[นิยายแปล] เพื่อนน้องสาวที่เป็นแยงกี้ JK สุดสวยที่ไร้เดียงสาเกินกว่าที่จะดูแลตัวเองได้ - ตอนที่ 2: กลิ่นคุ้นๆนี่มันอะไรกัน?
- Home
- [นิยายแปล] เพื่อนน้องสาวที่เป็นแยงกี้ JK สุดสวยที่ไร้เดียงสาเกินกว่าที่จะดูแลตัวเองได้
- ตอนที่ 2: กลิ่นคุ้นๆนี่มันอะไรกัน?
ผมเห็นยัยพวกเพื่อนแยงกี้ของน้องสาวของผมกลับบ้านกันไปก่อนแล้วหลังจากนั้นไม่นานมานะที่เข้าบ้านมาก็เดินผ่านผมและมุ่งหน้าไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อยู่ติดกับห้องน้ำ
“เดี๋ยวหนูขออาบก่อนนะ”
“เอ๋? แต่พี่อยากอาบก่อนอ่ะ…….พึ่งกลับจากทำงานมาหยกๆ”
แม้ว่าจะเป็นสถานประกอบการที่ปลอดบุหรี่แต่การทำงานพาร์ทไทม์ที่อิซากายะก็อาจจะทำให้คุณมีกลิ่นตัวแรง ไอ้ค่าตอบแทนรายชั่วโมงมันก็ดีอยู่หรอกนะแถมช่วยทำเงินได้ดีในเวลาไม่นานด้วย แต่พูดตามตรงเลยผมไม่ชอบทำงานที่อิซากายะเอาซะเลย
ผมไม่ค่อยชอบกลิ่นแอลกอฮอล์เลยจริงๆ เป็นเพราะผมไม่ค่อยชอบดื่มหรืออาจเป็นเพราะบางทีตัวผมเองอาจจะไม่ถูกโฉลกกับมันก็ได้
ยังไงซะอย่างแรกที่ผมอยากจะทำเมื่อกลับมาจากการทำงานนั่นก็คือการอาบน้ำ
แต่ยัยมานะไม่ใช่น้องสาวตัวน้อยที่จะยอมพูดว่า
“ทำงานพาร์ทไทม์วันนี้ก็เหนื่อยหน่อยนะ! จะอาบน้ำก่อนเลยก็ได้นะ!”…………
แต่ถ้าเป็นมานะสมัย ม.ต้น ก็อาจจะพูดแบบนั้นอยู่ล่ะนะ
แล้วพอผมทักท้วงเธอปุ๊บมานะก็ทำหน้าแหยงๆออกมา
“หา? ก็ต้องไม่ได้อยู่แล้วน่ะสิ หนูไม่อยากจะลงไปในอ่างเดียวกันกับที่พี่เข้าไปแช่หรอกนะ”
“วัยแตกสาวก็มา~”
ผมพูดออกไปด้วยเสียงโมโนโทน
จากนั้นมานะก็หัวเราะเยาะเย้ยผม
“เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน หนูจะให้พี่ใช้น้ำที่เหลือจในอ่างเดียวกันกับหนูก็ได้ เพราะงั้นจะดีใจก็ไม่ว่านะที่ได้อาบต่อจากหนูน่ะ”
แล้วนี่ถ้าพี่เข้าไปอาบต่อแล้วรู้สึกดีใจกับมันจริงๆ
พี่จะไม่เป็นพี่ชายที่เฮงซวยโครตๆเลยรึไงนั่น?
