ตอนที่ 2 ลงจอดฉุกเฉิน
ตอนนี้เรากำลังเหม่อลอยอยู่ภายในยานลี้ภัยฉุกเฉิน ยังไม่อยากยอมรับเลยว่าจะโดนโจมตีและสหายของเราทุกคนนั้นได้เสียชีวิตแล้ว
ตอนอยู่บนยาน เราทำตามที่อีริสแนะนำซะส่วนใหญ่ กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนที่ได้อยู่ตัวคนเดียวในยานลี้ภัยและได้สงบจิตสงบใจลงเล็กน้อย
ใบหน้าของทุกคนภายในหมวดและของผู้บัญชาการแวบเข้ามาในหัวของเรา กว่าจะรู้ตัวน้ำตาก็ไหล
“บัดซบเอ๊ย!”
จู่ ๆ ยานลี้ภัยเริ่มสั่นอย่างรุนแรง
“เกิดอะไรขึ้น?”
AI ของยานลี้ภัยได้ตอบกลับในขณะกำลังเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์
“มีปัญหาอะไรไหม”
[ไม่พบปัญหาใดๆ ทุกอย่างอยู่ในค่าการคำนวณที่คาดไว้ครับ]
แรงสั่นสะเทือนเริ่มรุนแรงขึ้นอีก
“เฮ้ย! ทุกอย่างโอเคนะ!?”
[ไม่พบปัญหาใดๆ ทุกอย่างอยู่ในค่าการคำนวณที่คาดไว้ครับ]
แรงสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นอีก
“เฮ้ย-ย!?”
[ไม่พบปัญหาใดๆ ทุกอย่างอยู่ในค่าการคำนวณที่คาดไว้ครับ]
มีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ ถึงแม้จะเป็นยานลี้ภัยแบบใช้ครั้งเดียว แต่ AI ไม่ควรตอบแบบนี้ มันอาจจะได้รับความเสียหายหรืออะไรบางอย่าง
ทุกอย่างจะดีจริงเหรอ? มาลองคิดดู ยังไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับการใช้ยานลี้ภัย เพื่อลงจอดบนดาวเคราะห์โดยตรงมาก่อน ต้องลองตรวจสอบผ่านนาโนมดู
(นาโนม จนถึงตอนนี้มีการบันทึกเคสที่ยานลี้ภัยลงจอดบนดาวเคราะห์มาแล้วกี่ครั้ง?)
[12 ครั้งในพันปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ล่าสุดที่บันทึกไว้คือ 320 ปีที่แล้วครับ]
มีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น อย่างที่คิด เดาว่าเป็นเรื่องปกติเพราะการปะทะมักไม่เกิดขึ้นใกล้กับดาวเคราะห์
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วนะ? เมื่อเราไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน ตัวที่สั่นก็ลดลงเช่นกัน
ไอพุ่นได้ถูกจุดขึ้นพร้อมกับการหมุนที่หยุดลง หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ได้เกิดแรงปะทะมาพร้อมกับเสียงอะไรบางอย่างแตก
ต่อมาเราได้ยินเสียงพุ่งพรวด มีบางอย่างรั่วออกมาหรอ?
“คราวนี้มีอะไรอีก!?”
[ร่มชูชีพถูกนำไปใช้งานสำเร็จ แต่ดูเหมือนว่ามีรอยร้าวเกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งเนื่องจากการรับแรงกระแทกครับ]
ห่าเอ๊ย! พวกเขาซื้อไอ้นี่ที่ไหนกัน!? เป็นครั้งแรกที่เจอกับเครื่องจักรที่มีสเปกต่ำแบบนี้
รอยแตกเกิดขึ้นเพียงเพราะกางร่มชูชีพ? ไม่ เราต้องคิดบวกเข้าไว้ แม้มันไม่ปกติตามมาตรฐานของจักรวรรดิ
“มีปัญหาอะไรกับร่มชูชีพหรือเปล่า”
[ไม่พบปัญหาใด ๆ อีก 25 นาที จนกว่าจะถึงพื้นผิวครับ]
เฮ้อ อย่างน้อยก็น่าจะไปได้ด้วยดี
“เฮ้ ยาน ผู้ผลิตของนายชื่ออะไร”
[บริษัท ออร์แลนโด เฮฟวี่ อินดัสตรีส์ จำกัดครับ]
อ่า นั่นแหละ บริษัท ออร์แลนโด เฮฟวี่ เป็นบริษัทที่มีมายาวนาน แต่เมื่อสองปีก่อน พบข้อบกพร่องที่สำคัญในผลิตภัณฑ์ ตามด้วยการค้นพบข้อบกพร่องรุนแรงในสินค้าส่วนใหญ่ ปัจจุบันเป็นบริษัทที่ประสบปัญหามากมาย มั่นใจได้เลยว่ายานลี้ภัยลำนี้รวมอยู่ในสินค้าพวกนั้นด้วยแน่ ๆ
“จะไม่มีปัญหากับการลงจอดใช่ไหม”
[ไม่พบปัญหาใด ๆ ออกซิเจนมีเพียงพอครับ]
“เดี๋ยวนะ อากาศรั่วเหรอ!?”
