ตอนที่ 58
ความตั้งใจของชินนิ
ถูกบอกให้ยอมแพ้เรื่องการสังหารเจ้าหญิงแสงจันทร์ ชินนิไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรถึงเสนอออกมาเช่นนั้น หลังจากคิดตามอย่างช้าๆจนคำพูดนั้นเข้าไปข้างในหัว เธอก็อารมณ์เสียอย่างรุนแรง
“ไอ้นกโง่! สุดท้ายแกมันก็มีแต่สมองนก ลืมแล้วหรือไงว่าพวกเราผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงตรงนี้!? เป้าหมายก็อยู่ตรงหน้าแล้ว… ทั้งหมดก็เพื่อท่านผู้สาปแช่ง…”
[“ก็รู้อยู่ แล้วก็รู้ด้วยว่า ถึงจะแก้แค้นไปก็ไม่ได้อะไร…”]
“ถ้าคิดว่า ‘แก้แค้นไปก็ไม่ได้อะไร’ ล่ะก็ ก็เพื่อเป้าหมายของท่านผู้สาปแช่งไงล่ะ และการแก้แค้นก็ยังทำให้สบายใจ…”
[“เอาแต่พูด ท่านผู้สาปแช่ง ท่านผู้สาปแช่ง อย่างกับนกแก้ว!”]
ชินนิใส่อารมณ์เต็มที่ โคคุมารุก็ยิ่งพูดจายั่วยุ ทำให้การโต้เถียงนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“หนวกหูน! ไอ้สมองนกอย่างแกไม่ต้องมาสอน!”
[“ก็ใช่! ข้ามันอีกาสมองนกอยู่แล้ว! แต่สมองนกก็ยังดีกว่าเด็กไร้สมองอย่างแก! ท่านผู้สาปแช่งอย่างนั้น ท่านผู้สาปแช่งอย่างนี้ ไหนลองบอกเป้าหมายสำหรับตัวแกเองโดยไม่ต้องอ้างคนอื่นมาสักเรื่องสิ!”]
“เป้าหมายของฉัน…?”
คำพูดของโคคุมารุทำให้ชินนิตกอยู่ในภวังค์ ชินนิครุ่นคิดจนลืมความโกรธไปชั่วขณะ แต่ก็ทำได้เพียงแค่พึมพำออกมาไม่กี่คำ
[“ก็ไม่อยากจะยอมรับหรอก ว่าข้าดันมาเป็นคู่หูของมนุษย์ที่โง่ได้ขนาดนี้ ใช้ชีวิตให้นานๆอย่างคุ้มค่ามันยากนักหรือไง? แกคิดว่ายายแก่ตายอย่างน่าเสียดายอยู่สินะ? ถ้าใช่ก็แปลว่าแกมันไม่รู้อะไรเลย”]
“ว่าไงนะ!?”
