[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว - ตอนที่ 60 - 037:งานเปิดตัวแห่งความร้านฉาน① เตรียมพร้อมออกศึก
- Home
- [นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
- ตอนที่ 60 - 037:งานเปิดตัวแห่งความร้านฉาน① เตรียมพร้อมออกศึก
037:งานเปิดตัวแห่งความร้านฉาน① เตรียมพร้อมออกศึก
――นับตั้งแต่มาเรีย เทมเพิล กลับบ้านไป ตารางชีวิตของลูน่าก็ยุ่งขึ้นอย่างมาก
ในตอนเช้าเมื่อเธอแต่งตัวก็ต้องเริ่มฝึกเต้นและมารยาททางสังคม หลังอาหารกลางวันก็ต้องมาเรียนรู้ชื่อขุนนาง
พวกเรานั้นมีความสัมพันธ์กันแบบไหน ขัดแย้งกับใคร เป็นมิตรกับใคร นโยบายใดที่ช่วยจะพัฒนาอาณาเขตให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความชำนาญของแต่ละคนคืออะไร
นี่คือข้อมูลที่ไม่สามารถละเลยได้เลยเพื่อเข้าไปในกลุ่มของขุนนางป่าเถื่อนที่ประชันฝีปากกันด้วยข้อมูล และมันต้องครอบคลุมอย่างสมบูรณ์สำหรับพวกที่จะมาเข้าร่วม ที่จะจัดงานขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
กล่าวอีกนัยหนึ่งคืองานในครั้งนี้สำหรับลูกสาวของตระกูลขุนนางอย่างเธอ และหากเธอทำพลาดที่นี่มันจะเป็นตราบาปไปชั่วชีวิตเธอ
ความคิดที่ว่าขุนนางจะจบลงก็ต่อเมื่อทำเรื่องเสียหายในงานเปิดตัว
「ลูน่า มีเรื่องจะพูดคุยด้วยหน่อย」
「ค่า ท่านแม่」
ตอนนี้ฉันยุ่งเกินกว่าจะมุ่งหน้าไปยังสนามฝึก และฉันก็เจอกับท่านแม่ขณะที่เดินผ่านทางเดินของคฤหาสน์และถูกพาไปที่ห้องรับแขก
ลูน่านั่งลงบนโซฟาในห้องและท่านแม่ก็นั่งฝั่งตรงข้าม ละเธอก็วางจดหมายไว้บนโต๊ะ
「ฉันเองก็คาดหวังไว้บ้าง แต่ดูเหมือนเอลิซ่าจะจับตาดูเธอไม่เลิกเลยนะ」
แม่พูดด้วยสีหน้าขมขื่นเล็กน้อย
เอลิซ่า……、เอลิซ่า・ลูเทีย・เดอ・อัลฟิเลีย
เธอเป็นราชินีของอาณาจักรอัลฟิเลีย
แม่ดูเหมือนจะโกรธมากถึงขนาดเรียกเอลิซ่าโดยไม่มีท่านนำหน้า ทั้งที่เธอมีตำแหน่งสูงที่สุด
ฉันหยิบจดหมายที่โยนลงบนโ๖๊ะและดูด้านหลัง
จากนั้นก็เห็นว่าตราประทับถูกตัดไปแล้ว แต่ก็มีร่องรอยแข็งตัวของขี้ผึ้ง และตราราชวงศ์ประทับอยู่
「กล่าวอีกนัยหนึ่งไม่ใช่จดหมายจากเอลิซ่า แต่เป็นจดหมายจากองค์ราชา」
หากเป็นจดหมายที่เอลิซ่าส่งมาเป็นการส่วนตัวจะไม่มีการประทับตราราชวงศ์
