[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ - ตอนที่ 50
ตอนที่ 50
ชินนิ
ท่ามกลางแสงอาทิตย์อันอบอุ่น ลานกว้างของสถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาลเต้คับคั่งไปด้วยนักเรียนนักศึกษามากมายเช่นเคย
บ้างจับกลุ่มพูดคุย บ้างอ่านหนังสืออยู่คนเดียว ทั้งเดินตามถนน ทั้งพักผ่อนบนม้านั่ง ทุกคนล้วนดำเนินชีวิตได้อย่างราบลื่นภายในสถานศึกษาอันดับหนึ่งของทวีป
ท่ามกลางคนเหล่านั้น มีเด็กสาวคนหนึ่งที่ดูแปลกแยก เธอยกถ้วยชาขึ้นมาจิบอย่างช้าๆขณะเหลือบมองผู้คนที่เดินผ่านไปมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร อีกทั้งยังสวมผ้าคลุมสีดำสนิทข้างกายก็มีไม้เท้าอันใหญ่ทำจากไม้โอ๊ค ภาพลักษณ์ดูคล้ายกับแม่มดชั่วร้าย
แม้ภายในสถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาลเต้แห่งนี้จะไม่มีการแบ่งแยกสถานะทางสังคม แต่การที่เป็นสถานศึกษาอันดับหนึ่งของทวีปจึงมีชนชั้นสูงรวมตัวกันค่อนข้างมาก เมื่อเป็นเช่นนั้น ในหมู่นักเรียนด้วยกันจึงมักมีการแสดงความต่างผ่านทางเสื้อผ้าที่สวมใส่
ในขณะที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้เครื่องแต่งกายที่โดดเด่น เด็กสาวคนนั้นสวมผ้าคลุมเปิดบังทั้งตัว รวมถึงฮู้ดที่คลุมหัว เหมือนต้องการบอกเป็นนัยว่า ‘ไม่ต้องการสุงสิงกับใคร’ กับคนที่พบเห็น
ซึ่งก็แน่นอนว่ารอบตัวเธอไม่มีคนอื่นอยู่เลย เป็นไปตามความตั้งใจของเธอ และภายใต้ฮู้ดคลุมสีดำ มีความคิดที่ดำมืดยิ่งกว่า
-ถ้าฆ่าพวกคนน่ารำคาญรอบๆนี้ได้ ก็คงจะดีไม่น้อย
“(ดูท่าทางมีความสุขกันเหลือเกิน… เห็นแล้วน่าโมโหนัก)”
ชินนิ คือชื่อที่ใช้เรียกเธอ แต่มันก็ไม่ใช่ชื่อจริง เธอเลือกใช้ชื่อนี้แทนชื่อจริง เพราะมันเป็นชื่อที่ถูกมอบให้โดยอาจารย์ผู้เป็นที่เคารพรัก ผู้ใช้เวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดผู้มีสมญานามว่า ผู้สาปแช่ง
เป็นชื่อที่แปลงมาจากภาษาของประเทศทางตะวันออก ประเทศต้นกำเนิดของผู้ใช้คำสาป เป็นคำที่มีความหมายว่า ‘จิตมุ่งร้าย’
ในตอนที่เธอเข้าสมัครเป็นนักเรียนของสถานศึกษาในเฮลิฟาลเต้ก็ยังใช้ชื่อว่าชินนิ โดยอ้างฐานะว่าเป็นบุตรสาวของตระกูลขุนนางเก่าแก่ของวัลเบิร์ต… ไม่มีใครรู้ถึงชาติกำเนิดที่แท้จริงของชินนิมากนัก อาจเป็นแค่เด็กกำพร้าคนหนึ่ง แต่ก่อนที่จะรู้ตัว เธอก็ได้กลายเป็นผู้ใช้คำสาปที่มีอายุน้อยที่สุดในองค์กรไปแล้ว