[ไม่พบปัญหาใด ๆ ออกซิเจนมีเพียงพอครับ]
ให้ตายสิ นี่มันสิ้นหวังชะมัด …เดี๋ยวก่อนนะ!
“อากาศภายนอกหายใจได้ไหม”
[หายใจได้ครับ ผ่านค่ามาตรฐานความปลอดภัย]
วุ้ย ค่อยโล่งใจหน่อย เราพยายามตรวจดูทิวทัศน์ภายนอกผ่านจอภาพ แต่มองอะไรไม่ค่อยเห็นเพราะจอมีขนาดเล็กเกินไป
[เราจะลงจอดบนผิวน้ำใน 1 นาทีครับ]
ในที่สุด…หืม? เดี๋ยวนะ เรากำลังลงจอดที่ไหน!?
“หมายความว่ายังไงที่เรากำลังลงบนผิวน้ำ!?”
[จุดลงจอดที่คาดคะเนอยู่เหนือทะเลสาบครับ]
“เปลี่ยนเส้นทางเดี๋ยวนี้ซะ!”
หรือไม่ก็บอกเราให้เร็วกว่านี้ ให้ตายสิวะ!
ไอพ่นได้เปิดใช้งานอีกครั้ง
[ไม่สามารถทำได้ ไอพ่นสามารถใช้ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงเท่านั้นครับ]
เริ่มโกรธ AI บ้าๆ นี้แล้ว
“ยานลำนี้ลอยน้ำได้ไหมหะ!”
[มีรอยแตกอยู่ในโครงสร้าง มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกน้ำท่วมครับ]
รู้อยู่แล้วล่ะ ว่าต้องพูดแบบนั้น
[เรากำลังจะลงจอดครับ]
แรงกระแทกที่พื้นผิวค่อนข้างมาก เรารีบปลดเข็มขัดนิรภัยและเริ่มเตรียมที่จะออกจากยาน
เรานำกระเป๋าเป้สะพายหลัง ปืนไรเฟิล ปืนเลเซอร์ มีดใบมีดแม่เหล็กไฟฟ้า กระเป๋าที่ใส่โมดูลประมวลผล ชุดยูนิฟอร์ม ชุดทำงาน และผ้าห่มสองผืนติดตัวไปด้วย พกกระเป๋าไปหลายใบทีเดียว
เราไม่สามารถนำขวดน้ำพลาสติกไปด้วยได้ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดิมพันว่าน้ำในทะเลสาบจะดื่มได้ ต่อให้ดื่มไม่ได้ ยังไงสุดท้ายก็ขาดน้ำตายอยู่ดี
เรานำปืนเลเซอร์ โมดูลโปรเซสเซอร์ ชุดยูนิฟอร์ม และชุดทำงานเข้าไปในกระเป๋าเป้แล้วยกขึ้นหลัง และยังใส่สายสะพายปืนไรเฟิลไว้บริเวณไหล่ของเรา
ผ้าห่มก็มีสลิงติดอยู่ด้วย ก็เลยเอามาวางไว้บนหัวและถือไว้ทั้งสองข้าง
“โอเค เปิดประตู”
พอเปิดประตูน้ำเริ่มท่วม! เราสามารถคว้าขอบประตูและดึงตัวเองออกจากยานได้
อากาศ…ไม่มีปัญหาสินะ
จากที่เห็น ชายฝั่งห่างออกไปประมาณ 70 เมตร ดูเหมือนว่าเราจะตกมาค่อนข้างไกล
เราว่ายน้ำไม่เก่งนัก แต่ก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ผ้าห่มที่เราถือไว้ทั้งสองด้านดูเหมือนจะทำจากวัสดุที่ไม่ดูดซับน้ำและช่วยให้ลอยได้ แต่ปืนไรเฟิลนั้นค่อนข้างหนัก
เราว่ายน้ำและไปถึงฝั่งในเวลาประมาณสามถึงสี่นาที วุ้ย เรารอดแล้ว! ดีใจที่มันเป็นเวลากลางวัน ถ้าเราลงจอดในตอนกลางคืน แน่ใจเลยว่าจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากกว่านี้
เราเริ่มสแกนบริเวณโดยรอบ ดอกไม้นั้นดูเหมือนจะค่อนข้างคล้ายกับที่เคยเห็นบนดาวเคราะห์ดวงอื่นที่เคยไป ส่วนใหญ่เป็นสีเขียวและมีรูปร่างคล้ายกับพืชที่คุ้นเคย ยังสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าพวกมันทำให้นึกถึงดาวเคราะห์บ้านเกิดของเรา
