[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว - ตอนที่ 29 - 006:สั่งสอน
- Home
- [นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
- ตอนที่ 29 - 006:สั่งสอน
006:สั่งสอน
「หนอยยยยยยยยยย…………..ยัยผู้หญิงเส็งเคร็งเอ้ย อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วจะยอมนะ!!」
ชายคนนั้นที่โดนลูกเตะของลูน่าไปก็ล้มลงกับพื้น
บางทีเพราะอาจหน้าจุ่มพื้นด้วยลูกเตะที่แรงเกินไป เขาลุกขึ้นมาและจะชกใส่ลูน่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา
แต่ลูน่าจับกำปั้นของเขาไว้อย่างง่ายๆด้วยมือที่เล็กกว่าของเธอและพยายามบีบมันด้วยนิ้วอันเรียวบาง
「โอ้ยย เจ็บนะโว้ย ปล่อยนะยัยบ้านี่!」
เด็กชายคนนั้นกรีดร้องออกมาพร้อมใบหน้าที่บิดเบี้ยไปด้วยความเจ็บปวด
ลูน่าปล่อยกำปั้นของเธอที่กำหมัดเอาไว้แน่นและคว้าหน้าอกของเขาด้วยมืออีกข้างและดึงร่างกายเขาเข้ามาใกล้
ดวงตาสีฟ้าดุจน้ำแข็งของชายคนนั้นและดวงตาสีดำเข้มของลูน่ามันช่างดูเข้ากันจริงๆ
「ส่งเสียงชวนน่าหงุดหงิดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะคะ และเมื่อกี้คิดพยายามจะทำร้ายร่างกายของดิฉันด้วย ลูกผู้ชายที่ไหนเขาเอามือชี้หน้าสาวน้อยและจะชกต่อยกับเด็กสาวที่อ่อนแอกว่า? นายนี่มันสวะสังคมพ่อแม่ไม่สั่งสอนเรื่องมารยาทและการปฏิบัติตัวกับผู้หญิงงั้นเหรอคะ การกระทำของนายมันหยาบช้าที่สุดและเป็นภัยสังคมต่อเหล่ามนุษย์ผู้หญิงทุกคน เติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูแบบตามใจคิดว่าในโลกนี้ไม่มีใครขัดขืนนายได้เลยใช่ไหม โลกทัศน์ของนายมันแคบมาก หัดลืมตาดูโลกภายนอก ไอ้สาระยำแบบนายที่กล้าตบตีผู้หญิง ไร้ซึ่งทั้งมารยาท จริยธรรม หรือสติปัญญา ก็ไม่ต่างจากพวกหมาหรือแมวที่อวดเบ่งต่อหน้าเพศเมียหรอกนะ」(TN:แปลเองทำไมเจ็บเองฟะ)
「ว่ายังไงนะ……」
น้ำเสียงของลูน่านั้นเต็มไปด้วยความโกรธ
เด็กชายตระหนักได้ว่าเธอมองเห็นเขาเหมือนเศษขยะชิ้นหนึ่ง
จากนั้นดวงตาของเขาก็หมดอาลัยตายอยากอย่างชัดเจน
「ให้ฉันได้สั่งสอนนายที่แทบจะไม่มีรอยหยักในสมองบนหัวหน่อยล่ะกัน ว่าทำไมฉันถึงไม่ยอมรับนายในฐานะลูกผู้ชายให้เข้าใจได้ง่ายๆ โอไกเข้ามานี่สิ!」
「ครับ คุณหนู」
ถ้าพาเขามาที่นี่เป็นธรรมดาที่เด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกับฉันจะหวาดกลัวโอไกจนก้มจ้ำเบ้า
เธอเรียกชื่อลูกน้องของเธอ ทันใดนั้นเงาหนึ่งก็เข้ามาหาทางด้านหลังเธออย่างรวดเร็ว
「โอไก ยกแขนขึ้นแล้วโชว์ให้ดูหน่อยสิ」
「เอ่อ แบบนี้เหรอครับ?」
