[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ - ตอนที่ 46.06: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน3)
- Home
- [นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์
- ตอนที่ 46.06: ความมืดในเมืองหลวง (ตอน3)
ตอนพิเศษ 06
ความมืดในเมืองหลวง (ตอน3)
บนเตียงสภาพซอมซ่อ กีนั่งรออย่างใจเย็น ข้างๆมีไอช่าที่ยังระแวง เมื่อผ่านไปพักหนึ่ง ไอช่าใจเย็นลงแล้วก็เข้าใจว่ากีแตกต่างจากคนไม่ดีคนอื่นๆ เธอจึงเริ่มพูดถึงเรื่องของเธอที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้
หลังจากพ่อแม่ของไอช่าเสียไปแล้ว เธอก็ไม่เหลือญาติผู้ใหญ่ให้พึ่งพาในเมืองหลวง ไอช่ากับพี่สาวของเธอจึงถูกพาตัวมาที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ ในช่วงแรกที่ไอช่ากับพี่มาถึง เธอคิดว่าที่แห่งนี้เหมือนๆกับสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าอื่นที่รู้จัก คนที่ดูแลก็ต้อนรับเธออย่างดีในวันแรก
แต่นั่นก็เป็นเพราะเจ้าหน้าที่จากทางการยังแวะเวียนมาตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ของเธอเพื่อให้แน่ใจว่าเด็กกำพร้าจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ซึ่งหลังจากผ่านพ้นช่วงนั้นมาแล้ว อาหารก็ได้ไม่ครบมื้อ และถูกออกคำสั่งใช้งานเยี่ยงทาส
“ผ่านมาสามวันแล้วพี่สาวที่ถูกพาตัวไปก็ยังไม่กลับมา”
“ไม่ใช่ว่าถูกพาไปที่อื่นแล้วหรอกเหรอ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน ครั้งสุดท้ายเห็นถูกพาขึ้นไปชั้นสอง”
“ไอ้ที่เรียกว่าห้องเวทมนตร์นั่นสินะ?”
“อือ นอกจากครูกับผู้อำนวยการแล้วไม่มีใครเปิดประตูห้องนั้นได้”
“เข้าใจแล้ว…”
กีขมวดคิ้ว ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ใช้เด็กเป็นเครื่องมือหากินอย่างอย่างผิดกฎหมายอยู่แน่นอน และจากที่ได้ยินก็คิดได้ว่า มีโอกาสสูงที่พี่สาวของไอช่าก็ตกเป็นเหยื่อไปแล้ว
“พี่ชาย คือว่า…”
“เรียกกีก็ได้”
“พี่กีบอกว่าเป็นเพื่อนกับองค์ชายศักดิ์สิทธิ์สินะ?”
“ใช่สิ ไม่ดีหรือไง?”
“ไม่ใช่ว่าไม่ดี หนูแค่ ไม่ชอบเจ้าชาย”
“หา?”
ไอช่าพูดออกมาเบาๆ จับเข่าก้มหน้าคอตก
“พวกเราต้องทรมานอยู่ทุกวัน แต่เจ้าชายผู้เปี่ยมไปด้วนความสามารถที่ผู้คนยกย่องคนนั้นก็ไม่เคยได้ยินเสียงของพวกเราเลย”
“…พวกมนุษย์ก็มีเรื่องให้ลำบากเยอะเลยสินะ”
“หืม?”
คำพูดแปลกๆทำให้ไอช่ามองไปทางกีที่ยังสวมฮู้ดปิดบังใบหน้าอยู่
ในฐานะผู้นำที่ต้องดูแลคนจำนวนมากเหมือนกัน กีเข้าใจถึงน้ำหนักของความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับเอาไว้ดี ถึงอย่างนั้น ประชากรเอลฟ์จะกระจายกันอยู่ตามหมู่บ้านที่มีอยู่มากมาย ไม่อาศัยเป็นเมืองใหญ่ที่มีความหนาแน่นสูงเหมือนเมืองหลวงของเฮลิฟาลเต้ และเขาก็รู้ตัวดีว่าตัวเขานั้นไม่สามารถดูแลคนจำนวนมากระดับประเทศแบบนี้ได้ เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็รู้สึกยกย่องในความสามารถของชวาน มิลาน และเซเลน ขึ้นมา
“ในตอนนี้ เสียงของเธออาจจะยังส่งไปไม่ถึงองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ก็จริง แต่ถ้าเป็นเจ้าหญิงแสงจันทร์ล่ะก็ไม่แน่นะ”
“เจ้าหญิงแสงจันทร์?”
