ตอนที่ 5: เธอคิดว่าจะใช้ชีวิตด้วยการจับตะเกียบแบบนั้นได้รึไงกัน!?
ความฝันของผมที่จะได้ใช้ช่วงเวลายามเย็นให้เป็นประโยชน์นั้นจะไม่มีวันเป็นจริงไม่ว่าจะด้วยวิธีใด
ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาห้องของผมก็ถูกยึดไปโดยยัยพวกแยงกี้ Jk และผมก็ใช้เวลาหลายคืนเพื่อรบรากับพวกหล่อน
“วันนี้แหละ……….ชั้นแสดงให้ยัยพวกนั้นเห็นว่าเป็นวันของชั้น!”
เป็นเวลา 6 โมงเย็น
เมื่อผมกลับมาจากมหาวิทยาลัยผมก็ยืนอยู่ตรงประตูหน้าและปลุกใจตัวเอง
แต่ทันทีที่ผมเปิดประตูผมก็สังเกตุเห็นบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม
“หืม? ไม่มีรองเท้าอยู่เลย”
รองเท้าที่มักจะกระจายระเกะระกะนั้นไม่ปรากฏให้เห็นในสายตา……….
ซึ่งมันก็หมายความว่ามานะและเพื่อนๆคงจะไม่อยู่ที่บ้านกัน
ผมควรรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่พวกหล่อนพากันไม่อยู่
แต่ผมก็รู้สึกผิดหวังอยู่ที่อุตส่าห์เตรียมใจพร้อมรบมาดันเก้อซะงั้น
ผมเดินไปล้างมือที่ห้องน้ำด้วยสีหน้าลำบากใจและก็มุ่งหน้าไปยังห้องของตัวเอง
วันนี้ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยตอนที่กำลังเดินไปที่ห้อง
-ในบ้านเงียบกริบ…………พวกหล่อนไม่อยู่กันจริงๆด้วยแฮะ
ไปไหนกันนะ? ก็นะ….เป็นเด็กม.ปลายกันก็ต้องมีที่เที่ยวเล่นเยอะแยะแล้วตอนนี้ก็เพิ่งจะ 6 โมงเย็นซึ่งเป็นเวลาเที่ยวเล่นตามปกติมันก็เป็นไปได้ที่อาจจะไปบ้านเพื่อนคนอื่นกัน
แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนกันพวกเธอก็คงจะส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายกันเหมือนเดิม
พอนึกภาพที่มานะและคนอื่นๆกำลังสนุกสนานกันอยู่แล้วแก้มของผมก็ผ่อนคลายลงนิดหน่อย
-เอาล่ะ งั้นวันนี้จะพักผ่อนให้เต็มที่ไปเลย……
พอผมเปิดประตูเข้าไปห้องของผมก็มืดสนิท
แล้วผมกดสวิตซ์ไฟตรงทางเข้าห้องทันทีแล้วห้องก็สว่างขึ้นมาทันตาเห็น
จากนั้น…..ผมก็สังเกตุเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติอยู่ภายในห้อง
ฟูกบนเตียงมันปูดขึ้นราวกับว่าถูกคนๆนึงห่อตัวอยู่
นี่มันกับดัก……..
แล้วผมก็เข้าสู่โหมดระวังภัยในทันที……
ถ้ามันมีคนซ่อนอยู่ในเตียงของผมบางทีอาจจะเป็นมานะหรือเพื่อนของเธอก็ได้หรือยัยพวกแยงกี้อาจจะกำลังพยายามจะเล่นงานผมตอนที่ผมไม่ทันได้ระวังตัวโดยการแกล้งทำเป็นไม่อยู่บ้านจากนั้นก็กระโดดออกมาทำให้ผมตกใจ
หึหึหึ ชั้นอ่านความคิดพวกหล่อนออกหมดแล้วยัยพวกแยงกี้เอ๋ย
อย่าคิดว่าจะมาเหลี่ยมกับชั้นได้ด้วยความคิดตื้นๆระดับพวกแยงกี้ม.ปลายนะเฟ้ย!
เปิดก่อนได้เปรียบ!
