[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ - ตอนที่ 59.52
WN ตอนพิเศษตอนนี้ ออกช่วงปีใหม่
ตอนพิเศษ 02
โมจิเควส
“เวลานี้ ต้องโมจิ!”
วันๆในพระราชวังเฮลิฟาลเต้ดำเนินไปอย่างปรกติ จนกระทั่งเซเลนตะโกนเสียงดังอยู่บนเตียงในห้องของเธอ
โดยไม่มีการเจ้งเตือนล่วงหน้า ราวกับคำพยากรณ์ที่ส่งตรงลงมากะทันหัน
เดิมที เซเลนก็ไม่ใช่คนที่ชอบกินโมจิ ปรกติแล้วไม่ค่อยได้กินด้วยซ้ำ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอรู้สึกอยากกินอาหารรสจืดแบบนี้ขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ
“บัตเลอร์ โมจิ แถวนี้?”
[“โมจิ หรือครับ?”]
บัตเลอร์เตรียมตัวต้อนรับยามเช้าอยู่ใกล้ๆบนเตียง ดูเหมือนเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้านายต้องการ
[“อื่ม… ขออภัยในความโง่เขลา กระผมไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าโมจิ”]
“งั้นเหรอ”
บัตเลอร์ก้มหน้าผิดหวัง รู้ลึกละอายที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้านายได้ แต่เซเลนก็ไม่ได้คิดตำหนิอะไร เพราะที่นี่ไม่ใช่ญี่ปุ่น บัตเลอร์จะไม่รู้จักก็ไม่แปลก
นอกจากนั้น สิบปีที่เซเลนได้มาอยู่ในทวีปนี้ก็ไม่เคยเห็นโมจิเลยสักครั้ง
หากเป็นเกาะใหญ่นอกทวีป ประเทศทางตะวันออก ที่มีวัฒนธรรมใกล้เคียงกับญี่ปุ่นก็น่าจะมีอะไรที่คล้ายๆกัน แต่คนที่จะถามได้ก็มีแต่คุมะฮาจิซึ่งตอนนี้ถูกเนรเทศออกไปพร้อมกับเอนเต้แล้ว
“ช่วยไม่ได้ ต้องลงมือเอง”
[“องค์หญิง? จะออกไปไหนครับ?”]
“ตามหา”
เซเลนกระโดดลงจากเตียงและลงมือแต่งตัวด้วยชุดสีขาวที่มักจะสวมเป็นประจำ เพื่อเป้าหมายนี้ เซเลนจะขอใช้ข้ออ้างอันดับหนึ่ง ซึ่งก็คือการขอไป ‘ตรวจสอบ’ สถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาลเต้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการขอเข้าพบอาลัว
ยืนยันอีกครั้งว่านี่ไม่ใช่การบุกรุกเข้าไป แต่เป็นการขอเข้าตรวจสอบ
การเดินทางอันยากลำบากของเซเลนได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่าการค้นหาตัวตนของ ‘โมจิ’ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักของคนในโลกนี้… หลังจากนั่งรถม้าประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงสถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาลเต้โดยสวัสดิภาพ ตลอดทางก็ได้ทหารฝีมือดีที่พร้อมสู้ถวายหัวเพื่อคอยอารักขา ถึงตรงนี้ การเดินทางของเซเลนก็ผ่านมาได้กว่า 90% แล้ว
“โมจิ โมจิ…”
เมื่อมาถึงประตูรั้วทางเข้า เซเลนจะบอกให้สารถีและทหารคุ้มกันทั้งหมดรออยู่ด้านนอก โดยที่เธอจะเข้าไปในพื้นที่สถานศึกษาเพียงคนเดียว
นี่ก็เป็นขั้นตอนตามปรกติ เหมือนการมาตรวจสอบทุกครั้ง เซเลนมักจะอยู่คนเดียว แม้แต่บัตเลอร์ก็ไม่ได้พามาด้วย
คนอื่นๆจะเชื่อกันว่า เธอไม่ต้องการให้เหล่านักเรียนในสถานศึกษาแห่งนี้ต้องรู้สึกอึดอัดหรือหวาดกลัวจากการที่มีทหารติดอาวุธเดินเพ่นพ่านอยู่ในพื้นที่ แต่ในความจริงแล้ว เธอแค่ต้องการอยู่กับอาลัวสองส่อสองต่างหาก