กีลุกขึ้นยืนโดยที่ไม่ตอบคำถามของไอช่า หลังจากได้รู้ถึงสถานการณ์จากไอช่าแล้ว กีสรุปเป้าหมายของคำไหว้วานจากเซเลนอยู่ในใจ คำขอที่ต้องการให้เขามาช่วยฟังเสียงร้องขอความช่วยเหลือของผู้ที่ทนทุกข์ทรมานอย่างไอช่า ชวานและมิลานต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากมายรุมล้อมจนไม่ได้ยินเสียงเหล่านี้ ดังนั้น สิ่งที่จะทำต่อจากนี้ก็มีเพียงเรื่องเดียว
“เธอรออยู่นี่นะ เดี๋ยวผมจะไปพาพี่สาวของเธอกลับมา”
“พี่กีจะช่วยจริงๆใช่ไหม?”
“อือ ถูกขอร้องให้มาที่นี่ก็เพราะเรื่องนี้อยู่แล้ว”
“ถูกขอมาเหรอ หรือว่าจะเป็นเจ้าหญิงแสงจันทร์ที่พูดถึง?”
“ตามนั้นแหละ”
ในดวงตาของไอช่าเริ่มมองเห็นความหวัง กียิ้มอย่างภูมิใจเมื่อเห็นเช่นนั้น จากนั้นกีได้บอกให้ไอช่ารออยู่ในห้องก่อนที่เขาจะกลับออกไปที่ห้องโถงเพื่อหาชายคนนั้นที่เฝ้าทางเข้าออกอยู่
“อ้าว? คุณท่าน ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่าครับ?”
ชายคนนั้นยิ้มราวกับดีใจที่เห็นหน้าเขา แต่กีก็ไม่สนใจและหันไปทางประตู
“นี่ ใครอยู่หน้าประตูน่ะ?”
“หืม?”
เมื่อชายคนนั้นหันไปทางที่กีบอก ก็ถูกฝ่ามือของกีทุบลงไปด้านหลังศีรษะที่เปิดโล่งอย่างแรงจนชายคนนั้นหมดสติทันที และล้มลงไปกองอยู่กับพื้นโดยไม่มีแม้แต่เสียงร้อง
“พอดีไม่ชอบเรื่องยุ่งยากน่ะ แกช่วยนอนเฉยๆไปก่อนก็แล้วกัน”
กีฉีกชุดของชายหมดสติออกเป็นแนวยาวและมัดมือกับเท้าของชายคนนั้นไว้ แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงผีเท้ามุ่งหน้ามาทางเขา ทั้งๆที่คิดว่าภายในอาคารชั้นนี้ไม่น่าจะมีใครอีกแล้ว
ไม่สิ จริงๆแล้วก็ยังมีคนอยู่อีกคน กีลดความระวังเมื่อได้วิเคราะห์เสียงเดินนั้น เป็นก้าวเดินสั้นๆของคนที่มีน้ำหนักเบา
“พี่กี จัดการไปแล้วเหรอ สุดยอด!”
“ยัยบ้า ก็บอกให้รออยู่ในห้องไง”
กีหันไปดุไอช่าที่ปรากฏตัวออกทาที่ทางเดินพร้อมกับเสียงผีเท้าที่ได้ยิน เขาก็เดาเอาไว้แล้วว่าเธออาจจะไม่ยอมรออยู่เฉยๆตามที่บอกก็ได้
“ให้หนูตามไปด้วยเถอะค่ะ! หนูอยากเจอพี่สาว!”