ถ้าผมดึงฟูกออกจากตัวเธอก่อนได้ก็สิ้นเรื่องแล้ว
โดยไม่รอช้าผมไปที่เตียงและดึงฟูกออกอย่างแรง
สิ่งมีชีวิตที่ซ่อนอยู่ในเตียงของผมก็ถูกเปิดเผยตัวตนออกมาภายใต้แสงไฟฟลูออเรสเซนต์อันเจิดจ้า
ผมสีบลอนด์ของเธอเรืองแสงสะท้อนแสงไฟฟลูออเรสเซนต์
ขนตายาวที่อยู่ตรงเปลือกตาที่ปิดอยู่ของเธอ ‘ฮู่ว-ฮู่ว’ การหายใจที่ถูกคุมให้ออกจากทางริมฝีปากที่เปิดอ้าเล็กน้อยของเธอ
นั่นคือเอริกะจังที่กำลังนอนขดตัวเป็นวงกลมอยู่บนเตียง
ไม่ดิ นี่เธอหลับจริงดิ?
ผมโต้กลับในใจ
เหตุผลที่ผมไม่พูดออกมาดังๆเพราะผมไม่แน่ใจว่าควรจะปล่อยให้เอริกะจังที่กำลังหลับไหลอยู่ให้เธอหลับต่อไปแบบนี้ดีรึเปล่า?
ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีผมได้แต่ยืนนิ่งและมองไปยังใบหน้าที่กำลังหลับไหลของเอริกะจัง
เธอมีใบหน้าตอนนอนที่งดงามจริงๆตอนที่เธอหลับดูไม่เหมือนพวกแยงกี้เลยสักนิด
เธอดูเหมือนกับสาวสวยไร้เดียงสา
…….บอกตามตรงเธอน่ารักมากซะจนหัวใจของผมเต้นตึกตักเลย
เดี๋ยวดิ!! ต่อให้จะหลับลึกแค่ไหนแต่จะคอยมองเธอต่อไปแบบนี้มันก็แย่น่ะสิ!
ผมพูดกับตัวเองและละสายตาจากเอริกะจัง
ไม่มีวี่แววว่ายัยพวกแยงกี้คนอื่นๆจะซุ่มอยู่ในห้องเลยแล้วถ้าหากว่าพวกนั้นซุ่มอยู่แถวนี้จริงพวกหล่อนก็คงจะโผล่ออกมาแกล้งผมแล้วตอนที่ผมมองไปที่เอริกะจัง
ถ้าเป็นแบบนี้ก็แสดงว่าเอริกะจังเธออยู่คนเดียวน่ะสิ
หรือบางทีเธออาจจะพยายามจะทำให้ผมกลัวโดยคลานเข้าไปใต้ฟูกแล้วก็ผล็อยหลับไป
หรือบางทียัยพวกนั้นจะ……..ทิ้งเอริกะไว้คนเดียวแล้วก็พากันออกไป
ผมเองก็ไม่คิดว่ามานะและคนอื่นๆจะทำยอมเรื่องยุ่งยากอย่างการเอารองเท้าไปไว้ที่อื่นไม่วางไว้ที่ประตูหน้าเพื่อที่จะแกล้งทำเป็นเหมือนไม่มีใครอยู่
ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่เอริกะจังก็ขยับตัว
“งืม…..อรุณสวัสดิ์”
เธอมองมาที่ผมด้วยใบหน้างัวเงีย
“มันพึ่งจะหกโมงเย็นเอง ยังมืดอยู่เลย”
ผมตอบกลับเธอไปตรงๆ
จากนั้นเอริกะจังก็หาวออกมาดังๆแล้วก็พูดว่า
“*ฮวาววว*(เสียงหาว)………คุณพี่ชายขอบคุณนะ….ขอรบกวนหน่อยนะคะ”
“คือว่า…….นั่นน่ะเตียงของชั้นนะ…….”
“อื้อหนูรู้…..ก็มันเป็นห้องของคุณพี่ชายนี่นาถ้ามันไม่ใช่เตียงของคุณพี่ชายก็แย่แล้ว”
“ก็จริง……..คงจะแย่จริงๆนั่นแหละ….”
เอริกะจังก็ยังคงเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงขณะคุยกับผมไปด้วย
เธอไม่แสดงท่าทีว่าจะลุกออกจากเตียงเลย
“แล้วทำไมถึงมานอนบนเตียงชั้นได้ล่ะ?”
ผมถามเธอตรงๆไม่อ้อมค้อม
“อ๋า โทษที……..หนูเพลียมากเลยเพราะเมนส์หนูมาน่ะ”
“เธอไม่คิดจะพูดอ้อมๆกว่านี้หน่อยเหรอ?”
