[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ - ตอนที่ 44 จู่โจมกลางดึก
ตอนที่ 44
จู่โจมกลางดึก
ผ่านมาไม่กี่วัน หลังจากมิลานตัดสินใจพาเซเลนออกเดินทางไปด้วยกัน แต่เซเลนก็ไม่ได้มีท่าทีตื่นเต้นดีใจไปกับเรื่องนั้นเลย ซ้ำยังเซื่องซึมยิ่งกว่าเดิม และมักจะเหม่อลอย มองท้องฟ้านอกหน้าต่างอยู่บ่อยๆ
[“องค์หญิง ขออภัยที่ขัดจังหวะ แม้ว่าการเดินทางไปยังดินแดนที่ไม่รู้จักจะทำให้เป็นกังวล แต่โลกใบนี้ไม่ได้โหดร้ายอย่างที่ท่านคิด หากได้มองไปข้างหน้าก็จะได้เห็นสถานที่ที่น่าหลงใหลอีกมากมาย”]
“อือ…”
บัตเลอร์พยายามพูดปลอบใจเซเลน แต่เซเลนก็ตอบรับด้วยท่าทีที่เกือบจะนิ่งเฉย ยังคงเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่อย่างนั้น เหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
[“(องค์หญิงอยู่ในสภาพปิดกั้นตนเอง… แต่จะไปโทษเธอก็ไม่ได้)”]
จากที่เห็นเซเลนในช่วงนี้ มักจะครุ่นคิดถึงอะไรบางอย่าง สภาพจิตใจก็ไม่มั่นคง การที่เซเลนได้ใกล้ชิดกับเจ้าชายมิลานมากขึ้นทำให้บัตเลอร์รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก แต่เขาก็รู้ถึงสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายที่เซเลนถูกเลี้ยงดูมา เขาจึงเข้าใจความรู้สึกของเจ้านายได้
การใช้ชีวิตของเซเลนที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ เธอถูกขังมานานเกินครึ่งของอายุ หลังจากถูกช่วยเหลือออกมาก็ย้ายมาอยู่ที่พระราชวังเฮลิฟาเต้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปทันที หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกมังกรลักพาตัวจนได้ไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเอลฟ์เป็นเวลาสั้นๆ
―― เรียกได้ว่า เซเลนเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ก็จะเห็นถึงความพิเศษของเธอ ทั้งความสามารถและโชคชะตาที่ที่ยิ่งใหญ่ราวกับสวรรค์ประทานมาให้ แต่นั้นก็ทำให้บัตเลอร์รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง เพราะ อัจฉริยะมักโดดเดี่ยว ทำให้เธอไม่สามารถใฝ่หาความสุขเยี่ยงคนทั่วไปได้
[“ถึงองค์หญิงจะไม่เข้าใจแนวคิดการหาความสุขใส่ตัว แต่ท่านก็ได้เห็นเฮลิฟาเต้กับตามาแล้ว คนดีๆยังมีอยู่อีกมากมายในทุกๆที่ ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยครับ”]
“……”
บัตเลอร์ต้องการคลายความกังวลให้เจ้านายให้ได้มากที่สุด แต่ก็ไม่มีการตอบสนองจากเซเลน
ในเมื่อบัตเลอร์ไม่สามารถช่วยเหลือได้ในตอนนี้ ก็มีแต่ต้องปล่อยให้เซเลนได้อยู่คนเดียวให้เวลาช่วยเยียวยาเท่านั้น เขาแค่คอยฝ้าดูอยู่ใกล้ๆก็พอ เมื่อคิดได้แล้ว บัตเลอร์ก็ปีนขึ้นไปอยู่บนไหล่ของเซเลน เอาขาหน้าลูบแก้มของเธอเบาๆ ก่อนจะกลับไปอยู่ในตะกร้าของตน
เมื่อเจ้านายเป็นทุกข์ เขาจะอยู่เคียงข้าง คอยรับใช้ไม่ให้ตกหล่น จนกว่าเธอจะตัดสินใจระบายให้เขาฟังเอง นี่คือวิธีที่บัตเลอร์ทำมาตลอด และตอนนี้ก็จะทำเช่นนั้น
“เฮ้อ…”
เซเลนที่ไม่ตอบสนองกับคำพูดของบัตเลอร์ ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมา ทำลายบรรยากาศเงียบเหงาโดยรอบ
อุตส่าห์คิดว่าเจ้าชายจะหายไปจากชีวิตสักที อยู่ดีๆก็มาบังคับให้ตามไปด้วยเฉยเลย นี่มันเป็นการลงโทษอะไรกัน ถึงจะรู้ตัวว่ามีความผิดอยู่หลายเรื่องก็เถอะ เซเลนวิเคราะห์พฤติกรรมน่าสงสัยของมิลานตั้งแต่วันนั้น จนได้คำตอบที่คิดว่าถูกต้องที่สุด
“ตัวสำรอง”
เซเลนรีบลุกจากเก้าอีก ไปที่กระจกบานใหญ่เต็มตัวที่อยู่ในห้อง ตามปรกติแล้ว เมื่อส่องกระจกก็จะคิดถึงรูปลักษณ์จากชีวิตก่อนซ้อนทับขึ้นมา แต่ถ้าพยายามมองให้เป็นกลาง ก็จะเห็นว่าเป็นเด็กสาวที่หน้าตาสวยงามใช้ได้ ที่จริงก็ไม่ได้ดูแย่อะไร แต่เซเลนนิยมหน้าอกมากกว่า จึงไม่มีความรู้สึกใดๆกับเด็กตัวผอมบางอย่างตนเองมากนัก
ถึงเจ้าชายบ้ากามนั่นจะออกไปทำเรื่องลามกกับผู้หญิงคนอื่นอีก แต่เป้าหมายของมันก็มีแต่อาลัวเท่านั้น สำหรับน้องสาวแท้ๆของอาลัวก็น่าจะมีส่วนที่ดูคล้ายกันอยู่บ้าง ถ้าคิดแบบนี้ ทุกอย่างก็ลงตัว
บทบาทเบื้องหน้าของอาลัวคือนักเรียนแลกเปลี่ยน ดังนั้นจึงไม่สามารถบังคับให้ออกเดินทางไปด้วยกันได้ แต่กับตัวประกันนั้นต่างออกไป จึงให้ติดตามไปด้วยเพื่อเป็นตัวสำรองแทนที่อาลัว ให้เจ้าชายทำเรื่องลามกกับเธอแก้ขัดไปก่อน เซเลนคิดด้วยสามัญสำนึกอันผิดเพี้ยนของเธอจนสรุปออกมาเช่นนี้
“แบบนี้ ไม่ดีแน่!”
