[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว - ตอนที่ 47 - 024:แผนการฝึกนักบุญ① ภาคบรรยาย
- Home
- [นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
- ตอนที่ 47 - 024:แผนการฝึกนักบุญ① ภาคบรรยาย
024:แผนการฝึกนักบุญ① ภาคบรรยาย
ในวันนี้ฉันได้เห็นภาพอันแสนอัศจรรย์
「ตรงนั้นน่ะ !! พลังปราณปั่นป่วนหมดแล้ว ! ! ตั้งใจมากกว่านี้และสังเกตรอบข้างซะ!!」
「ไฮ่!」
ตอนนี้ฉันกำลังเห็นมนุษย์บินอยู่บนท้องฟ้า
พวกเขาบินด้วยความเร็วสูงและสามารถหลบหลีกได้ตามต้องการ
ในคฤหาสน์ของมาร์ควิสดิแซค มีสถานที่ๆเรียกว่า “สนามฝึก”
ที่นี่ เหล่าชายชาตรีต่างขานรับท่านพี่ลูน่า เริ่มต้นด้วยการสาธิตศิลปะการต่อสู้และการทำสมาธิแบบเซ็น ขณะที่พวกเขากำลังบินไปบนท้องฟ้า
เมื่อฉันถามว่าพวกเราเป็นนักเวทย์งั้นเหรอท่านพี่ก็ตอบกลับทันทีว่า「พลังปราณ」
เห็นได้ชัดว่ามนุษย์สามารถโบยบินไปบนท้องฟ้าได้ตราบเท่าที่พวกเขารู้สึกพึงพอใจ
「เผ่าพันธุ์มนุษย์ถูกออกแบบมาให้แข็งแกร่งมาตั้งแต่แรกเริ่ม เพียงแต่สิ่งเหล่านั้นจางหายไปเพราะมันไม่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นถ้าผลักดันตัวเองไปถึงจุดหนึ่งก็จะสามารถทำแบบนั้นได้」
เธอกล่าวเช่นนั้น
อืม แต่ยังไงก็ตาม ท่านพี่จะสอนวิธีบินให้ฉันได้ใช่ไหม
ฉันเองก็จะถูกผลักดันให้เป็นแบบนั้นเหรอ? เป็นการฝึกหฤโหดขนาดไหนกัน……。
ฉันเป็นสาวน้อยอายุสิบสองปีตามปกติทั่วไป อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
「――ในตอนแรกพลังปราณก็คือ “พลังงานจลน์” ตั้งแต่สมัยโบราณ ว่ากันว่ามังกรอาศัยอยู่ในน้ำตก แต่มังกรเป็นคำแสดงที่มาของพลังปราณ และชีพจรมังกรนั้นหมายถึงการไหลเวียนของพลังปราณใต้ดวงดารา
ตัวอย่างเช่น หากหยิบก้อนกรวดขึ้นมาแล้วปล่อยมือ มันก็จะตกลงสู่พื้น
ในเวลาเดียวกันก้อนกรวดที่ตกลงสู่พื้นจะโดนแรงดึงดูดของโลกและได้รับพลังงานจลน์ เมื่อวัตถุ C เคลื่อนจากจุด A ไปยังจุด B พลังงานจะถูกสร้างขึ้นตามปริมาณการเคลื่อนไหวและมวลของมัน
กล่าวอีกนัยหนึ่งพลังงานจลน์ของน้ำที่ไหลมาจากข้างบนจะสะสมลงในแอ่งน้ำ
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมพลังปราณแถบน้ำตกถึงได้สูงกว่าที่อื่นๆ เพราะว่ากันว่ามีมังกรอยู่
นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมสิ่งมีชีวิตทางจิตวิญญาณหรือภูตผีจึงมักรวมตัวกันอยู่ที่แอ่งน้ำตก
ร่างกายทางวิญญาณนั้นไม่มีอวัยวะหรือร่างกายสำหรับรับพลังปราณ ดังนั้นถ้าไปอยู่แถวๆแอ่งน้ำตรงน้ำตกก็จะทำให้สามารถรับรู้ถึงพลังปราณได้มากขึ้น」(TN:ไปทางวิทย์ซะแล้ว)
ท่านพี่ลูน่ามองผู้คนที่บินไปบนท้องฟ้าขณะที่ตัวเองกระโดดไปมา
ก่อนที่เธอจะแสดงตัวอย่างให้ดู เธอก็บรรยายายเกี่ยวกับสิ่งต่างๆให้ฉันฟัง ก่อนจะจากไป
「พลังปราณจะถูกรวบรวมไปที่ส่วนล่างภายใต้สะดือซึ่งมันจะไปสะสมอยู่แถวๆท้องน้อยของเรา การทำให้พลังปราณไหลเวียนไปทั่วร่างเป็นพื้นฐานของการฝึก และยิ่งเจาะลึกลงไปมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายได้มากเท่านั้น การเสริมพลังกายจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของเธอ หากเธอฝึกควบคุมพลังปราณอยู่ตลอดเวลา