แต่ตอนนี้เราควรทำอะไร? เมื่อลองคิดดู ก็นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมา
ประการแรก เหตุผลที่ถูกบังคับให้อพยพไปยังดาวดวงนี้เป็นเพราะยานขาดออกซิเจนและอีริสต้องใช้เวลาในการซ่อมแซม
หากไม่มีอุปกรณ์สื่อสารบนยานลี้ภัยฉุกเฉิน เราก็จะไม่สามารถติดต่อกับอีริส ได้ ฟังก์ชั่นการสื่อสารของนาโนมไม่สามารถติดต่อเธอได้ ระยะที่มีประสิทธิมีเพียงไม่กี่กิโลเมตรเท่านั้น
“ยานลี้ภัย ตอบกลับ!… ได้โปรดตอบกลับด้วย!”
ไม่มีประโยชน์. เราพยายามเรียกมันหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีการตอบสนอง ยานนั้นกันน้ำได้ไหมนะ? น่าจะลองยืนยันก่อน
มัวแต่ยุ่งกับ AI โง่เง่าก่อนหน้านี้ ก็เลยไม่ได้สงสัยมาก่อนเลย
มันสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมสูญญากาศได้ดังนั้นจึงควรจะสามารถทำงานใต้น้ำได้เช่นกัน แต่ก็ไม่อยากไปคาดหวังอะไรกับขยะชิ้นนั้นเลย
อย่างแย่ที่สุด เราจะต้องหาวิธีกอบกู้มันขึ้นมาจากน้ำ แต่นั่นมันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับตัวเราคนเดียว ควรติดต่อกับสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์และขอความช่วยเหลือดีไหมนะ? นั่นคือสิ่งเดียวที่คิดได้ในตอนนี้ เดี๋ยวนะ
ตอนนั้นเองที่ในที่สุดเราก็นึกอะไรบางอย่างออก ทำไมเราถึงไม่ระมัดระวังตัวในที่แบบนี้!? สถานที่แห่งนี้เหมือนกับสนามรบ สัตว์ป่ามักมีที่อยู่อาศัยบริเวณแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เรารีบนำปืนไรเฟิลขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ที่นี่ดูเหมือนที่ ๆ คุ้นเคย ก็เลยไม่ได้ระวังตัวเลย
ตอนนี้ เราควรไปจากตรงนี้และมองหาจุดที่ได้เปรียบในการมองรอบ ๆ
มีบางอย่างคล้ายกับเนินเขาใกล้ ๆ เราเลยลองไปที่นั่น
เนินเขามีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 10 เมตร และสูงประมาณ 5 เมตร มีที่เหยียบมากมาย จึงสามารถปีนขึ้นไปได้ค่อนข้างง่าย
ค่อนข้างดีเลย มุมมองที่กว้าง แต่ศัตรูอาจมองเห็นเราได้ง่ายเช่นกัน เรามีปืนไรเฟิล หมายความว่าเรายังได้เปรียบอยู่
เราลองตรวจดูพื้นที่โดยรอบ และสังเกตเห็นบางสิ่งตกลงมาจากท้องฟ้าทางทิศตะวันออก
เรารู้ว่ามันคืออะไรเกือบจะในทันทีเลย เคยดูฉากแบบนี้ในโฮโลบิตหลายครั้งแล้ว
แม่ง! มันกำลังลุกไหม้ ชิ้นส่วนต่าง ๆ ไม่ได้มาจากทางทิศตะวันออกเท่านั้น แต่ทางเหนือและตะวันตกเช่นกัน
อ้า… มันคงเป็นเศษซากจากยานแน่ๆ
“เอ่อ… ยังไงก็ไม่มีประโยชน์แล้วนี่?”
