[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ - ตอนที่ 46.22
ตอนพิเศษ 22
เลิฟเลิฟเดทของเซเลนและมิลาน (ตอน2)
มิลานเดินจูงมือเซเลนไปตามทางเดินภายในปราสาท ดูเหมือนเธอจะกระสับกระส่ายเล็กน้อย ส่วนมิลานเดินอย่างใจเย็นด้วยความเร็วที่ช้าลงตามการก้าวเดินสั้นๆของเซเลน จนมาถึงลานรถม้าของพระราชวังที่ด้านหน้าปราสาท
“ขึ้น รถม้า?”
“ใช่ครับ นานๆทีจะเข้าไปเดินดูในตัวเมืองสักหน่อยก็ดีนะครับ”
เมื่อมิลานเข้าไปบอกกับสารถี สารถีก็เตรียมรถม้าให้พร้อมสำหรับมิลานและเซเลน ก่อนที่สารถีจะเข้ามาต้อนรับพวกเขาทั้งสอง มิลานก็ได้ห้ามไว้และเปิดประตูรถม้าด้วยตัวเองก่อนจะกล่าวคำเชิญ
“เชิญครับ เจ้าหญิงของผม”
มิลานพูดหยอกล้อกับเซเลน ทำให้ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็เห็นได้ว่าเธอไม่ได้ชอบการหยอกล้อเช่นนี้มากนัก หลังจากเธอเข้าไปในรถม้าแล้ว มิลานก็ตามเข้าไป
“เอาเป็นว่า ตามถนนหลักของเมืองไปก่อน ค่อยตัดสินใจอีกทีว่าจะไปที่ไหน”
เมื่อมิลานบอกแผนการคร่าวๆกับสารถี ม้าก็เริ่มออกเดิน รถม้าเคลื่อนผ่านสวนอันกว่างใหญ่ของพระราชวังเฮลิฟาลเต้ ฤดูกาลเริ่มเปลี่ยนจากฤดูร้อนเป็นฤดูใบไม้ร่วง เป็นช่วงเวลาที่พืชพรรณมีสีสันงดงามที่สุดในรอบปี และยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นจางๆของฤดูร้อนที่มากับสายลมที่พัดผ่าน มิลานเละเซเลนเดินทางด้วยรถม้าอยู่ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้ไปจนถึงถนนหลักของตัวเมืองที่เป็นจุดหมาย
ผู้คนบนถนนให้ความสนใจรถม้าที่มีตรารูปนกอินทรีย์ขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงกับมุงดูจนเกินความวุ่นวาย เนื่องจากชนชั้นสูงของประเทศนี้จะไม่ถือตัว แม้แต่ราชวงศ์ก็ยังใกล้ชิดกับประชาชนเป็นปรกติ อย่างเช่นมารีที่มักเข้าเมืองเพื่อเดินดูตามร้านเสื้อผ้าที่เธอโปรดปราน ชวานและไอบิสก็เคยไปเยี่ยมชมร้านช่างฝีมือต่างๆภายในเมืองในบางโอกาส
แต่ในตอนนี้ สิ่งที่สร้างความตกตะลึงให้คนทั่วไปนั้น คือเด็กสาวสีขาวที่มิลานจับมือพาลงบันไดจากรถม้าคั้นนั้น เพราะรูปลักษณ์ของเด็กสาวคนนั้นตรงกับบุคคลสำคัญในข่าวลือที่หลายคนพูดถึงกันในช่วงนี้และน้อยคนนักที่เคยได้เห็นตัวจริงของเธอ
“ว้าย!?”
อาจเป็นเพราะไม่คุ้นเคยกับผู้คนจำนวนมากที่ส่งเสียงจอแจอยู่รอบๆ เซเลนถอยกลับเข้าไปในรถม้า ซึ่งมิลานก็หัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะเข้าไปพูดอะไรบางอย่างกับเซเลน ทำให้เซเลนยอมอกมาจากรถม้าอีกครั้งด้วยท่าทางตื่นกลัวเหมือนกระต่ายตัวเล็กๆ ผู้ที่เห็นต่างก็ยิ้มให้เธอด้วยความเอ็นดู
“คิดๆดูแล้ว นอกจากที่วัลเบิร์ต เซเลนก็ไม่เคยได้เดินเล่นในตัวเมืองเลยสินะครับ”
“อือ”
ไม่น่าเชื่อว่าเซเลนจะยอมทำตามอย่างว่าง่าย เป็นเพราะถูกคำสาปเล่นงานไปถึงจิตใจ ทำให้บุคลิกของเซเลนเกิดความผิดปรกติ ดังนั้นเธอจึงดูไม่ต่างกับเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง
“อ๊ะ!?”
