[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว - ตอนที่ 28 - 005:ต่อสู้กับสาวผมบลอนด์(บทเริ่ม)
- Home
- [นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
- ตอนที่ 28 - 005:ต่อสู้กับสาวผมบลอนด์(บทเริ่ม)
005:ต่อสู้กับสาวผมบลอนด์(บทเริ่ม)
――ปาร์ตี้วันเกิดวันนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากสำหรับลูน่า
เมล็ดพันธุ์ที่เคยหว่านเอาไว้ ได้แก่ กรณีของท่านเจ้าเมืองคีร์กีซและอุทกภัยในดินแดนชิวาอาร์ค
ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าสามารถหลีกเลี่ยงโชคชะตาเหล่านั้นได้หากมีแผนรับมือที่ดีและในการทดลองว่าจะหลีกเลี่ยงได้หรือไม่ก็ได้รับการพิสูจน์แล้ว
ถ้าพูดตรงๆมีวิธีที่ดีกว่านี้
เนื้อหาของเกมจีบสาวซึ่งครั้งหนึ่งชิโระได้แสดงให้เห็นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกวิธีขึ้นอยู่กับการกระทำของฉัน
นอกจากนี้ มาเรีย เทมเพิล ซึ่งเป็นนางเอกของเรื่องนี้ ได้ถูกเร่งเนื้อเรื่องให้มาเผชิญกับลูน่าเร็วขึ้น ซึ่งนี่เป็นการเผชิญหน้าครั้งแรกในหนังสือแห่งคำทำนาย เพราะเธอคิดว่ามันจะเป็นการดีกว่าที่พวกเราทั้งสองจะเป็นเพื่อนกันก่อนที่เกมแห่งหายนะจะเริ่มต้นขึ้น
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะจัดการพวกเขา แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ ฉันก็เลยใช้โอกาสนี้เพื่อทักทายเธอ
ความจริงที่ว่าพ่อของฉันและพ่อของเธอมีความสัมพันธ์นายบ่าวก็เป็นเรื่องราวที่ฉันรู้มาจาก “ฟ้าคราม” เป็นที่ทราบกันดีว่าทั้งสองทำงานในแผนกเดียวกัน ก็เลยไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกันโดยตรงหรือไม่
ในวิชาสำนักมังกรซากุระไม่เพียงแต่มีพลังในการโจมตีและการรักษาบาดแผลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิชาที่สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของฝ่ายตรงข้ามด้วย
พลังปราณ”สะกดดวงใจ(応心)” แต่ช่างเถอะมันไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่นัก
โดยหลักการแล้วก็แค่ปลดปล่อยพลังปราณใส่ร่างกายของอีกฝ่ายเพื่อไม่ให้รับรู้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจและปริมาณที่สารในสมองหลั่งออกมา ซึ่งสามารถควบคุมความรู้สึกของฝ่ายได้อย่างอิสระ มันไม่ใช่พลังเวทย์ด้วย เพราะงั้นไม่มีทางหลุดรอดได้หรอกนะ
มีเพียงแค่พลังปราณที่จะต่อกรกับพลังปราณได้
เธอลงมือใช้มันกับมาเรียเมื่อเจอกัน
นั่นเป็นเหตุผลที่มาเรียกำลังคลั่งไคล้ลูน่า
ไม่เพียงแค่ความรู้สึกรักใคร่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความรู้สึกอารมณ์ทางเพศที่อยากจะกระทำเรื่องอย่างว่าด้วย
แต่ว่าเธอเองก็ได้ฝึกฝนใช้กับอลิซ่ามาแล้ว ตั้งแต่อลิซ่ากลายมาเป็นสิษย์ของลูน่า
มันเกี่ยวกับการฝึกควบคุมอารมณ์และตระหนักให้ได้ว่าเกิดการเปลี่ยงแปลงในจิตใจของเธอ
