[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ - ตอนที่ 32 ราชาราชสีห์กับสิงโตหนุ่ม
ตอนที่ 32
ราชาราชสีห์กับสิงโตหนุ่ม
หลังจากการเดินทางอันเร่งรีบอยู่สี่วันก็กลับมาถึงที่หมาย จากปรกติที่ใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ มิลานขอเข้าพบกษัตริย์ชวานในทันทีเพื่อรายงานสถานการณ์ ตอนนี้ ภายในห้องบัลลังก์ในพระราชวังเฮลิฟาเต้ ผู้ที่อยู่บนบัลลังก์มีราชาชวานกับราชินีไอบิสนั่งฟังเรื่องราวด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เบื้องหน้ามีมิลานและคุมะฮาจิคุกเข่ารายงานอยู่ มารีกับอาลัวยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาเพราะถูกเรียกให้มารับฟังด้วย
บรรยากาศน่าหดหู่แผ่กระจาย หลังจากได้ฟังก็ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ เซเลนที่เฝ้ารอและตื่นเต้นกับทุ่งดอกลิลลี่มากกว่าใคร ถูกมังกรจับตัวไปแทบจะทันทีที่ไปถึง เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน
“เจ้าหญิงอาลัว ข้าไม่รู้จะขอโทษท่านอย่างไรดี…”
ชวานเป็นคนแรกที่พูดออกมา ราชาผู้ที่มีสมญานามว่าราชสีห์ ชวาน ก้มหัวให้เจ้าหญิงตัวน้อยจากประเทศเล็กๆ หากราชาจากประเทศอื่นๆมาเห็นภาพนี้ก็จะถูกกล่าวว่าไม่เหมาะสมได้ แต่ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ต่างก็ไม่มีใครคิดว่าเป็นเรื่องเสื่อมเสีย
“โปรดอย่าได้ใส่ใจเลยค่ะ ท่านชวาน การกระทำของมังกรเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ จะป้องกันก็ทำไม่ได้ เปรียบได้กับภัยธรรมชาติที่มนุษย์ไม่สามารถต่อกรได้เลย เด็กคนนั้นมีช่วงเวลาที่ได้รับความรักจากราชวงศ์เฮลิฟาเต้ เพียงเท่านี้ก็ทำให้เธอเป็นผู้ที่มีความสุขที่สุดในโลกได้แล้วค่ะ”
อาลัวกล่าวกับชวานด้วยท่าทีสง่างาม แม้ว่าใบหน้าจะยังโศกเศร้า ถึงอาลัวจะมาจากประเทศเล็กๆอันห่างไกล แต่ก็เป็นถึงรัชทายาทลำดับหนึ่ง ผู้ที่มุ่งมั่นเรียนรู้ฝึกฝนทักษะและปัญญาเพื่อช่วยเหลือน้องสาวผู้อับโชคของเธอ ทำให้เธอแตกต่างกับ‘เจ้าหญิง’ทั่วไปจากประเทศอื่นๆที่เป็นแค่ไม้ประดับ
“อึก…! ต้องขออภัยจริงๆ เจ้าหญิงอาลัว! ข้าน้อยน่ะ! ข้าน้อยมันไร้ความสามารถ!”
การที่อาลัวฝืนทำใจแข็งพูดออกมานั้น กระตุ้นความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจของคุมะฮาจิอย่างแรง เขาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าชวาน หลั่งน้ำตาและกำหมัดแน่นจนเลือดไหลซึม แม้จะได้รับความไว้วางใจให้ปกป้องเซเลน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย ดาบที่ภูมิใจนักหนาก็ทำได้แค่ขูดเกร็ดมังกรได้แค่แผ่นเดียว การสูญเสียคนที่ตนปกป้องไปต่อหน้าคือความอัปยศร้ายแรงที่สุดในชีวิตของนักรบ
“คุมะฮาจิไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย! เพราะหนูเป็นคนบอกให้พาเซเลนไปที่ทุ่งดอกลิลลี่ต่างหาก!”