ภาพตัวเธอเองในชุดสาวใช้วาบหวิวใส่ปลอกคอล่ามโซ่ แวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง ตอนที่ถูกพาตัวออกจากอาร์คุยล่ามาที่เฮลิฟาเต้ก็เคยจินตนาการไว้แบบนี้มาก่อน เซเลนคิดแล้วหมดกำลังใจ ถึงจะชอบมองสาวๆในชุดสาวใช้แล้วคิดถึงตอนถอดก็เถอะ แต่ถ้าให้มาใส่เองหรือถอดเองมันก็รู้สึกว่าไม่ใช่อยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น จะให้ไปรวมกลุ่มกับพวกชายล้วนอย่างคราวก่อน ยังไงก็ไม่อยากเลย และถึงจะสงสารคุมะฮาจิที่เห็นแล้วคิดถึงตัวเองในชีวิตก่อนก็เถอะ แต่ถ้าเป็นฝ่ายถูกสงสารเพราะเป็นของเล่นของเจ้าชายใจดำนั่นจนคนอื่นต้องมาทำดีด้วย ไม่ยอมเด็ดขาด
ภาพจินตนาการอันน่าสยดสยองนั้นยังวนเวียนอยู่ในความคิด จนเซเลนต้องเอามือกุมหัว ในวันนั้น เจ้าชายพูดไว้ว่า จะกลับมาทุกๆสองถึงสามเดือน ซึ่งหมายความว่าการเดินทางจะใช้เวลานานกว่านั้นมาก อาจนานนับปี ร่างกายของเธอในตอนนี้ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆที่ไม่สามารถทำเรื่องอย่างว่าได้ แต่ถ้าวันเวลาผ่านไปอีกเป็นปี ร่างกายก็อาจจะดูสมหญิงมากขึ้น
ถ้าถึงตอนนั้นแล้วการเดินทางยังไม่จบ ก็จะถูกสั่งให้เป็นตัวแทนอาลัวไปทำเรื่องอย่างว่าด้วยแน่ๆ หากไม่ยอม อาลัวก็จะตกอยู่ในอันตรายอีกอยู่ดี เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ปลายทางก็เป็นนรกเหมือนกันทั้งนั้น
ต้องเอาตัวรอดจากวิกฤตครั้งสำคัญนี้ให้ได้ นี่คือสิ่งที่เซเลนคิดอยู่ตลอดเวลาในช่วงนี้ เรื่องอื่นๆจึงถูกปล่อยผ่านไปทั้งหมด เพราะสมองของเซเลนไม่รองรับระบบการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
“…จัดการ ขั้นเด็ดขาด”
หลังจากใช้ความคิดอย่างเต็มที่ เซเลนก็พบทางออกเพียงทางเดียว ซึ่งก็คือการใช้กำลัง ไม่มีวิธีอื่น เนื่องจากเซเลนเป็นคนประเภทที่ชอบแก้ปัญหาแบบสวนทาง เช่น หากคอมพิวเตอร์ติดไวรัส ก็แค่ไม่เปิดใช้ก็สิ้นเรื่อง
ครั้งนี้จะไม่ใช่การวางยาพิษหรือหวังพึ่งความสามารถของคนอื่น แต่จะ ทุ่มสุดตัวเข้าไปสังหารเจ้าชายแม้ต้องแลกด้วยชีวิต ดั่งยุทธวิธีคามิกาเซะ เป็นวิธีที่กั่นกรองออกมาจากสมองเซเลนจนถึงที่สุดแล้ว
“อืม…”
ถึงอย่างนั้น เซเลนก็ยังมีความลังเลที่จะใช้แผนนี้ ไม่ว่าอยากกำจัดอีกฝ่ายสักแค่ไหน เซเลนก็ไม่อยากให้มือตัวเองต้องเปื้อนเลือด ด้วยเหตุนั้น เธอจึงใช้วิธีอ้อมค้อมมาจนถึงตอนนี้ แต่สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นมา ถ้าถูกพาตัวไปในครั้งนี้ก็จะไม่ได้กลับมาในฐานะเด็กสาวอีกแน่
ถึงตอนนี้จะก่อคดีร้ายแรงไปหลายเรื่องแล้ว แต่ก็ยังมีเส้นแบ่งที่ไม่เคยคิดจะข้ามมาก่อน ถึงยังไงเซเลนก็เป็นคนญี่ปุ่นสมัยใหม่ การพรากชีวิตผู้อื่นด้วยมือของตนเอง เป็นความรู้สึกที่หนักหนามาก