“เอาเถอะ ถ้าจะตามมาก็อย่าอยู่ห่างจากผมก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
ไอช่าตอบเสียงสั่น หากเรื่องที่เขาคิดไว้เป็นความจริงก็ยิ่งไม่ควรให้ไอช่าต้องได้เห็น แต่ถ้าปล่อยไว้คนเดียวแล้วเธอทำอะไรบุ่มบ่ามขึ้นมาจะเป็นปัญหามากกว่า
เมื่อคิดถึงข้อดีข้อเสียแล้ว กีเดินนำไอช่าเพื่อคุ้มกันเธอขึ้นไปที่ชั้นสองด้วยบันได้ไม้เก่าๆในห้องโถง กีพยายามเดินให้เงียบที่สุด แต่ไอช่ากลับเดินตามปรกติจนบันไดไม้ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกขั้นที่เธอก้าวเดิน ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเขากำลังทำเรื่องไร้ประโยชน์และเดินตามปรกติด้วยอีกคน
ภายในชั้นสองดูแล้วสะอาดเรียบร้อยกว่าที่คาดไว้ แม้ว่าตัวอาคารเมื่อมองจากภายนอกจะดูเก่าโทรม แต่ภายในกลับได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ซื่งก็เป็นเพียงฉากหน้าอีกเช่นกัน และผู้ที่ดูแลรักษาความสะอาดก็คือไอช่ากับเด็กคนอื่นๆ ตามที่ก่อนหน้านี้กีได้เห็นไอช่าออกมาทิ้งขยะในตอนกลางคืนด้วยถังใบใหญ่ที่หนักเกินตัวนั่นเอง
“ดูดีกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย”
“อือ บางทีก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดู ถ้ามีอะไรไม่เรียบร้อย จะถูกโกรธ…”
“ถึงจะดูเรียบร้อยแต่ก็กลบกลิ่นเหม็นๆนี่ไวไม่ได้สินะ”
“เอ๋? กลิ่นอะไรเหรอ?”
“(หรือว่ามนุษย์จะไม่ได้กลิ่นพลังเวทย์เหม็นเน่านี่)”
เพราะสัมผัสพลังเวทย์ของกีไม่มีมนุษย์คนไหนเทียบเท่า เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่น่าขยะแขยงคืบคลานอยู่ในส่วนลึกของทางเดินบนชั้นสองนี้ และยังมีเรื่องที่สะกิดใจอีกอย่าง กีจึงหันไปพูดกับไอช่า
“นอกจากเจ้าอ้วนข้างล่างนั้นแล้วยังไม่เจอคนอื่นเลยนะ”
“พวกผู้ใหญ่จะกลับบ้านในตอนกลางคืน ยกเว้นครูกับคนที่ต้องเข้าเวรน่ะค่ะ”
“หืม? แต่เจ้าอ้วนนั่นบอกว่าคนอื่นๆนอกจากเธอถูกเลือกไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่มีใครอยู่บนนี้เลยล่ะ?”
“ไม่น่าใช่นะ หนูเคยเห็นคนแปลกๆเข้ามาที่นี่อยู่บ้าง แต่คนที่มาบอกว่าขอซื้อแล้วจ่ายเงินทันทีที่เข้ามา เพิ่งจะมีพี่กีนี่แหละ ”
“(ว่าไงนะ? ไม่เหมือนที่ได้ยินมาเลย)”
ตามข่าวลือ ที่นี่น่าจะเป็นซ่องโสเภณีผิดกฎหมาย แต่ฟังที่ไอช่าพูดแล้วรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างต่างออกไป แต่ไม่ว่าอย่างไร สถานที่แห่งนี้ก็ไม่ได้ทำเรื่องที่ดีอยู่แน่นอน