‘พอดีหนูรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ’…….. เธอจะตอบแบบนี้แทนก็ได้
เพราะตอบแบบนั้นมันก็ตอบกลับยากเกินนะ
ผมรู้ว่าผู้ชายทุกคนควรที่จะเข้าใจเรื่องของประจำเดือนของผู้หญิงแต่มันก็น่าฉงนถ้าหากว่าเพื่อนสาวของน้องสาวตัวเองจู่ๆก็พูดเรื่องประจำเดือนออกมาโต้งๆ
ถ้าผมเคยมีแฟนมาก่อนผมก็คงจะพอยอมรับมันได้มากกว่านี้หน่อยล่ะนะแต่ก็…….เพราะผมไม่เคยมีประสบการณ์มีแฟนมาก่อนน่ะสิ
แล้วเอริกะจังก็พูดต่อโดยที่ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับความรู้สึกของผมเลย
“หนูเป็นประเภทที่เมนส์จะมามากตั้งแต่วันแรกเลยน่ะ……”
“นี่ก็ตรงเกิน…….”
“แล้วคุณพี่ชายงงอะไรล่ะคะ? คุณพี่ชายเองก็มีน้องสาวมันก็ถือเป็นเรื่องปกติที่จะพูดถึงเรื่องเมนส์ใช่ไหมล่ะคะ?”
“ไม่เลย ยัยมานะไม่เคยพูดแบบเปิดเผยขนาดนี้ต่อหน้าชั้นเลย”
“เห…อย่างงี้นี่เอง พอดีหนูเป็นลูกคนเดียวก็เลยไม่ค่อยเข้าใจเรื่องแบบนั้นสักเท่าไหร่”
ขณะที่เอริกะจังพูดเธอก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วนั่งบนเตียง
“หนูหิวแล้ว……ขออะไรกินหน่อยสิคุณพี่ชาย”
“ไงนะ?”
“หนูหิวมากๆจนลุกออกจากเตียงไม่ไหวแล้ว คุณพี่ชายช่วยหนูทีหรือจะให้หนูไม่ลุกจากออกเตียงของคุณพี่ชายดีล่ะ?”
“หา?!”
เอริกะจังนั่งแล้วโยกตัวไปมาและร้องว่า “หิวแล้ว~ หิวแล้ว~”
เธอดูเหมือนตัวมาสคอตสักตัวที่ขายในร้านขายของชำราคา 100 เยนที่ส่ายไปส่ายมาได้พอโดนแดด
แต่ไอ้เจ้ามาสคอตที่ว่ามันก็ไม่ส่งเสียงโวยวายดังขนาดนี้ล่ะนะ
“แล้วมานะกับคนอื่นๆล่ะ?”
ผมถามเอริกะจัง
“พวกเธอทิ้งหนูไว้ รูนะบอกว่าเธออยากจะไปซื้อมังงะเพราะงั้นบางทีพวกเธออาจจะพากันอยู่ที่ร้านหนังสือหน้าสถานีล่ะมั้ง?”
“งี้นี่เอง…….”
ก็ถ้าไม่มีใครดูแลเอริกะจัง ก็คงจะเป็นผมเองที่ต้องดูแลเธอ
“นี่~ นี่~ หนูหิวแล้วอ่ะ อยากกินราเมงถ้วยจัง~”
เอริกะจังโยกตัวไปมา
เอริกะจังที่กำลังโยกตัวไปทางซ้ายทีขวาทีบนเตียงของคนอื่นพร้อมกับร้องว่า
“หิวแล้ว~” มันดูน่ารักมากจริงๆ
“ให้ตายสิ…………ช่วยไม่ได้นะงั้นเดี๋ยวชั้นจะไปจัดการให้รอสักเดี๋ยวละกัน”
“ค่า~”
ผมเดินไปที่ห้องครัวอย่างไม่เต็มใจจะไปนักและหยิบราเมงถ้วยออกมาจากในตู้
พวกเรามีราเมงถ้วยติดบ้านอยู่ตลอดมันเป็นอาหารฉุกเฉินชนิดหนึ่งที่ผมจะหยิบมันมากินบ้างเป็นบางครั้งและก็คอยซื้อมาตุนเพิ่มเป็นครั้งคราว
ผมวางราเมงถ้วยลงบนถาดแล้วเทน้ำร้อนจากกาต้มน้ำ
หลังจากปิดฝาแล้วผมก็วางตะเกียบลงที่ถาดแล้วก็เดินถือไปที่ห้อง
“ขอบคุณที่รอ~เอานี่ราเมงถ้วยของเธอ”
“เย้ ~”
เอริกะจังที่นั่งบนเตียงส่งเสียงเชียร์อย่างดีใจ
ผมวางถาดที่ผมถือมาวางไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นและพูดกับเอริกะจัง
“ไม่ว่ายังไงชั้นก็ไม่ยอมให้เธอกินบนเตียงหรอกนะ ถ้าจะกินก็ต้องลงมาจากเตียงก่อน”
จากนั้นเอริกะจังก็ยอมลุกออกจากเตียงอย่างไม่เต็มใจ
ตัดสินจากสีหน้าของเธอแล้วถ้าเกิดว่าผมไม่พูดอะไรเลยเธอก็คงจะวางแผนจะกินบนเตียงแหงๆ
เอริกะจังคลานมาที่โต๊ะญี่ปุ่นแล้วเปิดฝาราเมงถ้วยแล้วทำหน้ามีความสุขพร้อมกับถือตะเกียบอยู่ในมือของเธอ
“จะทานละนะคะ!”
