[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ - ตอนที่ 59.5
ตอนจบ
แม่มดแห่งพรและคำสาป [(SS2) END]
จากที่ชินนิได้เสนอมา ทั้งเซเลน ชินนิ และสัตว์อสูรทั้งสอง ได้ขึ้นมาอยู่บนท้องฟ้าในตอนกลางคืนอันมืดมิด เดินทางด้วยความเร็วสูงอยู่บนหลังของซาซาคุเระ มังกรอันธการของปลอมที่ถูกย้อมด้วยสีแห่งความมืด เป้าหมายคือสุสานนักบุญเซเลน
“เอาเป็นแถวๆนี้ก็แล้วกันค่ะ คุณซาซาคุเระ ถ้าเข้าใกล้มากเกินไปจะถูกเห็น”
[“ได้ ข้าจะลงล่ะนะ ระวังอย่างตกไปก่อนล่ะ”]
ซาซาคุเระชะลอความเร็วและลดระดับความสูงอย่างช้าๆ ระวังไม่ให้ผู้โดยสารบนหลังกระเด็นจากการเคลื่อนไหวของเขา จนลงมาถึงถึงพื้นดินที่เป็นที่โล่ง นอกจากต้นไม้ใบหญ้าแล้วก็ไม่มีคนอื่นแม้แต่คนเดียว หากเดินเท้าจากตรงนี้ก็น่าจะใช้เวลาครึ่งชั่วโมงให้ถึงตัวสุสาน
[“คุณโคคุมารุ ตอนนี้ชินนิพยายามทำอะไรกันแน่ครับ? คงไม่ใช่ว่าหาโอกาสอยู่กับองค์หญิงตามลำพังเพื่อลงมือทำร้ายหรอกนะครับ…?”]
[“ไม่น่าใช่ หรือต่อให้ใช่ ข้าก็จะช่วยหยุดเอง”]
บัตเลอร์กับโคคุมารุมีความสามารถทางร่างกายสูงกว่ามาตรฐาน จึงกระโดดลงจากหลังมังกรได้ง่ายๆ และได้มายืนคุยกันอยู่บนพื้นดิน รอเด็กสาวทั้งสองปีนลงจากหลังซาซาคุเระอย่างปลอดภัย
หลังจากปีนป่ายตามเกล็ดสีดำขรุขระของซาซาคุเระอยู่สักพัก ในที่สุด เซเลนกับชินนิก็ลงมาถึงพื้นดิน และสำหรับเซเลน นี่คือครั้งแรกในรอบสองปีที่เธอได้ยืนอยู่ในดินแดนของมนุษย์
“ซาซาคุเระ ขอบคุณ”
[“เรื่องแค่นี่เอง เจ้าก็เติบโตให้สมบูรณ์แข็งแรงก็แล้วกัน ส่วนชินนิ ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ ที่ทำให้ข้าได้เข้าใกล้เป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของข้ามากขึ้น”]
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับคำชมจากท่านมังกรแดง… ไม่สิ ท่านมังกรอันธการ”
ไม่ใช่คำเยินยอ แต่เป็นการพูดจากใจจริง ก่อนหน้านี้ไม่ถึงเดือน ชินนิไม่เคยคิดมาก่อนว่าเวทมนตร์คำสาปของเธอจะทำประโยชน์ให้ผู้อื่นได้
[“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้ากลับยอดเขามังกรก่อนล่ะ แล้วจะมาคอยดูเซเลนเป็นระยะ แล้วเจ้า ชินนิ ข้ายังไม่เชื่อว่าเวทมนตร์ของเจ้าจะส่งผลตลอดไป เพราะฉะนั้นก็โผล่มาให้เห็นด้วย”]
“รับทราบค่ะ การที่คนอย่างฉันได้รับความสนใจจากมังกร นับเป็นเกียรติจริงๆ”
“ลาก่อน!”