ระหว่างทางในโถงทางเดินบนชั้นสองมีห้องอยู่หลายห้อง ประตูไม้ที่เดินผ่านมาต่างก็ถูกล็อกไว้ทั้งหมด กีลองเอื้อมมือไปผลักประตูบางบาน และแน่นอนว่ามันไม่มีทางเปิดได้ง่ายๆ ไอช่าบอกมาว่า ห้องของเด็กๆก็อยู่บนชั้นสองนี้ด้วย และพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาข้างนอก ยกเว้นถูกใช้งานอย่างเธอในคืนนี้
“ก็เลยล็อคไว้ไม่ให้หนีสินะ”
“เห็นบอกว่าถ้าเปิดไว้ คนไม่ดีจะเข้ามา”
“แต่คนไม่ดีที่พูดถึงก็ไอ้คนที่บอกนั่นแหละ”
เป็นการหลอกเด็กให้เชื่อฟังอย่างง่ายๆ กีไม่ชอบการกระทำเช่นนี้เลย เขาเดินต่อไปโดยไม่สนใจประตูบานนั้น อาคารแห่งนี้มีขนาดใหญ่ โครงสร้างของทั้งสองชั้นแทบจะตรงกัน แต่เมื่อเดินมาจนสุดก็พบกับห้องห้องหนึ่งที่มีบรรยากาศแตกต่างจากห้องอื่น
“นี่เหรอ ห้องเวทมนตร์”
เบื้องหน้าของกีมีประตูเหล็กที่ดูผิดแปลกจนสะดุดตาเมื่อเทียบกับประตูบานอื่นๆที่ผ่านมาทั้งหมด บนบานประตูมีลวดลายวงกลมเส้นโค้งซับซ้อนเรื่องแสงอ่อนๆราวกับเป็นการเตือนกีและผู้ที่เข้าใกล้ ต่อให้เป็นมนุษย์ธรรมดาก็รู้ได้ว่ามันเป็นผลจากเวทมนตร์
“นี่มัน ห้องของผู้อำนวยการ เข้าไปไม่ได้หรอก แม้แต่เจ้าหน้าที่ก็เข้าไปตรวจสอบได้ยาก เพราะมีเอกสารสำคัญอยู่”
“เวทมนตร์ที่ตอบสนองกับคนที่ชื่อผู้อำนวยการนั่นสินะ”
“อือ ต้องรอให้เขาออกมาเองแล้วล่ะ”
“ไม่จำเป็น”
หลังจากตอบไปเช่นนั้น กีวางมือลงบนลวดลาย ใช้เวทมนตร์ของตนเองทับซ้อนลงไป เกิดเป็นแสงสว่างส่องไปตามทางเดินไม่ต่างกับยามเช้า พร้อมกับเสียงแตกหักเบาๆ และทุกอย่างก็ดับมืดลงไปในทันที
“เอ๋? เมื่อกี้ทำอะไรเหรอ?”
“แค่นี้ก็พังซะแล้ว”
ไอช่าชะโงกหน้ามองประตูจากข้างหลังกี ลวดลายที่เคยเรืองแสงบนประตูกลายเป็นรอยขีดเขียนสีดำเหมือนรอยไหม้บนผิวเหล็กของประตู ห้องเวทมนตร์ที่พูดถึงก็ได้กลายเป็นห้องธรรมดากับประตูเหล็กหนึ่งบานเท่านั้น
“เวทย์มนตร์ของมนุษย์ก็เปราะบางราวๆนี้แหละ”
ไอช่าอ้าปากค้าง กีเอื้อมไปจับมือจับประตูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ สำหรับเอลฟ์อย่างกี เวทมนตร์ผนึกบนประตูไม่ต่างอะไรกับภาพวาดเล่นของเด็ก หากเป็นซานา เธอจะลบมันออกไปอย่างหมดจดเหมือนมันไม่เคยมีอยู่ตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ
“…ไม่เห็นเหมือนกับที่ได้ยินมาเลย”
เมื่อแง้มประตูมองดูภายในห้อง สิ่งที่กีเห็นแตกต่างจากข่าวลือที่พูดกันในเมือง ผู้ชายที่อยู่ข้างล่างนั่นบอกว่าเป็นห้องไว้สำหรับป้องกันการหลบหนี แต่จุดประสงค์หลักของมันไม่ใช่อะไรที่เข้าใจง่ายแบบนั้น
“…นี่มัน อะไรกัน?”
