[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ - ตอนที่ 6 พยาธิในร่างสิงโต
เซเลเน่กำลังโกรธเกรี้ยว และตัดสินใจว่าจะต้องจัดการองค์ชายทรราชให้จงได้ ถึงจะบอกว่าตัดสินใจแต่ความจริงก็ไม่สามารถทำอะไรได้จึงได้แต่ปล่อยตัวอยู่บนเตียงเท่านั้น (เผื่อใครไม่รู้นะครับ ประโยคแรกมาจากวรรณกรรมเรื่อง วิ่งสิ! เมลอส ของดาไซ โอซามุครับ เรียกได้ว่าลอกมาทั้งประโยคแต่เปลี่ยนชื่อครับ)
"ไม่เห็นเข้าใจเลย"
บนเตียงนุ่มนิ่ม เซเลเน่นอนเป็นรูปตัว大แล้วพึมพำออกมา
สถานที่ที่เซเลเน่อยู่ตอนนี้นั้น ไม่ใช่ห้องที่เหมือนกับคุกก่อนหน้านี้ เป็นห้องสำหรับแขกชั้นสูงของราชอาณาจักรอาร์คุยล่าที่มีแสงแดดอบอุ่นสาดส่อง
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ภายในหนึ่งอาทิตย์ที่เซเลเน่ถูกย้ายมาที่ห้องนี้ก็บ่นพึมพำอย่างนี้มาเป็นร้อยครั้งแล้ว
วันหนึ่ง ตอนที่เซเลเน่ตื่นขึ้นมาตอนบ่ายๆเพราะว่าตื่นมาเร็วกว่าที่คิดก็เลยคลุมผ้าห่มเพื่อจะนอนต่อให้ถึงตอนเย็น แต่พริบตาหลังจากนั้นก็มีคนรับใช้จากปราสาทบุกเข้ามาลากตัวออกไปจากห้องจับล้างตัวแล้วก็ก็จับใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์ที่ไม่เคยได้สวมเลยจนถึงตอนนี้ หลังจากเตรียมเสร็จก็ถูกพาไปเจอหน้ากับองค์ชายที่ไล่ตามตัวเองในป่ากับคุณลุงที่เหมือนกับหมี
ดูเหมือนองค์ชายจะมีชื่อว่ามิราโนะ เผยยิ้มใสๆน่ารำคาญแล้วก็พล่ามอะไรไม่รู้เรื่องว่า"เราจะทำการเจรจาเพื่อช่วยเธอเอง จะไม่กังวลอะไรแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมก็ได้"ออกมา
กับหมอนั่นที่อยู่ๆก็ออกมาพูดอะไรไม่รู้แล้วเซเลเน่ก็คิดว่ามันบ้าหรือเปล่า แต่ฝั่งนั้นก็คือองค์ชายโรคจิต จะต่อต้านไปโดยไม่คิดไม่ได้ ตาลุงหนวดเฟิ้มที่อยู่ข้างๆที่เอาไว้ขู่――ผู้ชายหน้าเข้มที่ชื่อว่าคุมะฮาจิ เพราะพูดปลอบด้วยเสียงอ่อนโยนไม่คล้ายกับหน้าตา เซเลเน่ก็เลยถูกใจเขาอยู่ ในทางกลับกัน ก็รู้สึกประมาณอยากฆ่ามิราโนะด้วย
ทั้งๆที่ใส่ชุดเรียบร้อยแค่ตัวเอง แต่ทำไมถึงให้คนใกล้ตัวใส่ชุดโทรมๆแบบนั้นกัน บางทีเพื่อที่จะให้ตัวเองดูดีถึงได้ให้ผู้ชายสกปรกๆที่ชื่อคุมะฮาจิมาอยู่กับตัวไม่ผิดแน่ พอคิดแบบนั้น เซเลเน่ก็รู้สึกว่าคุมะฮาจิก็เหมือนกับตัวเองก่อนหน้านี้ และรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
ในช่วงจนกว่าการเจรจาจะจบลง เซเลเน่เลยถูกนำตัวมาที่ห้องที่ดูประณีตนี้ แน่นอนว่าไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ แต่ของกินก็กลายเป็นของที่ดูหรูหรา แถมยังมีอาหารว่างด้วย แต่ว่าที่นี่นั้นไม่สามารถหนีออกไปได้เหมือนกับห้องก่อนหน้าเลยทำให้ไม่น่าพอใจเลย
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ก็ไม่เข้าใจหรอก แต่ถ้าการเจรจาสำเร็จล่ะก็แค่เรื่องที่จะต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับตัวเองแน่นั้นเข้าใจดีเลย เพราะฉะนั้นเซเลเน่ก็เลยภาวนาขัดขวางกับปีศาจว่า"อะไรก็ได้มาทำลายมันที ขอให้การเจรจาหยุดลงแล้วกลับไปที่คุกเดินได้ด้วยเถิด"ทุกวัน
"องค์หญิง! มีเรื่องมารายงานขอรับ!"