เซเลนยังจำการใช้ชีวิตตามปรกติของเธอเมื่อหลายเดือนก่อนได้ดี ตัวเธอได้ใช้ชีวิตอย่างสงบและสุขสบายกับพี่สาวผู้อ่อนโยนในสถานที่ที่เป็นดั่งสวรรค์ (แต่คนอื่นเรียกว่าคุก) ในตอนนั้นเธอเชื่อว่าชีวิตที่สมบูรณ์แบบเช่นนั้นจะคงอยู่ตลอดไป
จนกระทั่งหมาป่าผู้หิวโหยที่ออกกินสาวงามมาทั่วทวีปแล้วก็ยังไม่มีที่ท่าว่าจะอิ่ม เจ้าชาย ได้ลักพาตัวเธอออกไปยังประเทศของเขา เพื่อให้พี่สาวสุดที่รัก อาลัว ต้องยอมย้ายตามมาอยู่ใกล้ๆ
เหมือนจับลูกกระต่ายออกจากโพรงเพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อใช้จับพ่อแม่กระต่าย และเจ้านั่นก็ปกปิดความชั่วร้ายไว้อย่างดี ไม่เปิดเผยความหื่นกระหายของตนเองให้คนทั่วไปได้รับรู้
“ต้องทำ เท่านั้น…”
เนื่องจากมีคนที่รู้ถึงความอันตรายของเจ้าชายไม่กี่คน ถ้าไม่ลุกขึ้นสู้ตอนนี้ จะมาเหยื่อแบบเธอ คนที่สอง คนที่สาม ตามมาอีกมาก จนกว่าความบริสุทธิ์ของสาวงามทั่วทวีปจะหมดไป
“…ตอนนี้!”
เซเลนกำหมัดแน่น ต่อยไปที่กระจกเพื่อปลุกกำลังใจให้ตนเองแต่ก็ได้แค่เจ็บมือ ดาบแห่งความยุติธรรมกำลังจะไปจ่อคอของเจ้าชายแล้ว แม้ว่าหลังจากนั้นเธอจะถูกตัดสินโทษประหารให้ตายตามไปด้วยก็ตาม
คนที่เคยมีฉายาว่า สโตกเกอร์กระเทียมเจียว ในชีวิตก่อนคนนี้นี้แหละ จะปกป้องเจ้าหญิงผู้งดงาม อาลัว ด้วยชีวิต และตายอย่างสมศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย และไม่ยอมให้เซเลนต้องตายเปล่า จะลากเจ้าชายลงนรกไปด้วยกันให้ดู
โชคดีที่วันนี้เป็นคืนจันทร์ดับ เป็นโอกาสเหมาะสำหรับลอบสังหารกลางดึกที่สุด
“อุ น่ากลัว…”
เซเลนกลัวจนตัวสั่นเมื่อคิดถึงร่างของเจ้าชายมีเลือดท่วมตัว และแล้ว เซเลนก็ขึ้นไปขดตัวอยู่บนเตียงเพื่อทำใจไม่ให้ลังเลและเตรียมความพร้อมให้ได้มากที่สุด แต่เธอก็ยังหลับไม่ลง
แม้ว่าความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายจะแตกต่างกันไปไกล แต่ศึกตัดสินระหว่างเซเลนกับเจ้าชายก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
◆ ◇ ◆◇ ◆
“พร้อมแล้ว”
ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด ไม่มีแม้แต่แสงจันทร์ เซเลนลุกออกจากเตียง ดูให้แน่ใจว่าบัตเลอร์ยังหลับอยู่ในตะกร้า จากนั้นก็ได้เริ่มดำเนินการลอบสังหารเจ้าชาย
“อื่ม อาวุธ อาวุธ”
การที่เซเลนไม่ถูกกับแสงสว่างจ้าก็ทำให้สายตาของเธอคุ้นเคยกับความมืดได้ดีกว่า เซเลนจึงเคลื่อนไหวได้ไม่ยาก ไปที่ลิ้นชักเพื่อหาของบางอย่าง ซึ่งก็คือนกหวีดไม้ที่ทำมาจากไม้ศักดิ์สิทธิ์ สมบัติล้ำค่าของเอลฟ์ที่ได้รับมาจากกีก่อนหน้านี้
“ย้าก!”
เมื่อเซเลนใส่ความตั้งใจทั้งหมดลงไป คมดาบเรืองแสงสีฟ้าขนาดห้าเซนติเมตรก็ปรากฏขึ้นจากปลายนกหวีด ดูกระจ้อยร่อยไม่น่าเชื่อถือ แต่เพราะเธอเคยพยายามตัดผมของตนเองขณะถูกคุมขังอยู่ที่อาร์คุยล่า คนรับใช้ที่เฮลิฟาเต้จึงถูกสั่งให้ระวังของมีคมทุกชนิดไม่ให้เก็บไว้ในที่ที่เซเลนเข้าถึงได้ ใบมีดอันน้อยนิดที่เกิดจากเวทมนตร์นี้จึงเป็นอาวุธเพียงชิ้นเดียวของเซเลน
“เสร็จกัน!”
