ตอนที่ 23
ท่วงทำนองของอารมณ์ (ตอน2)
“ขอโทษที่มารบกวนกะทันหัน ทั้งๆที่ท่านเพิ่งจะเดินทางจากอาร์คุยล่ามาถึง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ทางฉันต่างหากที่ต้องขอโทษที่สร้างเรื่องยุ่งยากให้กับองค์ชายมิลาน”
สถานศึกษาแห่งชาติเฮลิฟาเต้ เป็นโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดของทวีปนี้ ด้วยบุคลากรผู้ทรงความรู้และพื้นที่ที่กว้างขวาง มีทั้งโรงอาหาร ร้านค้า ห้องสมุด และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆอีกมากมาย จนให้ความรู้สึกว่าสามารถใช้ชีวิตอยู่แต่ในรั้วสถานศึกษาแห่งนี้ได้โดยไม่ต้องออกไปข้างนอกเลย
มิลานและอาลัวกำลังสนทนากันอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งภายในนั้น ร้านกาแฟแบบเปิดโล่ง ม้านั่งสีขาวบนสนามหญ้าสีเขียว เป็นร้านที่เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจของบรรดานักเรียนสำหรับพักรับประทานอาหาร
โดยปรกติแล้ว สำหรับมิลานที่เป็นเจ้าชายของประเทศนี้ ไม่ใช่ที่ที่เขาควรใช้ในการนัดพบกับใคร แต่ในสถานที่ที่รวบรวมเหล่าขุนนางและชนชั้นสูงจากหลายๆประเทศเอาไว้มากมายเช่นนี้ การที่มิลานไปหาอาลัวที่ห้องของเธอก็จะทำให้เกิดข่าวลืออันตรายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาได้ง่ายๆ นั่นคือเหตุผลที่เขาเลือกที่จะพูดคุยกันในพื้นที่สาธารณะ และนักเรียนของที่นี่ก็ไม่มีใครรู้ถึงตัวตนของเซเลน หากถูกได้ยินก็จะรู้เพียงแค่ชื่อของคนรู้จักของพวกเขาเท่านั้น ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ
“ได้ยินจากผู้อำนวยการว่า องค์หญิงอาลัวทำคะแนนได้ดีในตอนสอบเข้าสินะครับ ในฐานะที่ผมเป็นคนแนะนำท่านเข้ามา นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ”
“ถึงในข้อตกลงจะเหมือนเป็นการบังคับ แต่ฉันก็ต้องขอบคุณองค์ชายมิลานจริงๆ ที่ให้ฉันได้มีโอกาสมาอยู่ในสถานที่ที่มีภาพแวดล้อมอันยอดเยี่ยมเช่นนี้ จนฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ไม่สามารถตอบแทนน้ำใจขององค์ชายได้เลยค่ะ”
อาลัวตอบด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อย มิลานชื่นชมในส่วนที่ว่า แม้อาลัวจะอยู่ต่อหน้าเจ้าชายของประเทศมหาอำนาจ แต่ก็ไม่ได้โอ้อวดในความสามารถของเธอ และไม่ถ่อมตัวเกินไปจนทำให้รู้สึกน่ารำคาญ
“แล้ววันนี้ท่านมิลานมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ? ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันพอจะทำได้ก็ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ค่ะ”
เมื่ออาลัวขอเข้าประเด็นในทันที ทำให้มิลานเรียบเรียงเรื่องราวและคำพูดไม่ทัน อาลัวเห็นท่าทีชวนอึดอัดนั้นก็แสดงความระส่ำระสายออกมาเล็กน้อย
“หรือว่า… เกี่ยวกับเซเลนใช่ไหมคะ? เด็กคนนั่นเป็นภาระให้กับองค์ชายและเฮลิฟาเต้…”
“ไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้หรอกครับ! ไม่เพียงแค่ไม่เป็นภาระ เซเลนยังสร้างผลประโยชน์อย่างมากต่อประเทศอีกด้วยซ้ำ หลังจากที่เธอมาที่นี่ ขวัญและกำลังใจของกองทัพก็เพิ่มสูงขึ้น การประสานงานของแต่ละหน่วยก็ทำได้ดีขึ้น แล้วผมยังเชื่ออีกว่า การต้อนรับผู้มีความสามารถอย่างองค์หญิงอาลัวครั้งนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนที่มีแต่ผลประโยชน์ครับ”
“องค์ชายมิลานยกย่องกันขนาดนี้ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ในนามของอาร์คุยล่า ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ”
ดวงตาของอาลัวเปิดกว้างด้วยความประหลาดใจหลังจากเห็นการตอบรับของมิลาน แต่ก็โค้งให้กับมิลานละตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม มิลานรีบหยุดอาลัวที่โค้งให้เงยหน้าขึ้น และพูดต่อด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน
“ที่ผมมาในวันนี้เพราะเรื่องส่วนตัวครับ”
“เรื่องส่วนตัว เหรอคะ?”