บัตเลอร์มุดช่องว่างขอประตู บัตเลอร์กระหืดหระหอบแล้วเข้ามาใกล้เซเลเน่ เซเลเน่นั้นทุกวันจะให้บัตเลอร์ลอบออกไปในฐานะสายลับเพื่อเอาสถานการณ์มารายงาน
"มีอะไรเหรอ?"
[ยินดีด้วยขอรับ! การย้ายไปราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ได้ตัดสินอย่างเป็นทางการแล้วขอรับ! คำภาวนาขององค์หญิงไปถึงแล้วขอรับ!]
"แบบนั้นมัน"
เซเลเน่รู้สึกสิ้นหวังมากจนทรุดลงบนเตียง โดนปีศาจแกล้งเลยสนุก ทำอะไรไม่ได้เลย
ทางบัตเลอร์นั้นก็ตื้นเต้นสุดขีดขนาดจะออกเต้นแท็ปเลยทีเดียว
[ได้ยินมาจากพวกหนูในป่ามาว่าดูเหมือนองค์หญิงก่อนหน้านี้จะไปเจอไอ้หนูที่ชื่อมิราโนะสินะขอรับ แล้วก็โดนเสน่ห์ขององค์หญิงพิฆาตไปในหมัดเดียวด้วยสินะขอรับ ก็นะ ถึงจะเป็นองค์ชายเขาก็ยังเป็นผู้ชายล่ะนะขอรับ จะบอกว่าแน่นอนอยู่แล้วมันก็ต้องแน่นอนสินะขอรับ]
บัตเลอร์กอดอกแล้วก็พยักหน้าอืมอืม
[เรื่องที่องค์หญิงนั้นไม่เหมาะที่จะมาติดอยู่ในคุกเล็กๆสกปรกๆในประทศเล็กๆนี่พระเจ้าจะเข้าใจดีนะขอรับ บัตเลอร์ผู้นี้ ในฐานะพ่อบ้านแล้วรู้สึกภูมิใจ…]
พอพูดถึงตรงนั้น บัตเลอร์ก็กลับมาเป็นตัวของตัวเอง เพราะรู้สึกตัวแล้วว่าเซเลเน่กำลังทำท่าจะร้องไห้ออกมา
[ขออภัยด้วยขอรับ เผลอหลงระเริงเกินไปซะแล้วขอรับ สำหรับองค์หญิงแล้วการออกจากประเทศนี้ หมายถึงต้องแยกกับองค์หญิงอัลเล แล้วก็…ท่านแม่สินะขอรับ]
ถึงควรจะรับการที่ถูกเชิญไปราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้เองเลยก็เถอะ แต่นั่นก็หมายความว่าแม่ของเซเลเน่นั้นปล่อยลูกสาวออกไปไม่มีอื่นใด บัตเลอร์ที่รู้สึกความตื้นเขินของตนก็รู้สึกอยากจะต่อยตัวเองขึ้นมา
[องค์หญิง ก็จริงที่อาจจะต้องออกห่างจากองค์ราชินีขอรับ แต่ว่าเรื่องนั้นสุดท้ายแล้วก็เป็นเพียงองค์หญิง[ในตอนนี้]เท่านั้นขอรับ ไปเป็นกุลสตรีที่ดีเถอะขอรับ เรื่องที่ลูกสาวของตนสุดยอดขนาดนี้ไปทำให้ยอมรับจริงๆเถอะขอรับ เรื่องนั้นคิดว่าสำหรับองค์หญิงแล้วจะต้องเป็นชีวิตที่สุดยอดที่สุด และเป็นการเอาคืนที่ดีที่สุดแน่ขอรับ คิดอย่างไรบ้างละขอรับ ถึงจะมีเรื่องกังวลอยู่หลายๆเรื่อง แต่ไม่ว่ายังไง บัตเลอร์ผู้ซื่อสัตย์ผู้นี้ก็จะติดตามไปขอรับ โปรดวางใจได้]
บัตเลอร์พูดแบบนั้นออกมาด้วยเสียงอ่อนโยน แล้วก็กระโดดลงจากเตียง กลับไปยังทางเดินสำหรับเซเลเน่ที่ถูกตัดสินให้ออกเดินทางไปแล้วนั้น บัตเลอร์ที่ทำหน้าที่ควบคุมเหล่าสัตว์ในป่า ทั้งต้องดูแลสวรรค์และก็ต้องไปแจ้งเรื่องต่างๆมากมาย ถึงจริงๆจะอยากอยู่เป็นเพื่อนเซเลเน่ที่หัวใจเล็กๆกำลังเจ็บปวดอยู่ แต่ว่าเวลาแทบไม่เหลือแล้ว และบัตเลอร์ที่ยังคงรู้สึกค้างคาในใจก็ออกไป
แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูไม้ที่ไม่เหมือนกับการเข้าออกของบัตเลอร์
"เซเลเน่ ขอเข้าไปคุยได้ไหมคะ?"