ผมเกือบจะเถียงกลับแล้วแต่ก็ห้ามตัวเองไว้
ขืนพูดแบบนั้นออกไปมีหวังโดนบาทาคุณน้องสาวกันพอดี
ช่างมันเถอะมานะเธอแค่อยากอาบก่อน
ยังไงเธอเองก็คงแค่อยากจะเห็นผมทำหน้าผิดหวังแค่นั้น
แม้ว่าเธอจะเป็นน้องสาวแท้ๆของผมแต่เธอก็ไม่ใช่คนที่ผมจะไปเถียงให้ชนะอย่างเอาเป็นเอาตายได้
พอผมเห็นมานะปิดประตูห้องน้ำผมก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
มานะเป็นคนอาบน้ำนานและน้ำที่เหลือในอ่างก็เหลือน้อยผิดปกติเพราะงั้นแหละก็อาบน้ำก่อนมันจะเป็นการดีกว่าสำหรับผม
ยังไงซะต่อให้ยกเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาแค่ไหนก็ตามก็ไม่มีทางที่มานะจะยอมฟังผมอยู่แล้ว
ก็เป็นวัยรุ่นแล้วนี่นะ
ผมตัดสินใจที่จะไปรออยู่ในห้องจนกว่ามานะจะอาบเสร็จ
แล้วเมื่อผมเปิดประตูเข้าห้องไปเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ชั่วโมง
ด้วยเหตุผลบางอย่างไฟที่ควรจะปิดกลับเปิดอยู่และผมก็ยืนหยุดนิ่งอยู่กับที่
สายตาของผมก็จับผู้บุกรุกได้ในทันที
แยงกี้ผมบลอนด์สวมที่เครื่องแบบเดียวกันกับมานะ
ผมที่ยาวถึงด้านหลังของเธอถูกฟอกเป็นสีขาวมากจนเกินไปและดูเหมือนว่ามันจะเรืองแสงเป็นสีขาวอยู่ตรงช่วงปลายผม
แม้จากระยะนี้ก็มองเห็นขนตาเรียวยาวของเธอได้อย่างชัดเจน
ลักษณะใบหน้าของเธอนั้นถูกนิยามไว้อย่างชัดเจน
ผมมั่นใจเลยว่าไม่ว่าใครหน้าไหนที่ได้เห็นเธอก็จะตัดสินเธอทันทีว่าเป็นสาวสวย
ผมเองยังคิดเลยว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่สวย
แต่ถึงเธอจะสวย………..มันก็ไม่ใช่ประเภทสถานการณ์ที่จะนิ่งดูดายไปได้
เด็กผู้หญิงที่อยู่เบื้องหน้าของผมเธอชันเข่าถ่างขาแล้วอ่านมังงะพร้อมเอามือมาค้ำที่แก้มของเธอ
เพราะท่าของเธอทำให้ผมมองเข้าไปข้างในกระโปรงของเธอได้ถ้าอยากจะมอง
แล้วสวิตซ์ “พี่ชายที่แสนดี” ของผมก็ถูกเปิดขึ้นทันที
“นี่! หุบขาหน่อยสิ”
“ฮะ?”
บางทีเธออาจจะกำลังจดจ่ออยู่กับมังงะของเธอจนไม่ทันสังเกตุว่าผมกลับมาแล้ว
พอเธอได้ยินเสียงดุของผมแล้วแม่สาวสวย………ฮาตะ เอริกะจังก็สะดุ้งตกใจ
“อ๊า โธ่! ตกใจหมดเลย! มีอะไรล่ะคะคุณพี่ชายของมานะ?”
“โฮ่ย! ก่อนอื่นเลยก็ช่วยหุบขาก่อนเซ่!”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็มองเห็นข้างในหมดแล้วเนี่ย!”
“ก็ถ้าไม่มองซะอย่าง ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่นา”
“กะ-ก็ต่อให้ไม่ต้องพยายามจะมองมันก็ยังเห็นอยู่ดีไงเล่า!”
ก็ถ้ามันมีช่องทางให้ดู เป็นคุณคุณก็อยากจะดูใช่ไหมล่ะ
ถ้าอะไรสักอย่างที่ปกติมันจะอยู่ในที่ลับตาถูกทำให้มองเห็นได้
ไอ้ความอยากรู้อยากเห็นนี่ล่ะที่แทบจะเป็นสัญชาติญาณไปแล้ว
มันไม่ใช่อะไรที่คุณจะขจัดมันออกจากหัวคุณได้อย่างสมบูรณ์โดยมีเพียงแค่เจตนาที่จะไม่มองเพียงแค่นั้น
เมื่อผมมองดูเธออย่างดุๆเอริกะจังก็ยอมหุบขาเธอเข้าไปราวกับว่าเธอชักจะรำคาญแล้ว
ผมก็กังวลเกี่ยวกับเรื่องทัศนคติของเธอซึ่งมันเหมือนกับเธอกำลังจะพูดออกมาว่า
“อย่าจุกจิกกับเรื่องเล็กๆน้อยๆเลยน่า” อะไรทำนองนั้น
นี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่ผู้หญิงเค้าจะถูกตักเตือนตอนอยู่บ้านหรอกเรอะ?