[“ถึงยายแก่นั้นจะเป็นแม่มดชั่วร้ายหมดมุ่นอยู่กับคำสาป แต่ต่อให้เลยช่วงที่รุ่งเรื่องที่สุดในชีวิตมาแล้วก็ยังทุ่มเทให้กับงานอดิเรก ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบมาได้ตลอดจนอายุเฉียดหลักร้อย จนมีโอกาสได้ใช้เวทมนตร์ต้องห้ามที่ไม่มีใครกล้าใช้มานานหลายร้อยปีได้สำเร็จ ชีวิตมันต้องแบบนี้สิ ถึงจะคุ้ม”]
เมื่อได้ยินโคคุมารุพูดเช่นนั้น ชินนิก็คิดตามอย่างเงียบๆ ผู้สาปแช่งก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่หลงใหลในคำสาป ซึ่งเธอก็ได้อุทิศชีวิตเพื่อฝึกฝนเวทมนตร์คำสาปจนเชี่ยวชาญ จนวาระสุดท้ายก็ได้คืนชีพให้กับเวทมนตร์ในตำนานเพื่อเข้าท้าทายคนทั้งทวีปก่อนจะพ่ายแพ้และตายจากไป
ค้าพบทางเดินของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย และได้มาอยู่บนจุดสูงสุดบนเส้นทางสายนั้น เพราะฉะนั้น การได้อยู่กับสิ่งที่เลือก ทำในสิ่งที่ชอบจนถึงที่สุด จะเรียกได้ว่าผู้สาปแช่งประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วก็ได้
แน่นอนว่าคำสาปเป็นสิ่งเลวร้ายที่ถูกรังเกียจ การเลือกเส้นทางนี้ต้องมีการเตรียมใจที่แน่วแน่ และในวาระสุดท้ายก็สามารถทำการใหญ่ให้ทั้งทวีปสั่นสะเทือน แม้จะต่างกันในแง่ของการถูกยกย่องกับการถูกประณาม แต่ก็ทำให้ตนเองเป็นที่จดจำได้สำเร็จ
[“ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ยายแก่นั้นก็รักษาวิถีชีวิตของตัวเองไว้ ใช้ชีวิตตามใจอยากจนแก่เฒ่า ส่วนแกก็แค่เดินบนเส้นทางของคนอื่นจนไม่มีอนาคต เพียงเพราะรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณที่ถูกเก็บมาเลี้ยง แกมีปัญญาทำได้แค่นี้จริงดิ?”]
“มันไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับคนอย่างฉันหรอก!”
[“ถึงได้บอกว่าแกมันไอ้เด็กไร้สมองไง เด็กน้อยที่ทำอะไรด้วยตัวเองไม่เป็น”]
“ไม่ใช่เด็กแล้วนะ! แกต่างหาก เป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่ง อย่างมาพูดดีไปหน่อยเลย!”
[“คนที่ใช้อารมณ์เพราะอยากเถียงให้ชนะสัตว์ตัวหนึ่ง ถ้าไม่ใช่เด็กน้อยแล้วเป็นอะไร? ข้าเป็นแค่สัตว์ตัวหนึ่งก็จริง แต่รู้หรือเปล่าว่าข้าเห็นโลกเห็นผู้คนมามากมายก่อนแกจะเกิดซะอีก? คำแนะนำจากรุ่นพี่น่ะ แกคิดจะฟังบ้างไหม?”]
หลังจากพูดจบ ทั้งสองต่างก็เงียบลง ชินนิก้มหน้าสักพักก่อนจะหันกลับมามองโคคุมารุและพูดด้วยน้ำเสียงปราศจากความลังเล
“…มันเลยจุดที่ถอนตัวได้มานานแล้ว พวกเราเป็นศัตรูที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้”
[“เอาเถอะ ตามใจแกก็แล้วกัน ถ้าจนป่านนี้แล้วยังคิดว่าท่านเจ้าหญิงแสงจันทร์เห็นแกเป็นศัตรู แกมันก็เกินเยียวยาแล้วล่ะ”]
โคคุมารุพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้และบินจากไป
“เดี๋-…”