น้ำเสียงร่าเริงของเอริกะ
แม้แต่ในหมู่เพื่อนของมานะเองเอริกะจังเธอก็เป็นคนที่ไม่ค่อยถนัดเรื่องมารยาทเป็นพิเศษ
แต่ถึงอย่างงั้นเธอก็ยังพูดว่า ‘จะทานละนะคะ’ ออกมาได้ตามมารยาท
มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นล่ะนะ
แต่พอครู่หนึ่งที่ผมรู้สึกประทับใจผมก็ขมวดคิ้วทันที………
เอริกะจัง…..เธอเริ่มกินราเมงถ้วยของเธอด้วยวิธีการจับตะเกียบที่แหวกแนวโครตๆ
มันเหมือนมนุษย์ยุคหินที่พึ่งเรียนรู้วิธีการใช้เครื่องมือมาหมาดๆ
ตะเกียบของเธอถูกกำแน่นด้วยมือขวาและไม่สามารถหยิบจับอะไรได้เลย
เธอเพียงแค่ใช้มันยกเอาเส้นบะหมี่ออกจากถ้วยแล้วม้วนไปมาอย่างยุ่งเหยิง
อะไรกันวะเนี่ย!? วิธีการจับตะเกียบบ้านไหนกัน!?
ผมตัวสั่นเทิ้มพอเห็นเอริกะจังกิน
ผมรู้ว่าตัวเองเป็นคนเจ้าระเบียบแล้วผมก็รู้ว่าคนเราสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยที่ไม่จำเป็นต้องไปพะวงไปกับเรื่องยิบย่อยก็ได้
แต่ยังไง………ผมก็เป็นผู้ชายที่จะไม่ให้อภัยกับบางสิ่งบางอย่างเช่น
‘แกนกระดาษทิชชูที่ใช้หมดแล้วที่เหลือทิ้งไว้ตรงที่เสียบ’ หรือ ‘วิธีจับตะเกียบที่มั่วนิ่มขนาดนี้’
“รู้ไหม……เอริกะจัง”
“เอ๊ะ? มีอะไรเหรอ?”
“ชั้นก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องที่ถูกที่จะพูดแบบนี้กับเพื่อนของน้องสาวหรอกนะแต่ว่า…….ขอชั้นพูดอะไรหน่อยได้ไหม?”
“ได้สิ”
เอริกะจังมองมาที่ผมแล้วผมก็มองย้อนกลับไปหาเธอแล้วก็ขอร้องเธอจากก้นบึ้งของหัวใจ
“เธอคิดว่าจะใช้ชีวิตด้วยการจับตะเกียบแบบนั้นได้รึไงกัน!!!???”
“คะ!?”
เอริกะจังมองมาด้วยความตกใจในขณะที่ผมตะคอกใส่เธอ
แต่ผมก็ไม่ลังเลเลยที่จะคว้ามือของเธอ
“เอาตะเกียบไปหนีบไว้ตรงฐานของนิ้วโป้งแล้วก็เอานิ้วโป้ง,นิ้วชี้แล้วก็นิ้วกลางคอยจับตะเกียบส่วนบนไว้ นี่แหละคือวิธีที่ถูกต้องในการจับตะเกียบ!”
ผมบังคับให้เอริกะจังแก้ไขวิธีที่เธอจับตะเกียบ
แล้วเอริกะจังที่ตอนนี้ถือตะเกียบได้ถูกต้องแล้วก็มองดูตะเกียบด้วยสีหน้ากลัวๆ
“เอ๊ะ?…..มันสั่นใหญ่เลยอ่ะ….?”
ใช่เลย….ตะเกียบมันสั่นเป็นเจ้าเข้าเลย
“นั่นก็เพราะว่าเธอยังไม่ชินยังไงล่ะ แต่จับแบบนี้แล้วสวยงามกว่าแน่นอน!”
ขณะที่ผมพูดรับรองกับเธอไปเอริกะจังก็กระสับกระส่าย
“เอ๋….? นี่คือ….สวยแล้ว?”