“ที่จริง ผมกำลังถูกเซเลนเกลียดอยู่น่ะครับ”
“เอ๋!? ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะคะ!?”
อาลัวพูดเสียงดังกว่าปรกติและลุกขึ้นยืนกะทันหัน เมื่อเธอเห็นนักเรียนคนอื่นๆที่อยู่รอบๆหันมามอง อาลัวก็หน้าแดงระเรื่อและนั่งลงไปเงียบๆ
“ทำไมเด็กคนนั้น… ทั้งที่องค์ชายมิลานก็ปฏิบัติด้วยเป็นอย่าดี ไม่พอใจอะไรอีก”
“เปล่าครับ เป็นผมเองที่ทำเรื่องไม่ดีลงไป จากที่ไปประเทศอื่นด้วยกันมาเมื่อหลายวันก่อน…”
มิลานเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้อาลัวได้ฟัง ทั้งเรื่องที่เซเลนได้รับการยอมรับจากราชวงศ์เฮลิฟาเต้ ชีวิตประจำวันและความเป็นอยู่ของเธอจนถึงตอนนี้ อาลัวที่ฟังอยู่เงียบๆก็รู้สึกประหลาดใจกับบางเรื่อง
“น่าตกใจจริงๆเลยนะคะ เซเลนไม่เคยได้เรียนหนังสือและไม่เคยทำอาหารมาก่อนหน้านี้เลย”
“เด็กคนนั้นมีปัญหาเรื่องการสื่อสารออกมา แต่ระดับสติปัญญาสูงกว่าเด็กแปดขวบทั่วไปมาก ผู้ฝึกสอนของน้องสาวของผมยังทึ่งในพรสวรรค์ของเธอ ผมแทบจะตั้งตารอให้ความสามารถของเธอเติบโตยิ่งขึ้นในอนาคตไม่ไหวเลยครับ”
มิลานพูดชมโดยไม่ติดขัด เมื่ออาลัวได้ฟังคำชมเชยที่มีให้กับน้องสาวของเธอ ทำให้เธอหลุดยิ้มออกมาและรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าน้องสาวที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาตลอดแต่ก็ได้พยายามอย่างเต็มที่อยู่คนเดียวในดินแดนห่างไกลที่ไม่คุ้นเคยจนเป็นที่ยอมรับได้ในที่สุด
แต่ในความเป็นจริงไม่ได้พยายามมากมายอะไรหรือพยายามในทางที่ผิดอยู่ต่างหาก
“เพื่อที่จะไม่ให้แพ้เซเลน ฉันเองก็ต้องพยายามบ้างแล้วสินะคะ แล้ว ที่ท่านต้องการรู้ว่าเซเลนชอบอะไร สิ่งที่เด็กคนนั้นชอบก็คือ…”
มิลานตั้งใจฟังสิ่งที่อาลัวกระซิบตอบมา
“อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้วครับ คิดไว้แล้วว่าองค์หญิงอาลัวต้องช่วยได้อย่างแน่นอน ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเซเลนไม่มีใครพึ่งพาได้มากกว่าท่านอีกแล้วครับ”
“หวังว่าจะช่วยให้ท่านคลี่คลายเรื่องในตอนนี้ได้นะคะ ถ้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วฉันก็อยากจะพบกับเซเลนบ้างเหมือนกัน”
“เกี่ยวกับเรื่องนั้น คือผมยังไม่ได้บอกกับเซเลนเลยครับว่าองค์หญิงอาลัวเดินทางมาถึงแล้ว”
มิลานกล่าวขอโทษ ตั้งแต่อาลัวเดินทางมาถึงก็ผ่านมายังไม่ถึงสัปดาห์ แม้แต่ของใช้ภายในห้องของเธอก็ยังจัดไม่เสร็จดี ถ้าบอกเซเลนไปว่าอาลัวอยู่ที่นี่แล้ว เซเลนจะต้องอยากเจอพี่สาวสุดที่รักของเธอในทันทีอย่างแน่นอน