เซเลนกับชินนิโบกมือลาจนกระทั่งร่างกายสีดำของซาซาคุเระกลมกลืนหายไปในความมืด นอกจากสัตว์อสูรสองตัวที่มาด้วยกันแล้ว รอบตัวเหลือเพียงตนไม้ใบหญ้าและเสียงร้องของแมลงเท่านั้น
“ชินนิ ทำไม ที่นี่?”
“คนทั้งทวีปเชื่อว่าเธอตายไปแล้ว ถ้าอยู่ดีๆไปบอกว่า ‘จริงๆแล้วยังไม่ตาย’ มีแต่จะทำให้คนอื่นเขาสับสนกันหมด”
“ไม่ดีเหรอ?”
“ก็ไม่ดีน่ะสิ! เข้าใจไหม? เธอน่ะ มีโอกาสใช้ความสามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากว่านี้ เพราะฉะนั้น จะสุญเสียความน่าเชื่อถือไปทั้งอย่างนั้นไม่ได้ ต้องสร้างสถานการณ์การกลับมาของเธอให้อลังการที่สุด”
“สร้างสถานการณ์?”
คำถามของเซเลนดูเหมือนจะไม่หมดง่ายๆ ชินนิถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ
“จะไม่สนใจลาภยศชื่อเสียงยังไงก็น่าจะมีขอบเขตสักนิด… เอาเป็นว่า ทำตามที่ฉันบอกทุกอย่างก็พอ รับรองว่าออกมาดีแน่”
“ได้”
เซเลนตอบตกลงได้ง่ายๆ หากเป็นสาวสวย เพียงแค่สั่งมา เซเลนก็พร้อมที่จะทำตาม
จากนั้น ชินนิจับมือเซเลนเดินไปตามความมืด ผ่านเขตที่พักอาศัย ไปยังสุสานนักบุญเซเลน ครั้งนี้ก็ได้โคคุมารุช่วยดูต้นทางให้ชินนิเช่นเคย และยังต้องระวังมากเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ถูกพบเจอโดยใครก็ตาม
[“ผ่านตรงนี้ไปก็เข้าข้างในได้แล้ว”]
“เวรยามแน่นหนากว่าแต่ก่อนเยอะ แต่แค่นี้ก็ไม่คณามือฉันหรอก”
ชินนิยิ้มอย่างภูมิใจ ด้วยการพรางตัวของหิ่งห้อยเงาที่ใช้ห่อหุ้มตัวเธอเองและเซเลน กับการลาดตระเวนของโคคุมารุ ชินนิจึงบุกรุกเข้ามาด้านในสุสานได้สำเร็จเป็นครั้งที่สอง
ภายในสุสานนักบุญเซเลนยังคงงดงามไม่มีเปลี่ยน โลงศพสีขาวบริสุทธิ์ที่อยู่ตรงกลางยังดูศักดิ์สิทธิ์เหมือนเช่นเคย
ชินนิเข้าไปเปิดฝาโลงศพทันที ฝ่าฝืนกฎข้อห้ามโดยไม่ลังเล
“…เป็นแบบนี้เองสินะ”
เมื่อฝาโลงถูกเปิดออก ชินนิมองไปที่ข้างในแล้วยิ้มเจื่อน โลงศพเต็มไปด้วยเศษดิน มันถูกใส่เข้าไปแทนที่เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตในตอนที่เซเลนออกไปข้างนอก นึกแล้วก็น่าอายที่เธอเคยคิดว่าเซเลนเป็นโกเลม
“โคคุมารุ ขนดินพวกนี้ไปทิ้งให้หมดเร็วเข้า โยนออกไปตามช่องหน้าต่างบานที่มืดๆหน่อย”
[“ใช้แต่ข้าคนเดียว! เฮ้ย บัตเลอร์ ทำอะไรบ้างสิ”]
[“กระผมไม่มีปัญหา แต่ว่า เด็กคนนี้คิดจะทำอะไร?”]