“อย่างน้อยก็ไม่ได้จัดงานเลี้ยงกันอยู่แน่นอนล่ะ”
ห้องที่เรียกว่าห้องเวทมนตร์มีขนาดใหญ่กินพื้นที่ไปกว่าครึ่งหนึ่งของชั้นนี้ เด็กทุกคนที่อยู่ในนี้ล้วนถูกอะไรบางอย่างรัดคอไว้ ดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้นไม่ต่างกับปศุสัตว์ สภาพร่างกายเหมือนไม่ได้รับการดูแล ไม่มีใครสมบูรณ์แข็งแรงดีเลย พวกเขาหันมามองทางกีซึ่งเป็นคนแปลกหน้าท่าทางน่าสงสัยที่เปิดประตูเข้ามา
“ไอช่า!?”
“พี่!?”
เมื่อเข้ามาในห้องก็มีเสียงเรียกของเด็กสาวดังขึ้นมา เธอน่าจะสังเกตุเห็นไอช่าที่หลบอยู่ข้างหลังกี คาดว่าเด็กคนนี้เป็นพี่สาวที่เธอพูดถึง
“ดึกป่านนี้แล้วอย่าส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นสิ …แล้วก็ ยินดีต้อนรับ แขกที่ไม่ได้รับเชิญทั้งสอง”
หลังจากเสียงตะโกนเรียกจากพี่สาวของไอช่า ก็มีเสียงจากเงาคนที่อยู่ด้านในสุดของห้อง แม้ว่าภายในห้องจะมืดไม่มีการจุดไฟสร้างแสงสว่างให้เหมาะสม อีกทั้งแสงจันทร์ก็ส่องมาไม่ถึงหน้าต่างบานเล็กที่อยู่ในห้อง แต่กีที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าสีขาวมานาน สายตาคุ้นเคยกับความมืดได้ดีกว่า ทำให้เขามองเห็นรูปร่างของคนผู้นั้นได้ชัดเจน
“ดูสติดีกว่าที่คิด แกไม่น่ามาเป็นคนร้ายทำเรื่องแบบนี้เลยนะ”
“บุกรุกเข้ามาในบ้านของข้ากลางดึก ทำลายข้าวของให้เสียหาย สำหรับข้าแล้ว คนร้ายคือพวกเจ้ามากกว่านะ”
ชายชราเดินเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว แม้ภายนอกจะดูมีอายุมาก แต่เขาก็เดินหลังตรงก้าวเท้าอย่างมั่นคง สวมชุดสูทอย่างดี ท่าทางองอาจ เรียกได้ว่าสมเป็นสุภาพบุรุษ แต่ก็เป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น เพราะคนที่ทำเรื่องที่อยู่ในห้องนี้ได้ ไม่มีทางเป็นคนปรกติ
“แกเป็นผู้บงการสินะ? ใช้เด็กพวกนี้เป็นเครื่องมือทำงานสกปรกหาเงินให้แก”
กีพูดออกไปตรงๆตามสิ่งที่เห็น แต่ชายชราแค่ยักไหล่และยิ้มกลับมา สำหรับกีไม่ต่างกับการยั่วโมโห
“เงินหรือ? ทำไมถึงคิดว่าข้าต้องการของไร้สาระแบบนั้นล่ะ?”
“หา? แล้วไม่ใช่หรือไง?”
“เพราะเป็นคำสั่งเพื่อแผนการอันยิ่งใหญ่ของคนผู้นั้นต่างหาก แต่เด็กพวกนี้ใช้เป็นแหล่งเก็บเกี่ยวอารมณ์ด้านลบได้ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว”
แม้คู่สนทนาจะเป็นผู้บุกรุกที่บกปิดหน้าตา แต่ชายชราก็ยังพูดคุยโต้ตอบได้อย่างใจเย็น
“สารภาพออกมาเองแบบนี้ ถ้าไม่มั่นใจในตัวเองมากก็คงโง่สินะ”
“แหม หยาบคายจัง ลักลอบเข้ามาในบ้านแล้วยังสบประมาทว่าข้าโง่อีก ถึงจะไม่รู้ว่าทำลายประตูผนึกเข้ามาได้อย่างไร แต่ขอเรียกร้องค่าเสียหาย เอาเป็นชีวิตของเจ้าก็แล้วกัน”
“ลักลอบเหรอ? จำได้ว่าเดินเข้ามาทางประตูหน้านี่นา? จะยังไงก็ช่างเถอะ ไอ้สถานที่เน่าเหม็นนี่ ได้เวลาทำให้มันถูกต้องแล้ว”
“ถูกต้อง? จะทำให้มันถูกต้อง? ฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างเป็นคนที่มีอารมณ์ขันเหลือเกิน คำสาปจากพรรคพวกของข้าต่างหาก ที่จะทำให้โลกที่ผิดเพี้ยนนี้กลับมาถูกต้อง ข้าถึงต้องมาเตรียมการอยู่นี่ไงล่ะ”
“…พูดถึงอะไรน่ะ?”