ก่อนที่เซเลเน่จะตอบ เจ้าของเสียง อัลเลก็เข้ามาในห้องทันที เพราะว่าอารมณ์ดีสุดๆ ก็เลยเดินไปหาเซเลเน่ด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
"ยินดีด้วยนะเซเลเน่! ดูเหมือนองค์ชายมิราโนะจะต้อนรับเธอแล้วล่ะ! แต่ว่า ทำไมองค์ชายมิราโนะถึงรู้เรื่องที่มีเซเลเน่อยู่ได้กันนะคะ? ก็ถูกเรียกว่าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย คนคนนั้นเป็นคนที่พิเศษจริงๆสินะคะ?"
"ท่านพี่…"
อัลเลเอียงคอเล็กน้อย ยิ่งกว่าเรื่องใดๆความจริงที่เซเลเน่ได้รับการปลดปล่อยนั้นทำให้รู้สึกอิ่มเอมใจ ดวงตาก็เปล่งประกายออกมา แต่กลับกันสีน้าของเซเลเน่ก็ดับวูบลง อา พอคิดว่าจะไม่ได้เจอพี่สาวที่เหมือนนางฟ้าแบบนี้อีกแล้วก็รู้สึกสิ้นหวังจนดวงตาดำมืดไปหมด
"ทำไมถึงทำหน้าเศร้าแบบนั้นเหรอ? ถึงจะไม่ได้พบกันฉันไปสักพัก แต่การที่เธอไม่ต้องกลับไปห้องมืดๆแบบนั้นก็ดีแล้วนะ แถมได้สวมเสื้อสวยๆด้วย อาหารอร่อยๆก็ได้กิน จะได้อยู่กับองค์ชายเท่ๆขนาดนั้นด้วยนะ?"
คำพูดที่อัลเลพูดให้กำลังใจนั้นส่งผลตรงกันข้ามกับเซเลเน่ เซเลเน่นั้นตาแดงกล่ำแล้วร้องไห้ฮือๆออกมา ถึงคำพูดอื่นๆจะดีหมด แต่มาจบที่คำสุดท้าย ทำไมถึงต้องห่างจากพี่สาวผู้งดงามแถมอ่อนโยนด้วย ทำไมถึงต้องไปอยู่กับผู้ชายโลลิค่อนที่ไม่ได้ชอบสักนิดด้วย
"กลับไป"
"เอ๊ะ?"
"หนู ห้องนั้นดีแล้ว กลับไป"
เซเลเน่ที่สะอึกสะอื้นกับคำพูดที่สั่นเครือ ทำให้อัลเลสับสน ถ้าบอกว่าไม่อยากจะไปประเทศที่ไม่รู้จักคนเดียวก็พอเข้าใจอยู่ แต่เหตุผลที่อยากกลับไปห้องนั้นนั้นไม่เข้าใจเลย ถ้าจะต้องอยู่ที่ประเทศนี้ต่อไปล่ะก็ห้องที่อยู่ตอนนี้น่าจะสบายกว่าไม่ใช่เหรอ
"เซเลเน่ทำไมถึงจะกลับไปห้องที่เหมือนคุกแบบนั้นเหรอ? ช่วยบอกเหตุผลให้พี่สาวหน่อยได้ไหม?"