ก่อนอื่นต้องให้อาลัวคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่และจัดการเรื่องส่วนตัวอื่นๆให้เรียบร้อยก่อน นั่นคือสิ่งที่มิลานคิดเอาไว้ และจะพาเซเลนมาพบในตอนที่เรื่องของอาลัวเริ่มลงตัวแล้ว อาลัวผู้ที่เป็นพี่สาวอาจจะรอได้ แต่เซเลนที่เป็นเด็กคงจะอดทนรอไม่ไหวแน่
“นั่นน่ะสิคะ ตอนนี้ฉันต้องเป็นเจ้าหญิงเพียงคนเดียวของอาร์คุยล่าด้วย…”
สีหน้าของอาลัวดูหงอยเหงาเล็กน้อยในขณะที่เธอพูด แม้ว่าความเป็นอยู่ของเซเลนในตอนนี้จะดีกว่าตอนที่เธออยู่ในอาร์คุยล่ามาก แต่ก็ยังไม่สามารถเปิดเผยฐานะในราชวงศ์ของเธอได้ เป็นข้อห้ามที่ทำให้มิลานรู้สึกลำบากใจด้วยเช่นกัน เพื่อไม่ให้นักเรียนคนอื่นๆที่อยู่บริเวณนี้ได้ยิน มิลานจึงพูดออกมาเบาๆให้มีแต่อาลัวที่ได้ยิน
“ตอนที่เซเลนจะได้พบกับองค์หญิงอาลัวก็ต้องเก็บเป็นความลับกับคนอื่นด้วยเหมือนกัน แต่ผมให้สัญญาว่าสักวันหนึ่งจะสามารถเปิดเผยเรื่องของเธอได้อย่างแน่นอนครับ ผมขอรับประกันเลย”
“ขอขอบคุณในความกรุณาขององค์ชายมิลานจากก้นบึ้งของหัวใจค่ะ ฉันเองก็หวังไว้ว่าสักวันเซเลนจะได้รับเกียรติที่คู่ควร เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเล็กน้อยสักแค่ไหน โปรดให้ฉันช่วยด้วยอีกแรงเถอะค่ะ”
เมื่อพูดไปแบบนั้น ทั้งมิลานและอาลัวก็จับมือกัน นับว่าเป็นสัญญาระหว่างประเทศอย่างไม่เป็นทางการเพื่อชื่อของเซเลนจะได้ถูกประกาศสู่สาธารณะ ไม่ว่ามิลานหรืออาลัวก็ไม่อยากให้ตัวตนของเด็กสาวผู้มากความสามารถคนนี้ต้องถูกหลงลืมไว้ในเงามืดไปตลอดกาล
“แต่ว่า วันนี้รู้สึกว่าที่นี่เงียบเหงากว่าทุกทีนะครับ ครั้งก่อนที่มา ผมจำได้ว่ามีนักเรียนพลุกพล่านมากกว่านี้”
“จะว่าไป… คนค่อนข้างน้อยนะคะ ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อการสนทนาได้ข้อสรุปแล้ว ทั้งสองก็มองไปรอบๆด้วยท่าทีสงสัย ทั้งๆที่เป็นช่วงเที่ยง ก็ยังแทบจะไม่มีนักเรียนเข้ามาใช้บริการร้านกาแฟ ทั้งที่ปรกติแล้วร้านนี้จะเต็มไปด้วยนักเรียนที่เข้ามารับประทานอาหารกลางวันกันอย่างคับคั่งในช่วงพักกลางวัน
เมื่อมองตามนักเรียนที่เดินผ่านไปมา ก็เห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่เดินไปและกลับมาจากที่ซุ้มประตูหลักที่มีลานกว้าง มิลานจึงไถ่ถามนักเรียนที่อยู่ใกล้ๆ และก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งหยุดหันมาตอบกับเขา
“มีเรื่องวุ่นวายกันที่ลานกว้างน่ะ”
“มีเรื่อง? นักเรียนทะเลาะกันเหรอครับ?”
