[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ - ตอนที่ 71
ตอนที่ 71
ทางเลือกสุดท้ายของผู้โง่เขลา
เซเลนวิ่งออกไปพร้อมกับแหวนหมั้นที่เข้าใจว่าไอโรเน่มอบให้กับอาลัวเพื่อเป็นสิ่งยืนยันการแต่งงานระหว่างอาลัวกับมิลาน ต้องรีบนำไปคืนให้ไอโรเน่โดยเร็ว
ต่อให้เซเลนจะไร้สามัญสำนึกสักแค่ไหน ก็ไม่วิ่งออกไปทั้งชุดนอน จึงไม่ลืมเปลี่ยนเป็นชุดพิธีการที่เตรียมมาไว้สำหรับเธอในเวลาที่อยู่ที่นี่ ก่อนจะมุ่งหน้าสู่สนามรบ
ดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า เวลาเย็นใกล้ล่วงเลยเป็นค่ำคืน บัตเลอร์ไม่ได้อยู่กับเธอตรงนี้ คาดว่ายังติดงานฉลองของเหล่าสัตว์ป่า เซเลนจึงต้องไปโดยไม่มีผู้ช่วย
เป็นการออกรบโดยแม่ทัพไร้ความสามารถ การสู้รบนี้จะเสียเปรียบเป็นอย่างยิ่ง เพราะบัตเลอร์เป็นทั้งดาบ โล่ และกุนซือ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปก็ทำให้เสียหายมากแล้ว
“เพย์ออฟ!”
เซเลนกลายเป็นเจ้าหญิงสุนัขดมกลิ่น วิ่งตามรอยกลิ่นของอาลัวเพื่อย้อนกลับไปยังต้นทาง
“อ้าว? เซเลน จะรีบไปไหน?”
“อุหวา!?”
เมื่อออกจากห้องมา ก่อนจะได้ลงมือดำเนินการใดๆ ก็ถูกหยุดไว้โดยมารีกับฮิโนเอะที่ผ่านมา พวกเธอเห็นเซเลนวิ่งไปตามทางเดินอย่างรีบร้อนจึงเข้ามาถาม
“เซเลนตื่นเวลานี้ประจำเลย เพราะแพ้แสงแดดก็เลยช่วยไม่ได้ล่ะนะ แต่ก็ได้เวลามื้อเย็นพอดี จะไปด้วยกันเลยไหม?”
“รีบ ธุระ”
“ธุระ? ทำอะไรอยู่เหรอ?”
มารียังคงถามอย่างต่อเนื่อง ทำให้เซเลนยิ่งเผยพิรุธ จะบอกเรื่องแหวนหมั้นของอาลัวตอนนี้ไม่ได้ อีกฝ่ายคือมารี น้องสาวของมิลาน อาจรู้สึกเกรงใจฮิโนเอะที่คาเงะโทระอุตส่าห์ส่งตัวมาให้ถึงที่นี่ จนต้องตอบไปว่า ‘ได้หมั้นหมายกับเจ้าชายแล้วก็ดี!’ จนข่าวลือแพร่กระจาย
การหมั้นในครั้งนี้ไม่มีทางดีไปได้ นอกจากจะเป็นคู่เซเลนกับอาลัว แต่ถ้าเป็นคู่มิลานกับอาลัว เซเลนเชื่อว่าเธอข้ามมาเกิดโนโลกนี้เพื่อหยุดยั้งมันเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้น ต้องเบี่ยงเบนประเด็นให้ได้ด้วยไหวพริบของเซเลน
“ต้อง เพย์ออฟ…”
“เพ… อะไรนะ?”