“เป็นอะไรไปครับ!?”
ทันใดนั้น เซเลนเข้าไปกอดเอวของมิลานจากข้างหลัง ดูเหมือนเธอเข้ามากอดมิลานด้วยความหวาดกลัวเหมือนครั้งก่อน เพียงแต่คราวนี้ไม่ได้มีเป้าหมายคือการจับทุ่ม
-ถ้าจะให้อธิบายทุกการกระทำของเธอก็คงยาก
“นั่น…!”
“ไหน?”
ตรงที่เซเลนชี้ไป มีร้านแผงลอยและเตาย่างเนื้อเสียบไม้ กลิ่นของเนื้อย่างร้อนๆผสมกับเครื่องเทศที่คลุกเคล้าส่งกลิ่นหอมจัดจ้าน หากเป็นกรณีปรกติ เซเลนจะกระโดดเข้าใส่เหมือนสุนัขไล่คาบจานร่อน
“นั่นมัน…”
“ร้านแผงลอยเหรอครับ? หรือว่าจะไม่ชอบ?”
“เนื้อย่าง”
“(คงจะทำให้เซเลนนึกถึงเอ็นไก่ที่วัลเบิร์ต…)”
เรื่องในตอนนั้นยังคงทำให้เซเลนต้องหวาดผวาเป็นแน่ มิลานจึงเอาตัวบังร้านแผงลอยนั้นไว้จากสายตาเซเลน และจูงมือเธอกลับไปที่รถม้าจากนั้นก็สั่งให้สารถีพาพวกเขาไปทางอื่น
“อย่าเข้าใกล้แถบที่ขายอาหารมากเกินไปดีกว่า แล้ว มีที่ไหนอยากไปอีกหรือเปล่าครับ?”
“ไม่เป็นไร พอแล้ว”
จากที่เห็น ดูเหมือนเซเลนไม่ต้องการอะไรเป็นพิเศษ แค่มีความสุขกับการได้นั่งรถม้าชมรอบเมืองไปพร้อมกับมิลาน มองดูวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองหลวงตามทางไปเรื่อยๆ ไม่มีการพูดคุยกันระหว่างมิลานเละเซเลน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเงียบจนน่าอึดอัดแม้แต่น้อย
“ช่วยหาที่จอดลงแถวๆนี้หน่อย”
หลังจากทั้งสองผ่านสถานที่ต่างๆในเมืองรอบปราสาทมาระยะหนึ่ง มิลานก็บอกไปเช่นนั้น สารถีจึงหยุดรถม้าตามคำสั่ง
“แวะข้างทางกันสักครู่นะครับ เซเลน”
“อือ ได้”
มิลานจับมือเซเลนลงจากรถม้าอีกครั้ง ประคองให้เธอก้าวเท้าได้อย่างมั่นคงบนบันไดของรถม้าที่ค่อนข้างสูงสำหรับเธอ
“ที่นี่?”
“ร้านขายเครื่องประดับครับ แต่ก็ไม่ได้เป็นร้านที่หรูหรามากนัก”
ตามที่มิลานบอก มันคือร้านขายเครื่องประดับและอัญมณี ร้านเล็กๆไม่ได้ตกแต่งให้ดึงดูดสายตา ตัวร้านก็เป็นอาคารไม้ธรรมดาดูเรียบๆ แต่ก็สามารถเห็นได้ว่าร้านนี้ได้รับการดูแลแม้กระทั่งจุดเล็กๆน้อยๆก็ยังจัดการได้เรียบร้อยดี แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของเจ้าของร้าน
“อาจกะทันหันไปสักหน่อย จริงๆแล้วผมอยากหาซื้อเครื่องประดับเป็นของขวัญให้เธอสักชิ้นน่ะครับ”
“แต่ แพง สิ้นเปลือง?”