มารีเริ่มร้องไห้ทันทีที่เห็นน้ำตาของคุมะฮาจิ เพราะเธอเป็นผู้ที่ผลักดันแผนการในครั้งนี้ตั้งแต่แรก ผลจากเรื่องนั้น ทำให้เธอไม่มีโอกาสได้พบกับเซเลนอีก ต่อจากนี้จะไม่มีน้องสาวที่น่ารักมาเล่นด้วยกันอีกแล้ว แค่คิดอย่างนั้น หัวใจดวงน้อยๆของมารีก็แทบแหลกสลาย
“กรุณาอย่าเก็บไปคิดมากเลยค่ะ ท่านมารี… เซเลนจะต้องไม่เป็นอะไร โชคชะตาจะเข้าข้างเธอเอย่างแน่นอน”
มารีใช้สองมือปิดใบหน้า อาลัวจึงโอบกอดไหลของเธออย่างแผ่วเบา ที่จริงแล้ว สิ่งที่อาลัวพูดปลอบมารีนั้น ครึ่งหนึ่งเป็นการพูดกับตัวเอง เสียงของเธอสั่นและดวงตาก็มีน้ำตาคลอ
ชวานมองไปทางไอบิส เมื่อเธอเห็นก็เข้าใจถึงเจตนาของสามี ไอบิสพยักหน้าหนึ่งครั้งโดยไม่พูดอะไร จากนั้นจึงลุกขึ้นจากบัลลังก์และเข้าไปปลอบโยนอาลัวกับมารีที่ร้องไห้ เรื่องการเยียวยาเด็กสาวที่กำลังเศร้าโศก ในที่นี้ไม่มีใครทำได้ดีไปกว่าไอบิสอีกแล้ว
เหล่าผู้หญิงออกไปจากห้องห้องบัลลังก์กันหมดแล้ว เหลือแต่ชวาน คุมะฮาจิ และมิลานที่ก้มหน้ามองพื้นไม่พูดอะไรอีกตั้งแต่รายงานจบ
“ฝ่าบาทชวาน! ข้าน้อยไร้ความสามารถ… ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้เป็นนายได้! สิ่งเดียวที่ภูมิใจคือวิชาดาบ… แต่ก็ได้รับรู้แล้วว่าเป็นแค่การหลงตัวเอง! ด้วยเกียรติของนักรบ ข้าน้อยขอชดใช้ด้วยชีวิต…!”
“คุมะฮาจิ มองหน้าข้า”
คุมะฮาจิยังคงตำหนิในความไร้พลังของตนเองต่อไปขณะที่คุกเข่าอยู่บนพรมแดงเบื้องหน้า ชวานพูดปรามด้วยคำพูดสั้นๆแต่หนักแน่น ทำให้คุมะฮาจิเงยหน้ามองเขาตามปฏิกิริยาตอบสนอง
“ชดใช้ด้วยชีวิตเพื่อแสดงความกล้าหาญเป็นครั้งสุดท้ายอย่างที่นักรบในประเทศของเจ้าเชื่อกันใช้ไหม”
“ถูกต้องแล้วขอรับ ผ่าท้องปลิดชีพตนเอง เพื่อแก้ไขความอัปยศ…”
“แล้วมันแก้ไขได้จริงหรือ?”
คุมะฮาจิที่เตรียมใจไว้แล้ว ถึงกับพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง แต่ชวานก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา และพูดต่อไปอีก
“ข้าไม่ได้ดูถูกประเพณีหรือความเชื่อจากบ้านเกิดของเจ้าหรอกนะ แต่มันดูเหมือนเป็นการหลบหนีมากกว่าแก้ไขไม่ใช่หรอกหรือ? พระราชวังเฮลิฟาเต้ก็จะเปื้อนเลือด ศพก็จะถูกทิ้งไว้เป็นภาระ และข้าก็ศูนย์เสียบุคลากรชั้นยอดที่ชื่อคุมะฮาจิไปอีกคน แล้วใครกันที่ได้ประโยชน์กับเรื่องนี้?”
“……”
“คุมะฮาจิ เพราะข้าเห็นคุณค่าในตัวเจ้า จึงได้เลือกให้มารับใช้ นักรบที่เก่งกล้าและเถรตรงมากกว่าใคร คิดว่าทั้งทวีปมีคนที่สร้างบาดแผลให้กับเกล็ดมังกรได้สักกี่คนกันล่ะ?”
“แต่ความผิดพลาดของข้าน้อยในครั้งนี้ จะแก้ไขได้อย่างไรขอรับ?”
“นอกจากตัวเจ้าเองแล้วก็ไม่มีใครคิดว่าเป็นความผิดพลาดของเจ้า ถ้าอยากชดใช้นักก็จงทำงานให้หนักขึ้นเพื่อประเทศนี้ ข้าและคนอื่นๆก็หวังไว้แบบนั้นเช่นกัน”
“…ขอรับ”
คุมะฮาจิก้มหัวรับฟังอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ดึงแขนเสื้อขึ้นมาเข็ดหน้า แม้จะยังเห็นรอยน้ำตาอยู่บ้างแต่ก็ดูเหมือนว่าเขาตัดสินใจได้แล้ว
“ถ้าใจเย็นลงบ้างแล้วก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ คุมะฮาจิ ส่วนข้ากับมิลานมีเรื่องต้องคุยกันต่อ”
“รับทราบ!”