อย่างน้อยยัยมานะถึงแม้ว่าพฤติกรรมของเธอจะแย่ลงแค่ไหน แต่เธอก็ยังใส่ใจกับเรื่องกระโปรงของตัวเองอยู่
มีหลายเรื่องเลยที่ผมอยากจะพูดออกไป แต่ผมก็อดกลั้นไว้แล้วก็เอ่ยปากถามเอริกะจังว่า
“ที่สำคัญกว่านั้น ไหงเอริกะจังถึงมาอยู่ในห้องของชั้นได้ล่ะ?”
จากนั้นเอริกะจังก็ตอบขณะที่พลิกหน้ากระดาษมังงะที่เธอกำลังอ่านอยู่ไปด้วย
“พอหนูเริ่มอ่านแล้วก็ดันติดลม เกือบจบแล้วล่ะรออีกเดี๋ยวนะ”
“อีก 2 คนเขาไปกันแล้วนะ”
“อ๋า อาริสะกับรูนะพวกเธอต้องกลับก่อนที่จะข้ามวันน่ะ หนูคิดว่านะ”
“ถ้าอย่างนั้นตัวเธอเองจะไม่เป็นไรงั้นเหรอเอริกะจัง? เธอไม่มีอะไรอย่างเคอร์ฟิวกับเขาบ้างเหรอ?”
“ก็ไม่นะ หนูจะกลับตอนไหนหรือจะไม่กลับมันก็ไม่สำคัญหรอก”
ถึงตัวเธอเองจะคิดว่าไม่เป็นไรก็เถอะ แล้วพ่อแม่ของเธอจะไม่เป็นห่วงเธอรึไง…..?
ผมคิดอย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
มันก็เป็นไปได้ว่าเธอมีสถานการณ์ทางบ้านที่ค่อนข้างซับซ้อนตั้งแต่ที่เธอกลายเป็นแยงกี้
อันที่จริงเห็นว่าทางบ้านของรูนะจังเองก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวแล้วผมก็ได้ยินจากปากเจ้าตัวเองว่างานของแม่ของเธอคืองานให้บริการสยิวกิ้วแก่พวกผู้ชาย
ถ้าเกิดว่าผมจะต้องคุยกับเพื่อนๆของมานะตามสามัญสำนึกของครอบครัวของตัวเอง
มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ผมจะเผลอไปทำร้ายพวกเธอเข้า
ผมก็เลยค่อนข้างที่จะระมัดระวังเรื่องวิธีปฏิบัติต่อเพื่อนของน้องสาว
เอริกะจังอ่านมังงะต่อไปราวๆ 30 นาทีส่วนผมก็อยู่ตรงโต๊ะเรียนของตัวเองใช้แล็ปท็อปทำงานที่ได้รับมอบหมายมาของมหาวิทยาลัย
จากนั้นจู่ๆเอริกะจังก็เริ่มพูดคุยกับผม
“นี่ คุณพี่ชายน่ะมีมังงะอะไรที่มันน่าตื่นเต้นกว่านี้อีกบ้างไหม?”
เมื่อผมมองไปหาเอริกะจังและเห็นเธอวางมังงะไว้ตรงหน้าชั้นหนังสือ
นี่เธออ่านจบแล้วรึ? ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมถึงไม่เอากลับไปวางคืนบนชั้นหนังสือล่ะ?
“ชั้นจะปล่อยผ่านความจริงที่ว่าเธอปุบปับเข้ามาในห้องและอ่านมังงะของชั้นโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติก็แล้วกัน แต่อย่างน้อยๆเธอก็ช่วยเอามังงะกลับไปเก็บคืนที่ๆเธอเจอมันจะได้ไหม?”
“หา? คุณพี่ชายกำลังพยายามเปลี่ยนเรื่องอยู่งั้นเหรอ? หรือมันอาจจะอยู่ตรงไหนสักที่? บางสิ่งบางอย่างที่มันเต็มไปด้วยรสนิยมของคุณพี่ชายน่ะ”
“ไม่ได้กำลังพยายามจะเปลี่ยนเรื่องสักหน่อย! แล้วชั้นก็ไม่มีมังงะพรรค์นั้นด้วย! แล้วถึงจะมีชั้นก็จะไม่เอาให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ดูหรอกนะ!”