“ถนนสายนี้เป็นที่ที่นักท่องเที่ยวกับคนทั่วไปจะมาเดินกัน ไม่ใช่ร้านที่ขายของแพงๆหรอกครับ”
ร้านที่ขายอัญมณีหายากราคาแพง อุปกรณ์เวทมนตร์ และสินค้าชั้นยอดที่มีมูลค่าสูง จะตั้งอยู่ใกล้ปราสาทในเขตชนชั้นสูงที่มีกองทหารรักษาความปลอดภัยออกลาดตระเวนอย่างเคร่งครัดให้ปราศจากโจรผู้ร้าย
แต่ร้านที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี้ อยู่ห่างออกไปบนถนนสายหลัก คุณภาพสินค้าไม่ได้สูงมากนัก ราคาจึงเหมาะสมสำหรับให้คนทั่วไปมาหาซื้อได้ ให้ความรู้สึกเหมือนกับร้านขายของฝากหรือของที่ระลึกมากกว่า
เมื่อทั้งสองเปิดประตูก็เห็นว่าภายในเรียบร้อยดูสะอาดสะอ้าน แสงแดดที่ลอดผ่านประตูที่เปิดอยู่กระทบกับเครื่องประดับและอัญมณีจนสะท้อนแสงเป็นประกายสวยงามราวกับเป็นการต้อนรับผู้มาเยือน
ด้านในสุดของร้านมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง แม้สูงอายุแต่ดูเรียบร้อยภูมิฐาน กำลังตกใจที่ได้เห็นมิลาน เจ้าชายของประเทศที่เข้ามาในร้านพร้อมกับเซเลน
“ตายแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าคนระดับท่านจะเข้ามาในที่แบบนี้… ทรงพระเจริญ”
“อย่าเลย ไม่ต้องมีพิธีการ”
หญิงชราตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูกจนน้ำตาไหล เซเลนจึงเข้าไปปลอบพร้อมกับชายชราผู้เป็นสามี มิลานมองดูอยู่ห่างๆด้วยรอยยิ้มและเดินสำรวจป้ายราคาที่ติดอยู่กับเครื่องประดับแต่ละชิ้นภายในร้าน
“(ราคาสมเหตุสมผลอย่างที่คิด ถ้าแค่นี้ไม่น่ามีปัญหา)”
อัญมณีหลายประเภทถูกติดไว้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับเช่นสร้อยคอ กำไล เข็มกลัด ทั้งหมดมีขนาดเล็กไปตามราคาที่ย่อมเยา ดูเข้ากับสภาพของร้านที่เห็น นี่คือความตั้งใจของมิลาน เพราะรู้ดีว่าเซเลนจะไม่ยอมรับของที่มีราคาสูงเกินไป
อันที่จริง เซเลนเห็นอัญมณีเป็นเพียงแค่ก้อนหินที่กินไม่ได้โดยที่ไม่สนใจว่าราคาจะถูกหรือแพง และชอบของที่ใช้งานได้จริงมากกว่าของสวยงามเพื่ออวดโชว์ แต่ครั้งนี้เซเลนตื่นตาตื่นใจอย่างเห็นได้ชัดไปกับเครื่องประดับที่อยู่รายรอบ ไม้ใช่เพราะคุณค่าของอัญมณี แต่เป็นเพราะได้เห็นของที่เงางามเป็นประกายเรียงรายอยู่เบื้องหน้า
“เลือกอันที่ชอบสิ”
“จะดีเหรอ?”
“คุณเจ้าของร้านอุตส่าห์ต้อนรับขนาดนี้แล้ว จะเดินออกไปโดยที่ไม่ซื้ออะไรเลยเหรอครับ?”
“อื่ม…”
เซเลนยังคงดูเหมือนลังเล หลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่สักพัก เธอก็เลือกเข็มกลัดทองประดับลาพิสลาซูลี ซึ่งมันเป็นสีเดียวกับเส้นผมและดวงตาของมิลาน
มิลานก็สังเกตเห็นและรู้เรื่องนั้นดี แต่ถ้าเขาทักขึ้นมาในตอนนี้ เซเลนจะต้องเปลี่ยนใจแน่ เพราะฉะนั้น เขาจึงยังเงียบไว้และซื้อเข็มกลัดชิ้นนั้นก่อนออกจากร้านมา
“แค่นี้พอแล้วหรือครับ?”
“ขอบคุณ… อุก!?”