อีกทั้งสถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาลเต้ยังเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีความปลอดภัยสูงอันดับต้นๆของทวีป การก่อความไม่สงบในที่นี้คือการท้าทายราชาราชสีห์ ชวาน และการทำอันตรายให้กับเซเลนก็ทำให้เป็นศัตรูกับองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ มิลาน รวมถึงคนทั้งทวีป
เพราะฉะนั้น เซเลนจึงเข้ามาเดินเตร็ดเตร่อยู่คนเดียวราวกับสุนัขหลงทาง
การที่สถานศึกษาถูกเลือกให้เป็นสถานที่ค้นหาโมจิ มีเหตุผลอยู่สองประการ อย่างแรก เพราะเซเลนไม่เคยไปที่ย่านการค้าของเมืองรอบปราสาท จึงไม่คุ้นเคยกับสถานที่นั้น และอีกเหตุผลคือ ภายในสถานศึกษามีร้านค้าร้านอาหารอยู่มากมายหลายประเภท แม้ราคาจะสูงกว่าตามท้องตลาด แต่ก็มีการจัดหาสินค้าได้เทียบเท่ากับในตัวเมือง ทำให้สามารถหาทุกอย่างที่ต้องการได้ที่นี่เช่นเดียวกัน
สายลมอ่อนๆพัดมา เส้นผมยาวสีขาวปลิวไปตามสายลมเป็นประกาย
เจ้าหญิงแสงจันทร์ สัญลักษณ์ของปาฏิหาริย์ ในตอนนี้กำลังเดินเข้าไปตามห้องครัว โรงอาหาร พื้นที่ที่บรรดาชนชั้นสูงไม่เคยเหยียบย่ำ แต่เซเลนก็ไม่มีทีท่าว่าจะใส่ใจ
ด้วยความแตกต่างของสถานะทางสังคม นักเรียนทุกคนต่างรู้ดี จึงไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเข้าไปทักทาย ได้แต่ชื่นชมอยู่ห่างๆเท่านั้น
“โมจิ…โม โมจิ…”
แต่เซเลนก็ไม่สังเกตเห็นสายตาของคนรอบข้าง เพียงแค่ตามหาในทุกๆที่ที่คาดว่าน่าจะมีโมจิ อาหารของสถานศึกษามีความหลากหลายมากกว่าอาหารในพระราชวังอย่างแน่นอน เพราะยอมรับคุณภาพอาหารที่ต่ำกว่าได้ ถึงอย่างนั้น ก็ยังไม่มีโมจิอยู่ดี
“เฮ้อ…”
สุดท้ายก็เดินหาจนเหนื่อย สำหรับเซเลน ระยะทางที่เดินมานั้นถือว่ามาก แต่ก็ไม่มีอะไรที่คล้ายโมจิให้เห็น เซเลนจึงนั่งลงมี่ม้านั่งข้างทางและก้มหน้าถอนหายใจ
“อ้าว? คุณผู้สนับสนุนรายใหญ่ มาทำอะไรตรงนี้กันคะ?”
“หืม ชินนิ”
คนที่ส่งเสียงทักจนเซเลนต้องเงยหน้าขึ้นมามอง คือเด็กสาวผมสีแดง ชินนิ ที่เคยคิดจะฆ่าเซเลนให้ตาย แต่กลายเป็นการคืนชีพให้เซเลนแทน
“คินจิโร่* นี่นา”
“เรียกใครคินจิโร่?”
เพราะมีกระเป๋าเป้ใบใหญ่สะพายอยู่ข้างหลัง และในมือมีหนังสือเปิดกางไว้อยู่ เซเลนจึงเห็นชินนิเป็น นิโนมิยะ คินจิโร่*
“มาตรวจสอบด้วยตัวเองสินะ เคยได้ยินอยู่ แต่เธอเป็นถึงหญิงแสงจันทร์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ก็น่าจะทำตัวให้เหมือนผู้ยิ่งใหญ่มากกว่านี้หน่อย”
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ชินนิก็พยายามตามเซเลนให้ทัน
เพื่อชดเชยช่วงเวลาทั้งหมดที่ขาดเรียน จึงยืมหนังสืออ้างอิงจำนวนมากมาจากห้องสมุดจนต้องแบกมาในลักษณะนี้
ทั้งสองมีสถานะต่างกัน อยู่ในวัยเดียวกัน และบังเอิญได้มารู้จักกัน ชินนิมองเซเลนอย่างชื่นชมว่าเป็นเด็กที่ยึดมั่นในหน้าที่ ขยันขันแข็ง
ทั้งที่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น ในกรณีนี้ ชินนิต่างหาก ที่มุ่งมั่นทำในสิ่งที่ผู้คนคาดหวัง ส่วนเซเลนแค่ออกมาค้าหาโมจิเพราะเห็นแก่กิน
“ชินนิ แทน?”