องค์กรผู้ใช้คำสาปที่มีผู้นำคือผู้สาปแช่งในปัจจุบัน มีต้นกำเนิดจากการรวมตัวของกลุ่มคนที่ครอบครองความสามารถนอกรีตในประเทศตะวันออก จึงถูกขับไล่จนมาถึงทวีปแผ่นดินใหญ่เมื่อหลายร้อยปีก่อน ดังนั้น สมาชิกแรกเริ่มขององค์กรนี้จึงมีจำนวนน้อยมาก
แต่พวกเขาก็ได้เสาะหารวบรวมผู้คนที่มีคุณสมบัติคล้ายกัน กลุ่มผู้ใช้คำสาปได้ทำการฝึกสอนคนรุ่นใหม่เพื่อใช้เป็นกำลังให้แก่องค์กร และทำเช่นนั้นมาโดยตลอดจนมาถึงรุ่นของชินนิ
ตำแหน่งขุนนางของชินนิก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อน ส่วนหนึ่งก็เพราะเจ้าหญิงเอนเต้แห่งราชวงศ์วัลเบิร์ต เมื่อหลายปีก่อน สมัยที่เอนเต้ยังหมกมุ่นอยู่กับคำสาปสำหรับขับไล่ชนชั้นสูงจากประเทศอื่นเพื่อที่จะได้เข้าใกล้มิลาน และหนึ่งในผลพลอยได้จากตอนนั้นก็เป็นตำแหน่งขุนนางที่มีแต่ชื่อ
เพราะต้องการใช้งานผู้สาปแช่งกับพรรคพวกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงต้องมีตำแหน่งขุนนางเพื่อหลีกเลี่ยงขั้นตอนยุ่งยากต่างๆนาๆ รวมถึงการสอดแนมคนของประเทศอื่น และรับมือชนชั้นสูงจากประเทศเล็กๆด้วยตำแหน่งขุนนางของประเทศลำดับสองของทวีป
ชินนิได้ถูกเลือกให้รับบทบาทนี้ ด้วยความสามารถทางเวทมนตร์เฉพาะตัว และรูปลักษณ์เป็นเด็กสาวผู้งดงามของเธอ หากแต่งหน้าแต่งตัวให้ดีก็เทียบเคียงกับบุตรสาวของขุนนางตัวจริงได้ง่ายๆ และการที่อายุยังน้อยทำให้เธอไปไหนมาไหนได้โดยไม่ถูกระแวงสงสัย ทำงานควบคู่ไปกับชายชราที่ดูภูมิฐาน ผู้ใช้คำสาปรุ่นใหญ่ซึ่งรับบทเป็นบิดาของเธอ
ด้วยเหตุนี้ ชินนิจึงกลายเป็นชนชั้นสูงคนหนึ่ง ด้วยตำแหน่งขุนนางที่มีแต่ชื่อ ต่อให้หาทั่ววัลเบิร์ตก็ไม่มีทางพบบ้านตระกูลของเธอ ชินนิอาศัยอยู่ในบ้านโทรมๆในย่านเดียวกับร้านขายยาที่ผู้สาปแช่งเคยใช้อาศัย
องค์กรผู้ใช้คำสาปเคยขยายอำนาจไปทั่วทั้งทวีปอยู่เบื้องหลัง แต่ทุกอย่างก็ล่มสายในยุคสมัยของกษัตริย์ชวาน ผู้ที่ประกาศศักดาได้อย่างยิ่งใหญ่จนทุกประเทศเปลี่ยนไปคล้อยตามชายผู้นั้น เหล่าผู้ใช้คำสาปทั้งหลายได้แต่เฝ้ารอวันที่องค์กรของพวกเขาจะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ชินนิเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น
ความรู้ทั้งหมดของเธอได้รับมาจากผู้สาปแช่งตั้งแต่จำความได้ ผู้สาปแช่งจึงเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเธอ อาจารย์ที่เป็นดั่งพ่อแม่ เธอจึงรู้สึกยกย่องบูชา แม้จะถูกสั่งให้ไปตายก็ยินดีทำ
และเมื่อสองปีก่อน อาจารย์ของเธอได้ประกาศออกมาว่าจะใช้เวทมนตร์ต้องห้าม ‘แมลงดับแสงสุริยา’ เธอรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้เป็นพยานในตอนที่ทวีปนี้ถูกทำลายจนย่อยยับ