เอ่อ จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียวเพราะเธอมีอำนาจสูงกว่าพวกเราและอาจจะมีคำสั่งถ่ายทอดมายังพวกเราได้
อย่างไรก็ตามการมีตราราชวงศ์ประทับนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง
นั่นคือเป็นจดหมายที่พระองค์ทรงเขียนด้วยตัวเองในฐานะราชาแห่งอัลฟิเลีย
กล่าวอีกนัยหนึ่งขุนนางที่อยู่ภายใต้อำนาจของอาณาจักรอัลฟิเลียจำเป็นต้องปฏิบัติตามเนื้อหาในจดหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
「ตอนนี้หนูขอตรวจสอบเนื้อหาก่อนนะคะ」
ลูน่าพูดขณะหยิบเอกสารและดูเนื้อหาในจดหมาย
「……เข้าใจแล้ว หมายความว่าพวกเขาอยากจะให้เราเช่าสิ่งอำนวยความสะดวกเหรอ?」
เธอพึมพำด้วยสีหน้าไม่แปลกใจ
ถ้าอธิบายเนื้อหาโดยสังเขปก็จะประมาณนี้
『เนื่องจากนี่เป็นงานเปิดตัวลูกสาวของเจ้า และข้าขอเสนอห้องโถงขนาดใหญ่ในปราสาทเป็นสถานที่จัดงาน ข้าจะขอบคุณอย่างมากหากเจ้ารับข้อเสนอ อ่า กำลังคิดว่าจะปฏิเสธข้าใช่ไหมล่ะ? อย่าจะดีกว่านะเพราะเจ้าน่ะตกเป็นผู้ต้องสงสัยในการก่อกบฏ ข้าเลยรวบรวมทหารเอาไว้แล้ว อย่าให้ข้าต้องทำงานอันเหนื่อยยากจะดีกว่านะ!』
ไม่เลยว่าประโยคนี้ไม่ใช่เหมือนการขอร้องแต่เป็นการข่มขู่เสียมากกว่า
เฮ้อ แต่ถ้าลบเนื้อหาไร้สาระออกไป ก็อดไม่ได้เพราะเนื้อหามันเกี่ยวกับฉัน
「แม่ สัมผัสได้ถึงจิตสังหารเลยล่ะ」
「ท่านแม่ นั่นสินะ หนูเองก็พอจะเข้าใจความรู้สึกนั้นเลยล่ะ」
ในช่วงเวลานี้ทั้งสองกำลังปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
ลูน่าถามเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นบางอย่าง
「ท่านพ่อได้บอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ไหมคะ?」
ท่านพ่อจะทำปฏิกิริยายังไง ตอนนี้ลูน่าอยากรู้สิ่งนั้นมากกว่า
แม่ก้มหน้าถอนหายใจราวกับจะบอกว่าเธอผิดหวัง
「ดูเหมือนว่าจะสนิทจนหยั่งรากลึกจนไม่สามารถถอนตัวได้แล้วล่ะลูน่า ตอนนี้ท่านพ่อทำอะไรไม่ได้เลยลูก มีจดหมายพร้อมคำขอโทษจากจิลล์เขียนมาให้พวกเราด้วย」
ฮ่าาา~ครั้งต่อไปที่กลับถึงบ้านต้องพ่อต้องขยันทำการบ้านหน่อยแล้วล่ะ มิฉะนั้นท่านแม่โกรธไม่หายแน่นอน แม้แต่ฉันที่เป็นลูกสาวยังถอนหายใจเลย
พวกเราพยายามอย่างหนักไปเพื่ออะไร?