“อ่า…สวยแล้วล่ะ การจับตะเกียบแบบมั่วๆมันมีแต่ข้อเสียนะเพราะงั้นเธอก็ควรที่จะแก้ไขมันซะตั้งแต่ตอนนี้เลย เอริกะจังเป็นคนสวยนะเพราะงั้นชั้นก็เลยคิดว่าถ้าเธอไม่ทำมันจะดูเสียของไปเปล่าๆน่ะ”
“เอ๊ะ?! สะ-สวย!?”
ตกใจขนาดนั้นเลยเหรอที่ผมเรียกเธอว่าคนสวยน่ะ……
เอริกะจังหน้าแดงและเธอก็อ้าปากผงาบๆ
“เอ๊ะ? มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเชียว? ก็เอริกะจังเป็นคนสวยนี่นาแล้วชั้นก็เชื่อว่าหลายๆคนเค้าก็พากันคิดอย่างนั้นนะ”
“ไม่เลยๆๆ ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้กับหนูมาก่อนเลยนะ!! คุณพี่ชายไม่เคยคบหากับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยแท้ๆ แล้วไหงถึงพูดอะไรอย่างนี้ออกมาได้คล่องขนาดนี้ล่ะคะ!!”
“ถึงชั้นจะไม่เคยคบกับใครมาก่อน ชั้นเป็นคนก็พูดแบบนั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้วมันก็เหมือนๆกับการพูดว่า ‘แมวตัวนั้นน่ารักจังเลย’ หรือจะ ‘ฮีโร่เท่สุดๆไปเลย’ แล้วก็นั่นแหละเอริกะจังน่ะสวยสุดๆไปเลย”
“อ๊า!!!!! หยุดพูดนะ!!! หนูยังไม่คุ้นกับการใช้ตะเกียบเพราะงั้นขอสมาธิให้หนูด้วยค่ะ!”
แล้วมันผิดตรงไหนกันที่ผมชมว่าเธอเป็นคนสวยน่ะ?
เพราะมันเห็นได้ชัดเลยว่าเอริกะจังเป็นสาวสวยเพราะงั้นผมก็ไม่คิดว่าจะมีทางอื่นที่จะพออธิบายกับเธอได้อีกแล้ว
ผมเกาหัวแล้วก็มองไปที่เอริกะจัง
เอริกะจังที่กำลังกินราเมงถ้วยของเธอด้วยวิธีการจับตะเกียบที่ถูกต้อง
หน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับแต่ก็ดูน่ารักดีตอนที่เธอลองพยายามจับตะเกียบอย่างสุดความสามารถของเธอ
“ใช่เลยๆ ทำแบบนั้นแหละดี”
ผมพยักหน้าอย่างพึงพอใจและดวงตาของเอริกะจังก็เบิกกว้างและเม้มปากแน่น
“หืม? มีอะไรรึ?”
“หนวกหู!! แล้วก็เลิกมองมาได้แล้ว!”
“เอ๋!!”
ก็นี่มันห้องผมและผมก็เป็นคนเอาราเมงถ้วยนั้นมาให้เธอนะเฮ้ย……….
ก็อยากจะบอกกับเธอแบบนั้นอยู่หรอกแต่ผมก็ห้ามตัวเองก่อนที่จะพูดออกไป
แก้มของเอริกะจังเป็นสีแดงแจ๋และดวงตาของเธอก็ดูชุ่มชื้นหน่อยๆ
เป็นเพราะความร้อนจากบะหมี่ถ้วยหรือเพราะเธอรู้สึกไม่ค่อยสบายกันนะ?
ไม่ว่าจะยังไงพอผมเห็นการแสดงออกของเอริกะจังแล้ว
ผมก็ตัดสินใจที่จะยกโทษให้เธอเรื่องที่เธอทำตัวเห็นแก่ตัวในวันนี้
Chapters
Comments
- ตอนที่ 5: เธอคิดว่าจะใช้ชีวิตด้วยการจับตะเกียบแบบนั้นได้รึไงกัน!? กุมภาพันธ์ 11, 2022
- ตอนที่ 4: เกมทายขนาดหน้าอก กุมภาพันธ์ 6, 2022
- ตอนที่ 3: อย่างกับคุณแม่ไม่มีผิด มกราคม 16, 2022
- ตอนที่ 2: กลิ่นคุ้นๆนี่มันอะไรกัน? มกราคม 11, 2022
- ตอนที่ 1: แยงกี้ มกราคม 10, 2022
- ตอนที่ 0: บทนำ มกราคม 4, 2022
MANGA DISCUSSION