“กับ ผู้หญิงคนนั้น”
“ผู้หญิงคนนั้น… น่าจะหมายถึงราชินีไอโรเน่ มีธุระกับท่านแม่ของเธอสินะ”
“ใช่ ด่วน”
ในที่สุดก็ปลีกตัวออกมาได้ เพราะรู้ว่ามารีจะไม่เข้าใจคำศัพท์ที่ได้ยินมาจากชีวิตก่อนของเธอ จึงได้พูดออกมาเป็นกลลวง เซเลนวิ่งต่อไปตามทางเดินด้วยความรู้สึกโล่งใจเล็กๆ
“เอ่อ ท่านมารี”
ฮิโนเอะกระซิบกับมารีขณะมองไล่หลังเซเลนที่ออกวิ่งต่อไป
“ท่านเซเลนกำลังซ่อนอะไรบางอย่าง ดูเหมือนจะสำคัญมากเสียด้วยเจ้าค่ะ”
“เอ๋? ก็แค่ไปหาคุณแม่ไม่ใช่เหรอ? หรือจะเกี่ยวกับไอ้ที่เรียกว่า เพ อะไรสักอย่าง”
“ข้าน้อยไม่ทราบถึงขนาดนั้นเจ้าค่ะ… อาจเป็นเรื่องร้ายแรง พวกเราไปบอกกับคนอื่นเอาไว้ก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ”
ฮิโนเอะใช้ความสามารถของเธอและมองเห็นอารมณ์ในขณะนั้น ปัจจุบันเธอสามารถควบคุมและใช้งานมันได้ตามต้องการ แต่การมองเข้าไปในส่วนลึกยังจำเป็นต้องใช้สมาธิมาก
อารมณ์ที่ฮิโนเอะเห็นจากเซเลนคือความร้อนรนอย่างมาก ต้องรีบไปแก้ไขเหตุอะไรบางอย่างให้ทันเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นจะสายเกินไป โชคยังดีที่เธอรู้เพียงแค่นั้น เพราะถ้ามองให้ลึกถึงจิตใจก็คงจะเห็นแต่ความดำมืดจากเซเลน
ความงี่เง่าของเซเลนที่จำสลับกันระหว่างเพย์ออฟกับคูลลิ่งออฟ และพูดคำศัพท์ผิดๆนั้นออกไป ทำให้แม้แต่ฮิโนเอะยังรู้สึกงงงวยจนใช้ความสามารถของเธอล่าช้า กว่าจะตั้งตัวได้เซเลนก็อยู่ไกลเกินกว่าจะมองเห็นได้ชัด
ด้วยเหตุนี้ ฮิโนเอะจึงไม่รับรู้ถึงความตั้งใจจริงของเซเลนนอกจากความร้อนรนและฉุนเฉียวที่ปะปนกันอยู่ จึงถือว่าไหวพริบของเซเลนได้ผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ
“ถ้าอย่างนั้น พรุ่งนี้เช้าตอนที่ทุกคนมารวมตัว ก็ประชุมในเรื่องนี้ด้วยเลยก็แล้วกัน”
“ข้าน้อยไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องอะไร แต่สังหรณ์ใจไม่ดี คิดว่าควรตามหาท่านมิลานกับท่านคุมะฮาจิตอนนี้เลยเจ้าค่ะ”
“อื่ม… ถ้าฮิโนเอะว่าอย่างนั้นก็ได้ รู้สึกว่าท่านพี่จะไปที่แอ่งน้ำในป่าที่เจอกับเซเลนในตอนนั้น”
หลังจากตกลงกันเช่นนั้น มารีกับฮิโนเอะก็มุ่งหน้าไปที่สวน
“ดีล่ะ!”
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามมา เซเลนยื่นชูกำปั้นเหมือนผู้ชนะเพราะสลัดผู้ไม่เกี่ยวข้องหลุดไปได้ เธอต้องการแค่ไปคืนแหวนให้กับผู้หญิงคนนั้น หากมีมารีกับคนอื่นๆติดตามมาด้วย การสนทนาจะยิ่งยุ่งยาก
หลังจากนี้ เซเลนต้องต่อสู้กับบันไดปราสาทอาร์คุยล่าอีกหลายชั้น เนื่องจากประเทศอาร์คุยล่ามีพื้นที่ไม่มาก มีสภาพอากาศดีและความอุดมสมบูรณ์สูง มีป่าอันรกทึบเป็นแนวป้องกันตามธรรมชาติ ทำให้พื้นที่ของพระราชวังมีจำกัด ตัวปราสาทจึงเน้นไปที่แนวตั้งมากกว่าแนวนอน
“อุ!”