ชินนิเอื้อมมือออกไปเหมือนพยายามคว้าตัวโคคุมารุ แต่ก็หยุดไว้กลางคัน เพราเธอก็ไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่าทำเช่นนั้นทำไม
หลังจากนั้น ชินนิก็ถูกทิ้งไว้คนเดียวอยู่ริมลำธาร นอกจากเสียงน้ำที่ไหลลงมาจากยอดเขามังกรแล้ว ก็ไม่มีเสียงของสิ่งมีชีวิตอื่นให้ได้ยิน ราวกับโลกนี้เหลือแต่เธอเพียงคนเดียว
“ท่านผู้สาปแช่ง…”
ชินนินั่งลงบนก้อนหินใกล้ๆ เรียกหาอาจารย์ของเธอ และแน่นอนว่าไม่มีคำตอบ
เวลาผ่านไป ชินนิยังนั่งอยู่ที่เดิม ดวงอาทิตย์ขึ้นจนสุดและลงต่ำจนหายลับไปจากท้องฟ้า ดวงจันทร์ขึ้นมาแทนที่ ชินนิตัดสินใจกลับไปที่ถ้ำ และเนื่องจากใกล้จะถึงคืนจันทร์เพ็ญ แสงสว่างจึงมากพอให้ชินนิเดินกลับได้อย่างปลอดภัย
จากที่เคยคิดว่าจะได้เจอกับภูมิประเทศที่มีแต่ทางลาดชันขรุขระอันตราย จากสถานที่ที่ถูกเรียกว่า ‘ยอดเขามังกร’ แต่เส้นทางจากลำธารไปจนถึงถ้ำที่อยู่อาศัยก็มีทางเดินที่ถูกทำมาอย่างดี ชินนิเข้าใจว่าเป็นเพราะฝูงหนูทำการปรับสภาพพื้นที่เพื่อให้มนุษย์อาศัยอยู่ได้โดยไม่ลำบาก
การไปให้ถึงถ้ำของเซเลนก็ทำได้ง่ายดายด้วยเส้นทางที่ชัดเจน และถึงจะอยู่ไกลก็ไม่มีทางหลงเพราะถูกนำทางด้วยแสงสว่างที่แผ่ออกมาตามทางเป็นระยะ คาดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ทำมาจากพืชเรืองแสงที่หาได้ในป่าสีขาว ชินนิถูกแสงสว่างอันอ่อนโยนเหล่านั้นล้อมรอบร่างเอาไว้ตลอดทาง
“ยินดี ต้อนรับกลับ!”
“…ก-กลับมาแล้ว”
ทันทีที่ชินนิกลับมาถึงถ้ำที่พัก เซเลนก็ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ไม่แปลกที่แม้แต่โคคุมารุยังดูออก เซเลนคนนี้ถึงจะรู้ตัวจริงของเธอก็ไม่คิดรังเกียจ เธอดีใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นชินนิกลับมา
“ได้เวลา ไปนอน!”
“เอ๋?”
“สัญญาไว้ ตอนเช้า”
อาจจะจะดูเหมือนเป็นการพูดอยู่ฝ่ายเดียวอยู่บ้าง แต่เซเลนก็จับมือชินนิดึงเข้าไปข้างใน เนื่องจากชินนิโตกว่าถึงสองปี หากคิดจะขัดขืนก็สามารถทำได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น
ด้านในสุดของถ้ำที่เซเลนพาเข้ามา มีเตียงทำจากฟางและใบไม้ เป็นที่ที่เธอตื่นขึ้นมาเมื่อเช้านี้ ดูเหมือนเดิมทีมันจะเตียงของเซเลน และเมื่อมาถึง เซเลนก็กระโดดขึ้นไปนอนทันที
“เข้ามา! เข้ามา!”
“…”
เซเลนร้องเรียกด้วยรอยยิ้มอันสดใส นอนชิดขอบข้างหนึ่งของเตียงและเอามือตบลงบนเตียงอีกครึ่งที่ว่างอยู่ ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็คิดได้ว่าต้องการให้ไปนอนข้างๆ ดวงตาของเซเลนที่มองมามีแต่ความไร้เดียงสา กลับกัน ดวงตาของชินนิดูเลื่อนลอยยิ่งนัก
“(มีแต่ช่องว่าง… ตอนนี้คงฆ่าได้ง่ายๆ)”
ในเสื่อคลุมของชินนิมีมีดพกอยู่หนึ่งเล่ม เป็นของที่ติดตัวมาตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาในป่าสีขาว เป็นมีดที่มีไว้ใช้งานทั่วไป แต่มันก็เพียงพอสำหรับแทงทะลุเนื้อหนังของเด็กตัวเล็กๆอย่างเซเลนได้
“ชินนิ มีอะไร หรือปล่า?”