"กับพวกท่านพี่ จะไม่ได้พบกัน…"
"[พวก]ฉันเหรอ?"
อัลเลถามกลับไปอย่างนั้น เซเลเน่ก็พยักหน้ากลับมา คนที่พูดคุยปกติกับเซเลเน่นั้นมีอยู่น้อยมาก ตัวเองก็แน่นอนอยู่แล้ว ที่เหลือก็คนรับใช้ที่คอยทำเรื่องที่จำเป็นให้จำนวนน้อยที่สุด เพราะอย่างนั้นแล้ว ในคำว่า[พวก]ฉันก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น
――องค์ราชินีของประเทศนี้ หรือก็คือแม่ของอัลเลและเซเลเน่
อยู่ๆอัลเลก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา อัลเลนั้นตอนที่เซเลเน่ถูกเอาไปกักตัว เพื่อที่จะเปิดใจของแม่ออก พอว่างจึงได้ลองค้นวรรณกรรมเกี่ยวกับแม่ลูกดู ก็เลยได้รู้ข้อมูลอะไรมากมาย
หนึ่งในนั้นเองก็มีความคิดที่ว่า"เด็กที่โดนรังแกนั้น ก็มีเด็กที่ไม่สามารถออกห่างจากพ่อแม่ได้ เพราะว่าตนเป็นเด็กไม่ดี ถ้าทนความเจ็บปวดต่อไปล่ะก็แม่จะต้องรู้สึกรักตนแน่ จะต้องให้คำชมแน่ๆ"อยู่ เซเลเน่ก็คงจะเป็นประเภทนั้นแน่ๆ เพราะฉะนั้นถึงอยากกลับไปยังหลุมสกปรกๆนั่น อัลเลนั้นคิดแบบนั้น
แต่ว่าสำหรับอัลเลที่เข้าร่วมการเจรจาเข้าใจดีว่าความต้องการของน้องสาวนั้นส่งไปไม่ถึงเลย ผู้เป็นแม่ในตอนนั้นดีใจกับการที่ขยะที่ทิ้งไม่ลงจนต้องเก็บไว้ในโกดังขายได้ราคาดีเป็นอย่างมาก เห็นกับตาเลยว่าไม่ได้คิดถึงเรื่องเซเลเน่แม้แต่นิดเลย
แต่ว่าการจะบอกความจริงนั้นให้น้องสาวที่ยังเด็กอยู่ก็โหดร้ายเกินไป อัลเลคุกเข่าลงไปปลอบน้องสาวผู้โชคร้ายแล้วก็เช็ดน้ำตาให้กับเซเลเน่
"เซเลเน่ สิ่งที่เรียกว่าความสุขน่ะนะ เป็นสิ่งที่มาพร้อมกับความโศกเศร้า เพราะอย่างนั้น ถึงตอนนี้จะรู้สึกเสียใจก็ตาม แต่ตอนนี้ตัวเธอก็ได้รับความสุขนระดับเดียวกันแล้วนะ เซเลเน่ทรมานมามากแล้วไม่ใช่เหรอ? เพราะฉะนั้นแล้วเธอก็ไปเป็นเจ้าหญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกได้แล้วนะ แทนที่จะมาอยู่ในที่มืดๆสู้ก้าวเดินไปข้างหน้าแล้วมองสิ่งสวยๆงามๆดีกว่านะคะ"
อัลเลนั้นกระตุ้นให้เซเลเน่ออกห่างจากผู้เป็นแม่ ถึงจะเข้าใจความรู้สึกของเซเลเน่ที่โหยหาแม่ก็ตามแต่การให้ออกไปนั้นก็เพื่อตัวน้องสาวเอง
แต่ว่า ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้น "พวกท่านพี่"ที่เซเลเน่พูดหมายถึงพวกผักในสวรรค์ต่างหาก ทั้งๆที่ใช้เวลาตั้งหลายปีพยายามเลี้ยงดูแท้ๆ พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกเสียใจ ถึงที่เซเลเน่ทำจะแค่เอาเมล็ดใส่หลุมจริงๆที่พยายามน่าจะแผ่นดินในป่ามากกว่าแต่ว่าสำหรับเจ้าตัวแล้วก็ถือว่าพยายามแล้วล่ะนะ