วิธีนี้ยังมีช่องโหว่ที่เซเลนเพิ่งสังเกตเห็น จะพกนกหวีดไม้อย่างไรให้ไม่มีพิรุธและหยิบใช้ได้ง่ายๆ ถึงในความจริง แผนของเซเลนจะมีช่องโหว่มากมายให้ติ แต่เธอก็รู้ตัวเพียงเท่านี้ หากกำนกหวีดไว้ในมือแล้วไปหาเจ้าชายกลางดึก มันก็ยิ่งจะทำให้ดูน่าสงสัย
“เชือก! ด้ายล่ะ มีไหม!?”
มองหาอะไรก็ได้ที่ใช้ห้อยคอ จะได้ซ่อนไว้ในคอเสื้อเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง แต่ในห้องของเซเลนก็ไม่มีทั้งเชือกหรือด้ายเนื่องจากไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซ่อมแซมเสื้อผ้าด้วยตนเอง และก็เป็นอีกครั้งที่แผนของเซเลนล่มก่อนที่จะได้เริ่ม
“…นี่ไงล่ะ!”
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป เพราะเป็นสถานการณ์ร้ายแรงถึงขั้นที่ทำให้เซเลนยอมแพ้ไม่ได้ เธอจึงกลับไปที่เตียงและเปิดหมอนขึ้นมา เพื่อหาแหวนถักสีทองที่ทำมาจากเส้นผมของมารี ที่เก็บไว้ใต้หมอนเพราะหวังว่าจะได้นอนหลับฝันถึงโลลิผมทอง แต่ก็ไม่เคยได้พบกับความฝันเช่นนั้นเลย
ถึงจะรู้สึกเสียดาย แต่เซเลนก็คลายแหวนถักออกเป็นเกรียวเส้นผมสีทองที่มีความยาวมากกว่าเส้นผมของเธอ และเซเลนก็แบ่งเส้นผมออกมาบางส่วน มัดต่อกันจนได้ความยาวพอเหมาะ
จากนั้นก็ร้อยเส้นผมผ่านรูนกหวีด ผูกติดกันให้เป็นวงแล้วนำมาคล้องคอให้นกหวีดอยู่ในอกเสื้อ ให้หยิบใช้ได้ง่ายๆและรวดเร็ว ตอนนี้ อาวุธสังหารก็พร้อมแล้ว
“ออกโจมตี!”
เซเลนพูดออกมาเบาๆและย่องออกจากห้องไปให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้บัตเลอร์ตื่น ตะเกียงที่แขวนอยู่ตามทางเดินส่องแสงริบหรี่ ทำให้ทัศนวิสัยแคบกว่าทุกที ภายในปราสาทแห่งนี้จึงดูเหมือนถูกความมืดกลืนกิน บรรยากาศมืดมนจนน่าขนลุก หรืออาจจะแค่คิดไปเอง เซเลนตั้งสติและมุ่งหน้าไปที่ห้องของมิลาน
“เจ้าชาย ตื่นอยู่…”
โชคดีที่ระหว่างทางเซเลนไม่พบใครเลย จึงมาถึงห้องของมิลานได้โดยไม่มีใครรู้ แต่เมื่อมาถึงก็เห็นแสงสว่างออกมาจากช่องประตู ทำให้รู้ว่ามิลานยังไม่หลับ ตามแผนควรจะเป็นการลอบสังหารขณะหลับด้วยดาบเวทมนตร์ที่เตรียมมา
ในขณะที่เซเลนคิดจะกลับไปที่ห้อง ก็คิดขึ้นมาได้ว่าการเดินทางจะเริ่มทันที่เมื่อเตรียมการพร้อม ซึ้งก็อาจจะเหลือเวลาแค่วันหรือสองวันเท่านั้น ไม่ทันคืนจันทร์ดับครั้งต่อไป ถ้าไม่ลงมือตอนนี้ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว ในเมื่อพร้อมที่จะรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดแล้วก็ควรจะเดินหน้าต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เซเลนจึงเคาะประตูห้องของมิลานทั้งอย่างนั้น
“ใครน่ะ?”
“ฉันเอง”
“เสียงนี้… เซเลน? รอเดี๋ยวนะ”
มิลานเปิดประตูออกมาต้อนรับ ในชุดสีขาวธรรมดาไม่เป็นทางการ บนโต๊ะทำงานมีกองเอกสารเกี่ยวกับบุคลากรและเสบียง ดูเหมือนว่าเขากำลังจัดการเกี่ยวกับการเดินทางในครั้งนี้จนดึก
“เซเลนไม่เคยมาหาผมที่ห้องเลยหนิครับ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
จะต้องไม่ให้มีเวลาให้ตั้งตัว เซเลนชี้ไปที่เตียงของมิลานแล้วเริ่มแผนการต่อทันที
“เจ้าชาย ไปนอน”
“ผมไม่ลืมที่จะพักผ่อนให้เพียงพอหรอกครับ แต่งานยังไม่เรียบร้อย… อาจต้องใช้เวลาอีกสักพัก”
“ไปนอน!”