คุมะฮาจิยืนขึ้นและโค้งทำมุมเก้าสิบองศาฯอย่างงดงาม ก่อนจะเดินออกไป เหลือไว้แต่มิลานกับชวาน
“ท่านพ่อ…”
“เฮ้อ ไม่ไหว ไม่ไหว”
ชวานเอนกายไปบนบัลลังก์และแหงนมองด้านบน นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เขาต้องอดทนไม่แสดงความกระวนกระวายออกมาต่อหน้าเด็กๆ ผู้หญิงและข้ารับใช้ ที่จะให้บรรยากาศแย่ลงเข้าไปอีก ถึงจะเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ต้องมีบางเรื่องที่พูดได้เฉพาะกับผู้ชายด้วยกันเท่านั้น
“ผม… ตัดสินใจได้เหมาะสมที่สุดในตอนนั้นแล้วครับ”
“ถูกต้อง แกตัดสินใจได้เหมาะสมแล้ว อย่างที่เจ้าหญิงอาลัวพูด พวกเราไม่สามารถคาดเดาการกระทำของมังกรได้ เหมือนที่ไม่สามารถทำอะไรกับภัยธรรมชาติได้ ถ้าไล่ตามเข้าไปในป่าสีขาวก็จะมีแต่เพิ่มจำนวนผู้เสียชีวิตเท่านั้น ถ้า…”
ชวานไม่พูดต่อให้จบ เขาลุกขึ้น เดินมาหามิลานและหยุดอยู่ในระยะครึ่งๆกลางๆ จากนั้นเขาก็มองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าของมิลาน
“ถ้าตัดสินใจได้เหมาะสมแล้วอย่างที่ว่าไว้ ทำไมถึงยังเก็บมาคิดอีกล่ะ?”
“ผมสงสัยว่าแบบนี้มันดีที่สุดแล้วจริงๆหรือ? การเผชิญหน้ากับมังกรในครั้งนี้ มีผู้เสียหายเป็นเซเลนเพียงคนเดียว นอกนั้นไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัสเลย เรียกได้ว่าความเสียหายอยู่ในระดับต่ำที่สุดแล้ว แต่ว่า…”
“ถ้าพูดในระดับประเทศล่ะก็ ถือว่าโชคดีที่ผู้เสียหายคนนั้นคือเซเลน”
เมื่อตอบไปเช่นนั้น เขาก็หยิบหนังสือสัญญาขึ้นมากางออก เนื้อหาข้างในเขียนไว้ว่า
‘แม้เป็นผู้ที่ต่ำต้อยแต่ก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก จึงขอขอส่งมอบให้เฮลิฟาเต้เพื่อกระชับไมตรี ให้พรสวรรค์ของสตรีผู้นี้ได้เบ่งบานและอุทิศตนรับใช้ประเทศของท่าน’
“สัญญากับทางอาร์คุยล่าที่แกลงชื่อยอมรับดัวยตัวเองยังไงล่ะ ก็แค่ปล่อยให้เป็นไปตามนี้”
หากคนที่ถูกมังกรจับตัวไปไม่ใช่เซเลน แต่เป็นอาลัว เรื่องก็จะกลายเป็น อาร์คุยล่าศูนย์เสียเจ้าหญิงลำดับหนึ่งที่ถูกส่งมาร่ำเรียน เพราะความผิดพลาดจากความประมาทของเฮลิฟาเต้ ไม่มีทางปฏิเสธความรับผิดชอบได้เลย แต่ตัวตนของเซเลนถูกระบุไว้ว่าเป็น ‘สามัญชนที่มีพลังเวทย์’ จากมุมมองของเฮลิฟาเต้ก็จะเป็น อุบัติเหตุที่มีสามัญชนรับเคราะห์เพียงแค่คนเดียว นับเป็นความเสียหายแทบจะไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“แล้วยังมีหลักฐานเป็นชิ้นส่วนเกล็ดมังกรที่คุมะฮาจิกะเทาะออกมาได้อีก ถ้าบอกไปว่าสามัญชนคนนั้นถูกมังกรจับไป อาร์คุยล่าจะบ่นอะไรได้”
“ท่านพ่อต้องการจะบอกว่า เกิดอะไรขึ้นกับเซเลนก็ช่าง แค่ไม่ให้ประเทศนี้ต้องเสียหน้าก็พองั้นหรือครับ!”
มิลานก้าวไปข้างหน้า จ้องตากับชวานระยะประชิด แต่ชวานก็แค่มองกลับด้วยสายตาที่ดุดัน
“สงบสติอารมณ์หน่อย ทั้งๆที่หน้าตาออกจะเยือกเย็นแท้ๆ ทำเป็นใจร้อนไปได้ ไม่รู้ว่าได้นิสัยแบบนี้มาจากใคร แล้วว่ายังไงล่ะ? สักวันแกจะต้องขึ้นเป็นราชา เป็นผู้ที่แบกรับเฮลิฟาเต้ทั้งประเทศเอาไว้บนบ่า มีเรื่องให้ตัดสินใจอีกมากในอนาคต แต่ตอนนี้ แกอยากจะทำอะไรกันแน่?”