“เข้าตาจนแล้วสินะ!! ออกอาการแบบนั้นก็หมายความว่ามันต้องอยู่ตรงไหนสักที่ในห้องนี้แน่ๆเลยสินะคะ?”
เอริกะจังก็สำรวจห้องขณะที่ยิ้มกรุ้มกริ่มไปด้วย
ถ้าเธอแค่ยืนเฉยๆแล้วยิ้มออกมาเธอจะดูเหมือนกับเด็กผู้หญิงที่น่ารักและสวยมากคนนึง
แต่เอริกะจังไม่ใช่คนประเภทที่จะดูทำตัวเรียบร้อยและเหมาะสมอย่างนั้นเลย
เอริกะจังเริ่มก้มแล้วคุ้ยควานหาที่ใต้เตียงของผม
“อยู่ไหนกันน๊า~? อยู่~ไหน~น๊า~?”
แล้วสัญญาณไฟแดงในสมองของผมก็ดับลง
และปัญหาเรื่องกระโปรงก็อุบัติขึ้นอีกครั้งเพราะเธอก้มลงโดยหันก้มของเธอเข้าหาผมและผมก็เกือบจะได้เห็นข้างในกระโปรงของเธออีกแล้ว
ปวดหัวชะมัด……
ผมเพ่งไปที่คอมพิวเตอร์โดยที่พยายามไม่มองเอริกะจังที่ตอนนี้กำลังสนุกสนานยกใหญ่อยู่
“มันไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอกนะ หาไปก็เปล่าประโยชน์”
“เอ๋~? อย่างนั้นเองเหรอคะ? แต่พี่ชายของอาริสะเองก็มันไว้ใต้เตียงนี่นา”
แล้วนี่หล่อนไปทำอะไรไว้ที่บ้านคนอื่นครับเนี่ย?
ผมประสานมือแล้วสวดส่งให้กับเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายรายนั้นเขาเองก็คงจะมีช่วงเวลาที่เลวร้ายที่โอเอซิสที่เยียวยาจิตใจของเขาถูกเปิดโปงโดยแม่สาวแยงกี้รายนี้
เพื่อไม่ให้การเสียสละอันแสนมีค่าของเขาต้องสูญเปล่า
ผมก็เลยตัดสินใจที่จะดักคุณเธอไว้ก่อน
“ก็นะ ถ้าจะให้พูดเลยคือชั้นมันไม่ใช่พวกที่ชอบกระดาษ”
“อะไรกัน! คุณพี่ชายเป็นสาย E-Book เองหรอกเหรอ!?”
“ตามนั้นแหละ เพราะงั้นก็เลยเป็นไปไม่ได้เลยที่เอริกะจังจะได้เห็นมันเพราะมันมีการป้องกันด้วยรหัสผ่านอย่างแน่นหนา ไว้แฮ็คเป็นเมื่อไหร่ก็ค่อยกลับมาใหม่นะ”
“ฮึ!…….ไม่มีทางที่เด็กม.ปลายที่เป็นแยงกี้อย่างหนูจะบรรลุทักษะขั้นสูงอย่างนั้นได้หรอกค่ะ!!”
