[นิยายแปล] เพื่อนน้องสาวที่เป็นแยงกี้ JK สุดสวยที่ไร้เดียงสาเกินกว่าที่จะดูแลตัวเองได้ - ตอนที่ 0: บทนำ
จำนวนปีที่ผมไม่เคยมีแฟนเลยมันก็เท่ากันกับอายุของผมพอดีนั่นก็คือ 20 ปี
ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่สนใจเพศตรงข้ามหรอกนะ สมัยม.ต้นเองผมก็มีรักที่ไม่สมหวังอยู่
และช่วงม.ปลายก็ถึงขนาดเคยนึกจินตนาการถึงแฟนในอุดมคติของตัวเองอีกต่างหาก
ยังไงซะไอ้ความปรารถนาที่จะอยากจะมีแฟนมันก็ช่างไม่ประจวบเหมาะกับปรากฏการของการที่จะให้มีแฟนได้เลยนี่สิ ก็ถ้ามันง่ายเหมือนกับซื้อข้าวปั้นในร้านสะดวกซื้อล่ะก็
ป่านนี้คงจะไม่มีใครบนโลกใบนี้ต้องหลั่งน้ำตาเพราะอยากจะมีแฟนหรอกนะ
ผมก็เคยรู้สึกสังหรณ์ถึงวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองที่ว่าตัวผมนั้นไม่มีโชคเรื่องผู้หญิงเอาซะเลย
แต่ยังไงผมก็ตัดสินใจที่จะไม่ขอรับรู้ถึงความรู้สึกอดทนอดกลั้นนั้นอีกต่อไปแล้ว
ผมตัดสินใจเลิกหาแฟน
ก็ไม่ใช่ว่ายอมแพ้แล้วนะ แค่หยุดพักเฉยๆเท่านั้น
ในฐานะนักเรียนผมเองก็ต้องเรียนหนัก
มันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะเริ่มต้นสนุกไปกับความรักหลังจากที่คุณได้กลายเป็นสมาชิกของสังคมแล้ว
แล้วหลังจากนั้นพัฒนาการในอุดมคติก็คงจะเป็นการที่สามารถแต่งงานกับเธอได้ทันทีทันใดในช่วงเวลาที่ไฟความรักของผมมันยังลุกโชติช่วงอยู่
นั่นก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงไม่ได้โหยหาแฟนในตอนนี้
ไม่ต้องการเลย
เพื่อที่จะเป็นสามีที่ดีในอนาคต ผมจะตั้งใจร่ำเรียนอย่างสุดกำลังเพื่อคุณภรรยาของผม
และเมื่อตัดสินใจแบบนั้นแล้ว จากมุมมองของท่านผู้ชม
ผมก็ได้กลายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ขยันขันแข็งและน่าเหนื่อยหน่ายแต่แล้ว…….
วันหนึ่งตัวผม คามิโจ สึคาสะ ก็ถูกสาวมัธยมปลายจับกด
สาวสวยผมสีบลอนด์ที่ดูโปร่งแสงได้จ้องมองลงมาที่ผมพร้อมกับแก้มของเธอที่เป็นสีชมพู
รูปร่างหน้าตาของเธอดูดีมากๆซึ่งถ้าคุณบอกผมว่าเธอคือนางฟ้า ผมเองก็คงจะพยักหน้าเห็นด้วยล่ะนะ
ผมสีบลอนด์ของเธอส่องประกายเป็นสีขาวเวลาเข้าใกล้
นั่นเป็นเคล็ดลับที่ทำให้ตัวหล่อนดูศักดิ์สิทธิ์แต่ความเป็นจริงก็คือผมของเธอก็มีสีดำปนอยู่ตรงบริเวณรากผมเล็กน้อยที่บ่งบอกว่าเธอไม่ใช่นางฟ้าแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงมนุษย์ที่ไม่สมประกอบ
จากนั้นริมฝีปากสีแดงอ่อนของเธอก็เปิดออก
“จะขอติดตามไปชั่วชีวิตเลย! ลูกพี่!! ได้โปรดช่วยรับหนูเป็นลูกน้องด้วยเถอะค่ะ!”
ก็ถ้าเธอแค่นั่งอยู่เฉยๆผมว่าผู้ชายหลายคนก็คงจะตาบอดและก็หลงไหลเธอในทันที
แต่ยังไงก็ตามเธอที่ประกาศกร้าวว่าจะไล่เตะโด่งผู้ชายทุกคนที่เข้ามาใกล้เธอด้วยแรงจูงใจที่ซ่อนเร้น
ชาวบ้านเขาพากันเรียกคนอย่างเธอว่า “แยงกี้”
“ ‘ลูกพี่’ เหรอ……..แต่ชั้นไม่ได้คิดอยากจะมีลูกน้องเลยสักนิด”
“อย่างงั้นเหรอ?”
“ก็เพราะว่าไอ้ชั้นมันไม่ใช่แยงกี้น่ะสิ……….”
“นั่นสินะ นั่นก็จริงอยู่……..ถ้างั้น….”
หญิงสาวผมบลอนด์ก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจู่ๆก็เบิกตากว้าง
“จริงสิ! งั้นก็มาเป็นสามีภรรยากันเถอะค่ะ……….หนูอยากแต่งงาน ช่วยแต่งงานกับหนูทีเถอะค่ะ!”
“ห๋าาาาาาา!?”
เสียงที่สับสนงุนงงของผมดังก้องไปทั่วภายในห้อง
คงต้องทวนอีกครั้งว่าประวัติการไม่เคยมีแฟนของผมนั้นมันเท่ากันกับอายุของผมพอดี
กล่าวอีกนัยนึงคือเธอกับผมเรายังไม่ได้คบกัน
ถึงอย่างนั้น……..จู่ๆเธอก็มาขอผมแต่งงานแบบสายฟ้าแล่บ…….
ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าผมกับแม่สาวผมบลอนด์………ฮาตะ เอริกะ
พวกเราจะมาลงเอยกันแบบนี้