“สิ่งที่ผมอยากจะทำมีแค่เรืองเดียว”
“ลองว่ามาสิ”
“ไปช่วยเซเลนกลับมา”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ชวานก็ถอนหายใจออกมายาวจนหมดปอด
“ไม่ได้ยินเรื่องที่บอกไปหรือไง? คิดว่าข้าที่เป็นราชาคนปัจจุบันจะยอมให้เจ้าชายลำดับหนึ่งออกไปทำเรื่องไร้สาระเหรอ?”
“ใช่ครับ”
“กว่าจะตัดสินใจได้ ไอ้ลูกโง่เอ๊ย”
ชวานกระทืบเท้าอย่างแรง เสียงดังไปถึงหินอ่อนที่อยู่ใต้พรม
“กิ้งก่ามีปีกบินโฉบเอาเซเลนที่น่ารักของพวกเราไปงั้นเหรอ!? จะไปยอมได้ยังไง! ใจฝ่อกับเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ! ล้อเล่นเหรือเปล่า!”
ในเมื่อไม่มีใครอื่นอยู่ในห้องนี้ ชวานจึงพูดเสียงดังราวกับตะโกน แม้จะสูงวัย แต่เขาก็ไม่ได้สูญเสียจิตวิญญาณที่ถูกขนานนามว่าราชสีห์เลย สิ่งที่เขารักมากคือประเทศและประชาชน แต่ที่รักที่สุดคือครอบครัว
เมื่อครั้งที่มิลานและมารี ลูกชายและลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาเกิดความไม่ลงรอยกัน เป็นความระหองระแหงเล็กๆในครอบครัวที่ทำให้ชวานรู้สึกอัดอั้นในใจมาตลอด
จนกระทั่งเด็กสาวสีขาวที่ชื่อเซเลนเข้ามาเป็นคนกลาง ช่วยแก้ปัญหาระหว่างทั้งสองให้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอผู้นี้คือสาเหตุที่มิลาน ลูกชายของเขาเติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์พร้อม ทั้งร่างกายและจิตใจ หลังจากให้เธอมาคอยดูแลได้ไม่นาน
จากที่ฝืนทำทุกอย่างตามแรงกดดันจากคนรอบข้าง กลับกลายมาเป็นเด็กที่มีชีวิตชีวา ไม่ใช่แค่ชวาน แม้แต่ไอบิสผู้เป็นมารดาก็รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วย และสำหรับช่วงเวลานี้ เซเลนถือเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่สำคัญ เป็นคนที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้สำหรับชวาน หรือสำหรับอาณาจักรเฮลิฟาเต้แห่งนี้
“ท่านพ่อ”
“มีอะไร?”
“นิสัยของผมก็ได้มาจากท่านพ่อนั่นแหละครับ”
“ถ้าอย่างงั้นก็น่าจะพูดน้อยกว่านี้นะ”
ชวานแสดงท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น มิลานก็เริ่มยิ้มออกมาบ้างแล้ว ในเมื่อไม่เหลือความลังเลอีกต่อไป ประเด็นในการพูดคุยต่อจากนี้จะเป็นเรื่องหนักหนา ว่าในความเป็นจริงแล้วมีโอกาสมากแค่ไหนที่จะช่วยเหลือเซเลนได้
“ที่บอกว่าจะไปช่วย ทำไมถึงคิดว่าทำได้?”
“ผมเดาว่า มังกรจับตัวเซเลนไปเพราะสาเหตุอื่น เพราะหากต้องการกินมนุษย์จริง จะต้องมุ่งเป้าไปที่เหยื่อที่มีปริมาณมากกว่า เธอมีขนาดเล็กเกินกว่าที่จะมีคุณค่าในฐานะอาหาร”
“ก็เท่ากับว่าพอมีโอกาสมีชีวิตอยู่สินะ? แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้ว่าเซเลนถูกพาตัวไปทำไม และที่ไหน”
“จากทิศทางที่เห็น มันบินตรงไปยังป่าสีขาวอย่างแน่นอน และนี่ก็เป็นเพียงการคาดเดาของผมอีกเช่นกัน มังกรสีแดงตัวนั้นอาจเข้าใจว่าเซเลนเป็นเอลฟ์”
“เอลฟ์งั้นหรือ… เท่าที่รู้คือ เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีผิวกายสีขาวและดวงตาสีแดง ข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์นี้มีไม่มาก แต่เคยได้ยินว่าพวกเอลฟ์บูชามังกรแทนพระเจ้า ที่แกพูดก็มีความเป็นไปได้”
มิลานพยักหน้าให้กับข้อมูลของชวาน
“จากทั้งหมดที่พูดไป มีความเป็นไปได้ว่าเซเลนอยู่ในดินแดนของเอลฟ์ ดังนั้นผมจึงอยากเข้าไปสำรวจข้างในป่าสีขาวเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมครับ”