[“ข้าก็ไม่รู้หรอก ไอ้เด็กนั่นก็เป็นแบบนี้ประจำ ทำเสร็จแล้วเดี๋ยวก็รู้เอง”]
บัตเลอร์คุ้ยดินปั้นเป็นก้อน และโคคุมารุก็คว้าก้อนดินโยนออกนอกหน้าต่าง เพียงแค่บัตเลอร์กับโคคุมารุร่วมมือกัน โลงศพก็ว่างเปล่าในเวลาไม่นาน
“เอาล่ะ… เซเลน เข้าไปนอนได้”
“เอ๋?”
ถึงตั้งใจทำตามที่บอกทุกอย่าง แต่เซเลนก็ยังดูเหมือนจะงุนงงกับคำสั่งแปลกๆ เมื่อเห็นเช่นนั้น ชินนิจึงเริ่มอธิบาย
“ให้เหมือนกับว่า เธอหลับใหลอยู่ในนี้ตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมาจนกระทั่งลืมตาตื่นอีกครั้ง จะเป็นการกลับมาครั้งยิ่งใหญ่น่าจดจำ ผู้คนจะยอมรับได้ง่ายกว่าอยู่ดีๆก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้”
“เข้าใจแล้ว”
“อดทนรออยู่ในนั้นจนถึงเช้านะ เดี๋ยวฉันจะไปสร้างเรื่องให้ว่าสังเกตเห็นสิ่งผิดปรกติ”
“ได้”
สำหรับเซเลน จะเสนอหน้ากลับไปที่เมืองหลวงทันทีก็คิดว่าไม่เป็นไร แต่การทำเซอร์ไพรส์สร้างความประหลาดใจก็สนุกดี เพราะฉะนั้นจึงยอมรับวิธีนี้
เซเลนปีนเข้าไปในโลงศพ จัดท่าให้เรียบร้อยและนอนลงไป ชินนิเข้ามาช่วยปิดฝาโลง ก่อนจะปิดสนิท ชินนิกระซิบกับเซเลนว่า
“ขอโทษนะ อาจจะอึดอัดสักหน่อย พรุ่งนี้เช้าฉันจะพาคนที่เธอรักมาหาเอง เส้นผมสีทองกับดวงตาสีฟ้าของคนคนนั้นจะเป็นสิ่งแรกที่เธอเห็น”
“ผมทอง ตาฟ้า…”
“องค์หญิง หมายความว่าท่านจะได้พบกับคนคนนั้นแล้ว! น่ายินดีจริงๆ!”
และแล้ว ฝาโลงก็ถูกปิดสนิท ข้างนอกโลงศพของเซเลนเหลือไว้เพียงบัตเลอร์ที่คอยเฝ้าระวังอันตรายเหมือนทุกครั้ง ภายในโลงศพ เซเลนกำลังคิดอยู่คนเดียวในความมืด เส้นผมสีทองกับดวงตาสีฟ้าอันงดงามของบุคคลอันเป็นที่รัก
“ท่านพี่!”
พี่สาวที่รักยิ่งของเซเลน เจ้าหญิงอาลัว กำลังจะได้มาพบกันอีกครั้ง หลังจากเชื่อว่าน้องสาวของเธอได้ตายไปแล้ว แต่กลับมีตัวตนอยู่ต่อหน้าต่อตา และพวกเราก็จะกอดกันทั้งน้ำตาภายในสุสานสีขาวบริสุทธิ์ พร้อมแสงอาทิตย์ในยามเช้าที่สาดส่องเข้ามา เป็นภาพที่สวยงามตรึงตาตรึงใจ ต้องยกความดีความชอบให้ชินนิ วางแผนได้ยอดเยี่ยม
“ยังอีก♪ ยังอีก♪”
เซเลนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อสำหรับเช้าที่จะมาถึง เป็นสถานการณ์แปลกประหลาด คนเป็นๆนอนในโลงศพ ตื่นเต้นรอคอยการคืนชีพที่ใกล้มาถึง
หลายชั่วโมงผ่านไป แสงเดดลอดผ่านช่องเล็กๆระหว่างฝาโลงให้เห็น เวลาที่จะได้เจอคนที่รักใกล้เข้ามาแล้ว หัวใจของเซเลนเต้นโครมครามอยู่ในหน้าอก
―และแล้ว ฝาโลงก็ถูกเปิดออก
“คิดถึงจังเลย!”