ชุดพิธีการที่มีทั้งน้ำหนักและความไม่สะดวกสบาย บวกกับบันไดที่ทอดยาว ทำให้พลังกล้ามเนื้อของเซเลนที่เอาแต่นอนทั้งวัน ได้ถึงขีดจำกัด
“ยัง ไม่ยอม!”
แต่เซเลนในตอนนี้แตกต่างจากเซเลนตามปรกติ(ตามมาตรฐานของความเป็นจริง) เธอกัดฟันสู้ต่อไป ความพยายามของเซเลนในตอนนี้มีเทียบเท่ากับสาวใช้ที่ต้องทำความสะอาดเป็นประจำทุกวันเลยทีเดียว
หลังจากต่อสู้อย่างยากลำบากกับขั้นบันไดที่เรียงกันมาเหมือนไม่จบสิ้น เซเลนก็มาถึงชั้นบนสุด ที่ห้องของไอโรเน่ เธอเคาะประตูพร้อมกับบ่นในใจว่า คิดยังไงถึงเลือกอยู่ห้องที่สูงขนาดนี้
“นั่นใคร?”
“ฉันเอง!”
ทั้งที่จริงควรจะบอกชื่อ แต่กลับตอบไปแบบนักต้มตุ๋นเสียได้
“…เซเลนหรือ?”
แม้จะไม่เคยคุยกันมาก แต่ไอโรเน่ก็จำเสียงของเซเลนได้ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ไอโรเน่ก็เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า แต่เซเลนก็ไม่สนใจ
“มีเรื่องอะไร? ถ้าไม่ได้นัดหมายมาให้เรียบร้อยก็กลับไปซะ”
“สำคัญ ต้องคุย”
ไอโนเน่พูดอย่างเย็นชา โดยที่เซเลนไม่สะทกสะท้าน ตามปรกติเด็กที่อายุเท่ากัน ต้องการพบกับแม่แต่กลับถูกพูดเช่นนี้ใส่ อย่างน้อยก็น้ำตาคลอกันแล้ว แต่เท่าที่เห็น มันไม่ได้ผลกับเซเลนที่มองมาอย่างจริงจัง
ทั้งที่แสดงความเกลียดชังอย่างตรงไปตรงมาต่อหน้าตั้งหลายครั้ง เซเลนก็ยังทำตัวตามปรกติได้อย่างไม่มีปัญหา นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ไอโรเน่ไม่เข้าใจความคิดของเธอ
ครั้งนี้เซเลนมาเพียงคนเดียว ขอเข้าพบเป็นการส่วนตัวไม่ได้เข้าร่วมกับคนอื่นอย่างเป็นทางการ ไม่แน่ว่าเธออาจมาด้วยเรื่องที่ไม่สามารถพูดต่อหน้าเจ้าชายมิลาน ซึ่งอาจเป็นเหตุผลที่เธอยังดื้อด้านขอเข้าพบในตอนนี้ให้ได้
ไอโนเน่ถอนหายใจ ในสมัยที่ตัวเธอเองมีอายุเท่ากัน ยังไม่มีความมั่นใจพอที่จะแสดงความแข็งกร้าวออกมาได้ขนาดนี้
แน่นอนว่าเซเลนไม่ได้คิดอะไรนอกจากมาขอใช้สิทธิเพย์อ-… คูลลิ่งออฟกับแหวนวงนี้ ประหนึ่งลูกค้ามาหาพนักงานฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อขอคืนเงินเพราะไม่พอใจในสินค้าที่ได้รับมา ประเด็นสำคัญคือต้องไม่ยอมอ่อนข้อโดยเด็ดขาด
“…หรือว่าเจ้าต้องการคุยกับข้าด้วยเรื่องส่วนตัว?”
“คืน เอาไป”
“นี่มัน… แหวนหมั้นของข้า!?”
เซเลนยัดกล่องแหวนลงในมือของไอโรเน่อย่างดุดัน ไอโรเน่แปลกใจเป็นอย่างยิ่งที่เซเลนนำแหวนวงนี้มาคืนให้กับเธอ
“คิดจะทำอะไรกันแน่?”
“ของคุณ เก็บไว้”
“…เข้าใจแล้ว แบบนี้เองสินะ”
“ถูก”
จริงๆก็ไม่ถูก เซเลนยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นไอโรเน่รับแหวนไป ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงกุมมันไว้ด้วยความทะนุถนอม แต่ขั้นแรกก็สำเร็จแล้ว!