“ที่แกพูดนั่น คือการมองโลกในแง่ดี มังกรอาจกินเซเลนไปแล้ว หรือถ้าอยู่กับพวกเอลฟ์ก็ไม่รู้ว่าเซเลนปลอดภัยดีหรือเปล่า เรื่องนี้อาจจะจบที่การเสียเวลาเปล่า หรืออย่างเลวร้ายที่สุด แกจะถูกมองว่าเป็นผู้บุกรุกและจะนำพาไปสู่การสู้รบที่อันตราย”
“ผมเข้าใจถึงอันตรายดีครับ ประชาชนของวัลเบิร์ตที่เข้าไปในป่าสีขาว ถูกเอลฟ์โจมตีบาดเจ็บกลับมาทุกราย เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในพักหลังมานี้”
“แล้วผู้ติดตามล่ะ มีแต่คนที่มีพลังเวทย์ติดตัวเท่านั้น ที่เข้าไปในป่าสีขาวได้ คุมะฮาจิก็ตามไปเป็นคนคุ้มกันให้แกไม่ได้ และคนที่มีพลังเวทย์ในประเทศของเราส่วนใหญ่ก็อยู่ในตำแหน่งสำคัญกันหมด ถ้าการไล่ตามโอกาสอันน้อยนิดของแกทำให้ประเทศชาติต้องขาดแคลนบุคลากร ก็คงยอมไม่ได้เหมือนกัน”
“แค่ขั้นต่ำที่สุดก็พอครับ ผมจะทำการพูดคุยกับพวกเขาด้วยตนเอง และจะเป็นการรวมกลุ่มเฉพาะผู้ที่สมัครใจเท่านั้น”
คำตอบนั้นทำให้ชวานถึงกับพูดไม่ออก ว่ากันตามตรง มันเรียกว่าแผนการไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่มีกลยุทธ์ใดๆทั้งสิ้น เป็นการเดินหน้าอย่างบ้าระห่ำเหมือนคนไม่รักชีวิต
“จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว”
“ใช่ครับ แต่ผมก็จะทำ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เซเลนไม่พอใจในตัวผมและบอกกับผมว่า ‘เพราะเจ้าชายคือเจ้าชาย’ ตอนนี้ผมได้เข้าใจในความหมายของคำพูดนั้นแล้วครับ”
“หมายความว่ายังไง?”
มิลานหลับตาลง เบื้องหลังเปลือกตาที่มืดมิด เขาเห็นเด็กสาวสีขาวหยิบยื่นมื้ออาหารให้เขาด้วยรอยยิ้ม แต่นี่ไม่ใช่เวลารำลึกความหลัง เขาสลัดจินตนาการทิ้งไปและกลับมาให้ความสำคัญกับปัจจุบัน
“เพราะเป็น ‘เจ้าชายมิลาน’ ผู้ที่ในอนาคตจะต้องขึ้นครองราชย์เป็นราชา ผมจึงต้องประพฤติตนให้อยู่ในกรอบพื้นฐานนั้น รวมถึงการตัดสินใจในตอนนั้นก็เช่นกัน… แต่เธอมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของผม”
“อืม…”
“นอกเหนือจากการเป็นเจ้าชาย ผมคือมนุษย์คนหนึ่งที่ชื่อมิลาน เฮลิฟาเต้ เป็นคนธรรมดาที่ทนทุกข์จากการถูกคาดคั้นโดยตำแหน่งเจ้าชาย และเซเลนเป็นคนที่ช่วยผมออกมาจากจุดนั้น ตอนนี้ผมจึงต้องการเป็นฝ่ายที่จะช่วยเหลือเธอ ซึ่งครั้งนี้อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดก็ได้ แต่ถ้าผู้หญิงคนสำคัญยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้ก็คงไม่มีหน้าไปชี้นำคนทั้งประเทศได้หรอกครับ”
มิลานตัดสินใจแน่วแน่ ณตอนนี้ เขาจะละทิ้งความรับผิดชอบในฐานะเจ้าชาย เป็นแค่นักผจญภัยที่ชื่อมิลาน ที่จะบุกรุกเข้าไปในป่าสีขาวเพื่อค้นหาเซเลน
“เอาสิ… ลูกชายโง่ๆอย่างแกอยากจะทำอะไรก็ทำไป แกจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันหรอก มารีเป็นผู้หญิงที่ดี จะต้องหาลูกเขยที่ยอดเยี่ยมกว่าแกได้แน่ เพราะฉะนั้น แกจะไปตายที่ไหนก็ไม่มีผลอะไรกับประเทศนี้ทั้งนั้น”
“พูดสั้นๆว่า ไม่ต้องเห็นห่วงเรื่องของทางนี้สินะครับ ขอบคุณมากครับ”
“…ก็ตามนั้นแหละ ยังมีอีกเรื่อง แกรอตรงนี้ก่อน”
มิลานมองตามชวานที่เดินออกจากห้องไปด้วยความสงสัย ไม่นานนักชวานก็กลับมาพร้อมกับดาบเล่มหนึ่ง มันเป็นดาบเหล็กธรรมดาที่ดูเรียบๆไม่มีจุดเด่นใดๆนอกจากอัญมณีสีแดงที่อยู่ฝังอยู่กับด้ามดาบ มันคืออุปกรณ์เวทย์มนต์สำหรับเสริมพลัง ชวานเหวี่ยงดาบท่าง่ายๆด้วยมือข้างเดียวก่อนจะยื่นให้กับมิลาน
“นี่คือ?”