“อ-อะไร?”
เซเลนลุกขึ้นและยื่นหน้าเข้าไปหา ใบหน้าของเธออยู่ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจ แก้มของชินนิแดงขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง จากนั้นเซเลนก็เอานิ้วจิ้มไปที่แก้มของชินนิ
“ก้อนโมจิ ก้อนโมจิ”
แม้จะผิดหวังที่หาโมจิไม่ได้ แต่พระเจ้าก็ส่งชินนิมาให้ใช้แก้ขัด เซเลนจึงเติมพลังด้วยการบีบนวดผิวแก้มอันนุ่มนิ่มของชินนิ
เซเลนยิ้มอย่างอารมณ์ดี แค่นี้ยังไม่ทำให้หมดหวัง จากนั้นก็หันหลังให้ชินนิ และเซเลนก็ออกเดินตามหาโมจิต่อไป
“…เมื่อกี้ คืออะไร?”
ชินนิถูกทิ้งไว้คนเดียว ไม่เจ้าใจว่าเรื่องเมื่อสักครู่มีความหมายว่าอย่างไร แต่ก็ดูเหมือนเซเลนจะพอใจ ชินนิจึงไม่คิดถึงมันอีกและกลับไปที่ห้องของเธอ
◆◇◆◇◆
“โมจิ ยังไม่ได้อีก…”
ผ่านมาอีกเป็นชั่งโมง เซเลนเหนื่อยจนหมดแรงและเข้ามาหมอบอยู่ในห้องหนึ่งของหอพัก
ใช่แล้ว นี่คือห้องของอาลัว และเซเลนก็มาที่นี่โดยไม่รู้ตัว
เป็นความเคยชินทีสลักลงไปในสัญชาตญาณของเซเลน เหมือนกับปลาเซลม่อนที่จะว่ายทวนน้ำขึ้นไปที่ตาน้ำได้อย่างแม่นยำ หรือลูกกวางแรกเกิดที่ลุกขึ้นยืนได้ทันทีเมื่อลืมตาดูโลก
เป้าหมายสัญชาตญาณของเซเลนนั้น คืออาลัว
ถึงอย่างนั้น ในตอนนี้คือเวลาเรียน อาลัวจึงอยู่ในห้องเรียน นอกจากเซเลน ในห้องนี้ก็ไม่ใคร เธอนั่งซึมอยู่บนเก้าอี้เหมือนนักมวยที่หมดแรงอยู่ที่มุมเวที
เมื่อทำใจให้เย็นลงได้แล้วก็เริ่มคิดอย่างมีเหตุผล ทำไมถึงต้องมาลำบากขนาดนี้เพื่อโมจิ ถ้าถามว่าอยากกินหรือเปล่า แน่นอนว่าคำตอบก็คือ ใช่ แต่ถ้าถามว่าอยากกินถึงขนาดยอมลำบากตามหาอยู่อย่างนี้หรือเปล่า คราวนี้คำตอบก็จะเป็น ไม่
เซเลนเริ่มรู้ตัวว่ากำลังเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ
ถ้าอย่างนั้น ก็ขอให้โมจิมันไม่มีอยู่จริงในโลกนี้ซะเลย เซเลนเริ่มพาลให้เป็นความผิดของโมจิ ทั้งที่ตัวโมจิเองไม่ได้ผิดอะไร
“เหนื่อยจัง…”
“เซเลน? อยู่ที่นี่เอง”
“ท่านพี่!?”
อีกครั้งที่มีเสียงทักมาจนเซเลนต้องเงยหน้าไปมอง ก่อนหน้านี้มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับโมจิจนไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าอาลัวกลับห้องมาแล้ว
“ท่านพี่ วันนี้ ฉัน…”
“เข้าใจแล้ว ระหว่างทางก็ได้ยินมาแล้ว”
อาลัวส่งยิ้มให้ ดวงตาของเซเลนเบิกกว้าง ไม่เข้าใจว่าการตามหาโมจิ มันมีสาระอะไรให้คนเอาไปพูดกัน
“ตรวจสอบสุขลักษณะของอาหารทั่วโรงเรียนอยู่คนเดียวทั้งวันเลยใช่ไหม? คนเขาพูดกันว่าเห็นเซเลนตรงโน้น เห็นเซเลนตรงนี้ หลายที่เลยล่ะ”
“เอ๋?”