ในตอนแรกมีเหตุการณ์ที่เกือบทำให้ฉันเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วเพราะอลิซ่าเข้าจู่โจมกลางดึก แต่ตอนนี้สบายๆแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นกับความเคยชิน แต่ว่าก็ประสบความสำเร็จในการสร้างสถานการณ์ที่เป็นไม้ต่อสำหรับพวกเรา
ส่วนที่เหลือก็
……นั่นสินะ จะเอายังไงกับพวกพ่อแม่และลูกๆของราชวงศ์ที่แอบมาดิ้นในงานวันเกิดของฉันดีล่ะ
นั่นหล่ะคือเรื่องราวโดยย่อที่ผ่านมา
「――เอ่อท่านราชินีเอลิซ่า(エリザ)ทำไมฝ่าบาทถึงได้มาอยู่ที่นี่เหรอเพคะ กระผมคิดว่าน่าจะเป็นการดีกว่าถ้าจะแจ้งล่วงหน้าให้พวกเราทราบหากท่านอยากจะมางานวันเกิดของลูกสาวกระผม」
「จะพูดอะไรงั้นเหรอจ๊ะ ดิฉันคนนี้จะต้องได้รับการยินยอมจากใครคนใดคนหนึ่งในการออกมาข้างนอกด้วยล่ะน้อ ดิฉันจะไปไหนมาไหนมันก็เรื่องของดิฉันไม่เห็นจำเป็นจะต้องแจ้งให้บุคคลใดทราบเลยนี่?」
「ฟังจากน้ำเสียงของฝ่าบาทแล้วทรงเสด็จหนีออกมาจากปราสาทหรือเพคะ?」
「เซอร์ดิแซคหุบปากไว้จะเป็นการดีกว่าน้อ เดี๋ยวก็ได้โดนข้อหาหมิ่นราชวงศ์ หรืออยากจะถูกจองจำในฐานะกบฏ」
ฉันเห็นท่านพ่อกับท่านแม่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสามคนต่างพูดคุยกัน
ซึ่งตามปกติแล้วก็ไม่ได้แจ้งให้ทางราชวงศ์ทราบว่าวันนี้จัดงานวันเกิดของลูกสาว ก็แค่แจ้งให้แก่ญาติสนิทมิตรสหายเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น หากนี่มันเป็นงานเปิดตัวฉันในฐานะที่อายุครบสิบสองปี มันก็ไม่มีอะไรหรอก
ตามกฏพื้นฐานของขุนนางหากมีงานเปิดตัวลูกสาวที่อายุครบสิบสองปีจะต้องแจ้งให้กับทางราชวงศ์ทราบ ขณะเดียวกันทางฝ่ายท่านพ่อท่านแม่จะต้องส่งจดหมายเชิญไปทางราชวงศ์ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมที่จะทำตามกันปกติ
แต่ว่าไม่มีข้อบังคับในการจัดงานวันเกิดว่าต้องส่งจดหมายเทียบเชิญราชวงศ์ให้มาเข้าร่วม
ท้ายที่สุดแล้วมันก็แค่งานวันเกิดของเด็กคนหนึ่งเท่านั้นเอง
และพ่อแม่ของฉัน จิลล์และซาราเอล่า ก็ไม่อยากสูญเสียลูกสาวให้แก่ราชวงศ์
นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่ส่งจดหมายเชิญออกไป
ส่วนหนึ่งเพราะความตั้งใจของท่านพ่อกับท่านแม่ แต่ถ้าลูน่าเป็นสาวน้อยธรรมดา เธอคงจะต้องไปที่ปราสาทอย่างน้อยหนึ่งครั้งตอนอายุ 7 หรือ 8 ขวบ
เหตุผลคือในฝั่งแม่ที่เป็นบุตรสาวของตระกูลดยุคและมีดินแดนห่างไกล และมีความสัมพันธ์กับทางราชวงศ์ก็มีกำหนดการให้ไปเยี่ยมเยือนปราสาทปีละครั้ง
แต่ว่าลูน่าที่เป็นตัวตนที่พิเศษถูกเทพธิดาประทานลงมา พ่อและแม่ก็พยายามเก็บเรื่องเงียบเอาไว้โดยใช้อำนาจของขุนนางซึ่งแตกต่างจากราชวงศ์อย่างชัดเจนแม้จะเป็นขุนนางระดับสูง
เหตุผลที่ราชินีและลูกๆของเธอมาที่งานวันเกิดของลูน่าก็เพราะราชินีได้ส่งสายลับเข้ามาในอาณาเขตของขุนนาง และได้รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนของพวกเรา
แม้ว่าทางพวกเราจะไม่เป็นฝ่ายแจ้งให้พวกเขาทราบ แต่พวกเขาก็ตามสืบพวกเราทุกระเบียบนิ้ว
สิ่งสำคัญคือ「ไม่มีทางที่ฝั่งนี้จะบอก」เพราะถูกเก็บเป็นความลับ「จะไม่ยอมให้มาแตะต้องลูกสาวอันแสนน่ารักของพวกเราเด็ดขาด」เพราะด้วยเจตนาอันแน่วแน่เหล่านั้นจึงทนเงียบมาได้นานถึงขนาดนี้ และการบังคังเข้ามาในงานเลี้ยงวันเกิดโดยไม่ได้รับเชิญถือเป็นการกระทำที่เสียมารยาทอย่างมากแม้จะเป็นราชวงศ์
ระบอบการปกครองของเราก็ไม่ใช่ระบอบสมบูรณญาสิทธิราชย์สักหน่อย
หากฝ่ายทางการเมืองของคนเองอ่อนแออำนาจทางการเมืองจะถูกโค่นล้มได้อย่างง่ายๆ
นั่นเป็นเหตุผลที่เหล่าราชวงศ์นั้นแคร์สายตาขุนนางที่มองมาที่ตน
เพื่อไม่ให้เสียแรงสนับสนุนจากเหล่าขุนนางรอบตัว
「ท่านพ่อ ท่านแม่ ตรงนี้ให้หนูจัดการเองค่ะ」
「ลูน่า……」
ลูน่าพูดขณะที่เธอเดินออกจากคฤหาสน์ไปยังสถานที่ที่ไม่ไกลจากประตูสู่ลานบ้าน
สีหน้าของพวกเขานั้นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
หญิงสาวที่เอาพัดปิดปากเดินผ่านทั้งสองคนไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้หญิงที่รูปร่างสูง
「นี่เป็นการที่พวกเราได้พบเจอกันเป็นครั้งแรกสินะคะ ดิฉันมีนามว่า ลูน่า เบลล์ ดิแซค เจ้าค่ะ」
เธอหยิบชายกระโปรงและย่อสะโพกลง
เหตุผลที่ไม่บอกชื่อของท่านพ่อกับท่านแม่ตอนแนะนำตัวเอง เพราะฉันคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้อยู่แล้ว
ความงามของผมสีบลอนด์ที่มาจากร่างเพรียวบางของเธอ แต่หน้าอกกระชับและหนักแน่น ความงามของเธอนั้นเหมาะสมกับตำแหน่งพร้อมกับกล่าวทักทายฉัน「โอ้ว น่ารักจังเลยน้อ♡」
จากนั้นลูน่าเหลือบมองเด็กชายผมบลอนด์และผมสีขี้เถ้าที่อยู่ด้วยกัน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเธอก็หันกลับไปหาราชินี
「แล้ววันนี้มีเหตุอันใดให้รับใช้หรือเจ้าค่ะ?」
ปากของเธอยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่ดวงตาของฉันไม่ได้ยิ้มด้วย
ต่อหน้าหญิงสาวผมบลอนด์ที่ปลดปล่อยแรงกดดันออกมาเธอก็พูดว่า「อาระ……」เธอยิ้มออกมาราวกับประทับใจ
「ดูเหมือนว่าจะรู้จักกับฉันดีสินะคะ แม้ว่าจะรู้ว่าตัวตนของดิฉันเป็นใครก็ยังไม่เกรงกลัวงั้นเหรอคะเนี่ย」
ราชินียังไม่ได้เอ่ยนามของเธอ
ลูน่าและเธอพบกันครั้งแรกเพราะฉะนั้นไม่รู้หรอกว่าเธอชื่ออะไร
แต่ว่าสิ่งแรกที่ฉันถามก็คือความต้องการของเธอ
「ฉันไม่ได้แคร์ชื่อของเธอเลยสักนิด แต่ยัยราชินีอย่างเธอรีบๆทำธุระให้เสร็จแล้วกลับไปซะ」เธอคิดเช่นนั้น
「แล้วมีธุระอันใดอย่างงั้นเหรอเจ้าค่ะ? ดิฉันก็แค่อยากจะให้คำปรึกษาแก่บุคคลหน้าไม่อายที่ก้าวเข้าบ้านของคนอื่นโดยที่ไม่ได้รับเชิญและอ้างตัวใหญ่โตก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะเจ้าคะ」
เฮ้อ ขณะที่ปลดปล่อยเสียงหัวเราะประชดประชัน
ถ้าเธอเป็นลูกสาวของตระกูลขุนนางก็คงจะอายและชิ่งกลับบ้านโดยทันที