“…”
เพียงแค่ชักมีดออกมา แทงมันลงไปกลางหัวใจของคนที่อยู่เบื้องหน้า และทุกอย่างก็จะจบลงอย่างสวยงาม ทั้งที่มันควรจะเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ถูกขัดขวางไว้ด้วยความรู้สึกในใจของชินนิเอง
ในหนังสือของมูลนิธินักบุญเซเลนมีถูกมารีเบลยัดเยียมาให้ มีการบรรยายถึงความรู้สึกของมารีเบล เฮลิฟลาเต้ในตอนที่เธอสูญเสียเพื่อนสนิทที่เป็นดั่งน้องสาวของเธอ ความตายของเจ้าหญิงแสงจันทร์ทำให้เธอทุกข์ทรมานกับความโศกเศร้า จนกระทั่งตัดสินใจว่าจะเลิกร้องไห้ และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ผลงานของเซเลนคงอยู่ตลอดไป
ในส่วนของอาลัว อาร์คุยล่า ที่ขายน้องสาวของตัวเองเพื่อให้ได้เข้าเรียนที่สถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาลเต้ แต่ความรักของคนในครอบครัวก็ไม่มีวันถดถอย เธอจึงเห็นชินนิเป็นเหมือนตัวแทน แม้จะเป็นหญิงสาวผู้เพียบพร้อม วางตัวได้สาบูรณ์แบบแค่ไหน หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับน้องสาวที่เสียไปแล้วของเธอ ก็จะแสดงความหดหู่ออกมาอย่างเห็นได้ชัด
อีกทั้ง องค์ชายศักดิ์สิทธิ์ มิลาน เฮลิฟาลเต้ ผู้มากความสามารถ ชายหนุ่มที่โด่งดังไปทั่งทวีป แต่ก็ยังยึดติดกับเรื่องเพ้อฝันที่ว่า ‘อยากให้เธอตื่นขึ้นมากล่าว อรุณสวัสดิ์ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น’ จนไม่สามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้ เป็นเพียงชายหนุ่มผู้ไม่รู้จักโต ห่างไกลจากการเป็นผู้นำที่ผู้คนฝากฝัง
ทั้งหมดจะจบลงทันทีที่แทงมีดเล่มนี้ลงไป ใช่แล้ว มันคือการแก้แค้นให้ผู้สาปแช่งได้สำเร็จ นั่นคือเหตุผลหลัก ที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อมาให้ถึงยอดเขามังกรก็เพราะการนี้
—แต่ไอ้นกโง่อวดดีกลับพูดก่อนจะหนีไป ว่า
‘ท่านผู้สาปแช่งอย่างนั้น ท่านผู้สาปแช่งอย่างนี้ ไหนลองบอกเป้าหมายสำหรับตัวแกเองโดยไม่ต้องอ้างคนอื่นมาสักเรื่องสิ!’
“…สำหรับตัวเอง”
ชินนิมองไปที่เซเลน ยืนนิ่งไม่ขยับ เซเลนเหมือนจะคาดหวังให้เธอเข้าไปนอนด้วยกันเป็นอย่างมาก และยิ่งรอนานก็ยิ่งงอนแก้มป่องเหมือนไม่พอใจขึ้นทุกที
เห็นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ และแล้ว ชินนิก็เข้าไปนั่งตรงที่ว่างข้างๆเซเลน
“สัญญาแล้วก็ได้”
“สำเร็จ!”
พอได้เห็นเซเลนแสดงอาการดีใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง ชินนิเก็บมืดไว้ในเสือคลุมตามเดิม จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมออก และเอนตัวลงนอน
“ดีจริงๆ ได้เจอ ชินนิ”
“พูดแบบนี้กับคนอย่างฉัน ท่านเจ้าหญิงแสงจันทร์คิดอะไรอยู่กันแน่?”