เอริกะจังทำหน้าบึ้งราวกับว่าหงุดหงิด
เธอก็ยังคงเป็นสาวสวยอยู่ดีถึงจะหน้านิ่วขมวดคิ้วก็ตาม
แล้วผมก็คงไม่ได้เป็นคนเดียวที่คิดว่านี่แหละคือสวยเสียของของแท้เลย
อีกอย่างผมก็ดึงความสนใจเธอให้หันไปสนใจที่ตัวอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์แทนได้แล้ว
แต่ว่าผมน่ะไม่มีของอะไรที่มันน่าสงสัยในคอมพิวเตอร์หรือในแท็บเล็ตของผมหรอกนะ
หนังสือเล่มโปรดของผมน่ะได้ทำการสลับตัวหน้าปกให้ดูเป็นหนังสืออีกเล่มอื่นและมันก็ถูกซุกอยู่ในตู้เสื้อผ้าท่ามกลางกองหนังสือเรียนของมหาลัยที่ดูยากๆ
ที่พูดไปก่อนหน้านี้คือโกหกให้เธอล้มเลิกที่จะตามหามันเฉยๆ
และก็เป็นไปอย่างที่หวังไว้เอริกะจังก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
เธอคงจะตระหนักได้แล้วว่าลำพังตัวเองคงไม่สามารถจะทำอะไรได้และก็ยอมแพ้ไป
ตัดสินใจได้ดีนี่ ขอบคุณครับผม
“ชิ น่าเบื่อชะมัดเลย~ เอาเถอะ หนูว่าหนูไปดีกว่า”
กำลังจะไปแล้ว……..ผมก็กังวลหน่อยๆว่าเธอคงจะไม่กลับมาแฮ็คคอมผมจริงๆสินะ
“ไว้เจอกันคุณพี่ชาย~”
ขณะที่โบกมือลาส่งๆเอริกะจังก็เดินออกจากห้องของผม
“อ่า ดูแลตัวเองด้วย-“
ผมบอกเธอเหมือนกับที่ทำกับรูนะจังและอาริสะจัง
ในที่สุดก็ได้อยู่คนเดียวสักที
เธอเป็นเพื่อนของน้องสาวผม ก็เลยช่วยไม่ได้ที่จะจู้จี้จุกจิกกับเธอหน่อย
รู้สึกเหมือนกับว่าในที่สุดก็ได้กลับมาที่ห้องของตัวเองสักทีนึง
ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ภายในห้องก็เงียบกริบแล้วผมก็ได้ยินเสียงมานะกับเอริกะคุยกันตรงโถงทางเดิน
“อ๊ะ เอริกะจะไปแล้วเหรอ?”
“อื้อ มานะไว้เจอกันนะ~!”
“เจอกันพรุ่งนี้จ้า~!”
เสียงของมานะสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเวลาเธอคุยกับเอริกะ
มานะมีเพื่อนชาวแยงกี้อยู่หลายคนและสนิทที่สุดกับรูนะจังและอาริสะจังที่ชอบพากันออกไปเที่ยวเล่นด้วยกันอยู่ตลอด
แต่เอริกะจังน่ะเป็นคนที่พิเศษออกไป
เพราะเอริกะจังน่ะเป็นคนที่ช่วยเหลือมานะด้วยการช่วยให้มานะปรับตัวได้ในตอนที่เธอใกล้จะได้ดรอปเรียนกลางคันจากโรงเรียนแล้ว
[หนูมีเพื่อนแล้วล่ะ เธอมีผมสีบลอนด์……..ดูเหมือนกับท่านนางฟ้าเลยล่ะ]
ผมยังคงจดจำครั้งแรกของมานะที่เธอกำลังค่อยๆฟื้นคืนความร่าเริงของเธอกลับมา
แล้วเล่าเรื่องเพื่อนของเธอให้ผมฟัง
มานะเรียกเธอว่าท่านนางฟ้าผมก็เลยนึกภาพตามไปว่าเธอคงจะเป็นคนสวยแถมใจดี
แต่พอมานะพาเอริกะจังมาที่บ้านเป็นครั้งแรกผมก็ถึงกับพูดไม่ออก
เพราะเพื่อนของเธอไม่ใช่ท่านนางฟ้าผมบลอนด์แต่กลับเป็นแยงกี้ผมบลอนด์ต่างหากล่ะ…..
แม้ว่าหน้าตาจะสวยแต่เอริกะจังก็จ้องมองผมด้วยสายตาที่เฉียบคมแล้วก็ทักทายผมด้วยคำว่า “ไง~” จนผมรู้สึกตัวสั่นเทิ้มจนเผลอตอบแบบเดียวกันว่า “งะ-ไง ~” กลับไป
เกิดมาไม่เคยทักชาวบ้านแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต…….
แต่ดูเหมือนเอริกะจังเธอจะสะดวกแบบนั้นและตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอก็เรียกผมว่า
“คุณพี่ชาย” แล้วก็กลายเป็นว่าชอบเข้ามาเกาะแกะผม
สำหรับมานะแล้วเอริกะจังเป็นทั้งเพื่อนที่ดีที่สุดแล้วก็ผู้มีพระคุณ
นั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่ผมรู้สึกขอบคุณเอริกะจังเป็นพิเศษ
“หืม?”