ในความเป็นจริง เธอจะต้องอยู่ในสภาวะที่สามารถควบคุมพลังปราณได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง โดยไม่ให้การไหลเวียนนั้นหลุดหรือขาดตอนแม้เพียงเสี้ยววินาที แต่ฉันไม่ได้ขอให้เธอไปถึงขั้นนั้น
ไม่ว่าจะใช้พลังปราณเพื่อจุดประสงค์ใด ก็จะไม่สามารถดึงมันออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากพลังกายของพวกเราไม่เพียงพอ สมมติว่าเราเก่งในด้านพลังปราณแต่พลังกายของเราต่ำ มันก็เหมือนกับคณิตศาสตร์ที่ ศูนย์คูณอะไรก็ได้ศูนย์ เพราะแบบนั้นพวกเราจึงต้องฝึกไปพร้อมๆกัน」
เธอยังกล่าวอีกว่า
「เมื่อคนส่วนใหญ่เห็นผู้คนบินไปบนท้องฟ้า ก็จะมักคิดอยู่เสมอว่าเป็นนักเวทย์ แต่ว่าในแง่ของการเรียนรู้และความง่ายในการใช้งาน การบินด้วยพลังปราณนั้นง่ายกว่าและปรับใช้ได้ง่ายกว่ามาก กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากต้องการต่อสู้บนท้องฟ้าการใช้พลังปราณในการบินจะสะดวกกว่าในหลายๆความหมาย」
เอ่อนี่ยัดเยียดเกินไปรึเปล่านะ?
ฉันไม่รู้อะไรเลยนอกหัวเราะแห้งๆออกมา
「เอ่อถ้าอธิบายตอนนี้คงจะยุ่งยากเสียมากกว่า ถึงอธิบายมากเกินไปก็คงจำไม่ได้ และถ้าเข้าใจได้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายตั้งแต่แรก
เอาแบบง่ายที่สุดคือพลังปราณสามารถเข้าใจได้ด้วยสัญชาตญาณได้มากกว่าตรรกะ ดังนั้นหากฝึกฝน ก็จะเข้าใจได้ด้วยตัวเอง
ฉันแค่อยากให้เธอจะได้มาหาฉันบ่อยๆจุดประสงค์ในตอนนี้ก็คือการทำให้เธอบินไปกลับได้เท่านั้น」
เธอหัวเราะ
เธอบอกว่าฉันว่า ฉันควรจะออกกำลังกายให้มากกว่านี้
「เมื่อถูกผลักดันไปถึงขีดจำกัด ก็ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดใดๆอธิบาย ถ้าให้พูดอย่างเคร่งครัดเป็นเพียงว่าสมองไม่สามารถประมวลผลข้อมูลที่มอบให้ได้ดังนั้นจึงไม่ได้มาเป็นคำพูด แต่ในแง่ของเสียงจะได้ยินเหมือนหูแว่วประสาทหลอนนั่นแหละ ขึ้นอยู่กับความเร็วในการเรียนรู้ของตัวเธอเองว่าจะทำให้ร่างกายจดจำได้มากแค่ไหน ดังนั้นฉันจะขอให้เธอฝึกอย่างหนักจนร่างกายมันจำฝังเข้ากระดูกดำด้วยเวลาที่มีอันน้อยนิด」
ฉันเคยลองถามแล้วว่าอะไรที่รบกวนใจเธอ นั่นก็คือ เรื่องเวลาที่ไม่สามารถฝึกฉันได้มากพอ
「อืม ท่านพี่ ทำไมถึงสอนเรื่องเล่านี้ให้กับฉันงั้นเหรอคะ?」
「ทำไมน่ะเหรอ?」
「ท้ายที่สุดแล้วฉันก็เป็นนางเอกของเรื่องนี้ และท่านพี่ก็เป็นนางร้ายของเกมนี้ ท่านพี่ควรจะเป็นฝ่ายบดขยี้ฉันให้หายไปจากเนื้อเรื่องแล้วหลีกเลี่ยงธงหายนะที่เข้ามาท่านพี่ แต่ว่าท่านพี่กลับทำทุกอย่างตรงกันข้าม……」
เธอยิ้มและตอบกลับด้วยใบหน้าครุ่นคิด
「เกมจีบสาว อืม…….เธอรู้ไหมสิ่งนั้นน่ะฉันไม่ได้คิดเกี่ยวกับมันมากนักหรอก
นี่เป็นเพราะว่าเธอเป็น “เด็กที่เกิดมาเพื่อเป็นนางเอก” และฉันก็เป็นเพียง “เด็กที่เกิดมาเพื่อเป็นนางร้าย”
พูดตรงๆ ถ้าเราไม่เล่นไปตามเกม เกมก็จะไม่ดำเนินเหตุการณ์ไปตามนั้นยังไงล่ะ
ฉันทดลองและพิสูจน์มันมาแล้ว
ความจริงที่ว่าเหตุการณ์ที่อธิบายไว้ในเกมพวกเราสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้ ด้วยการหาวิธีการรับมือ
นอกจากนี้แม้ว่าจะบอกให้ฉันบดขยี้เธอไป แต่นั่นก็จะทำให้ตำแหน่งลูกสาวขุนนางของฉันสั่นคลอนเช่นกัน
ถูกเนรเทศ? เธอคิดว่าฉันสามารถใช้ชีวิตคนเดียวอย่างโดดเดี่ยวในประเทศอื่นได้งั้นเหรอ?
