[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว - ตอนที่ 002:ลูกสาวมาร์ควิส
- Home
- [นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
- ตอนที่ 002:ลูกสาวมาร์ควิส
002:ลูกสาวมาร์ควิส
――เจ็ดปีผ่านไปนับแต่นั้นมา
ร่างกายของฉันซึ่งเป็นทารกตอนนี้อยู่ในวัยกำลังโต
ตอนแรกก็คิดว่าจะได้เกิดใหม่เป็นผู้ชายแต่ที่ไหนได้ดันเป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชายจะออกไปปิ๊งสาว เข้าม่านรูด สานสัมพันธ์ยามค่ำคืน แต่ที่ไหนได้ฝันสลาย มลายสิ้นเป็นธุลี
ผมมันวาวของฉันที่ยาวถึงหลังเป็นสีเงิน จากมุมมองแล้วมันเงางามเหมือนกับโลหะเสียมากกว่า และดวงตาที่ใหญ่โต สันจมูกที่ได้รูป และเมื่อพูดถึงแล้วก็รูปลักษณ์ของฉันก็เหมือนกับตุ๊กตา และต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรงขัง ไม่ได้เห็นสิ่งตื่นตาตื่นใจ ใช้ชีวิตเป็นไข่ในหิน
(ใช้ชีวิตแบบนี้มันจะโอเคจริงๆเหรอ?)
ในระหว่างที่ถือถ้วยชาอย่างสง่างามและคิดไตร่ตรอง
วันนี้อากาศดีมากฉันจึงมาตั้งโต๊ะดื่มน้ำชานอกคฤหาสน์ จากนั้นก็มีเมดคอยรับใช้อยู่ข้างกาย
เป็นเวลาสองปีแล้วที่โดนเมดสาวอายุสิบหกปีที่มีผมสีแดง หน้าตาน่ารัก ดูแลเป็นการส่วนตัว ชื่อของเธอคือแอนนา
「คุณหนู ต้องการชาเพิ่มไหมคะ?」
「อืม รบกวนด้วยนะคะ」
ชาที่อุณหภูมิได้ที่กำลังไหลลงไปในลำคอขณะที่หายใจออกช้าๆ
ตอนแรกก็รู้สึกอึดอัดเพราะใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ต่างจากชาติก่อน แต่ตอนนี้ชินกับมันแล้วล่ะ แทบจะไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเอง มีเมดคอยบริการอยู่ตลอด
ไม่สิ มันไม่ได้ต่างกันทางด้านวัฒนธรรมกับชาติก่อน แต่เป็นเพราะสภาพแวดล้อมที่ฉันเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย
(แต่ว่า ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนในโลกเนี่ย แม้ว่าฉันจะออกเดินทางไปชั่วชีวิตในชาติก่อน ก็พอจะเข้าใจภูมิประเทศส่วนใหญ่อยู่หรอก)
ชื่อของฉันในชาตินี้คือ “ลูน่า”
นามสกุลของฉันคือ “ดิแซค(ディザーク)
มีเชื้อสายตระกูลที่มีศักดิ์ว่า “เบลล์”
ชื่อเต็มของฉันก็เลยคือ“ลูน่า・เบลล์・ดิแซค”อย่างไรก็ตามฉันใช้เวลาสักครู่ในการทำความเข้าใจเรื่องชื่อ
จากนั้นตระกูลดิแซค ก็มีตำแหน่งและลอร์ดจิลล์ นั่นคือท่านพ่อของฉัน เป็นมาร์ควิส
ในแง่ของอายุเขาเป็นชายหนุ่มที่อายุยังไม่ถึงสามสิบปี แต่เขาก็เป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมสามารถเข้าใจได้ทันทีหลังจากได้ยินบทสนทนาอันเล็กน้อย