ด้านหลังลูน่ามีชายคนหนึ่งที่มีรูปลักษณ์น่ากลัวเสื้อเสื้อท่อนบนสีดำและสายเข็มขัดสีแดงปล่อยจิตสังหารรุนแรงพร้อมจะสังหารศัตรูเมื่อได้รับคำสั่ง ! เขาปรากฏตัวขึ้นมาในขณะที่ปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างเต็มที่ แต่พอได้ยินเธอสั่งเขาก็งงว่าเธอให้ทำอะไรกันแน่
จากนั้นลูน่าก็มองไปทางเด็กชายและพูดว่า “โชว์ให้มันเห็นสักทีสิ” ในขณะที่เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้
「เฮ้อ」
โอไกยกแขนขึ้นและโชว์กล้ามแขนของเขาในขณะที่ถอนหายใจออกมา
กล้ามแขนที่แข็งดั่งเหล็กกล้าเปล่งประกายออกมา
「สำหรับเอาไว้ใช้อ้างอิง นี่แหละขั้นต่ำที่เหล่าชายหนุ่มพึงมี」
เธอก้มมองอยู่ในระดับสายตาเดียวกับเด็กชายที่ก้นจ้ำเบ้าและอธิบายด้วยความตรงไปตรงมา
ข้างหลังโอไกขมวดคิ้วและหลับตาลง
「แขนของนายมันอ่อนปวกเปียกเกินไปแล้วยังกล้าเรียกตัวเองว่าผู้ชายได้อย่างเต็มปากอีกเหรอ?」
ลูน่ามองเด็กชายตรงหน้าราวกับมองหนอนแมลง
การกระทำต่อไปของเธอคือการหยิบก้อนหินขนาดฝ่ามือที่ตกลงมาจากใต้เท้าของเธอ
「และกับสิ่งที่นายพูดก่อนหน้านี้ว่า “อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วจะยอมนะ” คำพูดเหล่านั้นมันดูถูกสุภาพสตรีอย่างพวกเรามาก ถ้างั้นฉันขอถามนายหน่อยสิ? นายมีอะไรที่ได้เปรียบจากพวกเราจากการที่นายเป็นผู้ชายยังงั้นเหรอ?」
ฉันพูดพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
ขณะที่ฉันพูดก็บดขยี้หินในมือจนแหลกละเอียดด้วยนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้
ไม่นานนักก็มีเลือดไหลออกจากใบหน้าของเด็กชายทันที
「เอาล่ะพูดและแสดงมันออกมาให้เห็นซะ เหตุผลที่ได้คิดว่าตัวเองดีเด่นกว่าเหล่าผู้หญิงที่นายดูถูกนักหนา หากทำไม่ได้ก็แค่ก้มหัวและขอโทษแต่โดยดีซะ」
「ใครจะไปขอโทษคนอย่างแก――、ฮี้!?」
แม้ว่าจะเป็นฝ่ายผิดแต่ก็ยังคิดจะท้าทาย ขณะที่รวบรวมความกล้าที่จะต่อต้านฉัน
แต่ลูน่านั้นไม่ให้อภัย ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฉันก็เอื้อมมือไปคว้าเป้าของเขา
「เหอะ คิดว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชายแล้วจะดูถูกลูกผู้หญิงอย่างพวกเรางั้นเหรอ? ถ้าคิดแบบนั้นฉันบอกเลยว่านายคิดผิดมหันต์ ฉันสามารถบดขยี้ไอ้จ้อนของนายจนไม่สามารถเรียกตัวเองว่าเป็นผู้ชายได้อีก เท่านี้ปัญหาของนายก็จะถูกแก้ไขและกลายเป็นผู้หญิงเหมือนกับฉัน」
「เดี๋ยวก่อน ยกโทษให้ชั้นด้วย」
เด็กชายคนนั้นร้องไห้ออกมา
「ถ้าอยากจะให้คนอื่นยกโทษให้ต้องปฏิบัติตัวยังไงคงรู้ใช่ไหม?」
แต่ลูน่าไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆ
「ขอโทษ……ชั้นขอโทษ………ชั้นมันเด็กไม่ดี………ขอโทษ……จะไม่ทำอีกแล้วครับ」