หากจบลงที่การประหารชีวิต ก็แค่กำจัดพวกราชวงศ์ทิ้งซะให้สิ้นซาก หากจำเป็นจริงๆฉันก็จะลบอาณาจักรอัลฟิเลียนี่ทิ้งเลยเพื่อความอยู่รอดกับตัวเอง
สิ่งเดียวที่สำคัญสำหรับฉันคือฉันมีเหล่าทหารที่ฉันฝึกมาด้วยตัวเองกับมือ
หากใครคนใดที่เชี่ยวชาญมันมาตลอดชีวิตก็ต้องอยากเผยแพร่และสอนผู้อื่นเป็นธรรมดา
ฉันอยากจะพิสูจน์ว่าชาติที่แล้วฉันไม่ได้ตายอย่างสูญเปล่า
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าฉันอยากสั่งสอนทุกคนให้รู้จักพลังปราณและส่งต่อให้กลับคนที่สามารถสืบทอดมันได้
ถ้ามีใครที่สามารถไปถึงจุดสูงสุดได้มากกว่าตัวฉัน ฉันเองก็คงจะยินดีให้กับพวกเขาจริงๆ
ผู้คนสักวันหนึ่งก็ต้องตาย ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ต้องตาย ตายจากการโรคภัยไข้เจ็บหรือตายจากสนามรบ? ไม่รู้หรอกว่าความตายแบบไหนจะเยือนแต่สักวันทุกคนก็ต้องตายอยู่ดี
เมื่อตาย มันคือจุดจบของชีวิต พวกเขาตายไปโดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำมาในชีวิตนั้นสูญเปล่าหรือไม่
แต่ว่าหากอย่างน้อยสิ่งที่ฉันร่ำเรียนมาถูกถ่ายทอดออกไปให้คนรุ่นหลัง อย่างน้อยก็คิดว่าชีวิตฉันไม่สูญเปล่า
ดังนั้นฉันจึงสอน ฉันต้องการให้คนที่มากไปด้วยพรสวรรค์ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง
……กล่าวอีกนัยหนึ่งฉันอยากจะฝึกเธอให้มาสู้กับฉันก็ได้ในฐานะนางเอกของเกมจีบสาว และฉันที่ถูกเธอกำจัดไปก็ไม่เสียดายชีวิต หากเธอเป็นผู้สืบทอดวิชาของฉันไป」
มันเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างยาว และฉันไม่เข้าใจแนวคิดของเธอ
อย่างไรก็ตาม ฉันสามารถบอกได้ว่านี่คือความตั้งใจในชีวิตของเธอ
ดูเหมือนว่าในเรื่องของเกมจีบสาวเธอจะไม่สนใจอะไรนอกจากจะช่วยฉันที่เธอเรียกว่าน้องสาว
ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าชาติที่แล้วท่านพี่ของฉันทำอะไรกันแน่
「ชาติที่แล้วของฉันงั้นเหรอ? ฉันเองก็ไม่ใช่คนดีเด่นอะไรนักหรอก」
เธอหัวเราะราวกับว่าไม่อยากจะนึกถึงมัน
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกที่สนามฝึกกับท่านพี่ฉันก็ล้มลงไปนอนกับพื้นหลังจากวิ่งมาเป็นเวลานาน
เห็นได้ชัดว่านี่พึ่งแค่วันแรก ดังนั้นดูเหมือนเรื่องราวจะยังไม่จบ
หลังจากนี้ฉันก็ถูกบังคับให้วิ่งจนกว่าฉันจะหมดสติและเมื่อฉันหมดสติพวกเราก็จะมานวดผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เมื่อฉันลืมตาขึ้นมาก็เป็นวันถัดไปแล้ว