[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว - ตอนที่ 56 - 033:แผนการฝึกนักบุญ⑩ เขาวงกตแห่งความมืดมน บทท้าย
- Home
- [นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
- ตอนที่ 56 - 033:แผนการฝึกนักบุญ⑩ เขาวงกตแห่งความมืดมน บทท้าย
033:แผนการฝึกนักบุญ⑩ เขาวงกตแห่งความมืดมน บทท้าย
――โบดอนดอนดอนดอน。
ความรู้สึกกดดันเหมือนเสียงที่ก้องกังวานไปทั่วทั้งร่าง
อากาศอันเยือกเย็นไหลผ่านร่างกายของผู้คนที่มาเยือนชั้นที่สามราวกับจะต้อนรับพวกเขา
「――อาาา ช่างเป็นร่างที่ชวนให้คิดถึงจริงๆ」
ท่านพี่ที่เป็นผู้นำเมื่อเห็นมนุษย์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของขอบเขตการมองเห็น
ตรงนั้นมีอัศวินหัวขาดที่ปกคลุมไปด้วยชุดเกราะสีดำสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้า
คอของเขาอยู่ภายใต้รักแร้และ เขาดึงดาบยาวออกมาจากเอวชี้มาที่ท่านพี่
「ทำได้ดีมาก เหล่าผู้ที่ได้รับพรของเทพเจ้า」
อัศวินตนนั้นทักทายด้วยน้ำเสียงคุ้นเคย
「จากนั้นเพื่อเป็นบททดสอบสุดท้าย จงสังหารข้า!」
「ถ้าอย่างนั้นก็จะลุยแล้วนะ」
ท่านพี่ประกาศและพื้นก็ถล่มลงมา
ภาพติดตาของท่านพี่ได้มลายหายไป
「หาาาาาา?!」
「จะฆ่าแกตราบเท่าที่แกจะพอใจเลย」
โป๊ะค่าน!
นิ้วที่บอบบางของท่านพี่ได้กดเข้าไปในชุดเกราะ
จากนั้นก็เกิดเสียงคำรามสนั่น
ทันทีที่ “พยัคฆ์จู่โจม”ถูกใช้งานหน้าท้องของชุดเกราะก็พังทลายลง
ร่างกายที่โดนแรงกระแทก แต่เขายื่นคุกเข่าเพื่อไม่ให้ร่างกายทรุด
「วิชานี่มัน……」
ชุดเกราะสีดำสนิทต่างร่างกายบิดเบี้ยวพร้อมกับส่งเสียงออกมา
ในมือของเขามีดาบยาวน่าขนลุก
「หืมมม ฝีมือยังไม่ตกเลยงั้นเหรอ」
「หนอยแน่!!」
อัศวินไร้หัวคนนั้นฟันดาบออกมาใส่เธอ
เธอโบยบินไปในอากาศและหลบคมดาบที่ฟันมาอย่างรวดเร็ว
ท่านพี่ลงจอดบนพื้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังสนั่น
อัศวินจ้องมองแขนขาของท่านพี่โดยที่ทำสีหน้าขมวดคิ้วภายใต้เกราะเหล็ก
「เธอเป็นใครกันแน่?」
「หากจะถามชื่อผู้หญิงแล้วล่ะก็เป็นเรื่องธรรมชาติไม่ใช่เหรอที่ฝ่ายชายจะต้องแนะนำตัวก่อน」
พวกเรามีระยะห่างเพียงพอที่จะแลกเปลี่ยนคำพูดกัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาอยู่นอกระยะการโจมตีของกันและกัน พวกเขาจึงไม่พูดอ้อมค้อม
ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงพูดคุยด้วยท่าทางสบายๆ
ท่านพี่ยักไหล่เล็กน้อย และจากนั้นอัศวินไร้หัวก็หันมามองทางเธอ
「อ่าา นั่นสินะข้าลืมตัวซะสนิทไปเลย ท่านคุณหนูสุดสวย ข้าชื่อซูเรย์ บางครั้งทุกคนก็เรียกข้าว่าดูลาฮาลไร้หัว แต่นั่นเป็นชื่อที่มนุษย์ตั้งให้ นอกจากนี้ ม้าสุดที่รักของข้าเองมันก็ตายไปแล้วในอดีต คงไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้วล่ะ」
「อ่า ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ」
เธอตอบพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย
「ท่านฟลอรีน(Fräulein)คนนี้ ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครกันแน่?」(TN.ฟลอรีน เป็นคำเรียกสำหรับคุณหนู ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงานในยุคหลังสงครามโลก เป็นภาษาเยอร์มันเด้อ)
「ไม่เลย จะอยากรู้ไปทำไมล่ะ? ดิฉันก็แค่สาวน้อยตัวเล็กๆ อายุสิบสองปีเท่านั้นเอง」
「……แต่ท่าทางของคุณหนูจะไม่ดูหยาบคายเกินไปเหรอ」
「อย่ามาว่าฉันหยาบคายสิ โอ้…นั่นสินะ――」
ลูน่าซึ่งสวมเสื้อคลุมสั้นสีน้ำตาลอ่อนทับลุคสมัยมัธยมต้นของเธอและซุกแขนไว้ในอ้อมแขนดึงก้อนเล็กๆของลูกตะกั่วออกมาจากกระเป๋าที่ติดอยู่กับเข็มขัดคาดเอวของเธอและสะบัดนิ้วของเธอขึ้น
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ หมวกสีดำสนิทที่ถูกถือเอาไว้ก็ตกลงมากระแทกกับพื้น
「อย่ามาดูถูกฉันดีกว่านะ เพราะมันทำให้ฉันหงุดหงิดสุดๆไปเลยวะ」
เขาเหลือบมองลำตัวที่กระตุกพร้อมกับคว้าศีรษะที่อยู่บนพื้นแล้วโยนมันเข้าหาตัวเอง
ราวกับว่าเธอกำลังเล่นไล่จับกับเพื่อน
「เข้าใจแล้ว」
เขาคว้าศีรษะของเขาถือไว้ใต้รักแร้ไว้อย่างง่ายดายและจับมันมาไว้ข้างตัว ขณะที่ส่งเสียงชุดเกราะสีดำสนิทก็หัวเราะออกมา
ลูน่าบอกว่า「ไหวพริบดีนี่ ทำแบบนั้นได้ด้วยสินะ」
「แต่ไม่ว่ายังไง รู้ว่าความสามารถของเธอนั้นอยู่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปเห็นทีข้าคงต้องเอาจริง」
「เพราะงั้นทำเช่นนั้น ถ้าออมมือให้ฉัน ฉันคงฆ่าไม่ลงแน่ๆ」
「ช่างเป็นสาวน้อยที่หยาบคายจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็มาเจอกันหน่อย!!」
「เพราะงั้นอย่าได้ลังเลเชียวล่ะ!!」
ด้วยเสียงหินกรวดที่แตกกระจายในวินาทีถัดมาทั้งสองก็พุ่งเข้าหากันแล้ว
คมดาบฟาดฟันใส่พื้น และฝ่ามือเล็กๆก็กระแทกเข้าไปที่หน้าอกของชุดเกราะทำให้เกิดรูขนาดใหญ่
「ยัช!」
「ถ้าเอาชนะฉันไม่ได้ก็จะโดนดีแบบนี้แหละ!」
ในขณะที่เขาดึงดาบที่ติดหินออกมาด้วยแรงคราวนี้เขาก็ฟันเป็นแนวนอน
เขาเหวี่ยงคมดาบเป็นวงกว้าง ฟันเธอด้วยดาบด้วยความเร็วและเธอก็เตะมันด้วยเท้าราวกับจะพุ่งผ่านช่องว่างในรักแร้ของชุดเกราะของเขา
เสียงดังปังและแขนสีดำสนิทข้างหนึ่งถูกตัดออกจากฐานและบินขึ้นไปในอากาศพร้อมกับดาบที่เขาถืออยู่
เมื่อถึงเวลาเสียงโลหะหนักสะท้อนบนพื้นทั้งสองฝ่ายก็เข้าหันหน้ากันในระยะไกลแล้ว
「ท่าทางผิดปกติการเคลื่อนไหวนั่นคืออะไร ถ้าไม่พอใจจะลองอีกสักครั้งก็ได้นะ?」
「อย่ามาพูดบ้าๆ——-อย่างงั้นเองเหรอ พอจะมีความคิดคร่าวๆแล้วว่าคาดหวังอะไรอยู่ เธอน่ะ….เป็น “หมอนั่น” เหรอ?」
「พูดบ้าอะไรของนายกันน่ะ」
ลูน่าโพล่งออกมา
ในทางกลับกันชุดเกราะสีดำหัวเราะขณะลดไหล่ลงเล็กน้อย
「โอ้ ถ้าอย่างงั้นจะบอกสิ่งหนึ่ง ข้าน่ะเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ว่าพอจะข้ามแม่น้ำซันสึ ดังนั้นจึงข้ามไม่ได้ เลยได้ฝึกวิชาต่อสู้เพื่อก้าวข้ามอมตะ」
「หา เคยตายแล้ว「ในที่สุดก็ได้ไปหาภรรยาสักทีแล้วล่ะนายน่ะ」พูดอะไรแบบนั้นน่ะ?」