ไอริสบอกว่าโอกาสที่จะสร้างยานขึ้นมาใหม่ได้สำเร็จคือ 54%
แม้ว่าอัตราสำเร็จจะมากกว่าครึ่งนึงเล็กน้อย แต่แค่หวังว่ามันจะได้ผล
แม้โอกาสจะอยู่ที่ 50/50 ก็ตาม ไม่อยากเชื่อเลยว่าอีริสล้มเหลว
มีคำอธิบายที่เป็นไปได้อื่น ๆ นอกเหนือจากความล้มเหลวไหมนะ? คงไม่ การนำวัตถุแปลกปลอมลงไปบนดาวเคราะห์ถือเป็นการละเมิดกฎเกณฑ์ทางทหารอย่างร้ายแรง
นอกจากนี้อีริส คงจะไม่ทำสิ่งเหล่านี้โดยเจตนาเพราะเธอรู้ว่าเรายังติดอยู่ที่นี่
“ฮึ…”
ไม่มีคำใดเลยออกจากปากของเรา
เศษซากยานยังคงตกอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
เราปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ พลางแหงนมองท้องฟ้าอย่างว่างเปล่า ความหิวทำให้รู้สึกตัวอีกครั้ง งั้นลองหาอะไรทานก่อน
แม่ง เราลดการระมัดระวังตัวอีกแล้ว! คราวนี้เป็นเพราะการตกใจโง่ ๆ มันให้ความรู้สึกเหมือนโดนการโจมตีแบบเผด็จศึกและผลที่ตามมาคือสลบเหมือดเลย เดาว่าเราคงจะต้องหาทางใช้ชีวิตอยู่บนดาวเคราะห์นี้ไปจนตายแน่นอน
ไม่ มันจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ? ไม่มีทางที่อีริสจะพังและลุกไหม้หลังจากล้มเหลว โดยไม่ลองทำอย่างอื่น ควรจะมีเวลาเพียงพอสำหรับเธอที่จะเปิดสัญญาณฉุกเฉินที่มีคำสั่ง SOS หรืออะไรซักอย่าง
ยานรบระหว่างดวงดาวระดับกาแล็กซี่หายไปอย่างกะทันหัน อย่างน้อยน่าจะมีหน่วยค้นหามาบ้าง แต่ความน่าจะเป็นที่พวกเขาจะค้นพบดาวเคราะห์ดวงนี้และแม้แต่ระบบดาวดวงนี้ก็ยังค่อนข้างต่ำ
กองบัญชาการทหารสูงสุดรู้ถึงตารางการเดินเรือ การค้นหาน่าจะอยู่แถว ๆ พิกัดที่เราควรจะวาร์ปออกไป คงเป็นไปได้ยากที่พวกเขาจะพบสถานที่นี้ เนื่องจากเราถูกบังคับให้วาร์ปออกมากลางเส้นทางจากการโดนโจมตี
อาหารฉุกเฉินนี่ชุ่มฉ่ำและอร่อยกว่าที่เราคิด แต่ก็ทำให้เราหิวน้ำเหมือนกัน คงต้องลองดื่มน้ำในทะเลสาบดู ยังรู้สึกแย่กับความจริงที่ว่าไม่สามารถนำขวดน้ำพลาสติกมาด้วยได้
ดูจากตำแหน่งของดวงอาทิตย์ ตอนนี้น่าจะประมาณ 4 โมงเย็น ลมพัดมาแผ่วเบาทำให้รู้สึกสบายตัว
เมื่อหันไปมองที่ทะเลสาบ เราก็ค้นพบบางอย่าง
“เฮ้ นั่นมัน—!”