“เจ้าเหมือนกับที่ข้าเคยได้ยินมาจริงๆ ไม่สิ ยิ่งกว่านั้นอีก …นี่สินะ เจ้าหญิงแสงจันทร์ที่ผู้คนเขาลือกัน”
“หืม?”
นึกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง แต่อยู่ดีๆผู้หญิงคนนี้ก็เริ่มพูดอะไรแปลกๆเฉยเลย เซเลนคิดเช่นนั้นขณะมองไอโรเน่หยิบแหวนขึ้นมาสวมไว้ที่นิ้วนางและลูบมันด้วยความรัก
“ชายผู้นั้นมอบมันให้แก่ข้า สำหรับข้าเพียงผู้เดียว ไม่ใช่สำหรับอาลัวหรือเจ้า ที่เอามาคืนก็เพราะต้องการจะสื่อเช่นนี้สินะ?”
“เอ๋”
เรื่องนี้เกินความเข้าใจของเซเลน เธอจึงยืนอยู่เฉยๆและปล่อยให้คำพูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา จากนั้น ไอโรเน่ไปผลักบานหน้าต่างเพื่อเปิดออกอย่างช้าๆ
“ตัวข้า ล้มเหลวทั้งในฐานะแม่และราชินี รังเกียจและกักขังเจ้าอย่างไม่สมเหตุสมผล โดยที่อาลัวถูกเลี้ยงดูอย่างดีด้วยความรัก… ถึงจะรู้อย่างนั้น ข้าก็มองเจ้าเป็นลูกสาวไม่ได้”
“เรื่องนั้น ไม่สนใจ”
ต่อให้เล่าความในใจออกมามากสักแค่ไหนก็ไม่เข้าหูของเซเลนที่ตั้งใจมาเพื่อคืนแหวนเท่านั้นอยู่ดี ในตอนนี้เซเลนคิดไปไกลถึงเรื่องอาหารเย็นและต้องการกลับไปหาอาลัวกับคนอื่นๆแล้ว
ไอโรเน่นั่งอยู่บนขอบหน้าต่างและพูดออกมาเหมือนการพูดคนเดียว หรืออันที่จริงก็เป็นการพูดคนเดียวเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ฟังอยู่แล้ว เซเลนที่ไม่รู้เรื่อง อ่านบรรยากาศไม่ออก แต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องคุยต่อ จึงยังไม่ออกไปไหน
“ถึงอย่างนั้น เจ้าก็ยังไม่ใส่ใจ… อื่ม เป็นเด็กดีจริงๆ สัตว์ประหลาดผู้อ่อนโยน กับข้า ราชินีผู้โง่เขลา ใช้อารมณ์ตัดสินและปฏิเสธในตัวเจ้า ใช่แล้ว ข้ามันก็แค่รับบทเป็นตัวแทนของราชา… เป็นราชินีเพื่อรักษาประเทศที่ชายผู้นั้นหวงแหน”
คำพูดถูกร่ายยาวออกมาเหมือนบทกลอน แน่นอนว่าไม่เข้าหูของเซเลนผู้ปราศจากความละเอียดอ่อนเช่นเคย ได้แต่เงียบเป็นปรกติ จากมุมมองของไอโรเน่อาจดูเหมือนเซเลนตั้งใจฟัง
ทั้งที่มองหน้าตลอดเวลาและได้ยินทุกคำพูด แต่ก็ไม่ได้เข้าหัว
“ตัวข้าที่เป็นดั่งโซ่ตรวนประเทศอาร์คุยล่า อีกทั้งไม่สามารถยอมรับเจ้าได้ มีทางไหนที่ข้าจะทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดีได้บ้าง?”
เป็นคำถามที่เซเลนตอบไม่ได้อยู่แล้ว เพราะไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย เซเลนยืนตัวแข็งทื่อเหมือนสุนักถูกฝึกให้รอ ซึ่งในบางกรณี ความเงียบคือคำตอบที่ดี ไอโรเน่เชื่อว่าเซเลนรู้ถึงเจตนาของเธอแล้ว
“…ปิดม่านชีวิตลงอย่างสมศักดิ์ศรี เหมือนที่เจ้าต้องการนำแหวนวงนี้มาคืนก็เพราะอยากให้ความทรงจำทั้งหมดของแหวนวงนี้ได้อยู่กับข้าจนถึงวินาทีสุดท้ายนั่นแหละ”
“ห๊ะ!?”