ดูเหมือนท่านพี่จะไม่สนใจหกคนที่เหลืออยู่ทางด้านหลังแล้วสินะเนี่ย
อัศวินไร้หัวหรือที่รู้จักกันดูลาฮาล คิดครู่หนึ่งก่อนจะพูด
「นั่นคือสิ่งที่คิดตอนที่กำลังจะตาย อย่างไรก็ตาม เมื่อพยายามจะข้ามยมโลก ก็มีแต่เส้นทางนองเลือดไม่ว่าจะไปไกลสักแค่ไหน หากเป็นยังงั้นถ้าข้ามมันไปไม่ได้ก็ต้องหาวิธีฆ่าอมตะให้ตาย ดังนั้นฉันเลยวกกลับมา…….ในตอนแรกฐานะอันเดด ข้าไม่ตายง่ายๆถ้าได้กินเลือดเนื้อจะเติบโตขึ้น」
「ไอ้ปัญญาอ่อนนี่!」
ลูน่าตะโกนโดยไม่ตั้งใจ
ลูน่านั้นเป็นเพื่อนในชาติก่อนของเขา
ศัตรูตัวฉลาจที่ควรเป็นเพื่อนและในขณะเดียวกันก็เป็นคู่แข่งกัน
ในที่สุดพวกเขาก็ต้องห่ำหั่นกันด้วยเหตุผลนี้ลูน่าเป็นฝ่ายที่ชนะ
แต่ว่าแม้เขาจะตายไปแต่ก็ไม่สูญเสียจิตใจที่มุ่งมั่นในการต่อสู้
เขาจ้องมองหญิงสาว
「และข้าที่จงรักภักดีต่อท่านจอมมารมาตลอดก็ได้กลับมามีกายเนื้ออีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ถ้ำที่ถูกสร้างขึ้นโดยกลอุบายของคนที่ถูกสาปแช่งซึ่งตอนนี้เป็นหัวหน้าเสนาธิการกองทัพของจอมมาร」
บางทีอัศวินอาจมีอย่างอื่นในใจของเขา
เขาใช้วลีดังกล่าวเล่าถึงที่มาอยู่กองทัพจอมมาร
ลูน่าคิดครู่หนึ่งแล้วหายใจออกอย่างหนัก
「แม้ว่าจะอยากจะบ่นผู้หญิงที่ถูกสาปหรือสิ่งอื่นๆซะอีก?」
――ผู้ที่สามารถเรียกได้ว่าอันเดดนั้นอยู่นอกวงจรกับชาติมาเกิดของวิญญาณ
ไม่ หากเป็นอันเดดระดับต่ำ เช่นซอมบี้หรือสเกลตัน พวกมันจะสามารถูกชำระล้างและถูกปลดปล่อยได้
แต่ว่าหากแวมไพร์ เป็นต้นไป ชะตาชีวิตของพวกเขานั้นค่อนข้างลำบากการจะตายนั้นยากมาก
กล่าวอีกนัยหนึ่งการทำลายล้างนั่นหมายถึงการบดขยี้ดวงจิตของเห่ลาอันเดดไปด้วย
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการจะตายนั้นยากลำบาก เพราะฆ่าไม่ตาย
เขาที่ควรจะตายเพราะโดนลูน่าฆ่าในชาติก่อน แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ตายจริงๆ
นั่นเป็นเหตุผลที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม มีส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้
เดินทีเขาไม่ใช่ประเภทที่จะเชื่อฟังใคร และยอมนำทัพใคร
และเขาซ่อนตัวอยู่ในถ้ำนี้ด้วยเหตุผลอะไร
สิ่งเดียวที่นึกออกนั่นก็คือปีศาจที่อยู่ในเกมจีบหนุ่มที่ถูกสร้างขึ้นอย่างผิดแปลก และมีส่วนร่วมกับการรุกราน
เมื่อห้าปีที่แล้ว ในพื้นที่ของใต้ดินโบสถ์ร้าง มี เบเลียล หนึ่งในสี่จตุรอาชาของกองทัพจอมมาร นี่คงไม่เป็นเช่นนั้นหากเนื้อเรื่องนั่นเป็นเรื่องโกหก แต่อย่างน้อยดูเหมือนว่าเธอก็ไม่คิดว่าเขาจะโกหกตัวเองในฐานะสมาชิกกองทัพของจอมมาร
และแม้ว่าจะไม่ใช่สี่จตุรอาชา แต่ข้อเท็จจริงบางประการก็ได้รับการยืนยันแล้วว่ามีตัวเป้งของกองทัพจอมมารอยู่ที่นี่
กล่าวคือ ไม่ว่าจอมมารหรือใครก็ตามต้องมีใครสักคนรู้เกี่ยวกับ “เกมจีบหนุ่ม” ก็มุ่งมั่นจะทำลายดินแดนของดิแซคและพื้นที่โดยรอบอย่างสมบูรณ์ด้วยการบุกรุกของปีศาจที่ผิดปกติควรจะเกิดขึ้น…. ซึ่งมันจะเกิดขึ้นในปีนี้ แต่ว่าไม่สามารถเอาสี่จตุรอาชามาเป็นเบี้ยได้