มีขวดน้ำประมาณห้าขวดที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำและแกว่งไปตามสายลม คิดว่าทั้งหมดน่าจะมีมากกว่าสิบขวด ที่เหลือจมลงพร้อมกับยานลี้ภัยหรอ? อืม. นี่เป็นการค้นพบที่ไม่คาดคิดเลยทีเดียว
เราเดินไปเก็บขวดที่ลอยอยู่ และลองตักน้ำในทะเลสาบด้วยมือก่อน ดื่มแล้วถ่มน้ำออกมาทันที อย่างน้อยก็มีรสชาติเหมือนน้ำธรรมดา
(เป็นไงบ้าง?)
เราให้นาโนมตรวจสอบ
[เป็นน้ำดื่มที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยครับ]
โอเค อย่างน้อยน้ำดื่มก็ไม่เป็นปัญหาในตอนนี้
ตอนนี้ เราสังเกตเห็นว่ามีรอยเท้าจำนวนมากที่คล้ายกับรอยเท้าที่มนุษย์สร้างขึ้นริมน้ำ
สิ่งนี้ทำให้เราระมัดระวังตัวมากขึ้นและก็หยิบปืนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ยังคงตื่นตัว แม้ไม่พบความผิดปกติอื่นใด
รอยเท้าค่อนค่างเก่าแล้ว และดูเหมือนจะสร้างขึ้นเมื่อหนึ่งหรือสองวันก่อน เมื่อลองตรวจสอบเพิ่มเติม เห็นว่าถึงแม้จะค่อนข้างคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างชัดเจน จำนวนนิ้วเท้าดูเหมือนจะมีเพียงสี่นิ้วและค่อนข้างเล็กเหมือนนิ้วเท้าของเด็ก
ยังไงก็ตาม ออกไปจากที่นี่กันก่อน
อย่างไรก็ตาม เราแบกสัมภาระมากเกินไป และเมื่อรวมขวดน้ำห้าขวดที่ต้องถือด้วยมือทั้งสองข้างอีก ก็เลยไม่สามารถถือปืนไรเฟิลได้ ไม่มีทางเลือก เลยตัดสินใจถือขวดน้ำสามขวดด้วยแขนซ้ายและถือปืนไรเฟิลด้วยมือขวา
งั้นซ่อนอีกสองขวดที่เหลือไว้บริเวณที่ไม่สะดุดตา
เราเดินกลับไปยังเนินเขาหินเมื่อกี้
วางสัมภาระลงและกลั้นหายใจ มาลองคิดดู จุดสูงสุดของหินก้อนนี้เป็นจุดที่ค่อนข้างดี ถ้าเรานอนราบลงไป มันจะค่อนข้างยากที่จะมองเห็น หากมองจากด้านล่าง เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการสำรวจทะเลสาบ
คงจะดีที่สุดถ้าเราส่องดูทะเลสาบจากที่นี่
ในที่สุดก็สงบสติอารมณ์ตัวเองได้บ้าง เราตื่นตระหนกมากก่อนหน้านี้ แต่เมื่อลองคิดดู ความเป็นไปได้ของสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนดาวเคราะห์ใบนี้ เช่น ลิงอาจจะสูงกว่ามนุษย์ จนถึงปัจจุบัน สมาชิกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีนิ้วเท้าเพียงสี่นิ้วยังไม่เคยเจอเลย
ตอนเย็นแล้ว เราเหนื่อยจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้จริงๆ เนื่องจากไม่สามารถเดินทางโดยไม่ผักผ่อนได้ จึงให้นาโนมเฝ้าระวังในขณะที่เรากำลังหลับแทน
แม้จะบอกว่าให้นาโนมเฝ้าระวัง แต่ก็ให้ประสาทสัมผัสการได้ยินเพิ่มมากขึ้นผ่านนาโนมไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย
แม้ว่าการได้ยินจะเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีเสียงดังเต็มไปหมด แต่จะเงียบซะด้วยซ้ำ เป็นเพราะว่าทุกเสียงที่ฉันได้ยินจะถูกสกัดโดยนาโนม
ถ้านาโนมมองว่าสถานการณ์ไม่ปกติ มันจะปลุกเราขึ้นมาทันที ทำให้เป็นฟังก์ชันที่สะดวกมาก
เรานอนบนห่มผ้าผืนนึงและคลุมด้วยอีกผืนนึง เหลือแต่หูเท่านั้นที่ยื่นออกมา
(เปิดโหมดแจ้งเตือน ปลุกเราในตอนเช้า)