ทันทีที่เซเลนรับเข็มกลัดมาไว้ในมือ เธอก็มีสีหน้าเจ็บปวด มือข้างที่ไม่ได้ถือเข็มกลัดยกขึ้นมากุมศีรษะ และทรุดลงไปนั่งกับพื้น
“เกิดอะไรขึ้น!? เซเลน! เป็นอะไรไป!?”
“หัว ปวด…”
รับรู้ได้เพียงแค่ว่ามิลานกำลังพูดอะไรบางอย่าง แต่เซเลนก็ไม่สามารถจับใจความได้ เมื่อเธอถูกอุ้มขึ้นมาด้วยแขนอันผอมบางแต่ถูกฝึกมาอย่างดีของเขา สติของเซเลนก็ดับมืดไป
◆ ◇ ◆ ◇ ◆
หลังจากเซเลนเป็นลมล้มพับ มิลานรีบร้อนกลับปราสาทอย่างบ้าคลั่งโดยรถม้าคันเดิม เพื่อพาเซเลนมาหาหมอที่เก่งที่สุดเท่าที่เขาคิดออก มิลานร้อนรนอยู่ตลอดเวลาจนกระทั่งได้ยินว่าเซเลนแค่หลับไปโดยมีไข้เพียงเล็กน้อย จึงโล่งใจขึ้นมาได้มาก
“ท่านพี่นะท่านพี่! ก็รู้ๆกันอยู่! อย่าพาเซเลนออกไปข้างนอกตอนกลางวันสิ!”
“ไม่มีข้อแก้ตัวครับ…”
ด้วยเหตุนี้ มิลานจึงถูกเทศนาโดยมารี ตรงข้ามกับเมื่อก่อนที่ปรกติมิลานจะเป็นฝ่ายเทศนา และครั้งนี้เขาไม่สามารถเถียงกลับได้เลย หมอหลวงวินิจฉัยว่าเป็นเพราะผิวสีขาวของเซเลนที่ไวต่อแสงอาทิตย์ การที่เธออยู่ภายใต้แดดจัดในตอนกลางวันนั้นทำให้เธอเป็นลมแดด
จริงอยู่ที่เซเลนเป็นคนแพ้แสงแดด แต่ในกรณีนี้มันไม่ได้ส่งผลทางร่างกายมากนัก ส่วนใหญ่เป็นเหตุผลทางด้านจิตใจเธอมากกว่า ผลของยาเปลี่ยนผันได้หมดลงไปแล้ว ทำให้สมองของเธอต้องรับภาระหนัก
คล้ายกับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายต้องออกแรงกะทันหันก็อาจทำให้เกิดการปวดกล้ามเนื้อได้ จึงอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆว่า กรณีเช่นนั้นกำลังเกิดขึ้นกับสมองของเธอ
“เอาเถอะ อย่างน้อยก็น่าจะทำให้เซเลนมีความสุข ครั้งนี้หนูจะให้อภัยก็ได้ ถ้าเซเลนตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ท่านพี่ก็อย่าลืมมาขอโทษเธอด้วยล่ะ เข้าใจไหม?”
“รู้สึกว่าครั้งนี้จะเข้มงวดเป็นพิเศษเลยนะครับ”
“ก็บางครั้งท่านพี่ไม่ละเอียดอ่อนกับผู้หญิงจนน่าหงุดหงิดเลยยังไงล่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมจะไปดูเธอเลยก็แล้วกัน ถ้าได้สติแล้วก็จะทำตามที่บอกทันทีครับ”
หลังจากมารีบอกไปว่า ‘ไปทำเดี๋ยวนี่’ มิลานก็ออกมาจากห้องของน้องสาว
ขณะเดียวกัน เซเลนลืมตาตื่นขึ้นมา หลังจากขยี้ตาและตั้งสติสักพัก เซเลนก็พยายามเรียบเรียงเรื่องราวจากความทรงจำ
“อ้าว? หลับ ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ธรรมชาติของเซเลนนั้นไม่ต่างกับตัวสล็อตในรูปแบบมนุษย์ ซึ่งเธอสามารถหลับที่ไหนและเมื่อไหร่ก็ได้เช่นเดียวกับตัวสล็อต ช่วงเวลากลางวันและกลางคืนไม่มีผลใดๆกับเธอ และยังไม่ชอบการเคลื่อนไหวร่างกายด้วยอีกเช่นกัน นอกจากนั้น ระบบการทำงานในหัวของเธอยังเป็นฮาร์ดแวร์ตกรุ่น ซึ่งก็คือ ต้องใช้เวลานานตั้งแต่เปิดเครื่องจนถึงพร้อมใช้งาน
ดูจากองศาของแสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาก็รู้ได้ว่าเป็นช่วงเย็น แต่ก็ไม่มีความทรงจำในช่วงกลางวันเลย สิ่งสุดท้ายที่จำได้คือ เธอพยายามขโมยยาแปลกๆที่เก็บอยู่ในห้องเก็บของ
“ยา!?”