ดูเหมือนว่าพ่อแม่ของลูน่าเองก็กำลังเตรียมการอย่างรอบคอบและพิถีพิถัน ราวกับว่าพวกเขากำลังหาทางจัดการ
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้านั่นยังพูดถึง「หญิงที่ถูกสาป」
หากแผนลับถูกจัดขึ้นโดยจอมมารตรงเขาจะเชื่อฟังและพลีชีพได้อย่างมีความสุข อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงก็มีการผูกใจเจ็บ
บทสนทนาที่มาจากการพูดคุยเรื่อยเปื่อย
กล่าวอีกนัยหนึ่งมันบอกได้ว่ามีตัวตัวแปลกปลอมที่เข้ากันไม่ได้กับลูน่าแอบแฝงอยู่ ซึ่งสามารถแทรกแซงการตัดสินใจของจอมมารได้
ในกรณีนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่จะดึงเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกัน
แต่ชุดเกราะสีดำก็พูดขึ้น
「ข้าเองก็พูดไม่ได้…..ลองเดาดูสิ」
「เฮ้อ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าพูดสิ」
ลูน่ากลับมากำหมัดแน่น
「ไม่พูด」ไม่สิ「พูดไม่ได้มากกว่าสินะ」ประมาณนั้น
ควรสันนิษญานว่าพวกเขาน่าจะทำพันธสัญญาอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เปิดเผยความลับภายในกองทัพ
หากต้องปกป้องมันในระดับนั้น ก็ค่อนข้างโล่งใจแล้วว่าน่าจะใช่
แต่แล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องโต้เถียงกับเขาอีกต่อไป
ลูน่าตัดสินใจและยืนหยัด
「สหายของฉันชูเรย์ ฉันจะนำพาหายนะมาแก่เจ้า เจ้าจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน มีอะไรอยากจะสั่งเสียไหม」
「ไม่มีอะไรที่จะทำให้ข้าสามารถคายความลับออกมาได้หรอก และข้าไม่เสียใจด้วย」
「ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันจะทำให้คายออกมาเอง!」
จากนั้นชายคนนั้นจับศีรษะไว้ข้างหนึ่งและ
ในขณะที่ชุดเกราะสีดำสนิทลดมือสีขาวมากกว่าหนึ่งโหลก็งอกขึ้นจากไหล่ของเธอและมันก็เข้าโจมตีเธอทันที
ในทางกลับกันลูน่ามีปีกสีขาวบริสุทธิ์สามคู่ปรากฏขึ้นบนหลังเธอ
เสียงแหลมสูงดังก้องวงแหวนสี่วงปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของผมมันวาวที่เปล่งประกายแสงสีทองและเมื่อเธอยกกำปั้นที่กำแน่นและวงแหวนก็เคลื่อนที่ไปยังแขนของเธอ
ลูน่าดึงกำปั้นของเธอกลับในขณะที่วงแหวนบนแขนของเธอขยายใหญ่ขึ้น
「ซาโยนาระ!!」
ผมสีทองล่องลอยเหมือนกับหาง
กำปั้นที่กำแน่นถูกผลักไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมดเท่าที่จะทำได้
แสงสว่างประกายเต็มพื้นที่
เสียงทุกอย่างหายไป และแม้แต่เงาของผู้คนที่อยู่ภายในนั้นก็หายไป
――กิวววววววว!!!!
เสียงคำรามดังขึ้นมาช้าหน่อย
แสงมาบรรจบและหายไปในที่สุด
กล่าวโดยย่อ อันเดดนั้นอาบแสงศักดิ์สิทธิ์จะมลายหายไป
เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าหากมีพลังที่เหนือมากเกินไปอีกฝ่ายจะถูกบดขยี้
จากนั้นร่างของอัศวินไร้หัวก็หายไปจากโลกแห่งนี้
ในความมืดที่เงียบสงบที่เหลืออยู่ หญิงสาวซึ่งผมกลับมาเป็นสีเงิน กลับเงยหน้ามองขึ้นบนท้องฟ้าโดยไม่พูดอะไร