“คนธรรมดาไม่มีทางเข้าใจเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของพวกเราหรอก เพราะฉะนั้นขออนุญาตไม่อธิบาย ถ้าอยากจะคุยกันก็ต้องรู้จักกันให้มากกว่านี้ก่อน เจ้าก็เริ่มจากแนะนำตัวก็แล้วกัน”
“แนะนำตัวเหรอ? ถ้าอยากรู้ว่าผมคือใคร ทำแบบนี้จะเข้าใจได้เร็วกว่า”
เมื่อพูดจบ กีก็เปิดฮู้ดคลุมออก เผยให้เห็นดวงตาสีแดง ผิวสีขาว ใบหูยาว แม้แต่ชายชรายังแสดงอาการแปลกใจเปิดตากว้างมองมาทางนี้ ส่วนไอช่าก็แปลกใจยิ่งกว่า
“ทำไมหูของพี่ชายเป็นแบบนั้นล่ะ!?”
“โห… นี่น่ะหรือ เอลฟ์ที่ลือกันว่ามาที่เมืองนี้ เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงทำลายประตูผนึกเข้ามาได้”
แม้แต่เด็กๆที่ยังตะเกียดตะกายอยู่บนพื้นก็ยังตกใจกับเผ่าพันธุ์ที่ไม่คิดว่าจะมีวันได้เห็นเช่นเอลฟ์ แต่กียังคงมองตรงไปที่ศัตรูเบื้องหน้า
“จะเอลฟ์หรืออะไรก็ไม่ต่างกันหรอก แกคิดจะทำอะไรผมก็ไม่สนด้วย ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็ปล่อยเด็กพวกนี้ซะ ไม่งั้นทางนี้จะไม่รับประกันชีวิตของแก”
“สรุปว่า ท่านเอลฟ์อารมณ์ร้อนบุกรุกเข้ามาข่มขู่ให้ข้าทอดทิ้งเหล่าเด็กๆที่ดูแลถึงขั้นคิดจะใช้กำลังบังคับ เจ้าต้องการให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆหรือ?”
“เลิกเล่นลิ้นสักทีเถอะ! คิดว่ามนุษย์แก่ๆคนเดียวจะเอาชนะผมได้เหรอ? แล้วจะเอายังไงล่ะ? คิดจะร้องขอชีวิตหรือไง?”
กีขึ้นเสียงข่มขู่ราวกับจะแยกเขี้ยวและเดินเข้าไปใกล้ แต่ชายชราก็ยกมือขึ้นมาปรามเอาไว้
“ไม่ต้องรีบร้อน ถ้าเจ้าเป็นมนุษย์ ข้าก็มีวิธีมากมายไว้ปิดปากของเจ้า แต่ถ้าเป็นเอลฟ์ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าข้ามีข้อเสนอให้ล่ะ? ลองฟังดูก่อนก็ไม่เสียหาย จริงไหม?
“ข้อเสนอ?”
กีเริ่มหงุดหงิดกับการกระทำที่ไม่สามารถคาดเดาได้ของชายผู้นั้น ชายชรายังคงยิ้มอย่างใจเย็นและพูดต่อไป
“ใช่แล้ว ข้อเสนอของข้าจะเป็นประโยชน์ต่อเอลฟ์ทุกคน เผ่าพันธุ์ของพวกเจ้าชิงชังมนุษย์ใช่ไหมล่ะ?”
ชายชรายิ้มอย่างมั่นใจ พูดกับกีโดยที่ยังรักษาภาพลักษณ์ของสุภาพบุรุษไว้