มีเพียงแค่หนึ่งหรือสองวิธีเท่านั้นแหละที่ทำให้ผู้หญิงอย่างเราๆรู้สึกดี
ไม่ซื้อของแพงๆก็ขยันทำการบ้านกับท่านแม่หน่อยนะ
ในขณะจินตนาการใบหน้าของท่านพ่อที่จะโดนท่านแม่ดุด่าแล้ว
「อ่า ถ้าพูดถึงเรื่องจัดงานแล้วมีคำขอหนึ่งที่หนูอยากจะถามท่านแม่」
「อะไรเหรอจ้ะ?」
ในที่สุดท่านแม่ก็เงยหน้าขึ้นและมองมาทางฉัน
「หากจะจัดงานเปิดตัวในปราสาท มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการประกาศการหมั้นโดยที่ไม่ถามความยินยอมจากฝ่ายเราเลย หนูอยากให้ท่านแม่ประกาศให้ขุนนางทราบทั่วกันเลยค่ะ ว่าไม่มีการตกลงอะไรแบบนั้น」
「ต่อสาธารณะชนเลยเหรอ?」
「ใช่ค่ะ ถ้าหนูอยู่ในมุมฝ่ายตรงข้ามหนูก็จะทำเหมือนที่ราชินีทำ」
ภายในปราสาทเป็นอาณาเขตของอีกฝ่าย
ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะได้รับอนุญาตให้ทำบางสิ่งบางอย่างเป็นการบังคับแน่นอน
ในความเป็นจริงมีห้องโถงอเนกประสงค์ในคฤหาสน์ที่สามารถใช้จัดงานได้ ถ้าเป็นงานขนาดกลางและในตอนแรกพวกเราคิดว่าจะเชิญขุนนางแถวบ้านเรามาร่วมงานที่บ้าน
แต่ว่า หากพวกเราต้องไปเช่าสถานที่ในปราสาท พวกเราจะต้องจัดงานใหญ่กว่าปัจจุบันอย่างมาก
ท้ายที่สุดถ้าราชวงศ์มาร่วมทั้งครอบครัว ฝ่ายนี้ก็จะเสียเปรียบขั้นสุด
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเราจะไม่ผูกมัดกับใคร แต่ว่าก็ต้องเข้าร่วมในสิ่งที่สำคัญต่อประเทศเช่นกัน
เมื่อพูดถึงเรื่องการเงินแล้วท่านแม่ไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่
ตระกูลมาร์ควิสของเรานั้นมีเงินพอสมควร แต่ถ้าเงินหมด ก็ไปยืมจากทางตระกูลดยุคเวลซัคได้ เพราะฉันได้ทำสัญญาพันธมิตรกันแล้ว
ปัญหาคืองานเปิดตัวที่จะจัดขึ้นในปราสาทมันจะมีพวกดยุคอื่นๆมาด้อยค่าว่าตระกูลเราไม่มีเงินจัดงานใหญ่ๆและอาจจะเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
ขุนนางนั้นห่วงเกียรติยศมาก
แน่นอนว่ามีขุนนางเส็งเคร็งที่หมดหวังจะร่ำรวยด้วยตัวเอง แต่ขุนนางส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเกียรติยศมากกว่าเงิน
เพราะถ้าพวกขุนนางไม่ชอบ ก็จบกัน
ยิ่งไปกว่านั้นหากเขาจะให้ลูน่ายืมห้องโถงของปราสาทสำหรับงานเปิดตัวแม้ว่าพวกเราจะไม่มีความสนิทสนมกับทางราชวงศ์ เรียกได้ว่าเป็นการอุปการะครั้งใหญ่และเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนที่ฉลาดจะมองเห็นพวกเราเป็นข้าราชบริพารของพวกเขา
ดังนั้นถ้ามีก็เป็นเรื่องปกติที่จะอยากกู้ยืม
ดยุคคนอื่นๆก็คิดว่าในงานเปิดตัวของลูกสาวควรลงทุนให้มากที่สุดเพื่อลูกสาวประสบความสำเร็จ
หากเราขอให้ตระกูลเวลซัคช่วยในเรื่องการเงิน ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการเป็นปฏิปักษ์กับตระกูลอื่น
พวกเราเป็นตระกูลมาร์ควิสอยู่แล้ว และมันยากมากหากมีรอยร้าวระหว่างขุนนางเกิดขึ้น
เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นซาราเอล่าได้แต่ถอนหายใจและมองไปยังลูกสาวสุดที่รัก
「เข้าใจแล้วล่ะลูก แต่คิดดีแล้วเหรอ? ถ้าเป็นคู่หมั้นของเจ้าชายจะเหมือนลูกตกถังข้าวสารเลยนะ」
「ไม่มีปัญหาค่ะ ประกาศให้แข็งกร้าวเลย ถ้าเป็นเด็กที่เอาแต่ใจแบบนั้นมันไม่ใช่รสนิยมหนูเลยค่ะ และหนูเองก็ไม่ได้ชอบที่จะไปยุ่งกับพวกราชวงศ์ พอจะเข้าใจไหมคะ?」
ลูน่าพูดด้วยท่าทางพอใจ「อย่าให้หนูพูดอะไรที่มันแน่นอนอยู่แล้วสิคะ」
ท่านแม่เองก็พูดว่า「สมแล้วที่เป็นลูกสาวของแม่」
ตอนนี้การมาเป็นคู่หมั้นจากเด็กบ้านนอกแบบนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอกใช่ไหมล่ะ
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่อยากจะไปยุ่งกับพวกเด็กแก่แดด ลูน่ารู้สึกขยะแขยงมากจนเธอไม่รู้สึกต้องแต่งงานด้วยเหตุผลทางการเมืองด้วยซ้ำ
หากเป็นกรณีนี้ ไม่มีทางที่แม่จะพรากความปรารถนาของลูกสาวคนเล็กของเธอ
「เข้าใจแล้ว ถ้างั้นฉันจะบอกเกี่ยวกับพวกขุนนางที่เกี่ยวข้องให้」
「ขอบคุณค่า ท่านแม่ผู้น่ารัก และก็หากพวกเราจะจัดงานเปิดตัวที่เมืองหลวงนั่นหมายความว่าพวกเราต้องอยู่เป็นเวลานานใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นหนูขอพาคนของหนูมาเป็นคนคุ้มกันได้ไหม?」
「แน่นอน ภารกิจหลักของพวกเขาคือการปกป้องลูก ดังนั้นเป็นหน้าที่ตามปกติที่พวกเขาจะต้องไปพร้อมกับลูก」
คำพูดของแม่บอกว่ากองกำลังพิทักษ์นางฟ้า ซึ่งเป็นหน่วยรบทางอากาศ ก่อตั้งขึ้นในแง่ที่ว่าเป็นกลุ่มทหารที่ปกป้องลูน่าโดยเฉพาะ และสถานการณ์ปัจุบันที่ลูน่ากำลังเลี้ยงดูและดำเนินการเป็นกองทัพส่วนตัวของเธอเองนั้นผิดปกติ
ลูน่ายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “มีหนึ่งหรือสองสิ่งที่ฉันลืมไป” และเล่นผมของเธอ
ณ จุดนี้ใบหน้าของท่านแม่ก็ดูเข้มงวดขึ้นมาทันที
「ลูน่า ข้อตกลงกับครอบครัวขุนนางถ้าทำพลาดเพียงเล็กน้อย อาจถึงการล่มสลายของเราเลยนะ」
「ค่ะ ท่านแม่」
เมื่อพูดถึงคำพูดของหญิงสาวที่ผ่านสังคมขุนนางมานาน แม้แต่ลูน่าก็ได้แต่รับฟัง
ราชินีเอลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยมีประวัติการต่อสู้อันยิ่งใหญ่
ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นทั้งนักบุญดาบและสิงโตทองคำแห่งอัลฟิเลีย
แต่ว่าแม่ของฉันเองก็ไม่แพ้กัน
แม้แต่ท่านแม่ซาราเอล่าซึ่งถูกเรียกและกลัวว่าเป็นปีศาจสีเงิน
ลูน่าภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของท่านแม่ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นเสือที่มีเขี้ยวเล็บ และเธอก็คงจะมีความมุ่งมั่นเช่นกัน
ฉันจะจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าลูกสาวของซาราเอล่า ผู้นี้น่าเกรงกลัวเพียงใดในสมองของขุนนางทุกคนในอัลฟิเลีย
เธอกำหมัดแน่นด้วยมือที่เล็กของเธอ
เธอและแม่วางแผนจะต่อต้านราชินี