วันนี้เซเลนดูจริงจังกว่าทุกที ถึงจะไม่รู้เหตุผล แต่มิลานก็ไปนอนบนเตียงแต่โดยดี จริงๆแล้วระยะนี้ก็รู้สึกเวียนหัว อ่อนแรง อยู่เป็นระยะ แต่ก็อยู่ในระดับที่ไม่มีปัญหากับชีวิตประจำวัน จึงให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางก่อน
“ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ผมไม่เป็นไร…”
“ไม่ใช่”
“หืม?”
มิลานนอนตามคำขอสักพักก็พยายามจะลุกขึ้น แต่เซเลนก็เดินมากดเขาลงไปเพื่อห้ามไว้ จากนั้นเธอก็ขึ้นมาบนเตียงและขึ้นคร่อมบนตัวเขา
“นี่แหละ”
“เซเลน พยายามทำอะไรครับ?
“……”
เซเลนไม่ตอบคำถามของมิลาน ดวงตาสีแดงที่จ้องมายังมิลานสั้นไหวเล็กน้อย อีกทั้งยังร่างกายเล็กๆที่แทบจะไม่มีน้ำหนักของเซเลนก็กำลังสั่นอยู่ มิลานจึงรู้ว่าเธอวางแผนจะทำอะไรบางอย่างที่ต่างออกไป
“(หรือว่าจะเลียนแบบเรื่องของผู้ใหญ่?)”
มิลานสันนิษฐานออกมาเช่นนี้ เพราะเซเลนมักจะวางตัวแบบผู้ใหญ่อยู่ตลอด เป็นเพราะเธออยากถูกมองเป็นผู้ใหญ่หรืออยากถูกปฏิบัติด้วยเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง และระยะนี้ เซเลนไปตรวจสอบเงินบริจาคของเธอที่สถานศึกษาอยู่บ่อยๆ ไม่แน่ว่าเหล่านักเรียนในวัยนั้นอาจสอนเรื่องแปลกๆให้เธอก็ได้
ไม่ว่าจะอยากโตสักแค่ไหน เด็กก็คือเด็ก ยังเร็วเกินไปที่จะทำกิจกรรมยามค่ำคืนของชายหญิง ต่อให้เคยเห็นก็ไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง ซึ่งก็อาจจะทำให้กลัวได้ จึงเลียนแบบได้แค่ท่าทางเท่านั้น และก็ได้มาขึ้นคร่อมอยู่อย่างตอนนี้
มิลานยิ้มให้กับสภาพของเซเลน แต่น่าเสียดาย ความจริงแล้วเซเลนมาจัดการกับเขาในอีกความหมายหนึ่งต่างหาก
“เซเลนครับ เรื่องแบบนี้เอาไว้โตกว่านี้ดีกว่า…”
“ลาก่อน”
“…อะไรนะ?”
“บอกลา”
เพราะคืนนี้จะเป็นวาระสุดท้ายของชีวิต จากนั้นเซเลนก็ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ หยิบนกหวีดไม้ขึ้นมาจับให้มั่นด้วยสองมือ คมดาบเวทมนตร์ขนาดเล็กปรากฏขึ้นมาทันที มิลานมองตาไม่กระพริบ เขาจำแสงสีฟ้าแบบนั้นได้
“อาวุธเวทมนตร์ของเอลฟ์!? เซเลน! นี่มันหมายความว่ายังไง!?”
“ย้าก…!”
ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามคนตาย! เซเลนหลับตาและเหวี่ยงดาบเวทมนตร์สุดแรงเข้าไปที่กลางอกของเจ้าชาย! ในท่านั่งคร่อมเช่นนี้ช่วยลดความแตกต่างทางกายภาพของเซเลนกับมิลานได้เป็นอย่างดี เซเลนจึงแทงเข้าไปกลางหัวใจของมิลานได้อย่างแม่นยำ
“กว้าก!!”
ทันทีที่เซเลนทำใจได้และแทงดาบเวทมนตร์ไปที่กลางหน้าอกของมิลาน เสียงกรีดร้องเหมือนสัตว์ใกล้ตายก็ดังไปทั่วห้อง
“สำเร็จแล้ว!?”
ในที่สุดก็ทำลงไปแล้ว กลายสิ่งที่จะติดตัวไปจนวันตาย แต่ก็จะขอแบกรับบาปนี้ไว้ เพื่ออาลัวและผู้หญิงอีกทั้งทวีป
“อ-อะไรน่ะ?”
ถึงอย่างนั้น ก็มีบางอย่างผิดปรกติ มิลานนอนหมดสติ แต่ก็ไม่มีบาดแผลบนหน้าอกที่แทงลงไป และสิ่งที่ไหลออกมาไม่ใช่เลือด แต่เป็นกลุ่มก้อนสีดำขุ่นเหมือนน้ำมันดิบ พุ่งออกมาและไหลลงไปบนเตียง
“แกว๊ก!!”
“หวา!?”
เซเลนตกใจเสียงร้องของสัตว์ประหลาดสีดำจนหงายหลังตกจากตัวมิลาน ล้มกลิ้งก้นกระแทกพื้นพรม
“กี้! แกว๊ก!?”แกว๊ก!”