เมื่อผมเข้าไปใกล้ๆเตียงผมก็ได้กลิ่นหอมหวานซึ่งมันไม่ใช่กลิ่นของผม
แล้วก็ไม่ได้มาจากของๆผมด้วย
กลิ่นหอมๆนี่……
“กลิ่นนี่มันอะไร…….ทำไมมันคุ้นๆ…..?”
นี่มันใช่กลิ่นของเอริกะจังที่มาอยู่ที่นี่เมื่อไม่นานมานี้งั้นเรอะ?
ไม่น่าใช่ ผมก็ไม่เห็นจะได้กลิ่นนี้จากตัวเอริกะจังตอนที่เธอเดินซนรอบๆห้องเลย
ขณะที่ผมกำลังดมผ้าปูที่นอนตัวเองแล้วเอียงคอด้วยความงุนงง
จู่ๆก็มีคนเรียกผมจากทางด้านหลังด้วยน้ำเสียงชื่นมื่น
“ทำอะไรอยู่เอ่ย~?”
ผมตกใจและหน้าหน้ามาแล้วก็เห็นมานะอยู่ข้างหลังพร้อมกับกำลังยิ้มเยาะใส่ผม
“หนูจะมาบอกว่าหนูอาบเสร็จแล้ว ว่าแต่พี่ทำอะไรอยู่น่ะ? อย่าบอกนะว่าพี่กำลังดมกลิ่นของเอริกะอยู่งั้นเหรอค๊า~?”
“ปะ-เปล่าสักหน่อย! เข้าใจผิดแล้ว! ชั้นแค่สงสัยว่าไอ้กลิ่นแปลกๆนี่มันมาจากไหนแค่นั้นเองนะ!!”
“หืมมมมม? ไม่ใช่ว่าพี่กำลังเล็งเอริกะอยู่ใช่ไหม?”
“ไม่ได้เล็งอะไรทั้งนั้นแหละ พี่คิดกับเอริกะจังเหมือนเป็นน้องสาวของชั้นแค่นั้นจริงๆนะ”
“จริงอ่ะ~? เอริกะน่ะเป็นคนที่สวยมากๆเลยน๊า~ หนูก็เลยคิดว่ามันคงเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่พี่ชายจะสนใจเธอจริงไหมล่ะ? แต่เพียงเพราะพี่ไปสารภาพรักต่อหน้าเธอไม่ได้ก็ได้อย่ากลายเป็นพวกโรคจิตที่พอใจกับการดมกลิ่นของเธอก็แล้วกัน”
มานะหัวเราะคิกคักแล้วเดินออกจากห้องไป
“ใครจะไปเป็นแบบนั้นกันเล่า……..”
ผมเกาหัว
ดูเหมือนว่าพวกเธอทั้งทุกคนจะชอบแกล้งและชอบปั่นประสาทผมซะจริง
ผมอยากรู้ว่านี่มันคือการแสดงความรักแบบที่ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องของพวกแยงกี้รึเปล่านะ?
“ชั้นเองก็ไม่คิดว่าจะมีพี่ชายที่จะเป็นสุภาพบุรษกับเพื่อนของน้องสาวตัวเองแถมยังเข้าใจพวกแยงกี้ด้วยมากนักหรอกนะ ก็ได้หวังว่าพวกเธอจะทำดีกับชั้นให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย….”
ผมคิดว่าตัวเองเป็นพี่ชายที่ดีแล้วนะแต่ก็ไม่มีใครเคยพูดอะไรแบบนั้นกับผมเลยสักครั้ง
นี่ผมคิดมากเกินไปรึเปล่าเนี่ย?
“ช่างเถอะ เหนื่อยแล้ว……..ไปอาบน้ำแล้วเข้านอนดีกว่า”
ระหว่างที่ไปอาบน้ำผมก็ถอนหายใจและลืมเรื่องกลิ่นแปลกๆบนเตียงไป
แล้วพอผมกลับมาจากการอาบน้ำผมก็จำกลิ่นอะไรที่ว่าไม่ได้เลย
ผมเหนื่อยมากหลังจากการทำงานอย่างหนักที่งานพาร์ทไทม์หลังจากเลิกเรียนจากมหาวิทยาลัย………แล้วผมก็ผล็อยหลับไปในพริบตา