“รับไปสิ ได้ยินว่าดาบของแกหักไม่ใช่หรือ?
“แต่ นี่มัน! เป็นดาบที่ท่านพ่อ…!”
“ใช่แล้ว เป็นดาบที่ข้าโปรดปรานที่สุดในสมัยที่ยังหนุ่มๆ ถึงจะไม่เหมือนกับดาบที่แกใช้ประจำ แต่อย่างแกก็น่าจะใช้เป็น”
มิลานรับดาบมาจากชวานด้วยมือที่สั่นเทา เป็นดาบที่มีความทรงจำร่วมกับพ่อของเขามากมายตั้งแต่อายุยังน้อย ตัวดาบมีความแตกต่างกับดาบเรียวยาวของมิลานที่หักไป เป็นดาบที่‘หนัก’กว่ามาก
มิลานยังจำได้ว่าตอนที่เขายังเด็ก เขาเคยเห็นดาบเล่มนี้และพยายามนำไปเล่น จนเขาถูกต่อว่าและลงโทษอย่างหนัก เป็นครั้งหนึ่งที่พ่อของเขาโกรธมาก เพราะเป็นดาบที่สำคัญขนาดนั้น
“ให้ผมหรือครับ?”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย ฝากไว้ต่างหาก ถ้าพาเซเลนกลับมาได้แล้วก็เอามาคืนด้วย แกเติบโตมาในฐานะเจ้าชาย คงไม่ขโมยของแบบนี้แล้วหายไปเลยหรอกนะ”
และมิลานกับชวานก็หัวเราะไปด้วยกัน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“หลังจากเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อย ผมจะออกเดินทางทันทีครับ”
“ยังไงก็กลับมาด้วยล่ะ พร้อมกับเซเลนด้วยเลยก็ดี”
“ครับ!”
มิลานตอบรับคำพูดสุดท้ายของชวานด้วยคำพูดสั้นๆแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ ป่าสีขาวไม่ใช่สถานที่ที่จะเข้าไปสำรวจกันได้ง่ายๆ มันคือดินแดนของเอลฟ์ เผ่าพันธุ์ที่ไม่มีการติดต่อกับมนุษย์ คนของวัลเบิร์ตได้พยายามตรวจสอบข้างในป่าสีขาวมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตกลับมา มีเพียงข้อมูลอันคลุมเครือจากผู้รอดชีวิตเท่านั้นที่สามารถนำทางไปยังหมู่บ้านของพวกนั้นได้
ต่อให้ไปถึงหมู่บ้านของเอลฟ์ได้ ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าเซเลนจะอยู่ที่นั่น ถ้าดึงดันมากเกินไปก็มีแต่จะทำให้ความสัมพันธ์กับพวกเอลฟ์เลวร้ายลงจนต้องถอยกลับออกมามือเปล่า หรือถ้าโชคร้ายก็อาจจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นั่นด้วย
หรือถ้าเซเลนอยู่ในดินแดนของเอลฟ์จริง ก็ไม่มีทางรู้ได้ว่าเธออยู่ในสถานะใด ได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมหรือเปล่า ถูกทิ้งให้เอาตัวรอดในป่าตามลำพัง หรืออาจจะถูกจับไปเป็นทาสก็เป็นไปได้
เป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินกว่าจะเดิมพัน ต้องหวังพึ่งปาฏิหาริย์ที่เบาบางยิ่งกว่ากระดาษ
“เซเลน… จะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ!”
ถึงอย่างนั้น มิลานก็ไม่คิดจะถอย ต่อให้ต้องไปเพียงแค่คนเดียวก็จะฝ่าฟันเข้าไปในดินแดนอันโหดร้ายนั้น เซเลนเกิดมาพร้อมกับโชคชะตาอันน่าเศร้า แต่เธอก็ไม่ได้ศูนย์เสียจิตใจของตัวเอง ตรงกันข้าม เธอยังเป็นแสงสว่างให้กับตัวเขาที่ใกล้จะศูนย์เสียจิตใจของตัวเอง ในตอนนี้ เขาจะนำแสงสว่างนั้นไปคืนให้กับเซเลน
จะให้เป็นคนที่ทิ้งผู้หญิงให้เผชิญอันตรายแล้วหนีกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างไร มิลานสูดหายใจเข้าลึก มือกำดาบที่ได้รับจากพ่อเอาไว้แน่น มันเป็นของที่หนักและดูไม่เข้ากับมิลานที่รูปร่างผอมบาง แต่น้ำหนักของมันก็ทำให้เขาสงบใจได้ มิลานเดินออกจากห้องบัลลังก์อย่างองอาจ
“กว่าจะรู้ตัวก็ถึงเวลาบินออกจากรังซะแล้วเหรอ…”
ชวานพูดอยู่คนเดียวให้กับมิลานที่เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง นี่อาจเป็นการจากลาครั้งสุดท้าย ถึงทั้งคู่จะรู้อยู่แก่ใจแต่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกมา เพราะไม่ว่ายังไงพวกเขาก็เป็นพ่อลูกกัน
◆◇ ◆ ◇ ◆
“หลับสบาย สุดยอด!”