ไม่ดีแน่! นี่ไม่ใช่เวลามานอนอย่างสบายใจอยู่ตรงนี้ เซเลนยันตัวขึ้นมานั่งบนเตียง ตั้งใจจะไปยังห้องเก็บของในทันที แต่ก็รู้สึกถึงสิ่งผิดปรกติที่ไม่น่าจะมี
“นี่ อะไร?”
ในมือข้างหนึ่งได้ถือบางอย่างไว้ มันคือเข็มกลัดสีน้ำเงินที่ไม่เคยเห็นมาก่อน น่าจะกำไว้ตลอดในช่วงที่หลับอยู่ ไม่รู้เลยว่าได้มาจากไหน
[“องค์หญิง! รู้สึกตัวแล้วหรือครับ!?”]
“หืม? บัตเลอร์?”
เมื่อหันไปตามเสียงที่เรียกก็พบกับบัตเลอร์ที่มองมาด้วยความเป็นห่วงจากใต้เตียงของเซเลน
[“ต้องขออภัยด้วย ในช่วงกลางวัน กระผมลาดตระเวนอยู่อีกฝั่งของพระราชวัง ต้องใช้เวลาสักระยะถึงจะกลับมาที่นี่ได้ กระผมรู้สึกเป็นกังวลอย่างมากเมื่อได้ยินว่าองค์หญิงล้มป่วย อาการเป็นอย่างไรบ้างครับ?”]
“สบายดี”
[“แล้วจะทำอะไรกับเข็มกลัดอันนั้นหรือครับ?”]
“นี่เหรอ?”
เซเลนกลับมามองเข็มกลัดในมืออีกครั้ง จำไม่ได้ว่าเอามาจากไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็มั่นใจว่าเมื่อเช้ายังไม่มีแน่นอน และการที่เธอหลับมาตลอดช่วงกลางวันก็หมายความว่าเป็นของที่หยิบมาจากห้องเก็บของในตอนที่ไปขโมยยาอันตราย แม้จะจำไม่ได้แต่ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น
“แย่แล้ว…”
เซเลนพูดออกมาเบาๆโดยที่บัตเลอร์ไม่ได้ยิน เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเธอเผลอหยิบของมีค่าในปราสาทติดมือมาโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต เรียกง่ายๆว่าเป็นการขโมย หากถูกพบเห็นว่ามีของอยู่กับตัว ต่อให้อ้างว่า ‘ไม่รู้’ ก็ไม่มีทางรอด ต่างกับกรณีของผงแป้งที่จะไม่มีใครรู้ว่าพร่องลงไป
“ให้บัตเลอร์”
[“เอ๋? จะให้สิ่งนี้กับกระผมหรือครับ?”]
“อือ”
เซเลนส่งเข็มกลัดในมือให้กับบัตเลอร์อย่างรวดเร็ว
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการส่งต่อของกลาง หากเธอครอบครองมันอยู่ นั่นคืออาชญากรรม แต่ถ้าหนูที่เป็นสัตว์เลี้ยงไปคาบมาจากไหนก็ไม่รู้ ก็จะไม่ใช่ความผิดของเธอ
[“ขอบพระคุณมากครับ!”]