ลูน่าคิดว่าเธอได้รับพร มาเกิดในครอบครัวดีๆมีชาติตระกูล
มีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ลูน่าต้องดิ้นรนเพื่อทำความเข้าใจเรื่องชื่อ
แม่ของเธอชื่อซาราเอล่า(サラエラ) เธอแต่งงานเข้าตระกูลแต่ไม่มี ชื่อกลาง “เบลล์” ในชื่อของเธอ แม่ของฉันเลยมีชื่อว่า ซาราเอล่า ดิแซค ส่วนพ่อของฉัน คือ จิลล์ เบลล์ ดิแซค
นอกจากนี้เมื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงปีใหม่หรือปาร์ตี้ระหว่างชนชั้น หรืองานที่คล้ายกับงานเลี้ยงสิ้นปี จะมีการเพิ่มคำว่า “โคลท์” เข้ามาเพิ่มด้วย กล่าวอีกนัยหนึ่งตอนนี้ชื่อของหัวหน้าตระกูลของฉัน คือ จิลล์・โคลท์・เบลล์・ดิแซค
ในกรณีนี้ “โคลท์” เป็นคำแสดงว่าชายหรือหญิงในสายเลือดตระกูล “เบลล์” ดังนั้นชื่อของพ่อจึงเป็น จิลล์ ซึ่งเป็นผู้ชายและใช้นามสกุลดิแซค ในสายเลือดของ เบลล์ มีความหมายประมาณนั้น
เอ่อ ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำให้มันซับซ้อน
แต่ว่านี่ก็เป็นความประทับใจของลูน่า
「ลูน่า ขอโทษด้วยนะที่ทำให้ต้องรอ」
「ท่านแม่ ดูอารมณ์ดีจังเลยนะคะ」
เมื่อได้ยินเสียงเรียกขณะที่เธอกำลังดื่มชาถ้วยที่สอง ลูน่าก็ลุกขึ้นจากที่นั่งและโค้งคำนับ
เสียงที่เรียกเธอ คือ ซาราเอล่า ซึ่งเข้ามาพร้อมกับผมสีเงินเช่นเดียวกับลูกสาวและนั่งลงต่อหน้าลูน่า
ฮาเรีย ที่เป็นเมดส่วนตัวของท่านแม่มาเป็นเวลานาน รินชาให้กับเธอ และแม่ของฉันก็ดื่มชาตามปกติ
เว้นแต่ว่านี่เป็นบรรยากาศระหว่างแม่ลูก
ดูเหมือนว่าจะต้องมีสามัญสำนึกในหมู่ขุนนางชั้นสูง
「ลูน่า ตั้งใจเรียนอยู่รึเปล่าจ้ะ?」
「ค่ะท่านแม่……..แต่ว่า….เรื่องมารยาททางสังคมหนูไม่ถนัดจริงๆค่ะ」
「อืม ก็คงแบบนั้นแหละน้า การเรียนเรื่องมารยาทสำหรับแม่เองในช่วงเริ่มต้นก็ถือว่าหนักเอาการเลย แต่ว่าลูน่า ลูกต้องจำเอาไว้นะมันเป็นสิ่งสำคัญไว้สำหรับการเข้าสังคม ดังนั้นต้องเรียนรู้เอาไว้ต่อให้จะยากแค่ไหนก็ตาม」
「ค่ะ ดิฉันจะจำมันให้ขึ้นใจ」
สำหรับผู้หญิงที่เกิดในตระกูลขุนนาง สนามรบก็คือชีวิตในสังคมขุนนาง
ในแง่ของทักษด้านการใช้มันสมองและวางแผนกลยุทธ์ส่วนใหญ่จะเอียนเองไปทางฝ่ายชาย ส่วนผู้หญิงจะเป็นแม่ศรีเรือนและมีทักษะในการเข้าสังคมที่สูงเหมือนกับหน่วยข่าวกรอง
เหล่าขุนนางนั้นมีวิธีต่อสู้อันหลากหลาย ตั้งแต่สนามรบข้อมูล เช่น เรื่องแฟชั่นและเทรนต์การแต่งตัวในแต่ละช่วง ไปจนถึง ปริมาณการเก็บเกี่ยวผลผลิตของดินแดน และเนื้อหาทางการเมือง