ทันทีที่เกิดช่องว่างพอขยับตัวได้ เซเลนพุ่งออกไปกอดร่างที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความเร็วที่มากกว่าปรกติของเธอ โหยหาความนุ่มนิ่มระดับสูงที่ห่างหายไปนานจนไม่สามารถรอได้อีกต่อไป
“อ-อ้าว?”
สัมผัสของพี่สาวรู้สึกแข็งแปลกๆ แตกต่างจากที่จินตนาการไว้ เซเลนเริ่มสับสน โมจินิ่มๆที่ใบหน้าควรจะจมลงไป ถูกแทนที่ด้วยกล้ามเนื้อกระชับเข้ารูป
“ซ-เซเลน…? เป็นเธอจริงๆเหรอ.. เซเลน?”
“อ๊า!?”
เซเลนร้องสุดเสียง เส้นผมสีทองกับดวงตาสีฟ้าไม่ใช่ของอาลัว แต่เป็นเจ้าชายจอมหื่น มิลาน เซเลนรีบคลายมือออกเพื่อถอยห่างโดยเร็ว แต่ก็สายไปเสียแล้ว มิลานกอดเธอกลับมาเช่นเดียวกัน
“เจ้าชาย!? ทำไม!?”
“มีเด็กที่ชื่อชินนิมาบอกับผมว่า ได้ยินเสียงหัวใจเต้นอยู่ภายในโลงศพของเซเลนผ่านทางเวทมนตร์เฉพาะตัวของเธอ ขอให้ผมมาตรวจสอบ ผมจึงรีบมาด้วยความหวัง แต่ก็ไม่คิดเลย… ว่าจะเป็นเรื่องจริง…”
“เอ๋!?”
ไม่ว่าเซเลนจะขัดขืนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีทางหลุดจากการกอดด้วยกำลังแขนที่ถูกฝึกอย่างดีของมิลานได้
“(พลาดจนได้!?)”
ในตอนนี้เองที่เซเลนตระหนักถึงความผิดพลาดร้ายแรง นั่นคือการที่เธอลืมไปว่า เมื่อผู้หญิงพูดถึงคนที่รัก คนปรกติทั่วไปจะนึกถึงเพศชาย ยิ่งไปกว่านั้น การที่บอกแค่ว่า เส้นผมสีทองกับดวงตาสีฟ้า เป็นการระบุตัวที่กว้างมากเกินกว่าจะชี้ขัดได้ เป็นความผิดพลาดแบบเดียวกับการไม่อ่านฉลากสินค้าให้ละเอียด
“ชินนิ! ชินนิ! …อยู่ไหน!?”
ผิดแล้ว ที่ตกลงกันไว้ไม่ใช่แบบนี้ น่าจะยังอยู่ในช่วงรับประกัน มาให้บริการหลังการขายด้วย เซเลนพยายามร้องเรียนกับชินนิ ขอเปลี่ยนสินค้าที่ไม่ตรงตามที่สั่งไว้ แต่คนที่อยู่ในสุสานเวลานี้ไม่มีใครอื่นนอกจากมิลานและเซเลน
ความหวังสุดท้าย การซ้อมชกลมที่ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ที่ยอดเขามังกร ท่าไม้ตายที่ฝึกฝนมานานเป็นปี บัดนี้ ได้เวลาที่จะปลดปล่อยมันออกมาแล้ว จงบดขยี้ศัตรูที่อยู่เบื้องหน้า ไปเลย หมัดเซเลน!
“เซเลน ในที่สุด… ดีใจเหลือเกิน! ต่อจากนี้ผมจะไม่ยอมเสียเธอไปอีกแล้ว!”
แต่หมัดเซเลนก็ไม่มีโอกาสได้สำแดงเดช เพราะถูกมิลานจับล็อกไว้อย่างแน่นหนา! ในเมื่อออกหมัดไม่ได้ เซเลนก็ไม่มีหนทางพลิกเกมได้อีก!
“อุว้าก! ช่วยด้วย!”