หลังจากออกคำสั่งผ่านกระแสจิตแล้ว เสียงจากรอบข้างของเราก็เงียบลงอย่างสมบูรณ์
[รับทราบครับ]
เราหลับไปอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินไป
[ตอนนี้เช้าแล้ว ตื่นได้แล้วครับ]
เสียงนกร้องก้องอยู่ในหูของเรา มันอยู่ตรงกลางของพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น นาโนมรู้ได้ยังไงว่าเช้าแล้วในเมื่อตาเราปิดอยู่ตลอด? พวกมันเป็นสิ่งที่มีความสามารถสุดยอดเช่นเคย
เราไม่รู้สึกอยากนอนต่อแล้ววันนี้ ปกติกลางวันของดาวเคราะห์ดวงนี้ใช้เวลากี่ชั่วโมงนะ? พรุ่งนี้จะลองตื่นแต่เช้าอีกครั้งเพื่อยืนยัน
วันนี้เราวางแผนที่จะสำรวจทะเลสาบเกือบทั้งวัน เราไม่สามารถทำอะไรโดยประมาทได้อีก เราทำการกินอาหารและดื่มน้ำกลืนลงไป
เรานอนตัวลงบนผ้าห่มและเริ่มสำรวจทะเลสาบ เนื่องจากนาโนมสามารถปรับแต่งการมองเห็นของเราได้ การซูมเข้าไปประมาณสิบเท่าจึงเป็นเรื่องกล้วย ๆ
เวลาผ่านไปจนเที่ยง ซึ่งเราประมาณจากตำแหน่งของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า เดาว่าคงถึงเวลาเก็บขวดน้ำ พวกนั้นแล้ว ทันทีที่เรานึกถึง ‘เหล่านั้น’ ก็ปรากฏขึ้น
ระยะทางห่างไปประมาณ 300 เมตร เมื่อมองแวบแรก ร่างเหล่านี้ดูเหมือนมนุษย์ แต่พวกมันค่อนข้างเตี้ย ซูมเข้าไปดูอีกนิด พวกมันสูงประมาณ 120 ซม. ละม้ง? พวกมันมีทั้งหมดห้าคน
แต่เราไม่สามารถคิดว่าพวกมันเป็นมนุษย์ได้จริงๆ ผิวของพวกมันมีสีเขียว แต่มันไม่ใช่สีเขียวบริสุทธิ์ มันเป็นสีแปลก ๆ ค่อนข้างมืดที่เกิดจากการผสมสีเขียวและสีขาว
เราได้ยินเสียงบางอย่างร้องออกมา “gukyaa gukyaa”
พวกมันถือท่อนไม้ไว้ที่มือ เหมือนจะเป็นกระบอง? บางคนถือแท่งไม้ยาวคล้ายหอกที่มีปลายแหลม ยังดูเหมือนจะสวมผ้าเตี่ยวที่สกปรกด้วย
เนื่องจากพวกมันมีอาวุธรูปร่างเหมือน กระบองและหอก แถมยังใส่เสื้อผ้า คงเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาบางอย่าง
เมื่อลองซูมดูมากขึ้น เราพบว่าพวกมันค่อนข้างน่าเกลียด ไม่มีอะไรที่จะชี้ให้เห็นถึงรูปร่างหน้าตาของพวกมัน: ใบหน้าแบนราบ ตาที่เอียงขึ้นด้านบน และหูที่แหลม
อาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตมีสติปัญญาเดียวในดาวเคราะห์นี้นอกจากเราก็ได้ เป็นไปได้เหมือนกัน เราต้องลองเสื่องดู
ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปถ้าเรายังหลบซ่อนอยู่ที่นี่ จึงลองเข้าไปใกล้และทักทาย
เราจะไม่ตกอยู่ในอันตรายแค่จากอาวุธที่พวกมันถืออยู่ เราซ่อนสัมภาวะทั้งหมดไว้ในช่องว่างโขดหิน และเตรียมอาวุธ นำปืนไรเฟิลขึ้นมาถือ พร้อมทั้งใส่ปืนเลเซอร์และมีดใบมีดแม่เหล็กไฟฟ้าไว้ในชุด
พวกมันดูเหมือนจะมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบ
เราเข้าใกล้สถานที่นั้นอย่างระมัดระวัง มีหลายครั้งที่คลาดสายตาไป แต่เนื่องจากพวกมันส่งเสียงดังอย่างต่อเนื่อง “gukyaa gukyaa” ก็เลยติดตามได้อย่างง่ายดาย
พวกมันไม่ได้สนใจบริเวณโดยรอบเลย พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาจริงหรอ?