ของขวัญจากเจ้านายชิ้นนี้ทำให้บัตเลอร์รู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก จริงๆแล้วบัตเลอร์รู้ว่าเจ้านายออกไปที่ตัวเมืองกับมิลานและไปที่ร้านขายเครื่องประดับกันมา
สายตาอันเฉียบคมของบัตเลอร์เห็นว่าเข็มกลัดชิ้นนี้คุณภาพไม่สูงมาก ไม่คู่ควรที่จะใช้ประดับบนตัวของเจ้านายผู้สูงส่ง แต่มันดูเหมาะสมสำหรับหนูตัวเล็กๆอย่างเขามากกว่า
เมื่อคิดเช่นนี้ ก็เข้าใจได้ว่าเจ้านายตั้งใจเลือกเข็มกลัดชิ้นนี้มาให้เขาโดยเฉพาะ ทำให้เกิดความรู้สึกมากมายอัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยมในหัวใจของบัตเลอร์
[“องค์หญิงยังอุตส่าห์คิดถึงกระผม บัตเลอร์ผู้นี้ซาบซึ้งยิ่งนัก”]
“อ-อือ…”
บัตเลอร์จับเข็มกลัดเอาไว้แน่นและยกขึ้นสูงด้วยขาหน้าทั้งสองโดยที่ยังมองไปทางเซเลน ราวกับมันเป็นเครื่องเซ่นถวายแด่พระเจ้า เซเลนไม่เข้าใจพฤติกรรมนั่นจึงได้แต่หัวเราะเบาๆและปล่อยผ่านไป
“…ของฝากสำหรับหนูหรอกเหรอ”
ที่โถงทางเดินมีมิลานกับรอยยิ้มที่ดูเหมือนผิดหวัง กำลังมองไปยังหนึ่งคนกับหนึ่งตัวผ่านประตูที่แง้มอยู่ เขามาเยี่ยมเซเลนที่ล้มป่วย แต่บังเอิญได้ยินเสียงเหมือนพูดคุยจากข้างในห้อง จึงเผ้าดูอยู่เงียบๆ
จากที่เห็น เซเลนอยู่ในห้อง กำลังพูดกับสัตว์เลี้ยง หนูของเธอ อย่างอ่อนโยน หนูตัวนั้นก็ดูเหมือนจะชอบเข็มกลัดชิ้นนั้นมาก มันส่งเสียงร้องโต้ตอบจนดูเหมือนกำลังพูดคุยกัน
เนื่องจากเตียงนอนอยู่ห่างจากประตู เขาจึงไม่ได้ยินว่าเซเลนพูดอะไรบ้าง แรกๆเธอดูกังวลเล็กน้อย จากนั้นก็ส่งเข็มกลัดให้กับหนูที่โผล่ออกมาหาเธอ
หนูตัวนั้นท่าทางถูกใจของเล่นชิ้นใหม่ ในตอนนี้มันโอบกอดเข็มกลัดด้วยขาหน้าราวกับเป็นลูกวอลนัท
“เซเลนก็ยังเป็นเซเลนเหมือนทุกทีสินะ”
มิลานยิ้มอยู่คนเดียว แม้เป็นเข็มกลัดที่ชอบ ก็ยังคิดแบ่งปันให้กับหนู เป็นการกระทำที่สมกับเป็นเซเลนที่สุด
“สุดท้าย ผมก็ยังเป็นฝ่ายที่ถูกช่วยไว้เหมือนเดิม”
เขาตัดสินใจพาเซเลนออกมาจากคุกอันมืดมิด แต่คนที่ถูกเซเลนช่วยไว้ก็คือตัวเขาเองทุกครั้ง มิลานคิดเช่นนี้ก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบๆเพื่อไม่ทำลายบรรยากาศระหว่างพวกเธอ
“จริงสิ ต้องไปจัดการกับของอันตราย”
กําหนดการเดิมที่ถูกเลื่อนออกไปด้วยเรื่องของเซเลน มิลานจึงไปที่ห้องเก็บของและพบกับห่อผ้าน่าสงสัยอยู่สองห่อบนชั้นวาง ลักษณะตรงกับที่คุมะฮาจิเคยบอกกับเขาเรื่องยาอันตรายที่อยู่ในห้องเก็บของ จึงได้ทำการเผาทำลายพวกมันทั้งหมดโดยไม่รอช้า
วันถัดมา เซเลนไปที่ห้องเก็บของอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีห่อผ้าสองใบนั้นแล้ว เธอทำท่าเหมือนกรีดร้องโดยไม่ส่งเสียง และได้รู้ในภายหลังว่ามันถูกมิลานเผาทิ้งไปแล้ว จึงได้แต่เจ็บใจที่ถูกอีกฝ่ายชิงลงมือก่อนครั้งแล้วครั้งเล่า