อันที่จริงก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่นนอกจากโมจิ แต่เซเลนก็ยังจำได้ว่าข้ออ้างที่ใช้ในการมาที่นี่ คือ ตรวจสอบ
“น้องสาวคนเก่ง เดี๋ยวพี่ให้รางวัลเอง”
“รางวัล!?”
“มาสิ”
อาลัวลงนั่งบนเตียงและกวักมือเรียก เซเลนจึงตรงเข้าหาราวกลับแมลงเห็นหลอดไฟ เมื่อเซเลนนั่งลงบนตักของอาลัว อาลัวจึงได้กอดเธอจากข้างหลัง
“เด็กดี เด็กดี”
จานั้นก็ลูบหัวอย่างอ่อนโยน
“เซเลนยังเป็นแค่เด็กอยู่เลย แต่ก็ทำงานหนักเพื่อทุกคน พยายามด้วยตัวคนเดียวมาทั้งวัน คงเหนื่อยมากเลยสินะ? ตอนนี้ พี่ทำเพื่อเธอได้เท่านี้แหละ…”
อาลัวพูดขณะลูบหัวเซเลนเบาๆ ก่อนหน้านี้ในตอนที่เข้าห้องมา เธอเห็นน้องสาวนั่งหน้าเศร้าพร้อมกับบ่นว่า ‘เหนื่อยจัง…’ โดยที่ไม่สังเกตเห็นการมาถึงของเธอเลย
ภายนอกอาจจะดูเป็นเด็กที่เงียบๆ พึ่งพาได้ แต่ความจริงที่ว่าเธออายุแค่สิบขวบก็ยังไม่เปลี่ยน อีกทั้ง ช่วงชีวิตของน้องสาวคนนี้ ต้องประสบกับความยากลำบากมามากมาย การที่เธอมาตรวจสอบภายในสถานศึกษาบ่อยๆก็เป็นงานหนักเช่นกัน
เพราะเป็นถึงน้องสาวที่น่าภาคภูมิใจ อาลัวจึงคิดจะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้น เมื่อมีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสอง อย่างน้อยก็อยากจะให้เด็กคนนี้แสดงความรู้สึกในใจออกมาได้ตรงๆ นั่นคือสิ่งที่อาลัวคิด
อันที่จริง ถ้าให้แสดงความรู้สึกในใจออกมาตรงๆมันจะดูไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้น ปล่อยให้ไม่มีใครรู้ต่อไปแบบนี้ดีกว่า
“คางามิ โมจิ**…”
“หืม? อะไรเหรอ?”
“ท่านพี่ แบบนี้ ดีที่สุดแล้ว”
“ได้ยินแบบนี้ พี่เองก็ดีใจ”
เซเลนเคลิบเคลิ้มไปกับอุณหภูมิร่างกายและสัมผัสอันอ่อนนุ่มของอาลัว โดยเฉพาะความรู้สึกที่มีโมจิขนาดใหญ่สองก้อนดันอยู่ข้างหลัง
ใช่แล้ว ช่างโมจิมันสิ เพราะโมจิอันดับหนึ่งของโลกก็อยู่ตรงนี้แล้ว
ความหงุดหงิดทั้งหมดก่อนหน้านี้ละลายหายไป เซเลนรู้สึกว่าความพยายามนี้ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องไร้สาระ
เมื่อคิดดูให้ดีๆ โมจิมันก็แค่ก้อนคาร์โบไฮเดรตที่ถูกผลิตขึ้นมาด้วยระบบอุตสาหกรรม ของที่เอามาแทนได้ก็มีตั้งเยอะ จะไปสู้โมจิธรรมชาติที่อัดแน่นไปด้วยชั้นไขมันใต้ผิวหนังได้อย่างไร
โมจิในโลกนี้ก็ขอแค่หน้าอกอาลัวเพียงหนึ่งเดียว ไม่สิ เพียงสองก้อนนี่ก็พอ
ดังนั้น การเดินทางของเซเลน ภารกิจตามหาโมจินี้ก็ได้จบลงอย่างมีความสุข
____________________
*二宮 金次郎=นิโนมิยะ คินจิโร่ / 二宮 尊徳=นิโนมิยะ โซนโตคุ (คนเดียวกัน โชกุนตั้งชื่อให้ใหม่หลังเข้ารับตำแหน่ง)
รูปปั้นเด็กชายแบกฟืนเดินอ่านหนังสือ มักพบเห็นรูปปั้นนี้ได้ตามโรงเรียน สัญลักษณ์ของ “ผู้แสวงหาความรู้”
** 鏡餅=คางามิ โมจิ
โมจิซ้อนกันสองลูก ใช้ประกอบพิธีต้อนรับปีใหม่