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่ามันจะต่างกันโดยพูดกับราชินีของประเทศ
หญิงผมบลอนด์(ไม่บอกชื่อเลยไม่รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เลยปฏิบัติกับเธอเหมือนคนทั่วไป)เธอยังฉีกยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขา
「อาาา ช่างเย็นชายิ่งนัก รู้สึกเหมือนโดนมือบีบเข้ามาที่ลำคอเลยน้อ」
จากนั้นเธอก็เข้าหาลูน่าด้วยดวงตาของสัตว์กินเนื้อที่ดุร้ายราวกับจะขย้ำลูน่า เธอกดพัดลงไปที่ต้นคอของเธอ
「ฉันยังไม่ได้เอ่ยนามของฉันสินะถือว่าโชคช่วยไป เฮ้อถ้าเป็นตามปกติแล้วคอของเธอคงอยู่บนกิโยตินไปแล้ว」
「แล้วอยากจะลองดูไหมล่ะเจ้าคะ? หากต้องการละก็ ดิฉันจะใช้คำพูดที่มันจารึกไปในจิตใจของท่านเลยเจ้าค่ะ」
ถ้าอยากจะไฝว้นักฉันก็พร้อมจะสนอง จะราชินีรึอะไรก็มาเถอะ ตอนนี้ฉันปล่อยจิตสังหารอย่างเต็มที่ “ก็ลองดูสิน้อ” เพื่อตอบกลับคำพูดท้าทายของหญิงสาวผมบลอนด์คนนี้ และฉันก็ทำสายตาประมาณว่า “แม้แต่เด็กตัวน้อยยังเข้าใจมารยาทได้ดีกว่าคนแบบเธอเลยนะ” ตอบกลับไป
ในตอนแรกลูน่าได้เอ่ยนามของเธอไปแล้ว แต่ไม่ได้อ้างว่าเป็นบุตรของมาร์ควิส
และท่านแม่ของฉันเองก็เป็นถึงดยุคเวลซัค ซึ่งมีอำนาจทางการทหารสูงสุดในเขตชายแดน
ดังนั้นหากประกาศสงครามในนามของราชวงศ์ ฉันจะรวบรวมกองทัพทั้งหมดที่มีและบดขยี้ยัยราชินีจอมโอหังตรงหน้านี่
ดวงตาของหญิงสาวผมบลอนด์เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมา
「อ่าาาา ! สุดยอดไปเลยละน้อ สุดยอดจริงๆ ! ถ้างั้นฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมซาราเอล่าถึงได้เก็บเอาไว้เป็นความลับเช่นนี้ เด็กคนนี้น่ะสุดยอดไปเลย ! อยากได้ ! อยากได้มากๆต่อให้ต้องแลกกับทุกอย่างที่มี!」
จากนั้นเธอก็ยกสะโพกเลิกสนใจฉันและมองไปยังผมสีเงิน
「เธอน่ะ มาเป็นลูกสะใภ้ของฉันซะสิ เดี๋ยวฉันจะยกลูกชายให้คนหนึ่ง」
「นี่ ท่านแม่ทำไมพูดอะไรแบบนั้น?!」
เสียงประหลาดใจมาจากเด็กชายทั้งสองที่เป็นลูกชายของเธอ
แต่ลูน่าตอบทันที
「ต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะ แต่ดิฉันไม่ต้องการต่อหน้าถั่วงอกที่ยังไม่สุกงอม แม้ว่าจะเอาไปต้มยำทำแกงก็กินไม่ได้หรอกค่ะ」
「ว่าไงนะ ! ยัยนี่!!」
คำพูดของลูน่าทำให้เด็กชายผมสีขี้เถ้าที่อยู่หลังชายผมบลอนด์โกรธ
เขาไม่เจ้าใจความหมาย แต่เข้าใจได้ว่าโดนดูถูกอยู่แน่ๆและก็เดินเข้ามาคว้าตัวฉัน
เพี๊ยะ
「หยุดเลยนะ?!」
จากนั้นตัวฉันกระโดดหมุนตัวเตะด้วยเท้าหลัง
เด็กชายคนนั้นล้มลงอย่างง่ายดาย
「อาระ ช่างเป็นชายหนุ่มที่ป่าเถื่อนกล้าแตะต้องสาวน้อยและคิดทำร้ายร่างกายดิฉันเหรอเจ้าคะ นี่พ่อแม่ต้องเป็นคนยังไงถึงไม่อบรมสั่งสอนลูกชายว่าปฏิบัติตนต่อสาวน้อยเหมือนกับผ้าขาว」
ฉันพูดประชดประชันใส่ราชินีด้วย
เป็นการสวนกลับโดยอัตโนมัติ
ฉันเห็นรอยยิ้มของหญิงสาวผมบลอนด์กระตุกเล็กน้อย