“ไม่น่าใช่นักเรียนนะ ได้ยินว่าเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆสองคน เป็นเด็กผมสีทองกับเด็กสีขาวทั้งตัว”
เมื่อได้ยินเรื่องราว มิลานกับอาลัวก็หันมามองหน้ากัน
“เด็กผู้หญิง ผมสีทอง…”
“เด็กสีขาวทั้งตัว…”
มิลานและอาลัวลุกขึ้นยืนทันทีพร้อมกับผลักเก้าอี้ออก พยักหน้าให้กันและรีบวิ่งออกไปที่ลานกว้างหน้าซุ้มประตู เหลือไว้แต่นักเรียนหญิงที่ถูกทิ้งไว้ มองไล่หลังพวกเขาอย่างงงงวย
◆ ◇ ◆ ◇ ◆
“หนีไปไหนไม่ได้แล้ว! ยอมแพ้ซะดีๆ!”
“ไม่มีทาง!”
ที่ลานกว้าง พื้นถนนปูด้วยหินเรียบร้อยสวยงาม ริมทางถูกตกแต่งด้วยไม้ดอกและไม้ประดับหลากสีสัน บริเวณหน้าน้ำพุมีเด็กผู้หญิงที่มีสีขาวตั้งแต่ผิวพรรณ เส้นผม และเสื้อผ้า กับเด็กผู้หญิงผมสีทองในชุดสีแดงสดกำลังทะเลาะกันอยู่ และนักเรียนมารวมตัวกันที่ลานกว้างเหมือนมารับชมการแสดงข้างถนน
สารถีที่มากับรถม้าและคนเฝ้าประตูยืนคั่นระหว่างเด็กสาวทั้งสองกับกลุ่มผู้ชม พวกเขาไม่สามารถตัดสินใจทำอะไรได้ในตอนนี้ เพราะหากเป็นเด็กสาวธรรมดาทะเละกันก็จะสามารถหิ้วคอไปโยนไว้สักที่เหมือนลูกหมาลูกแมว และตักเตือนด้วยวาจาพอเป็นพิธีก็เป็นอันจบเรื่อง
แต่ว่า หนึ่งในเด็กสาวที่กำลังก่อความวุ่นวายต่อหน้าเขาคือมารีเบล เจ้าหญิงลำดับหนึ่งแห่งเฮลิฟาเต้
ส่วนเด็กสาวอีกคนแม้เขาจะไม่รู้จักว่าเป็นใคร แต่เธอก็เผชิญหน้าได้อย่างเท่าเทียมโดยไม่สนตำแหน่งหรือฐานะของมารีเบล แสดงว่าไม่ใช่เด็กสาวธรรมดา
เหนือสิ่งอื่นใด คนเฝ้าประตูไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ช่วงกลางวันของวันธรรมดาที่เงียบสงบ คนเฝ้าประตูทำหน้าที่ตามปรกติใต้แสงแดดอันอบอุ่นไม่ต่างกับวันอื่นๆ จู่ๆก็มีรถม้าสองคันพุ่งตรงมาที่ซุ้มประตูด้วยความเร็วที่ไม่ควรใช้ในเขตที่อยู่อาศัย เร็วจนเขาเรียกให้หยุดไม่ทันด้วยซ้ำ
ทีแรกคนเฝ้าประตูคิดว่าเป็นผู้บุกรุก เขากำหอกในมือแน่นเพื่อพร้อมตั้งท่าและใช้งานมัน แต่ที่เห็นนั้นเป็นรถม้าขนาดเล็กและด้านข้างมีลวดลายนกอินทรีย์ตัวใหญ่ ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์ คนเฝ้าประตูจึงลดอาวุธลงให้รถม้าผ่านไป