ประกาศลาตายถูกพูดออกมาอย่างง่ายๆจนแม้แต่เซเลนยังเข้าใจ อย่างไรก็ตาม ไอโรเน่วาดภาพฉากจบที่ลงตัวที่สุดเอาไว้แล้ว และดูเหมือนจะไม่ได้ยินเซเลนที่ส่งเสียงแปลกๆออกมาด้วยความงุนงง
“เพียงแค่ไม่มีข้าสักคน เสียงประณามราชินีผู้โง่เขลาจากผู้คนจะหมดไป อาลัวจะได้รับแรงสนับสนุนจากเจ้าและเฮลิฟาลเต้ อาร์คุยล่าจะรุ่งเรื่อง ตัวข้าไม่เหมาะสมกับตำแหน่งราชินี แต่อาลัวกับเจ้านั้นแตกต่าง เจ้าหญิงผู้เมตตาและหลักแหลม ประเทศอันเป็นที่รักของชายผู้นั้นจะก้าวเข้าสู่ยุคสมัยแห่งความรุ่งเรื่องได้แน่”
“วัยทอง*!?”
ไม่ใช่แต่ก็มีส่วน เซเลนพยายามเข้าใกล้เมื่อได้ยินผู้หญิงคนนั้นพูดเหมือนคนหมดไฟ คล้ายอาการโรคซึมเศร้า และในเวลาเดียวกัน ไอโรเน่ที่นั่งอยู่บนขอบหน้าต่างก็เอนหลังช้าๆ
“อีกเดี๋ยวก็ไม่มีใครคัดค้านการแต่งงานที่พวกเจ้าต้องการ ไม่หลงเหลือต้นตอที่ทำให้เจ้าต้องเจ็บปวด สำหรับเจ้าก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี”
“ไม่ได้ ไม่ดี!”
“หืม…”
คำตอบอันรวดเร็วของเซเลนทำให้ไอโรเน่หยุดนิ่งไปชั่วขณะ กับคนที่ใช้อำนาจกดขี่อย่างไร้เหตุผล ตัดสินให้เป็นนักโทษโดยไม่มีความผิด หากเกิดขึ้นกับตัวเองก็จะเกลียดจนอยากจะฆ่าให้ตาย ไม่ว่าจะร่วมสายเลือดหรือไม่ก็ตาม ในเมื่อมีอุบัติเหตุให้คนคนนั้นมีอันเป็นไป ก็เป็นเรื่องดีที่กำจัดออกได้โดยไม่ให้มือตัวเองต้องเปื้อนเลือด
แต่ดูเหมือนเซเลนไม่ต้องการเช่นนั้น พยายามห้ามอย่างเต็มที่ ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเด็กคนนี้คิดอะไรอยู่ในใจ ไอโรเน่หยุดเพื่อพยายามทำความเข้าใจอยู่พักหนึ่ง แม้แต่เซเลนผู้เชื่องเช้าก็เข้าไปจับ่ตัวเธอได้ทัน
“ไม่อยู่ จะเสียเปรียบ!”
“…เสียเปรียบ? ไม่มีข้าแล้วใครจะเสียเปรียบ?”