ไม่ว่าอย่างไร ชินนิก็ต้องการจะรู้ว่าเซเลนคิดกับตนตามที่พูดไว้จริงหรือไม่ จึงได้ถามย้ำไปอีกครั้ง หากคำตอบฟังดูมีพิรุธ ชินนิก็จะตัดสินใจทำตามแผนการของตนเองต่อหลังจากเด็กคนนี้หลับ
“ชินนิ”
“…อะไร?”
“จะได้ อบอุ่น”
เซเลนตอบออกมาเพียงแค่นั้นและกอดชินนิเอาไว้ ถึงจะไม่ได้กอดแน่นมากนัก แต่ชินนิก็ไม่สามารถขยับตัวหนีไปจากอ้อมกอดของเซเลนได้เลย
พอได้ลองคิดดูแล้ว นี่อาจจะเป็นการโอบกอดด้วยความรักที่ชินนิไม่เคยได้รับเลยสักครั้ง แม้กระทั้งจากผู้สาปแช่งคนนั้นก็ตาม
“อบอุ่น… สินะ”
ความอบอุ่นที่ได้รับจากเซเลน ละลายไปถึงหัวใจที่ถูกสาปของเธอ และแน่นอนว่า ‘อบอุ่น’ สำหรับเซเลนนั้นจะหมายถึงอุณหภูมิ ตรงตัว ไม่ได้คิดในแง่ของการเติมเต็มหรือความรู้สึกข้างในแม้แต่น้อย
หลังจากเซเลนได้ชินนิมาเป็นหมอนข้าง เธอก็หลับลงไปอย่างง่ายดายและรวดเร็ว ถึงปรกติจะเป็นคนเชื่องช้า แต่ถ้าเกี่ยวกับการนอนหลับก็ไม่มีใครเร็วไปกว่าเธอ
“นี่ก็ได้เวลานอนของเราแล้วเหมือนกัน”
ชินนิหาวและผล็อยหลับไปไล่เลี่ยกัน ภายใต้การจับตามองของเงาดำสองเงาที่อยู่ใกล้ๆ พวกเขาเฝ้าดูอยู่เงียบๆจนทั้งสองหลับลงไป
[“เป็นเด็กที่ค่อนข้างหัวแข็งนะครับ”]
[“ช่วยไม่ได้ ให้เปลี่ยนใจกันทันทีคงไม่ไหว แต่อย่างน้อยก็มีแววรอดแล้วล่ะนะ”]
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด บัตเลอร์และโคคุมารุจะเข้าไปห้ามชินนิก่อนจะลงมือ ทั้งคู่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดที่ใกล้ที่สุดมาตั้งแต่แรก
[“ที่เป็นแบบนี้ได้ก็เพราะคุณโคคุมารุก็ช่วยไปพูดให้ เรื่องนั้นคงต้องขอขอบคุณ”]
[“ข้าไม่ได้ไปพูดให้มันเปลี่ยนใจ ไอ้เด็กนั่นต้องคิดได้ด้วยตัวเอง ยังไงซะ เป้าหมายในชีวิตมันก็เป็นเรื่องของใครของมันอยู่ดี”]
[“เด็กคนนี้จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกในใจขององค์หญิงได้แน่ หากทำให้นึกถึงความสุขที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นขึ้นมาได้ องค์หญิงก็จะอยากกลับไปหาคนที่รอเธออยู่ในดินแดนของมนุษย์ นี่ก็ต้องขอบคุณคุณโคคุมารุเหมือนกัน”]
บัตเลอร์พูดอย่างมีความสุข โดยที่ไม่รู้ว่าความจริงแล้วเซเลนต้องการพลัง ไม่ใช่ตัวกระตุ้น หากได้รับพลังอันแข็งแกร่งเมื่อไหร่ก็จะกลับไปเอง
[“เรื่องของแกสิ ข้าจะไปนอนแล้ว ไม่ใช่นกหากินกลางคืน”]