แต่ถ้าเกิด มีเอเลี่ยนมาเห็นเด็ก ๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน สถานการณ์อาจจะเหมือนกับเจ้าพวกนี้ก็ได้
เมื่อพวกมันไปถึงริมทะเลสาบ พวกมันก็สร้างความโกลาหลมากขึ้นไปอีก
อาจทำให้พวกมันตื่นตระหนกหากจู่ ๆ เราก็เข้าไปหาและเรียกพวกมัน ดังนั้นจึงตัดสินใจดึงความสนใจจากระยะไกล
“เฮ้!”
เราตะโกนออกไปให้เสียงดังกว่าพวกมัน
บริเวณโดยรอบเงียบลงทันที ทั้งห้าคนหันมาทางเรา
เรายกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อระบุว่าไม่มีเจตนาที่จะโจมตี แต่ปืนไรเฟิลยังคงพร้อมอยู่บนไหล่
“สวัสดี ขอให้เจอแต่สิ่งดี ๆ ในวันนี้”
เราลองเรียกพวกมันอีกครั้ง แน่นอน พวกมันไม่สามารถเข้าใจเราได้ เราแค่ต้องการสื่อความหมายโดยใช้น้ำเสียง
แต่ละคนสบตากับคนอื่น ๆ และเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง บางคนถึงกับน้ำลายไหล เราเข้าหาพวกเขาทีละน้อย
เดี๋ยวก่อน นั่นคือ—
ขวดพลาสติกสองขวดถูกแทงทะลุด้วยหอกไม้ที่ถือโดยหนึ่งในนั้น ดูเหมือนพวกมันจะเจอที่ที่เราซ่อนไว้และเสียบขวดเพื่อความสนุก พอเห็นอย่างนั้น เราก็หมดความอดทนไปในที่สุด
พวกนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาแน่นอน! พวกมันต้องโจมตีเราเพื่อเอาไปเป็นอาหารแน่
เรายกปืนไรเฟิลขึ้นจากไหล่แล้วเล็ง เมื่อพวกมันเห็นการกระทำของเรา พวกมันก็เริ่มวิ่งเข้ามาหาอย่างบ้าคลั่ง ภายในระยะทางไม่ถึงสิบเมตร แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว
เราเล็งพวกมันทั้งหมดด้วยเป้าหมายเสมือนที่แสดงโดยนาโนม ไม่สำคัญว่าพวกมันจะเคลื่อนไหวยังไง
เราแค่หันปืนไรเฟิลไปทางพวกมันแล้วเหนี่ยวไก
ปืนไรเฟิล M151 เชื่อมโยงโดยตรงกับนาโนมของเรา ทำให้สามารถติดตามศัตรูได้โดยอัตโนมัติและกำจัดพวกมันด้วยการยิงกระสุนเลเซอร์อย่างต่อเนื่อง
การยิงกระสุนต่อเนื่องห้าครั้งใช้เวลาไม่ถึง 0.5 วินาที จากนั้นปืนไรเฟิลก็หยุดลง ปืนไรเฟิลของกองทัพจักรวรรดินั้นยอดเยี่ยมจริงๆ
ศัตรูตัวจิ๋วล้มลงในทันที
“ฮึ! ไอ้พวกหลงตัวเองเอ้ย”
เมื่อวานเราพึ่งเข้าใจถึงความสำคัญของขวดพลาสติก มนุษย์นั้นขาดน้ำไม่ได้ บางทีทะเลสาบแห่งนี้อาจเป็นแหล่งน้ำเพียงแห่งเดียวในบริเวณใกล้เคียง หากไม่มีขวดพลาสติกเหล่านี้ เราก็ไม่สามารถไปที่ไหนไกลจากทะเลสาบแห่งนี้ได้เลย
และพวกมันก็ทำลายขวดพลาสติกเพียงแค่ความสนุก!
เราโหวกเหวกโวยวายอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้ว นาโนมก็ขอให้ทำอะไรบางอย่าง
[โปรดผ่าตัวพวกมันถ้าเป็นไปได้ครับ]
ปกติเราไม่ชอบทำให้คนอื่นผิดหวัง แม้ว่าจะไม่ชอบสิ่งที่พวกเขาต้องการให้ทำก็ตาม อืม ช่างมัน เริ่มผ่าเลยละกัน
ก็ไม่ถึงกับไม่ชอบเห็นเลือด แต่ไม่ค่อยอยากสัมผัสพวกมันถ้าเป็นไปได้ ก็เลยผ่าพวกมันเป็นสองส่วน
เราผ่าตั้งแต่โคนศีรษะไปจนถึงเป้าด้วยมีดแม่เหล็กไฟฟ้า อ๊าก! มันมีกลิ่น! กลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียนลอยออกมา หลังจากผ่าพวกมันออก ก็ใช้หอกที่พวกมันมี พลิกมันเพื่อให้นาโนมวิเคราะห์พวกมันได้
[มีบางอย่างอยู่ใต้ซี่โครง]
เมื่อเราแหย่จุดที่ระบุด้วยหอกไม้ ลูกบอลสีเลือดขนาดประมาณ 2 เซนติเมตรก็กลิ้งออกมา สงสัยจังว่านี่คืออะไร? มันมีสีขาวขุ่น
นาโนมต้องการข้อมูลเกี่ยวกับรหัสพันธุกรรมของพวกมัน เราจึงหยิบลูกบอลด้วยมือและรีบมุ่งหน้าไปที่ทะเลสาบเพื่อล้างมือและมีด
ขวดพลาสติกที่พวกมันแทงตอนนี้มีรูตรงกลาง ดังนั้นเราจึงตัดมันด้วยมีดและทำถ้วย สองใบจากส่วนล่าง
นี่มันเยี่ยมไปเลย! สำหรับปัจจุบัน เราซึ่งไม่มีของใช้ในชีวิตประจำวันติดตัว สิ่งเหล่านี้เทียบเท่ากับสมบัติล้ำค่าได้เลย
ตามเส้นทางการโคจรของดาวเคราะห์ดวงนี้ ตอนนี้น่าจะประมาณเที่ยงวัน ต้องรีบไปหาของกินแล้ว
แต่เราจะสามารถกินและรับสารอาหารจากสิ่งของบนโลกใบนี้ได้อย่างปลอดภัยไหมนะ?
เราจัดการได้เป็นอย่างดีจากการเผชิญหน้ากับพวกมันก่อนหน้านี้ พวกมันไม่มีการเฝ้าระวังเลยในขณะที่อาศัยอยู่รอบ ๆ สถานที่แห่งนี้ และการทำเสียงดัง ๆ แบบนี้ อาจบ่งชี้ว่าไม่มีสิ่งใดที่พวกมันมองว่าเป็นภัยคุกคามภายในพื้นที่
บางทีก็อาจจะมีภัยคุกคามอยู่จริง ๆ ที่พวกมันไม่สามารถตรวจจับได้ แต่ก็เป็นไปได้ที่จิตใจของพวกมันไม่ปกติอยู่แล้ว ใช่ไหม…?
อะไรก็เป็นไปได้ เราจะต้องระวังตัวอยู่เสมอ
t/n จะลงประมาณ 2 วันต่อ 1 ตอนนะครับ ตอนนึงค่อนข้างยาว ต้นฉบับญี่ปุ่นเหมือนจะหยุดที่ตอน 95 ของอิ้งที่ 88.3 แปลไปยาว ๆ เลย
Chapters
Comments
- ตอนที่ 8 หลบหนี สิงหาคม 31, 2021
- ตอนที่ 7 ขาเทียม สิงหาคม 31, 2021
- ตอนที่ 6 เครเรีย สิงหาคม 31, 2021
- ตอนที่ 5 ออกเดินทาง / เข้าปะทะ สิงหาคม 31, 2021
- ตอนที่ 4 ออกสำรวจ สิงหาคม 31, 2021
- ตอนที่ 3 สร้างยานขึ้นใหม่ สิงหาคม 31, 2021
- ตอนที่ 2 ลงจอดฉุกเฉิน สิงหาคม 31, 2021
- ตอนที่ 1 ยานอวกาศประจัญบาน อีริส คอนราด สิงหาคม 31, 2021
MANGA DISCUSSION