เซเลนไม่ได้ตอบคำถามของไอโรเน่ หรือจริงๆแล้ว เธอแค่คิดหาคำพูดตอบกลับไม่ได้
ผู้มีสิทธิ์คัดค้านคู่รักไม่ให้สมหวัง ก็จะมีแค่พ่อแม่ของแต่ละฝ่าย จึงจำเป็นต้องมีไอโรเน่ไว้คอยขัดขวางการแต่งงานระหว่างมิลานกับอาลัว ไม่เช่นนั้นก็จะไม่เหลือใครมีอำนาจพอจะปฏิเสธเจ้าชายจอมหื่นได้อีก ปล่อยให้กำลังรบหลักหายไปไม่ได้
แต่มันก็สายเกินไป เมื่อร่างของไอโรเน่หงายจนร่วงหล่นออกไปด้านนอกหน้าต่าง และพละกำลังอันน้อยนิดของเซเลนที่พยายามจับตัวเธอเอาไว้ ก็ไม่เพียงพอที่จะเอาชนะแรงโน้มถ่วง
ไอโรเน่รู้สึกซาบซึ้งในความพยามของเซเลน แต่อีกไม่นานมันจะเปล่าประโยชน์ เมื่อถึงพื้นดิน ความรู้สึกทุกอย่างอัดอั้นมาจนถึงตอนนี้จะหายไป เหลือแค่ร่างไร้วิญญาณ
ขณะที่คิดเช่นนั้น ไอโรเน่ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกะทันหันพร้อมกับการกระตุกของร่างกาย แต่มันก็ต่างจากแรงตกกระแทก เป็นความรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดเกิดขึ้นเฉพาะที่แขนขวา
“…อึก! อะไรน่ะ? …เซเลน!?”
แขนเสื้อของเธอมีเชือกเส้นบางพันไว้ แม้แต่ตัวเธอเองยังแปลกใจ ไอโรเน่อยู่ในสภาพห้อยอยู่ใต้ขอบหน้าต่าง สิ่งที่ยึดไว้มีเพียงเชือกเล็กๆที่ติดอยู่กับแขนขวาของเธอเท่านั้น
และปลายอีกด้านหนึ่งของเชือกเส้นนั้นก็ได้เชื่อมต่อกับ…เซเลน! แม้ว่าไอโรเน่ที่อยู่ใต้ขอบหน้าต่างด้านนอกจะมองไม่เป็นเซเลนที่ยังอยู่ในห้อง แต่เชือกเส้นนี้เป็นส่วนประกอบของชุดที่เซเลนใส่อยู่แน่นอน เรียกได้ว่า ชีวิตของไอโรเน่ถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย ตรงตัว
“อุว้ากー!! หนักー!!”
สิ่งที่ตามมาคือเสียงกรีดร้องของเซเลน ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เด็กอายุสิบขวบซ้ำยังร่างเล็ก กำลังทนต่อน้ำหนักตัวของผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“ปล่อยเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นเจ้าจะตกลงมาด้วย!”
ไม่ว่าไอโรเน่จะพูดอะไรออกไป ก็ไม่มีคำตอบจากเซเลน นอกจากเสียงร้องโหยหวน เด็กคนนั้นกำลังเจ็บปวดจากการยื้อคนที่เธอควรเกลียดเอาไว้สุดกำลัง
“ทำไม…”
เชือกเส้นเล็กๆที่ยื่นออกมาจากหน้าต่างเส้นนี้ทำให้ไอโรเน่หลงลืมความตายที่อยู่เบื้องล่างไปจาหมดสิ้น เด็กคนนี้ยอมรับความยากลำบากอยู่คนเดียวทุกครั้ง เลือกทางเดินที่เต็มไปด้วยขวากหนาม ทั้งๆที่แค่ปล่อยมือก็จะได้พบกับทางออกที่ลงตัวที่สุด
“ปล่อย ไม่ได้!”
อีกด้านหนึ่ง เซเลนกำลังบิดตัวไปมาราวกับปูที่ถูกจับหงายท้อง โวยวายกับน้ำหนักตัวของคุณป้าวัยทองที่ตกขอบหน้าต่าง เพราะชุดที่ใส่อยู่เริ่มคลายออก เชือกเส้นนั้นจึงเข้าไปเกี่ยวกับแขนเสื้อของไอโรเน่ในตอนที่เข้าไปจับตัว ทั้งตัวของเซเลนจึงกลายเป็นตุ้มถ่วงโดยมีขอบหน้าต่างเป็นคานรับ
หรือก็คือ ถึงจะบอกให้ปล่อยก็ปล่อยไม่ได้ เพราะไม่ได้จับเอาไว้ตั้งแต่แรก
____________________
* วัยหมดประจำเดือน
ช่วงอายุหนึ่งของผู้หญิงที่จะทำให้อ่อนไหวง่าย คิดมาก เครียด จู้จี้ ขี้บ่น ฯลฯ เป็นพิเศษ