โคคุมารุเข้าไปซุกตัวอยู่ที่โพรงหินที่ผนังภายในส่วนลึกของถ้ำ ตัดบทสนทนากับบัตเลอร์ไว้เพียงแค่นั้น เขามีส่วนคล้ายเจ้านายคนปัจจุบันอยู่บ้าง ตรงที่ไม่ชินกับการถูกชื่นชม
เช้าวันถัดมา ชินนิตื่นขึ้นมาพร้อมกับหมอกในยามเช้า ตั้งแต่เหตุการณ์ความสูญเสียเมื่อสองปีที่แล้ว ทุกๆคืนเธอจะพบกับฝันร้ายซ้ำๆจนหลับสนิทไม่ลง แต่ครั้งนี้เธอนอนหลับอย่างเต็มอิ่มได้อย่างง่ายๆ
ชินนิลูบดวงตาของเธอที่ยังเบลอจากการตื่นนอนและได้เห็นเด็กสาวสีขาวนอนหลับอย่างมีความสุขอยู่ข้างๆ ทำให้ใบหน้าของเธอแดงขึ้นมาเล็กน้อย เพราะไม่เคยมีเพื่อนที่ใกล้ชิดถึงขั้นที่นอนด้วยกันมาก่อน เธอค่อยๆแกะเซเลนที่กอดเธอเอาไว้ทั้งคืนออกโดยที่ไม่ทำให้ตื่น เมื่อลุกออกจากเตียงก็รู้สึกได้ว่าสภาพร่างกายของเธอสมบูรณ์แข็งแรงดีแล้ว
[“ดูเหมือนจะหลับสบายทั้งคืนเลยนะ”]
“อย่าคิดเอาเองสิ”
คำทักทายแรกในยามเช้าที่ชินนิได้รับ มาจากโคคุมารุที่อยู่ในโพรงหินขนาดพอดีตัว เหมือนกับว่าที่ตรงนั้นเป็นรังชั่วคราวของเขาไปแล้ว
[“เปลี่ยนใจล้มเลิกแผนสังหารท่านเจ้าหญิงแสงจันทร์ไปแล้วสินะ เพราะข้าไปพูดแทงใจดำล่ะสิ”]
“ไม่มีทางเปลี่ยนใจหรอก ที่ปล่อยไว้ก็เฉพาะตอนนี้เท่านั้น”
[“หา?”]
โคคุมารุเอียงคอสงสัย ชินนิไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนักเพื่ออธิบายเป็นคำพูด และแล้ว อีกพักหนึ่งจึงเริ่มพูดต่อ
“ตอนนี้ได้รับความไว้วางใจมาได้แล้วในระดับหนึ่ง จะลงมือฆ่าเมื่อไหร่ก็ทำได้ทันที ชีวิตของเธออยู่ในกำมือของฉันแล้ว ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน ถ้าปล่อยให้เติบโตกว่านี้ ให้เจ้าหญิงแสงจันทร์กลับไปทำประโยชน์ให้มากกว่านี้ แล้วค่อยฆ่าในตอนที่เธอรุ่งเรื่องถึงขีดสุด ผู้คนจะสิ้นหวังยิ่งกว่า”
[“หืม… เอ๋…”]
“มีอะไรก็พูดมา! มีปัญหากับแผนของฉันหรือไง!?”
[“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ข้าก็แค่คิดว่าแกนี้มันอ้อมค้อมซะจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า!”]
เมื่อถูกโคคุมารุหัวเราะเยอะ ชินนิหันไปคว้าไม้เท้าประจำตัวที่พิงอยู่ข้างผนังและหวดลงไปอย่างรวดเร็ว แต่โคคุมารุก็แค่หดตัวกลับเข้าไปในโพรง จึงมีเพียงเสียงทุบดินทื่อๆเท่านั้น
“อุ หน้าอก ไปไหนแล้ว…?”
ระหว่างนั้น เซเลนละเมอหาสัมผัสอันนุ่มนิ่มที่ขาดช่วงไป ความอบอุ่นที่ลุกออกไปนั้น ส่งผลกับเธอถึงในฝัน
MANGA DISCUSSION