เพื่อเอาชนะต่อสู้เพื่อความอยู่รอดในฐานะขุนนางจำเป็นต้องมีมารยาทขั้นพื้นฐาน
สำหรับการเต้นรำ ลูน่าคิดว่ามันง่ายเหมือนปลอกกล้วย
เพียงระยะเวลาสั้นๆก็แค่นำเทรนต์ด้านแฟชั่นทำชุดที่สวยงามและน่าดึงดูดก็พอ
ตราบใดที่ยังคงความเป็นผู้นำได้ก็จะสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนลงมือเผด็จศึก
ครูสอนเต้นนั้นชื่นชมลูน่าอย่างมากว่าเธอเต้นได้งามชดช้อยชม้อยยังแล
นอกจากนั้นก็เรื่องการประวัติศาสตร์บ้านเมืองที่ค่อนข้างยาก
ความยากลำบากในการจำชื่อคน
ฉันจำชื่อกษัตริย์ตอนวัยหนุ่มไม่ได้ด้วยซ้ำ ชื่อยาวชิบผาย
ประเทศแห่งนี้น่ะ อาณาจักรอัลฟิเลีย(アルフィリア)มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและกษัตริย์บางคนก็เป็นเจ้าชายที่มากชื่อเสียง ในขณะที่บางคนก็เป็นคนเดินดินกินข้าวแกงไม่มีประวัติอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ
สิ่งที่เรียกว่าเจ้าชายแห่งความมืดนั้นเมื่อได้ขึ้นครองบัลลังก์ก็ทำให้ตาชั่งเอนเอียง แต่โชคดีที่ประเทศแห่งนี้ไม่มีเจ้าชายแบบนั้นและด้วยเหตุนี้ประเทศนี้จึงสงบสุขเรื่อยมาและเป็นมหาอำนาจ แต่ไม่ว่าในกรณีใดทุกคนต่างก็มีชื่อคล้ายๆกันจนทำให้ยากแก่การจดจำว่ากษัริตย์คนนั้นเป็นใคร มีผลงานอะไรบ้าง
「เฮ้อ……」
「ลูน่า แม่เข้าใจนะว่าลูกรู้สึกยังไง แต่อย่าถอนหายใจในที่สาธารณะแบบนี้ได้ไหม มันไม่งามนะลูก」
「รับทราบค่ะ ท่านแม่……」
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ต้องเรียนรู้ เธอก็พ่นลมหายใจออกมา
ดูเหมือนว่ามีเรื่องว้าวุ่นตั้งแต่วัยเด็ก
◆ ◆ ◆
หลังจากผ่านช่วงเวลาน้ำชาและชั้นเรียนประวัติศาสตร์ได้เริ่มขึ้น หลังจากนั้นก็มารับประทานอาหารเย็น ฉันเข้าไปอาบน้ำและถอนหายใจ
ลูน่าซึ่งนอนอยู่บนเตียงในห้องของเธอ จู่ๆก็รู้สึกได้ว่ามีคนเรียก เธอจึงลุกขึ้นและออกจากห้อง
「……?」
เธอได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
เท้าของเธอเดินไปตามทางเดินราวกับมีเจตจำนงของตัวเอง
ในที่สุดเท้าของฉันก็หยุดลงและเห็นประตูไม้ที่ให้บรรยากาศแปลกประหลาด
(มันค่อนข้างแปลก ในเวลาแบบนี้ ดันเคลื่อนไหวตามใจคิดซะงั้น……)
เธอเคยมีความรู้สึกแบบนี้สองสามครั้งในชาติที่แล้ว
ความรู้สึกแปลกๆราวกับถูกชักนำเหมือนกับเป็นหุ่นเชิด
แต่ทุกครั้งที่ถูกชักนำมันจะเป็น「การกระทำที่ถูกต้อง」เสมอมา
ความรู้สึกเหล่านี้จะกล้าแกร่งเป็นพิเศษเมื่อตกอยู่ในอันตราย เช่นเข้าไปในดันเจี้ยน
เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทุกครั้งปลายทางที่ดีที่สุดก็คือทางออก