เด็กชายคนนั้นร้องไห้ออกมาและขอให้เธอยกโทษให้
จากนั้นลูน่าก็สร้างแรงกดดันให้กับเขามากขึ้นไปอีก
「เอาล่ะฉันจะรับคำขอโทษของนายเอาไว้ก็ได้ คราบใดที่นายยังยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ว่าผู้หญิงนั้นอ่อนแอกว่าผู้ชาย ฉันจะทำให้นายได้รู้ซึ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับตกนรกทั้งเป็นว่าสิ่งที่นายคิดมันผิดมหันต์ ดังนั้นฉันอยากให้นายประกาศ ณ ตรงนี้เพื่อทำให้ฉันมั่นใจว่านายจะไม่ไปดูถูกผู้หญิงคนอื่นอีก ว่า “ผู้หญิงนั้นมีศักดิ์เท่าเทียมเท่ากับผู้ชาย ดังนั้นผมเองก็จะปฏิบัติตัวต่อพวกเธออย่างเหมาะสม” น่ะ」
ฉันจ้องมองเด็กชายที่อยู่ตรงหน้า
จากนั้นก็ดูเหมือนว่าวิญญาณจะหลุดจากร่าง เขาพูดออกมาอย่างง่ายดาย
「ผู้หญิงนั้นมีศักดิ์เท่าเทียมกับผู้ชาย ดังนั้นผมจะปฏิบัติตัวต่อพวกเธออย่างเหมาะสมครับ」
「ดีมาก รู้ไหมว่าฉันน่ะชอบเด็กที่ว่านอนสอนง่าย?」
ตบหัวแล้วลูบหลัง
เธอปล่อยมือที่คว้าเป้าของเขาเอาไว้ และก็ลูบหัวเด็กชายที่ว่านอนสอนง่าย
อนึ่ง ฉันยังคงยิ้มเหมือนกับเทพธิดามาโปรด
「ลูน่า……จัง……」
ใบหน้าแห่งความสุขปรากฏบนใบหน้าของเด็กชาย
แสงระยิบระยับยังส่องประกายในดวงตาท่ามกลางความสิ้นหวัง
ลูน่าลุกขึ้นราวกับบอกว่าทุกอย่างจบลงแล้ว
「นี่เธอทำอะไรกับลูกชายของฉัน?」
ผู้หญิงผมบลอนด์เข้ามาหาฉัน
ดูเหมือนว่าเธอจะแสดงท่าทีโกรธเกรี้ยว ใช่เธอกำลังแอคติ้งอยู่
เธอคิดว่าลูน่าคงจะขอโทษที่ลงมือทำเรื่องหยาบคายลงไป
แต่ว่าลูน่าก็สะบัดผมสีเงินของเธอ และพูดโดยไม่แสดงความเมตตาแม้แต่น้อย
「ก็อย่างที่ท่านเห็นยังไงล่ะเจ้าคะ “สั่งสอน” ยังไงล่ะ นี่คือวิธีการอบรมสั่งสอนที่ถูกต้อง ไม่รู้หรอกนะคะว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใครถึงได้มาอวดเบ่งในถิ่นของฉันคนนี้ แถมยังปล่อยให้อาละวาดในถิ่นของฉันอีก ฉันเลยสั่งสอนเขาซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เป็น “แม่” พึงกระทำ เพราะงั้นในคราวนี้คงมีใครสักคนเป็น “หนี้บุญคุณ” ฉันคนนี้แล้วล่ะ หวังว่าคงจะเข้าใจนะเจ้าคะ?」
จากนั้นเธอก็หันกลับมาเช็ดมือบนเสื้อท่อนบนของโอไก ในขณะที่เขายังคงเบ่งกล้ามอยู่
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเป็นชายที่ใส่เสื้อสีดำที่แสดงท่าทีน่าขนลุกพร้อมกับตัวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่เมื่อเห็นลูน่าเอามือมาเช็ดเสื้อของเขา เขาเองก็ดูขยะแขยงไม่น้อย
「อะฮ่าฮ่าฮ่า ถูกใจเข้าแล้วล่ะสิ ฉันจะยอมถอยก็ได้ในวันนี้ แต่อย่าคิดว่าในวันงานเปิดตัวของเธอจะคิดว่าหลุดพ้นสายตาของฉันไปได้ล่ะน้อ?」