สี่วันผ่านไปนับตั้งแต่ที่เธอได้มาอยู่ในป่าสีขาว เช้านี้เซเลนนอนแผ่อยู่บนเตียงขนนกอันอ่อนนุ่ม ห้องที่เซเลนอาศัยอยู่ในตอนนี้เป็นห้องพักระดับสูงเป็นพิเศษ ห้องที่ขุดเข้าไปในโพรงส่วนใกล้กับยอดไม้ของต้นไม้ยักษ์ หัวหน้าหมู่บ้าน กี อนุญาตให้เธอได้ใช้ห้องนี้
จากคำบอกเล่าของกี ห้องนี้จะใช้เพื่อการรับรองตัวแทนจากหมู่บ้านอื่นๆที่เข้ามาติดต่อแลกเปลี่ยนข่าวสาร สถานที่นี้มีลักษณะคล้ายกับหอคอยขนาดใหญ่ไว้สำหรับรับชมทัศนียภาพอันงดงามและกว้างขวางของฝืนป่าสีขาวบริสุทธิ์ที่กระทบกับแสงแดดเป็นประกาย
ตัวห้องทั้งหมดทำจากไม้ มีช่องให้อากาศถ่ายเทได้ดี มีการใช้พรมขนสัตว์ พืชพรรณและดอกไม้หลากสีสันเป็นของตกแต่ง ดูเรียบง่ายกว่าการตกแต่งของมนุษย์ที่เคยเห็นภายในปราสาท แต่ก็นับว่าหรูหราในแบบของมันเอง
เซเลนที่สวมแค่ชุดชั้นในลุกออกจากเตียง ดื่มน้ำผลไม้ที่เตรียมไว้บนโต๊ะข้างเตียงด้วยท่าเท้าเอวตามมาตรฐาน ถ้าเป็นไปได้ก็ขอเป็นเบียร์พร้อมปลาวัวเป็นกับแกล้มจะดีกว่า แต่มันคงเป็นการเอาแต่ใจเกินไป
หลังจากความหวานไหลผ่านลำคอจนชุ่มชื่นดีแล้ว เซเลนก็เริ่มกายบริหารเหมือนที่เคยเจอในรายการวิทยุช่วงเช้า สถานที่แห่งนี้คือดินแดนในฝันสำหรับเธอ แต่ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้ เธอจะถูกส่งกลับไปยังดินแดนของมนุษย์ภายในสองสัปดาห์ ดังนั้นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงจุดจบที่ใกล้เข้ามา
“ไม่เอา มนุษย์”
เซเลนพูดกับตัวเอง แม้ว่าเธอเป็นมนุษย์แต่ก็จะขออยู่ในหมู่บ้านเอลฟ์อย่างมีความสุขไปชั่วชีวิต เพราะฉะนั้น จึงต้องพาอาลัวมาที่นี่ หรือถ้าเป็นไปได้ก็จะพาไอบิสกับมารีมาด้วย จากนั้น ความสุขก็จะมีครบทุกขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ด้วย มารี อาลัว และไอบิส
“อย่าโลภ ดีกว่า”
แต่เซเลนก็หยุดความคิดของเธอเอาไว้แค่นั้น เพราะส่วนของไอบิสกับมารีนั้น ยากเกินไปในความเป็นจริง หินก้อนเดียวกับนกสองตัว* มันเสี่ยงเกินไป เดี๋ยวจะ อดทั้งผึ้งและแมลงวัน** ควรทุ่มเทให้กับภารกิจหลักจนสำเร็จก่อน หากมีกำลังรบเหลือ ค่อยขยายฐานอำนาจไปเรื่อยๆ นี่คือยุทธศาสตร์ง่ายๆแต่ได้ผลยอดเยี่ยม
“อะฮ่าฮ่า! สมบูรณ์แบบ!”