แต่ว่าตอนนี้ตัวเธอกลับเดินมาหน้าห้องที่มีประตูไม้และยืนโดยขัดต่อจุดประสงค์ของเธอ
「……」
จากนั้นก็ค่อยๆหมุนลูกบิดประตูและดึง
ประตูนั้นหนัก แต่แทบไม่มีเสียงไม้ลั่นเพราะได้รับการดูแลอย่างดี
ตอนนี้เธอกำลังจดจ่อกับภาพตรงหน้า
(……ห้องสมุด งั้นเหรอ)
มีหนังสือจำนวนมากที่ตระกูลดิแซคมีไว้เป็นเจ้าของ
นี่เป็นเพราะตระกูลขุนนาง หากไม่มีความรู้มันจะเป็นปัญหา
นอกจากหนังสือเกี่ยวกับการเมืองและเศรษฐศาสตร์ ยังมีหนังสือเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ และ เวทมนตร์อีกด้วย
ทั้งหมดล้วนคัดด้วยมือ และมันช่างดูไร้สาระด้วยเทคโนโลยีที่สามารถผลิตกระดาษเป็นจำนวนมาก แต่ตอนนี้ช่างมันก่อน
ปัญหาคือลูน่ารู้สึกว่ามีสิ่งแปลกๆอยู่ในห้องสมุดที่เธอแอบเข้ามา ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่ชอบมาพากล
(มีบางสิ่งที่ไม่ควรอยู่ที่นี่……)
ห้องสมุดที่เคยมีหน้าต่างบานใหญ่เพื่อให้แสงจากโลกภายนอกส่องเข้ามา แต่ตอนนี้เปิดทิ้งไว้
ผ้าม่านแกว่งไปมาพร้อมกับสายลมที่พัดเข้ามา
นอกหน้าต่างมีดวงจันทร์
ชั้นหนือสือนั้นกีดขวางและทัศนวิสัยก็แย่สุดๆ
ลูน่าค่อยๆก้าวเท้าไปข้างหน้า
หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว
ความรู้สึกของฝ่าเท้าที่ได้เหยียบพรม
ราวกับกำลังรู้สึกได้ถึง “บางสิ่งบางอย่าง” พยายามจะกลั้นเสียงหายใจ
「……」
ลูน่าเดินเข้าไปกลางห้องแล้วนั่งลงและตั้งท่า
มั่นใจว่าจะสามารถตอบโต้ได้หากมันเข้ามาโจมตี
หากตาต่อตา ฟันต่อฟัน ก็ไม่มีอะไรมาเป็นแต้มต่อ แต่อาจกล่าวได้ว่าทางนี้ได้เปรียบเพราะสัมผัสตัวตนได้
หลังจากยืนหยัดเป็นเวลาสิบวินาที
ที่ไหนสักแห่งมีเสียงนาฬิกาดังขึ้น
ในขณะเดียวกันก็มีสัญญาณว่ามันกำลังพุ่งเข้าหาในแนวทแยง
ลูน่ารวบรวมพลังปราณไว้ในฝ่ามือของเธอแล้วหันกลับมาเพื่อจะฟันมัน
「――เอ๊ะ!」
โอ๊ยยยยยยย
「เหงี๊ยว?!」
「เอ๊ะ?」
แรงกระแทกนั้นกลับเบามาก
มันไม่ใช่มนุษย์ ในทางกลับกันก็ใหญ่เกินกว่าจะเป็นหมาและแมว
หลังจากโดนสันมือของลูน่า ก็กลิ้งไปตามพื้น ดวงตากระตุกไปมาชักดิ้นชักงอ
หลังจากยืนยันว่าไม่มีอะไรแล้ว ลูน่าก็ไม่มีทางเลือกสังเกตผู้บุกรุกสร้างแสงขึ้นมาด้วยพลังปราน
「หมาป่า? ไม่สิ นี่มันไม่ใช่ เจ้านี่มันอะไรกันเนี่ย?」
หากเป็นสัตว์ป่าสายพันธุ์ใหม่อาจเป็นไปได้เพราะมีห้องปฏิบัติการสำหรับทดลอง
เมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าภาพตรงหน้าไม่ใช่ความฝัน ขณะนั้นเองเธอจึงคว้าคอมันมาและลากออกจากห้อง