“อะไร? อะไร?”
ถึงจะยังอยู่ในท่าล้มและยังเจ็บอยู่ แต่เซเลนก็พยายามคลานถอยหลังออกห่างจากสัตว์ประหลาดสีดำที่ตอนนี้ดูคล้ายกับเงาของมนุษย์ มันร้องเสียงแหลมจนอยากเอามือปิดหู
“อะไรน่ะ!? นั่นมัน อะไร? นั่นมันตัวอะไร!?”
เซเลนจ้องมองปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเบื้องหน้า ถึงจะมั่นใจว่าแทงถูกเจ้าชายแน่ๆแล้ว แต่เขากลับไม่มีแม้แต่รอบขีดข่วน ซ้ำยังมีตัวอะไรบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวออกมาขวางไว้ มันยังคงกรีดร้องและบิดตัวเหมือนกำลังทรมาน จึงดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก เธอพยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ แต่ก็มีเรื่องที่ไม่รู้มากเกินไป สิ่งเดียวที่เข้าใจคือ เธอได้พลาดไปเหยียบกับระเบิดเข้าแล้ว
“กี้ กิซ…ซซซ!!”
“อ๊า!?”
เซเลนนั่งเจ็บสะโพกอยู่ริมผนัง ได้แต่สิ้นหวัง แต่ฝ่ายที่สิ้นหวังยิ่งกว่าก็คือแมลงดับแสงสุริยาที่ถูกดาบเวทมนตร์ของเซเลนแทง อาการของมันเรียกได้ว่าสาหัส แมลงดับแสงสุริยาตะเกียดตะกายด้วยความเจ็บปวด ส่วนที่คล้ายมือกำลังกดอยู่ที่บาดแผลของมัน
แมลงแห่งความมืด อาศัยอยู่ในความมืด สูบชีวิตมนุษย์เป็นอาหารและเติบโต เมื่อโตเต็มวัยก็มีแต่มังกรเท่านั้นที่สามารถหยุดยั้งมันได้ ซึ่งก็หมายความว่า ตัวของมันในสภาพแรกเกิดยังอ่อนแอ มนุษย์ที่มีเวทมนตร์ก็สามารถต่อกรกับมันได้ ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นมังกร แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากมากอยู่ดี
แมลงดับแสงสุริยาตอบสนองต่ออารมณ์ของมนุษย์ได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อมันสัมผัสได้ถึงความมุ่งร้ายต่อตัวมัน มันจะหลบหนีออกไปซ่อนตัวในทันที เพราะฉะนั้น หากตั้งใจทำร้ายแมลงดับแสงสุริยา มันก็จะหนีออกจากร่างของมิลานก่อนที่จะได้ทำอะไรกับมัน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ความมุ้งร้ายของผู้ที่โจมตีหันเหไปหาสิ่งอื่น แมลงดับแสงสุริยาจึงไม่รู้สึกถึงอันตรายต่อตัวมันเอง จึงได้เกาะแน่นอยู่ที่หัวใจของมิลานอย่างใจเย็น จนกระทั่งพลังเวทย์ของเซเลนทะลวงผ่านผิวหนังของเจ้าของร่างมาถึงตัวมัน
การโจมตีทางกายภาพไร้ผล มีแต่พลังเวทย์บริสุทธิ์ที่หนาแน่เท่านั้นที่แตะต้องตัวมันได้ และถนัดการหลบซ่อน ยากแก่การตรวจจับ เป็นสรรพคุณที่อาจจะทำให้คิดว่าไร้เทียมทาน แต่ก็ใช่ว่าจะไร้จุดอ่อน
ที่สำคัญ ตัวของแมลงดับแสงสุริยาคือเวทมนตร์ที่มีชื่อว่า ‘แมลงดับแสงสุริยา’
เวทมนตร์ถือกำเนิดจากพลังเวทย์ ผ่านพิธีกรรมพิเศษของผู้สาปแช่ง ทำให้เกิดเป็นสิ่งที่ร้ายกาจอย่างยิ่ง แต่สุดท้ายแล้ว ก็เป็นเพียงเวทมนตร์ชนิดหนึ่งอยู่ดี
ซึ่งเวทมนตร์ก็ถูกลบล้างได้โดยความเสียหายเล็กๆน้อยๆบนวงเวทย์ การทำให้ลวดลายเป็นรอย หรือ รอยขูดขีดบนตราประทับ แม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่พลังเวทย์ที่ถูกบรรจุเข้าไปก็จะไหลออกมาผ่านรอยนั้น เหมือนถังน้ำที่มีรูรั่ว
และกลางตัวของแมลงดับแสงสุริยาก็มีรอยรั่วอยู่ บาดแผลเล็กๆที่ทำให้พลังเวทย์สีดำน่ารังเกียจรั่วไหลออกมาไม่หยุด ตัวของมันเล็กลงเรื่อยๆ ไม่อาจคงร่างที่เห็นได้อีกต่อไป
หากมันแข็งแกร่งกว่านี้แม้เพียงเล็กน้อย ก็อาจจะต้านทานเวทมนตร์ของเซเลนได้ แต่โชคร้ายที่มันถูกบังคับให้ลอกคราบก่อนกำหนด จึงไม่ได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่แทงลงมาคือสมบัติระดับสูงของเอลฟ์ ไม้ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีคุณสมบัติเป็นปฏิปักษ์ต่อสิ่งชั่วร้าย
“กี้ กี้!”