เซเลนภูมิใจในความสามารถในการอดกลั้นของตัวเองที่ไม่ถูกตัณหาและความโลภเข้าครอบงำ ทั้งๆที่แผนการนี้มาจากตัณหาและความโลภของเธอตั้งแต่แรก ทุกอย่างช่างสวยงามราวกับทุ่งดอกไม้ ทั้งในสมองและความเป็นจริง แต่เซเลนก็ไม่ได้รู้ตัวเลย
[“องค์หญิง กระผมกลับมาจากการสำรวจแล้วครับ”]
ทันทีที่เธอแต่งตัวด้วยชุดสีขาวสะอาดเสร็จ บัตเลอร์ก็เข้ามาทางช่องหน้าต่าง ซึ้งเป็นเรื่องปรกติหลังจากมาถึงสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เซเลนได้ให้บัตเลอร์ออกไปตรวจสอบรอบๆหมู่บ้าน และตอนนี้บัตเลอร์กลับมาแล้ว เขาวิ่งไปหาเซเลน โค้งคำนับและเริ่มการรายงาน
[“สรุปได้ว่า เรื่องที่องค์หญิงและกระผมจะหลบหนีออกไปจากที่นี่นั้น เป็นไปไม่ได้เลย พวกเอลฟ์ให้ความสนใจกับองค์หญิงอยู่มาก ดังนั้นควรเชื่อฟังพวกนั้นไปก่อน และรออีกไม่กี่วันที่จะได้ถูกส่งตัวกลับไปครับ”]
“งั้นเหรอ”
[“องค์หญิง กระผมเข้าใจดีว่าท่านคงรู้สึกอึดอัดที่ถูกเผ่าพันธุ์แปลกๆควบคุมตัวเอาไว้ โปรดอดทนรออีกไม่นาน ในกรณีที่พวกนั้นผิดสัญญาไม่ปล่อยตัวท่านกลับไป ครั้งนี้กระผมจะบดขยี้พวกมันอย่างไร้ความปราณี ตราบใดที่ไม่ประมาท กระผมคิดว่าจะลงมือด้วยตัวคนเดียวได้ครับ”]
“อย่า ไม่เป็นไร แบบนี้ดีแล้ว”
เซเลนลูบหัวของบัตเลอร์ด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเอลฟ์ แต่ก็จะหลีกเลี่ยงการนองเลือดให้มากที่สุด เมื่อเห็นการแสดงออกอันอ่อนโยนของเซเลน บัตเลอร์ก็ปล่อยวางกับความคิดการใช้ความรุนแรงของเขา
[“(ถึงยังไง ท่านก็อยากกลับบ้านโดยเร็วที่สุดสินะ…)”]
เซเลนต้องการกลับไปยังดินแดนของมนุษย์อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเธอจึงขอให้เขาออกไปตรวจสอบให้เธอ แต่ก็ปรากฏว่าหมู่บ้านของเอลฟ์มีการป้องกันแน่นหนา ไม่มีทางเล็ดลอดสายตาของพวกนั้นไปได้ เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
สิ่งเดียวที่บัตเลอร์ทำได้ในตอนนี้คือคอยรับใช้อยู่ข้างกายเธอที่ซึมเศร้าจากการที่ต้องห่างไกลจากชายอันเป็นที่รัก เจ้าชายมิลาน เป็นเรื่องสะเทือนใจสำหรับบัตเลอร์
“(ดีล่ะ…)”
ขณะเดียวกัน เซเลนที่ฟังรายงานแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนและลูบหัวบัตเลอร์อยู่นั้น ไม่ได้คิดถึงการหนีจากข้างในนี้ไปข้องนอก แต่เป็นการป้องกันการบุกรุกจากภายนอกเข้ามา สิ่งที่กังวลอยู่คือเรื่องหลังจากพาอาลัวมาไว้ที่นี่ได้แล้ว เจ้าชายที่ยึดติดจนน่ากลัวกับเธอผู้นั้นจะบุกเข้ามายังถิ่นฐานของเอลฟ์ ดีเหลือเกินที่มีการคุ้มกันแน่นหนา
“บัตเลอร์”
[“มีอะไรให้กระผมรับใช้ครับ?”]
“มีเรื่อง อยากปรึกษา”
หลังจากยืนยันความปลอดภัยโดยรอบได้แล้ว ก็เริ่มลงมือเรื่องของอาลัวได้
[“มีเรื่องอะไรหรือครับ?”]
“อือ ปรึกษา เรื่องสำคัญ”
บัตเลอร์รู้สึกถึงบรรยากาศตึงเครียดจากเซเลน บัตเลอร์จึงตั้งใจรับฟังเรื่องสำคัญของเจ้านาย
____________________
*て一石二鳥 = สุภาษิต ‘หินก้อนเดียว นกสองตัว’ (ของไทยคือ ‘ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว’) = ทำเรื่องเดียว ได้ประโยชน์สองอย่าง
**虻蜂取らず = สุภาษิต ‘อดทั้งผึ้งและแมลงวัน’ = พยายามทำหลายอย่างพร้อมกันจนล้มเหลวทุกอย่าง