เกี่ยวกับผู่เป็นแม่นั้น ตอนที่เซเลเน่เกิดมาเทียบกับโลลิผมทอง หรืออัลเลที่ตอนนี้โตมาเป็นสาวน้อยผมทองสุดแหล่มแล้วมันผิดกัน นอกจากจะเป็นยัยป้าอารมณ์แปรปรวนแล้ว ก็ยังไม่ได้พบกันมาตั้งหลายปีแล้วสุดท้ายแล้วก็กลายเป็นคนที่จะเป็นยังไงก็ช่าง ถ้าให้แสดงลงบนแบบสอบถามหรือกราฟวงกลมแล้วล่ะก็ ก็คงอยู่ในหมวดหมู่"อื่นๆ"หรือ"จะอะไรก็ช่าง"ล่ะนะ
หรือก็คือสำหรับเซเลเน่แล้วพวกผักสำคัญกว่าแม่จริงๆซะอีก โดยไม่รู้เรื่องนั้น อัลเลก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนขึ้นมาเพื่อทำให้สบายใจ
"เซเลเน่ ถึงจะไม่ได้พบกันสักพัก แต่เดี๋ยวฉันเองก็จะไปที่เฮริฟาลเต้เพราะฉะนั้นแล้วไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถึงจะหลังเซเลเน่นิดหน่อย แต่บางทีคงใช้เวลาไม่นานขนาดนั้นหรอกค่ะ"
"เอ๊ะ ท่านพี่ จะมา!?"
"ท่านแม่ตั้งเงื่อนไขว่าถ้าให้ฉันไปเรียนที่เฮริฟาลเตแล้วจะยอมปล่อยเซเลเน่ไปค่ะ สำหรับองค์ชายมิราโนะฉันอาจจะไปเป็นภาระแท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็บอกว่าให้ฉันมาน่าจะดีกว่าด้วยค่ะ ช่างเป็นคนที่เต็มไปด้วยเมตตาจริงๆนะคะ"
ตอนที่ได้ยินคำนั้น สมองของเซเลเน่ก็แล่นปรู๊ด เซเลเน่มองอุบายขององค์ชายเจ้าเล่ห์นั้นออกแล้ว
ถ้าคิดอย่างใจเย็น การเอาตนที่เป็นคนปฏิเสธสังคมแถมยังเด็กอยู่ไปมันแปลกไม่ใช่เหรอไงกัน เหตุผลที่คนอย่างนั้นใช้วิธีต่างๆเพื่อจะพาไปนั้น ที่เซเลเน่คิดได้มันมีอยู่แค่หนึ่งเดียวเท่านั้น
――ตัวประกัน
เจ้าองค์ชายเจ้าเล่ห์นั่น พูดนั่นพูดนี่ แต่ก็หลงรักอัลเลที่เป็นดั่งเทพธิดาไปแล้วแน่ๆ ถ้าคิดถึงเสน่ห์ของอัลเลแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ว่าที่นี่คืออาณาจักรอาร์คุยล่า ถึงมิราโนะจะมีอำนาจเผด็จการสักแค่ไหนพออยู่ในประเทศอื่นก็ไม่มีกำลังมากพอ
สำหรับการเล่นสนุกไปกับเหยื่อจนพอใจได้ดีที่สุดนั้น การเอามาไว้ในเขตของตัวเองคือวิธีที่ดีที่สุด ถ้าเป็นประเทศของตัวเองก็สามารถใช้ประโยชน์จากฐานะองค์ชายต่อให้เป็นเรื่องโรคจิตแค่ไหนก็สามารถที่จะทำได้แน่นอน
ในเกมที่เซเลเน่ชอบเล่นในชาติก่อนนั้น ก็มีเกมที่องค์ชายจากมหาอำนาจมาตกหลุมรักองค์หญิงประเทศเล็กๆอยู่มากมาย เจ้าชายกับราชาพวกนั้นความจริงแล้วจะเป็นพวกชั่วร้ายหาใครเทียม มีสิ่งที่จะทำให้นางเอกตกลงไปในก้นบึงของความสิ้นหวังมากมายหลายอย่าง แล้ววิธีการสำหรับทำให้นางเอกอับอายนั้น การใช้น้องสาวหรือครอบครัวเป็นโล่นั้นก็เป็นวิธีปกติ
"ต้องขอบคุณองค์ชายมิราโนะเลยนะคะ เซเลเน่ ฟังเอาไว้นะคะ อย่าสร้างปัญหาให้ท่านมิราโนะนะคะ?"