ด้วยคำสั่งของผู้สาปแช่ง ชินนิจึงได้ย้ายมาเป็นนักเรียนของสถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาลเต้ ซึ่งอยู่ภายในเมืองหลวงของเฮลิฟาลเต้ เพื่อหาข้อมูลของเป้าหมายและขยายฐานอำนาจให้กับพวกของตน แม้การสอบเข้าจะเข้มงวดด้วยการแข่งขันของผู้สมัครจากทั่วทั้งทวีป แต่ด้วยความที่เธอเป็นชนชั้นสูงจากวัลเบิร์ต จึงสามารถผ่านเข้ามาได้โดยไม่ยากเย็น
แต่ชินนิก็ยังเป็นแค่เด็ก เธอจึงไม่ได้รับภารกิจรวบรวมวัตถุดิบสำหรับพิธีกรรมแมลงดับแสงสุริยาซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดขององค์กร หน้าทีของเธอไม่มีอะไรมากไปกว่าการตรวจสอบเรื่องเล่าข่าวลือทั้งหลายที่ถูกพูดถึงภายในเฮลิฟาลเต้ แต่เธอก็อดทนทำมันต่อไปเพื่อความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ขององค์กร
-ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งฤดูใบไม้ร่วงภายในปีเดียวกัน วันที่ชินนิสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
เจ้าหญิงแสงจันทร์ เซเลน อาร์คุยล่า ได้กำจัดแมลงดับแสงสุริยาเพื่อปกป้องเจ้าชายมิลาน โดยแลกกับชีวิตของเธอ
ไม่เพียงเท่านั้น มังกรยังถูกใช้เพื่อตอบโต้ เมืองหลวงของวัลเบิร์ตถูกทำลาย ทั่วทั้งประเทศสั่นคลอนจนใกล้ล่มสลาย และอาจารย์ของเธอ ผู้สาปแช่ง ถูกมังกรแดงกลืนกิน ข่าวที่มาถึงนี้ทำให้ชินนิรู้สึกเหมือนกับฝันร้าย
นับเป็นจุดจบขององค์กรผู้ใช้คำสาป องค์กรที่ฝังรากลึกมานานหลายร้อยปี บัดนี้ไม่เหลือแม้แต่ชื่อ ไม่มีผู้นำ สมาชิกทั้งหมดที่รอดมาได้ก็ถูกจับกุม ไม่สามารถกลับมารวมตัวกันได้อีกตลอดกาล
โชคดีที่ชินนิอายุยังน้อย จึงไม่มีชื่อของเธอปรากฏอยู่ในเอกสารขององค์กร อีกทั้งเธอไม่เคยทำตัวเด่น จึงเป็นไปได้ว่าเธอคือผู้ใช้คำสาปเพียงคนเดียวที่ยังเหลือรอดอยู่
“บัดซบ…”
ชินนิสบถให้กับโลกใบนี้โดยที่ไม่มีใครได้ยิน เธอเองก็เป็นผู้ใช้คำสาบที่มีความสามารถสูงคนหนึ่ง เพียงแค่เธอเป็นอย่างผู้สาปแช่งให้ได้ก็จะแก้ไข้ปัญหาทุกอย่างได้เอง แต่พอเอาเข้าจริงก็ทำได้แค่โทษดินโทษฟ้าไปวันๆ
ในสายตาของคนอื่น ชินนิเป็นทั้งคนที่น่าเวทนาและคนน่ารำคาญที่รกหูรกตา
ในตอนนั้นเอง เธอได้เห็นนักเรียนหญิงคนหนึ่ง เนื่องจากชินนิไม่เคยนับใครเป็นมิตรสหายจึงจำไม่ได้ว่ารู้จักกันหรือไม่ แต่ดูจากการแต่งตัว คาดว่าน่าจะมาจากตระกูลที่ร่ำรวย นักเรียนหญิงคนนั้นหันมามองชินนิและหัวเราะเยาะอย่างดูถูกก่อนจะเดินจากไป
ชื่อเสียงของชินนิภายในโรงเรียนนี้ก็ใช่ว่าจะดี แม้จะมีฐานะค่อนข้างสูงด้วยฉากหน้าที่เป็นชนชั้นสูงจากประเทศที่ยิ่งใหญ่ลำดับสองของทวีป
