเรมิเลีย) ข้าจึงค้นพบผู้มีพรสวรรค์เป็นจิตรกรในเผ่าปีศาจหลายคนที่สามารถมอบหมายงานวาดภาพประกอบให้ได้
ทีนี้ก็ถึงเวลาของเทคโนโลยีการพิมพ์ซ้ำแบบใหม่
ในโลกของเอมี ในตอนที่ ‘เครื่องพิมพ์’ ถือกำเนิด สิ่งที่ถูกตีพิมพ์มากที่สุดคือคัมภีร์ทางศาสนา จากนั้นก็เป็นสิ่งบันเทิง และในโลกนี้ ‘เรื่องราว’ ของข้าจะเป็นทั้งคัมภีร์และสิ่งบันเทิง มันจะทำประโยชน์ต่อข้าและเผ่าปีศาจในอนาคต
ในโลกนี้มีเครื่องพิมพ์ตัวอักษรลงบนกระดาษอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ข้าจะคิดค้นขึ้นมาคือการพิมพ์แบบใหม่ …การพิมพ์หินที่ไม่ต้องจัดเรียงแท่งพิมพ์ให้ยุ่งยาก
ประวัติศาสตร์การพิมพ์อันเก่าแก่ในโลกของเอมิมีทั้งแม่พิมพ์ทองแดง จนถึงพิมพ์หิน และข้าตั้งใจนำเทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าก้าวล้ำสำหรับโลกนี้มาใช้
การทำพิมพ์หินอาจฟังดูซับซ้อน คร่าวๆคือการทำให้แผ่นหินที่เรียบมีพื้นผิวที่ซับหมึกและไม่ซับหมึกโดยใช้หลักการของน้ำกับน้ำมัน น้ำหมึกจะไม่เกาะติดพื้นผิวที่ลงน้ำมันไว้บนแผ่นหิน สิ่งที่ข้าจะคิดค้นขึ้นมานั้นไม่ใช่พิมพ์หินของแท้ แต่ข้าจะใช้โลหะที่จัดการได้ง่ายกว่า กับของเหลวของสไลม์และยางไม้ ม้วนแผ่นยางให้เป็นทรงกระบอกแล้วนำไปพิมพ์
ในโลกของเอมิมันจะคล้ายกับ ‘การพิมพ์ออฟเซ็ต(offset printing)’ อ้างอิงจากสิ่งเหล่านี้ ข้าจะใช้เวทมนตร์กับทักษะเล่นแร่แปรธาตุพัฒนามันขึ้นมา
ต้องขอบคุณความรู้รอบตัวอันกว้างขวางของเอมิที่ทำให้ข้านำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาสู่โลกนี้ได้
สิ่งประดิษฐ์นี้จะทำให้สามารถพิมพ์ลงบนพื้นผิวที่ก่อนหน้านี้พิมพ์ยากได้ และที่สำคัญ มันเหมาะกับการพิมพ์ภาพลงสี
มั่นใจได้เลยว่าโปสเตอร์จากเรื่อง ‘ราชาปีศาจแองเจิ้ล’ จะต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่ และภาพพิมพ์สีก็จะสร้างความฮือฮาได้อย่างมากด้วยเช่นกัน
ทีนี้ก็เป็นเรื่องของสินค้าอื่นๆ… เช่น ตุ๊กตาผ้ากำมะหยี่ รูปปั้นตัวละครขนาดเล็ก หรือเสื้อผ้าเครื่องประดับที่ออกแบบให้คล้ายกับของที่นักแสดงสวมใส่ สินค้าพวกนี้จะถูกวางขายใกล้แหล่งผลิตเพื่อไม่ให้เกิดความแออัดบริเวณสถานที่จัดการแสดง นี่ก็จะช่วยกระจายรายได้ให้เม็ดเงินหมุนเวียนอย่างทั่วถึงด้วยเช่นกัน
แล้วก็ ข้าจะไม่ทำสินค้าในรูปแบบชุดสะสมในกล่องสุ่ม แม้ว่ามันจะมีแนวโน้มว่าจะขายได้ก็ตาม ต่อให้มันทำกำไรได้มากกว่าก็เถอะ… แต่เอมิไม่ชอบกล่องสุ่ม
และเอมิเองก็ไม่คิดจะขายสินค้าเป็นกล่องสุ่ม
มาตาการป้องกันการกว้านซื้อเพื่อโก่งราคาขายต่อก็สำคัญ โดยเฉพาะตั๋วการแสดง แม้แต่เอมิผู้อ่อนโยนก็ยังเกลียดพ่อค้าประเภทนี้ถึงขนาดพูดว่า ‘ไอ้พวกขายต่อ จงสูญพันธุ์ไปให้หมด ไม่มีข้อแม้’ … จึงยอมให้เกิดเรื่องเช่นนั้นไม่ได้โดยเด็ดขาด
แม้ข้าไม่สามารถขจัดความโง่เขลาเห็นแก่ตัวในตัวของมนุษย์ได้ แต่ข้าสามารถทำให้มนุษย์ผู้โง่เขลาเห็นแก่ตัวพวกนั้นไม่กล้ากว้านซื้อไปขายต่อราคาแพงได้
ถ้าเป็นเอมิ เธอก็คงจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ชมที่ชื่นชอบการแสดงนี้จะไม่มีใครต้องผิดหวัง