มีเรื่องเศร้าอะไรที่ต้องไปขอบคุณองค์ชายพรรค์นั้นด้วยเหรอเซเลเน่โอดครวญอย่างนั้นในใจ แต่ว่าผิดกับตนที่ไม่เชื่อใจใคร พอได้มองเสด็จพี่ที่มีหัวใจใสซื่อบริสุทธิ์ไม่รู้จักการสงสัยใคร เซเลเน่ก็ได้ทำการเตรียมใจ
เซเลเน่กระโดดเข้าไปในหน้าอกของอัลเล แล้วกอดไว้เต็มแรง อัลเลรู้สึกตกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรแล้วก็กอดกลับ แล้วก็ลูบผมนุ่มๆของเซเลเน่
"หนู พยายาม ปกป้อง"
"ใช่แล้ว เป็นเด็กดีจังเลยนะ"
ใช่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ต้องปกป้องความบริสุทธิ์ของพี่สาวสุดที่รักให้ได้ จากที่ได้ยินองค์ชายนั่น ไม่ได้มีชื่อแค่องค์ชายศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น เพราะผู้เป็นพ่อนั้นมีชื่อเล่นว่าราชาราชสีห์ มิราโนะเองจึงมีชื่อเล่นว่า[สิงโตหนุ่มแห่งเฮริฟาลเต้]ด้วย
อะไรฟะชื่อเล่นเท่ๆนั่น เทียบกับตัวเองที่สมัยเป็นตาลุงชอบใส่กระเทียมเจียวลงในราเมง แล้วก็จ้องมองเด็กผู้หญิงน่ารักๆจนได้ชื่อเล่นว่า[สโตกเกอร์กระเทียมเจียว]แล้วมันต่างกันเกินไปหรือเปล่า
อดีตที่น่าขยะแขยงน่ะช่างมันไป จะราชาราชสีห์จะสิงโตหนุ่มอะไรไม่รู้ละ ถ้าอย่างนั้นตัวเองจะเป็นพยาธิในท้องสิงโต กัดกินจากภายใน แล้วก็ทำลายมหาอำนาจให้ดู ถ้าเพื่อปกป้องพี่สาวที่รักแล้วประเทศขององค์จองหองจะทำให้ล่มสลายไปเอง จงเสียใจซะเถอะที่เอาตนออกมา
เซเลเน่ตัดสินใจอย่างแน่วแน่
――บรรดานักประวัติศาสตร์ในรุ่นหลังได้เล่าต่อไปดังนี้ จนถึงวันนี้ ราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ที่รุ่งโรจน์ตราบจนชั่วนิรันดร ในยุคทองนั้น ถ้าให้พูดถึงยุคสมัยที่เปล่งประกายที่สุด ที่เป็นรากฐานมายังยุคปัจจุบัน ก็ต้องหมายถึงยุคสมัยของมิราโนะ เฮริฟาลเต้ผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้การขนานนามว่า[สุริยราช]ไม่ผิดแน่ แต่ว่า ผู้ที่สนับสนุนเขาจากเงามืด [องค์หญิงแสงจันทร์]เซเลเน่ อาร์คุยล่าผู้สร้างผลกระทบต่างๆไว้มากมายเองก็ลืมไม่ได้เช่นกัน
จากพงศาวดารที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน องค์หญิงแสงจันทร์เซเลเน่นั้นรู้สึกขอบคุณมิราโนะวัยหนุ่มที่ช่วยตนออกมาจากนรกมาก ก่อนที่จะออกเดินทางไปนั้น ได้สาบานกับอัลเลที่เป็นพี่สาวว่าจะปกป้องเขาด้วยชีวิต ในตอนนั้น เซเลเน่ยังอายุเพียง8ขวบเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคำพูดของสาวน้อยเลย ส่วนความสำเร็จขององค์หญิงเซเลเน่หลังจากนั้นนั้นเป็นไปตามประวัติศาสตร์ไว้ ว่า ถ้าเกิดไม่มีเธออยู่ ราชวงศ์เฮริฟาลเต้ก็คงจะล่มสลาย การพัฒนาในปัจจุบันก็จะไม่มีอยู่