เธอคนนั้นยักไหล่มองมาทางนี้ด้วยความโกรธและหันส้นเท้ากลับ
เด็กชายทั้งสองรีบไล่ตามเธอไป
เป็นอีกครั้งที่ธรรมะเอาชนะอธรรม สันติภาพของโลกได้ถูกรักษาเอาไว้
จากนั้นพวกเราก็ได้แค่ดูเหล่าวายร้ายจากไปจากบ้านของเรา
「เฮ้อช่างเป็นตัวตนที่นำมาซึ่งปัญหาจริงๆ」
ลูน่าหัวเราะออกมา จากนั้นท่านแม่ก็เดินเข้ามาและกุมขมับของฉัน
「ลูน่า แม่มีเรื่องจะต้องคุยกับลูก ช่วยมาด้วยกันหน่อยได้ไหม?」
「เอ่อ ไม่ล่ะคะท่านแม่ หนูมีเรื่องที่ต้องไปทำกับเพื่อนๆ――」
「แม่ขอไม่รับฟังข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น มานี่เลยยัยตัวแสบ!」
「หวาาาาาาาาาาาาา」
ลูน่าอายุ 12 ปี ถูกท่านแม่ลากเข้าไปในคฤหาสน์
ทั้งอลิซ่าและมาเรียต่างสะเทือนใจและตื่นเต้นมากจนกอดกันขณะที่สาวผมบลอนด์เดินจากไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะท่านแม่ซาราเอล่า จากนั้นก็ลงเอยด้วยการลงโทษที่ทำให้ฉันตัวบิดตัวงอกันเลยทีเดียว
◆ ◆ ◆
ผู้หญิงที่กลับไปบนรถม้าสีดำอันงดงามได้ปลดปล่อยความโกรธที่มีก่อนหน้านี้ออกไปและกำลังมีอามรมณ์ดีอย่างมาก
「ท่านแม่ ทำไมถึงไม่ยอมเข้ามาช่วยล่ะฮะ」
เด็กชายผมบลอนด์ที่นั่งตรงข้ามพูดด้วยสีหน้าสับสน
เจ้าชายอาเบลที่เป็นรัชทายาทคนแรกของบัลลังก์แห่งอาณาจักรอัลฟิเลีย
แม่ของเขาบอกว่าให้เขามาดูต่อคู่หมั้นของเขาในระหว่างที่มาเยือนที่นี่
ที่นั่งข้างๆเขาคือเด็กชายผมขี้เถ้าคาอินเจ้าชายลำดับที่สอง แต่ตรงกันข้ามกับพี่ชายเขานั้นหน้าแดงและมีสีหน้าร่าเริง
เมื่อเผชิญหน้ากับพี่น้องที่ขั้วตรงข้ามกันแบบนี้ ราชินีเอลิซ่าซึ่งมีผมสีบลอนด์ยิ้มบนริมฝีปากของเธอ
「อืม ซึ่งสำหรับแม่แล้วแม่คิดว่าลูกยังไม่ดีพอที่จะคู่ควรกับเธอนะ อาเบล」
「เอ๊ะ หมายความว่ายังไงเหรอครับ……」
เด็กชายผมบลอนด์เงยหน้าขึ้นและมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น และแม่ของเขาก็ค่อยๆพันแขนเสื้อของเธอ
ณ ตอนนั้นสถานการณ์ช่างน่าขนลุก
「ในขณะที่คาอินกำลังเล่นกับเธอ แม่เองก็ปล่อยจิตสังหารใส่เธอคนนั้นตลอดเวลานะจ้ะ ถ้าเป็นเด็กปกติเจอแรงกดดันของแม่เข้าไปคงสลบไปแล้วจ้ะ ถ้าหากเป็นพวกทหารก็คงมองแม่พร้อมกับตั้งท่าจะพร้อมสู้อย่างแน่นอน แต่เธอคนนั้นน่ะแม้จะโดนแรงกดดันของแม่เข้าไปก็ยังไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยและแม่เองก็เคลื่อนไหวไม่ได้ด้วยเช่นกัน…….แต่ว่านะ เด็กคนนั้นน่ะไม่ได้ปลดปล่อยพลังออกมาเลยด้วยซ้ำทั้งๆที่แม่เองก็ปล่อยจิตสังหารที่มีพลังปราณแฝงอยู่」
ก่อนที่จะรู้ตัวกลายเป็นฉันที่หวาดกลัวเธอคนนั้น
เข่าของเธอสั่นเล็กน้อยและหลังจากที่เธอเล่นกับลูกชายฉันเสร็จก็รีบให้ออกจากสถานที่นี้โดยเร็วที่สุด