แมลงดับแสงสุริยาบาดเจ็บและสิ้นหวัง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการมีชีวิตรอด ถ้าไม่เติมพลังเวทย์ที่ศูนย์เสียไปก็จะดับสูญ ต้องหาเหยื่อให้เร็วที่สุด เหยื่อที่มีอารมณ์ด้านลบ มีพลังเวทย์ และอยู่ใกล้ที่สุดก็คือ… เซเลน!
แมลงดับแสงสุริยาใช้พลังงานที่เหลืออยู่ทั้งหมด พุ่งเข้าไปในเงาของเซเลนที่ยังสับสนอยู่ และเข้าไปในร่างของเธอ
“อ๊ะ!?”
เซเลนร้องออกมาสั้นๆ เจ็บแปลบทั่วร่างเหมือนถูกไฟดูด และล้มลงกับพื้น
◆ ◇ ◆◇ ◆
“โอ๊ย!”
ความรู้สึกเหมือนถูกหยิกที่แก้มทำให้มิลานลืมตาตื่น บนใบหน้าของเขามีหนูสีดำขาวผูกริบบินสีแดง กำลังมองตาของเขาในระยะประชิด หนูตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของเซเลนแน่นอน เห็นได้ชัดว่ามันตั้งใจปลุกเขา อาจจะด้วยการกัดหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มันก็ทำสำเร็จแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น…”
มิลานยันตัวลุกขึ้นนั่ง ทบทวนความทรงจำก่อนหมดสติ เซเลนแทงดาบลงมาที่ตัวเขาด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย และช่วงที่ถูกคมดาบสัมผัส ความรู้สึกเจ็บปวดก็แล่นผ่านไปทั่วร่างกาย จากนั้นก็มีสัตว์ประหลาดสีดำโผล่ออกมาจากรอยที่ถูกแทง
“จริงสิ! เซเลนล่ะ!?”
เมื่อนึกขึ้นได้ มิลานก็ลุกลงจากเตียงทันที
และก็ได้เห็นเซเลนล้มพับอยู่ไม่ไกลจากเตียง
“เซเลน!? ทำใจดีๆไว้!”
มิลานเข้าไปช้อนตัวเธอทันทีที่เห็น เซเลนที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาตัวเย็นเหมือนแช่อยู่ในน้ำ ผิวที่มีสีขาวราวกับเครื่องเคลือบอยู่แล้วก็ยิ่งขาวซีดไร้ชีวิตชีวาเข้าไปอีก
“…อา”
“เซเลน! เป็นอะไรไป!? เซเลน!”
มิลานร้องเรียกต่อไป แต่เซเลนก็ได้แต่ส่งเสียงคร่ำครวญอย่างแผ่วเบา สัตว์ประหลาดสีดำตัวนั้นอาจจะทำร้ายเซเลน แต่ก็ไม่เป็นตัวของมันแล้วในตอนนี้ มิลานเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ว่าทำไมตัวเขายังปลอดภัยดี ทั้งที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นออกมาจากตัวของเขา
หลังจากสำรวจด้วยสายตา มิลานก็เห็นนกหวีดที่ทำจากไม้เนื้อแข็งสีขาวเหมือนกับสิ่งที่เอลฟ์เรียกว่าไม้ศักดิ์สิทธิ์ และเซเลนก็พกสิ่งนั้นอยู่
“หรือว่า… เซเลนกำจัดมันไปแล้ว?”
ก่อนที่เขาจะหมดสติ มิลานจำได้ว่าสัตว์ประหลาดมีร่องรอยบาดเจ็บและส่งเสียงร้องด้วยความทรมานออกมา ในที่สุดเขาก็เข้าใจ เซเลนไม่ได้พยายามทำร้ายเขา แม้เธอจะหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่ก็พยายามหยุดยั้งสัตว์ประหลาดที่กัดกินตัวเขาอยู่ และขับไล่มันออกไปได้สำเร็จ
“อดทนไว้! จะพาไปหาหมอเดี๋ยวนี้…!”
มิลานยกเซเลนขึ้นมากอดเอาไว้ ลุกขึ้นยืนเตรียมออกวิ่งไปปลุกหมอหลวงที่อาศัยอยู่ในปราสาทเฮลิฟาเต้ แต่ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง
“องค์ชาย! เกิดอะไรขึ้น!?”
“คุมะฮาจิ!? ทำไมถึงอยู่ที่นี่!?”
“ข้าน้อยถูกหนูตัวนี้ปลุกและนำทางมาที่นี่ขอรับ! ทหารคนอื่นๆกำลังตามมาสมทบ ขออภัยที่ล่าช้า!”
บนไหล่ของคุมะฮาจิมีหนูของเซเลน ในปากของมันคาบชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่ดูก็รู้ได้ทันทีว่ามาจากชุดของเซเลนเอาไว้ ในขณะที่มิลานพยายามทำความเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น หนูตัวนี้ก็ออกไปตามคนที่น่าจะช่วยได้มาให้ เพื่อเจ้านายของมัน เซเลน ที่อยู่ในอ้อมแขนของมิลาน
“องค์ชาย ผู้บุกรุกล่ะขอรับ?”