แต่การแสดงออกของเธอที่สร้างบรรยากาศมืดมนน่ากลัวตลอดเวลา อีกทั้งยังเข้าเรียนได้ด้วยเส้นสายของวัลเบิร์ต จึงเป็นที่รังเกียจจากนักเรียนคนอื่นภายในโรงเรียน
“…ไอ้เจ้านั่น คิดว่าตลกงั้นเหรอ”
ชินนิมองตามไปที่นักเรียนหญิงคนนั้นจากข้างหลัง ดำเนินการบางอย่างอยู่ใต้ผ้าคลุมเพื่อไม่ให้ใครเห็น ปรกติแล้วเธอจะไม่ใส่ใจกับการถูกเยาะเย้ย แต่ในตอนนี้ เธอยึดถือรูปลักษณ์และวีถีชีวิตตามแบบของผู้สาปแช่ง หากดูถูกตัวเธอที่เป็นเช่นนี้ก็เท่ากับดูถูกอาจารย์ของเธอ
ส่วนหนึ่งในเงาของชินนิสั่นไหวโดยที่เธอไม่ได้ขยับร่างกายแม้แต่น้อย และเงาส่วนนั้นก็เปลี่ยนรูปร่างลื่นไถลออกจากปลายเท้าของเธอ เลื้อยไปตามพื้นเหมืองูไล่ตามเหยื่อ มันเข้าไปรวมกับเงาของนักเรียนหญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว
“ว้าย!?”
และนักเรียนหญิงคนนั้นก็ล้มลงบนทางเดิน
“อะไรน่ะ? เมื่อกี้สะดุดอะไร?”
นักเรียนหญิงมีรอยแผลถลอกบนหัวเข่า แต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่รู้ตัวเพราะตกใจกับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับเธอมากกว่า เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างมารั้งเท้าของเธอไว้ขณะก้าวเดิน แต่พื้นทางเดินก็ราบเรียบไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ
นักเรียนหญิงลุกขึ้นรวบรวมสิ่งของที่เคยอยู่ในมือซึ่งตอนนี้กระจัดกระจายอยู่รอบๆก่อนจะเดินจากไป
“ชิ”
ชินนิเดาะลิ้น ตั้งแต่แรกก็ไม่มีเจตนาฆ่าให้ตายอยู่แล้ว แค่ทำให้ล้มลงต่อหน้าผู้คนให้อับอาย เป็นการกลั่นแกล้งที่ดูธรรมดาแต่ได้ผลเป็นอย่างดี
“สุดท้ายก็มีแต่รูปร่างที่เหมือน…”
เงานั้นเป็นผลจากเวทมนตร์ของเธอ มันมีลักษณะเหมือนกับแมลงดับแสงสุริยาแต่ก็อ่อนแอไร้พลัง เป็นเวทมนตร์ที่ชินนิคิดค้นขึ้นมาเองและตั้งชื่อว่า ‘หิ่งห้อยเงา’ เนื่องจากเธอไม่เคยได้เห็นพิธีกรรมแมลงดับแสงสุริยาของจริง จึงสร้างของที่คล้ายกันโดยอาศัยความรู้ที่เธอมี
รูปร่างของเวทมนตร์ที่ออกเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระซึ่งมีเป้าหมายคือทำร้ายผู้คน โดยที่แมลงดับแสงสุริยาจะออกล่าเพื่อกัดกินพลังชีวิตของเหยื่อและเติบโตขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสัตว์ประหลาดไร้ผู้ต่อกร แต่หิ่งห้อยเงานั้น จะทำการเคลื่อนไหวที่ละเอียดอ่อนได้ดีกว่า และยังสามารถย้อมพื้นผิวที่มันเกาะติดให้เป็นสีดำ ซึ่งมีประโยชน์ในการซ่อนตัวในความมืด
ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่มีพลังพอที่จะฆ่าใครได้ เช่นก่อนหน้านี้ที่ทำไป คือการยกเงาตัวมันเองขึ้นมาใต้ฝ่าเท้า หรือออกแรงดึงเบาๆ เทียบกันแล้วอาจจะเผลอคิดไปได้ว่าเป็นของเล่นสำหรับเด็ก
ชินนิไม่เคยสนใจว่าคนอื่นจะมองเธออย่างไร หรือการเป็นเช่นนี้อาจจะสะดวกสำหรับเธอมากกว่า แม้ว่าผลการเรียนจะไม่ค่อยดีนัก และความแข็งแรงของร่างกายก็ต่ำกว่ามาตรฐาน ชินนิจะทำได้ดีและตั้งใจเป็นพิเศษกับการเรียนเวทมนตร์เท่านั้น เรียกได้ว่าขาดความกระตือรือร้นในเรื่องอื่นๆ
เหตุผลที่เธอเข้ามาเป็นนักเรียนในที่นี้ก็เพื่อเป็นสายลับ คะแนนการสอบจะดีหรือแย่ก็ไม่ส่งผลใดๆเป็นพิเศษ แค่ทำให้ได้ในระดับเพียงพอเพื่อไม่ให้ต้องซ้ำชั้นหรือโดนไล่ออกก็พอแล้ว โดยที่คนอื่นๆหวังคะแนนสูงๆเพื่อให้ได้งานที่ต้องการหลังจบการศึกษา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับเธอ
และการที่ชินนิไม่ค่อยได้เข้าเรียนในช่วงหลังๆนี้ ทำให้ผลการเรียนที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ตกต่ำลงไปอีก ถึงขั้นที่แม้ว่าจะโดนไล่ออกก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะไม่มีเหตุผลที่ต้องเป็นนักเรียนของที่นี่อีกแล้ว อันที่จริง แม้แต่เหตุผลในการมีชีวิตของเธอก็ไม่เหลือแล้วด้วยซ้ำ
ในตอนที่ชินนิยืนยันได้ว่าความตายของผู้สาปแช่งเป็นเรื่องจริง เธอก็คิดว่าชีวิตนี้ของเธอจบสิ้นแล้วเช่นกัน องค์กรถูกทำลาย เจ้าหญิงเอนเต้ถูกเนรเทศออกนอกทวีป ตำแหน่งบุตรสาวขุนนางปลอมๆของเธอก็มีโอกาสถูกเปิดโปงได้ทุกเวลา ไม่มีที่ให้กลับอีกต่อไป
อย่างน้อยก็อยากจะหนีออกไปจากประเทศนี้ให้ไกลๆ ประเทศที่เจ้าหญิงแสงจันทร์สร้างตำนานเอาไว้ ผู้ที่ช่วงชิงทุกอย่างไปจากเธอ แม้ว่าจะยังไม่ได้คิดเรื่องหลังจากนั้น หรือจะต้องตายข้างถนนที่ไหนก็ไม่ใส่ใจ เป็นความรู้สึกของผู้ที่สิ้นหวังอย่างแท้จริง
หลังจากวัลเบิร์ตสูญเสียอำนาจ ชินนิคิดจะหลบหนีออกจากสถานศึกษาแห่งนี้เหมือนกับหายตัวไปในชั่วข้ามคืน ถึงจะอยากแค่ไหนแต่ก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ เหตุผลก็เพราะ…
“เซเลน อาร์คุยล่า!”
ชินนิเอ่ยชื่อนั้นออกมาพร้อมกับกระแทกถ้วยชาในมือลงบนจานรองบนโต๊ะด้วยความโกรธ โชคดีที่ไม่มีอะไรแตกเสียหาย ชินนิดึงฮู้ดคลุมลงมาปิดถึงดวงตาและลุกเดินจากไป
“(เจ้าหญิงแสงจันทร์! จะตามรังควานไปจนถึงเมื่อไหร่!)”
การที่ชินนิถูกบังคับให้เป็นนักเรียนของสถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาลเต้อยู่ในตอนนี้ก็มีสาเหตุมาจากเซเลน