“ที่ยังกลัวก็เพราะว่าเหตุการณ์นั้นสำหรับเธอเหมือนเพิ่งผ่านไปได้ไม่นานสินะ… แต่ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่มีวันให้สิ่งชั่วร้ายนั่นเข้าใกล้เธออีกแน่ ต่อจากนี้ผมจะเป็นฝ่ายปกป้องเธอเอง!”
พูดแล้วมิลานก็กอดเซเลนแน่นขึ้นไปอีก จะไม่ยอมให้ความอบอุ่นที่รู้สึกได้ในตอนนี้ต้องหายไปอีกครั้ง จากนั้น มิลานหลับตาลงและขอบคุณพระเจ้า ที่ส่งเด็กสาวผู้นี้คืนมาให้
“อ๊าก!”
ทางด้านของเซเลน จิตใจของเธอได้เลยขีดจำกัดไปแล้ว จากความคาดหวังว่าจะได้เซอร์ไพรส์โดยการเข้าไปกอดอาลัว ได้ถูกเซอร์ไพรส์สวนกลับด้วยอ้อมกอดของมิลาน ความรู้สึกเหมือนถูกหักหลังในตอนนี้ทำให้ในดวงตาของเซเลนมีแต่ความว่างเปล่า
◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆
[“ทำไมไม่ตามเจ้าชายมิลานไปหาเซเลนล่ะ?”]
“หน้าที่ของฉันจบลงแล้ว ไม่ไปขัดจังหวะเจ้าชายกับเจ้าหญิงสร้างบรรยากาศดีๆด้วยกันหรอก”
ในตอนนี้ รอบๆสุสานนักบุญเซเลนมีแต่ความอลหม่านอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เจ้าหญิงแสงจันทร์ที่เสียชีวิตไปแล้ว ได้ฟื้นคืนกลับมา ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งชุมชนของมนุษย์และเอลฟ์อย่างรวดเร็ว ชินนิมองเห็นจากตรงที่เธอยืนอยู่ได้ว่าทหารยามกำลังจัดการกับฝูงมนุษย์และเอลฟ์ที่พยายามเบียดเสียดเข้าไปข้างในสุสานอย่างยากลำบาก เธอไม่จำเป็นต้องเห็นกับตาก็รู้ได้ว่าฉากละครที่จัดเตรียมไว้ ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
ท่ามกลางความชุลมุน ชินนิดึงฮู้ดขึ้นมาปกปิดใบหน้า และเดินออกไปทิศทางตรงกันข้ามกับสุสาน
“ให้ตายเถอะ เป็นวันหยุดที่ห่วยแตกชะมัด แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีได้เหมือนกัน”
[“จะไปแล้วจริงๆเหรอ? จังหวะนี้ ถ้าไปเรียกร้องกับเจ้าชายมิลานสักหน่อยก็ได้รางวัลมาเพียบแน่ ไปลองกันไหม?”]
“แค่รางวัล ฉันได้มาพอแล้วล่ะ”
[“ทุนการศึกษาจากมูลนิธินักบุญเซเลนนั่นอะนะ? สำหรับข้าแล้ว เรื่องเงินๆทองๆ มันต้องยิ่งมากยิ่งดีต่างหาก…”]
“สมองนกอย่างแกก็คิดได้แค่นั้นแหละ”
[“หา? จะชวนทะเลาะกันหรือไง?”]
ชินนิปล่อยให้โคคุมารุบ่นต่อไปโดยไม่ตอบกลับ ชินนิไม่ได้พูดถึงเงินทอง แต่เป็นบางอย่างที่มีค่ามากกว่านั้น และเธอจะเก็บมันเอาไว้อย่างดี แต่ถ้าพูดไปก็จะถูกคู่หูปากเสียตัวนี้หัวเราะเยาะ เธอจึงเงียบเอาไว้
“กลับกันเถอะ จังหวะนี้คนอื่นๆไปมุงอยู่ที่สุสานนักบุญเซเลนกันหมด ถ้าหารถม้าไปเฮลิฟาลเต้ได้ก็คงว่าง”
[“หึหึหึ! ที่บอกจะกลับเฮลิฟาลเต้นี่อย่าบอกนะว่าจะกลับไปโรงเรียน?”]