“ผู้บุกรุกไม่ใช่มนุษย์ มันเป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้ว่าคืออะไร ตอนนี้มันได้หายไปแล้ว เซเลนเป็นอย่างนี้เพราะปกป้องผมเอาไว้”
“นี่มัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่? …ท่านเซเลน!?”
คุมะฮาจิมองไปที่เซเลนที่อยู่ในอ้อมแขนของมิลาน ถึงจะไม่เห็นบาดแผลแต่ก็รู้สึกได้ถึงความผิดปรกติ ตอนที่ถูกตาม เขาคิดว่ามีโจรบุก หรือมือสังหารลอบโจมตี แต่ดูเหมือนจะร้ายแรงกว่าที่คิด
ถึงคุมะฮาจิจะไม่ใช่หมอ และยังไม่เข้าใจโดยสมบูรณ์ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รู้ว่าอาการของเซเลนน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
“ท่านเซเลน! ท่านพยายามได้ดีมาก ปล่อยให้พวกข้าน้อยจัดการที่เหลือเถอะ!”
“หมี…”
เซเลนหันไปหาคุมะฮาจิ เสียงของเธอแผ่วเบาไร้เรี่ยวแรง และในตอนนั้น หมอหลวงและทหารอีกหลายคนก็เข้ามาในห้อง หนูที่อยู่บนไหล่คุมะฮาจิหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ ดูเหมือนว่ามันเป็นคนไปตามหมอหลวงให้มาที่นี่
หมอหลวงชราแต่มากประสบการณ์ ได้ให้เซเลนนอนลงบนเตียงของมิลานและเริ่มจับชีพจร ปลดเสื้อผ้าให้หลวมเพื่อหาบาดแผลหรือร่องรอยพิษ แต่ยิ่งตรวจสีหน้าของหมอก็ยิ่งเคร่งเครียด ไม่พบร่องรอย ไม่ทราบสาเหตุ รู้เพียงอย่างเดียวว่าสัญญาณชีพของเซเลนกำลังอ่อนลงไปเรื่อยๆ
“เซเลน ไม้องกลัว เธออยู่ต่อหน้าหมอที่เก่งที่สุดในประเทศนี้แล้ว อีกไม่นานทุกอย่างจะเรียบร้อย! ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าจะได้ไปทุ่งดอกลิลลี่กันอีกครั้ง! ไปกับทุกคน ทั้งเอลฟ์และเจ้าหญิงอาลัวด้วย รับรองว่าต้องสนุกแน่”
มิลานรู้ดีว่าอาการของเซเลนในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่รักษาได้ด้วยกำลังใจ แต่ก็ยังกลั้นน้ำตา ฝืนยิ้มพูดต่อไปเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องกังวล ไม่ว่ามันจะได้ผลหรือไม่ เซเลนก็มีการตอบสนองเล็กน้อย
“ท่านพี่…?”
แม้ว่าสติของเธอกำลังจมหายไปในความมืด แต่ก็ยังได้ยินชื่อ ‘อาลัว’ ดวงตาพร่ามัว เสียงที่ได้ยินก็ไกลออกไปทุกที ความรู้สึกเริ่มเลือนราง แต่ก็รู้ได้ว่าเจ้าชายกำลังพูดถึงอาลัวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“โธ่เว้ย…”
เซเลนพยายามส่งเสียงด่า แต่เสียงก็เบาจนไม่มีใครฟังออก คำด่าทั้งหลายจึงถูกจำกัดอยู่แค่ในหัวของเซเลน
――บ้าจริง ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
จะตายทั้งทีก็อยากจะตายในอ้อมอกของอาลัว รายล้อมไปด้วยสาวสวยมากมาย ถ้าเป็นแบบนั้นได้ ต่อให้ตายก็จะเต็มใจจากไปอย่างไม่มีอะไรค้างคา
แล้วสถานการณ์ในตอนนี้นี่มันอะไรกัน ข้างๆมีเจ้าชายยิ้มร่าอยู่ ใกล้ๆกันก็มีหมีอยู่หนึ่งตัวกับชายฉกรรจ์อีกฝูง แล้วตาแก่ที่มาลูบคลำอยู่นี่มันใครฟะ นี่มันปาร์ตี้ชายโสดหรือยังไง มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ
“ด้วยกัน… กับ… ท่านพี่…”
ทั้งหมดที่ต้องการ ก็มีเพียงพี่สาวคนเดียวเท่านั้น อยากจะอยู่ด้วยกันตลอดไป จากนั้น ตวงตาของเซเลนก็ปิดลง ไม่มีแม้กระทั้งประโยคบอกลา และหมอหลวงก็ส่ายหน้า
“เดี๋ยวก่อน! อย่าทำแบบนี้สิ! เซเลน… เซเลน!”
มิลานยกร่างเล็กๆเบื้องหน้าขึ้นมากอดเอาไว้แน่น ร้องไห้ฟูมฟาย ปลดปล่อยอารมณ์ที่อดกลั้นไว้จนถึงตอนนี้ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็จะไม่มีการตอบสนองจากเซเลนผู้น่ารักอีกแล้ว
ในคืนนั้น เซเลน อาร์คุยล่า ถูกระบุไว้ว่าเสียชีวิตด้วยอายุเพียง 8 ขวบ (ไม่รวมช่วงนอกเวลา 38 ปี) จะว่านานก็นาน จะว่าสั้นก็สั้น