ดังนั้นเอลิซ่าเลยรีบกลับมาที่รถม้าด้วยความสั่นกลัว
“หนี้บุญคุณ”ที่ลูน่าได้กล่าวเอาไว้ไม่ใช่เพราะการที่คาอินทำตัวไม่ดี แต่เป็นเพราะความหยาบคายของเอลิซ่าที่ปล่อยจิตสังหารที่แฝงไปด้วยพลังปราณใส่เธอต่างหาก
「เมื่อตอนที่แม่เห็นเธอคนนั้นครั้งแรกก็เข้าใจได้เลยล่ะว่าเธอนั้นเป็นสัตว์ประหลาดของจริง แต่ว่าไม่ใช่สัตว์ประหลาดธรรมดา เธอนั้นก้าวเหนือไปมากกว่านั้น มองไม่เห็นก้นบึ้งของพลังของเธอเลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าตัวของเธอเป็นเหมือนภาชนะที่มีพลังแห่งดาราอันไร้ที่สิ้นสุด」
แค่คิดก็ทำให้ฉันหนาวสั่นแล้ว
ในเวลานั้นถ้าฉันแบกรับความเสี่ยงเข้าสู่กับเธอทั้งด้านกายและพลังปราณแล้ว ฉันคงจะตายแน่นอน
อย่างน้อยก็จินตนาการได้ถึงความตายอันน่าสังเวชของตัวเอง
เธอคนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ฉันจะต่อกรได้ เธอเข้าใจดีเพราะเธอมีชีวิตมาอย่างยาวนาน
ผู้คนนั้นสร้างปรากฏการณ์จากสิ่งที่คิด
ไม่ว่ามันจินตนาการไปทางไหน ทุกสิ่งทุกอย่างก็สามารถเกิดขึ้นได้
「อาเบล คาอิน แม่ต้องการเธอคนนั้นมาเป็นลูกสะใภ้ของเรา ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ต้องทำให้เธอเข้าหาพวกเราในฐานะมาร์ควิส ลูน่า เบลล์ ดิแซค ไม่ใช่เข้าหาในฐานะผู้สืบทอดดัชเชสของเวคซัค」
ถ้าฉันสามารถครอบครองเธอเอาไว้ได้ ฉันก็สามารถคว้าโลกใบนี้มาไว้ในกำมือ
มันเป็นผลไม้ที่งดงามมากจนทำให้เธอคิดเช่นนั้น
เอลิซ่าเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญเพลงดาบมังกรจักรพรรดิ ซึ่งเป็นหนึ่งในหกของสถาบันหัตถ์ศักดิสิทธิ์ และยังถูกเรียกกันว่านักบุญดาบ
แต่ว่าวิชาของซาราเอล่าเป็นสิ่งที่ปรับใช้ในจักรวรรดิเป็นตระกูลสาขาของ “จักรพรรดิจรัสแสง” แต่ช่างมันเถอะ
ฉันไม่รู้หรอกว่าลูน่าใช้วิชาสำนักอะไร
หากคิดเกี่ยวกับสามัญสำนึกตามปกติ น่าจะได้รับการสั่งสอนวิชามังกรจักรพรรดิจากท่านแม่ของเธอ แต่การเคลื่อนไหวแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้ว่าจะเป็นการดัดแปลงจากต้นฉบับก็เถอะนะ
และเธอมีความสามารถเหนือกว่าท่านแม่ของเธอซะอีก
อยากได้เหลือเกิน ฉันอยากได้เธอคนนี้
ความปรารถนาอันแสนบ้าคลั่งเป็นตัวขับเคลื่อนผู้หญิง
อย่างไรก็ตาม เอลิซ่าต้องสงบจิตใจ
「ทั้งสองคนก่อนอื่นหากกลับไปที่ปราสาทแล้วแม่จะติวเข้มให้เอง ไม่ว่าจะโดนการฝึกหนักหนาแค่ไหน ก็ห้ามบ่นเป็นอันขาด」
「「……ครับ ท่านแม่」」
เด็กชายที่ถูกท่านแม่ของเธอสั่งสอน ได้ปลุกจิตใจแห่งนักรบขึ้นมาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
ยุคแห่งสันติภาพกำลังจะสิ้นสุดลง