“แล้วมันทำไม?”
[“เปล่า แค่คิดว่าแกที่เกลียดโรงเรียนนั่นนักหนา จะอยากกลับไปด้วยตัวเอง”]
“แกนี่มัน…! เงียบไปเลยน่า! เรื่องนี้มันก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามแผนใหม่สิ! จะฆ่าเซเลนก็ต้องเข้าใกล้ให้ได้ก่อน! แล้วถ้าไม่เป็นคนที่มีประวัติน่าเชื่อถือก็เข้าใกล้คนระดับเธอไม่ได้! จะให้แผนลอบสังหารล้มเหลวเพราะมีประวัติเป็นเด็กหนีเรียนไม่ได้!”
[“อื่ม จะทำเป็นเชื่อก็ได้”]
“ไอ้นกโง่! เดี๋ยวจะทำให้แกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเลย!”
ชินนิตะโกนใส่โคคุมารุที่พูดจาเยอะเย้ย ใช่แล้ว นี่เป็นเรื่องจำเป็น แม้จะเป็นเวทมนตร์คำสาป ถ้าใช้ให้งานถูกวิธีก็มีความเป็นไปได้มากมาย
ก่อนหน้านี้โคคุมารุก็เคยพูดไว้ เธอยังเป็นแค่เด็กน้อย เพราะมัวแต่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกแคบๆ เพราะฉะนั้น ต่อจากนี้จะเติบโตให้ดู เติบโตในฐานะแม่มดแห่งคำสาป ให้เหนือกว่าเจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าแนวทางของผู้สาปแช่งไม่ใช่เรื่องที่ผิด
วันหยุดของชินนิจบลงเพียงเท่านี้ ชินนิขึ้นรถม้าเดินทางกลับไปด้วยความตั้งใจเช่นนั้น ไปยังสถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาลเต้ที่คุ้นเคย
―ในอนาคตอันห่างไกล ประวัติศาสตร์จะยกย่อง ราชาแห่งดวงตะวัน มิลาน เฮลิฟาเต้ กับ เจ้าหญิงแสงจันทร์ เซเลน อาร์คุยล่า ให้เป็นตำนาน ไม่มีใครในทวีปนี้ที่ไม่รู้จักผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกตำนานที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งกว่าบุคคลทั้งสองในหมู่นักวิจัยเวทมนตร์
ผู้โชคร้ายจากเหตุการณ์ความพิโรธของมังกรแดงจนสูญเสียทั้งบ้านและครอบครัวไปจนหมดสิ้น เธอจึงอุทิศตนเพื่อการค้นคว้าเวทมนตร์รูปแบบใหม่ เวทมนตร์ในปัจจุบันที่สามารถปลดปล่อยออกมาจากร่างกายให้ใช้งานได้ ล้วนเป็นผลจากงานวิจัยของเธอ
อีกทั้งเธอยังเป็นสหายคนสนิทของเจ้าหญิงแสงจันทร์ แม่มดผู้ยิ่งใหญ่ที่ตามติดเจ้าหญิงแสงจันทร์ราวกับเงาไปตลอดช่วงชีวิต แม้เธอจะเป็นผู้ใช้เวทมนตร์คำสาป แต่เธอก็ใช้ความสามารถเหล่านั้นช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากอยู่เสมอ เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วนับร้อยปี แต่เธอก็ยังเป็นที่นับถือของผู้ใช้เวทมนตร์ส่วนใหญ่
ชื่อของเธอคือ ชินนิ ผู้ที่เปลี่ยนคำสาปให้เป็นความหวังแก่ผู้คน หลายคนยังเชื่อว่าเวทมนตร์ของเธอทำได้แม้แต่การสร้างปาฏิหาริย์ ผู้ใช้เวทมนตร์รุ่นหลังจึงขนานนามให้เธอว่า
‘แม่มดแห่งพรและคำสาป’