ทันใดนั้น เด็กสาวทั้งสองก็กระโดดลงมาแทบจะพร้อมกันจากรถม้าที่ใกล้จะหยุดในแต่ละคัน และเด็กสาวในชุดสีแดงก็เริ่มวิ่งไล่ตามเด็กสาวสีขาว คนเฝ้าประตูจึงรีบเข้าไปตรวจสอบ แต่เขาก็ไม่รู้ความเป็นมาจึงไม่สามารถเข้าไปขัดขวางเจ้าหญิงโดยพลการได้ เรื่องจึงยืดเยื้อจนมีคนมามุงดูอย่างตอนนี้
“กลับไปกับฉันซะ! ถ้าเข้าไปในโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีปัญหาเอานะ!”
“ไม่เป็นไร!”
“ไม่เป็นไรไม่ได้!”
เซเลนพยายามวิ่งผ่านมารี แต่มารีเคลื่อนตัวมาขัดขวางได้เร็วกว่า ทั้งสองเว้นระยะ ตั้งท่าก้มตัวลงต่ำ คอยสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายเพื่อหาจังหวะ เหมือนนักฟุตบอลหาช่องโหว่ของกองหลังที่ขวางทางอยู่
เซเลนไม่ยอมเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว อีกฝ่ายเป็นแค่โลลิผมทองวัยสิบขวบ ทำให้ก่อหน้านี้มีความลังเลที่จะใช้กำลังแบบทุ่มสุดตัว และตอนนี้ ตนเองก็เป็นโลลิวัยแปดขวบ และความสามารถทางร่างกายก็ยังต่ำกว่ามาตรฐานอีก เซเลนสูดหายใจเข้าลึก และขี้นิ้วไปที่มารี
“มารี จะโค่น!”
เซเลนเตรียมใจเอาไว้แล้ว ถ้าเอาชนะมารีที่เป็นบอสด่านนี้ไม่ได้ ก็ไม่มีทางเอาชนะบอสตัวสุดท้ายอย่างมิลาน เพื่อช่วยเจ้าหญิงอาลัวที่ถูกจับตัวไว้ได้ ช่วงเวลานี้เซเลนลืมไปแล้วว่าคู้ต่อสู้เบื้องหน้าและกระทั่งตนเองก็เป็นเจ้าหญิงด้วยเหมือนกัน
“พูดจามั่นใจเหลือเกินนะ! เอาสิ เจ้าหญิงลำดับหนึ่งแห่งเฮลิฟาเต้ มารีเบล เฮลิฟาเต้คนนี้จะไม่หลบซ่อนหรือหนีไปไหน!”
กลายเป็นว่ามารีรับคำท้าดวล เพราะตามน้ำไปกับเซเลนที่ดูเหมือนครั้งนี้จะคึกกว่าปรกติ สำหรับมารีที่ไม่เคยเห็นใครเป็นคู่แข่งและไม่เคยถูกใครท้าทายมาก่อน เซเลนที่เป็นทั้งเพื่อนและน้องสาวจึงเป็นคู่ต่อสู้ที่ดี
ตัวตนภายในเซเลนนั้น มีประสบการณ์มากกว่ามารีหลายเท่าตัว แต่เซเลนก็ยังคิดจะเอาจริงกับเด็กถึงขั้นลงมือ ก็เรียกได้ว่ามีแต่ประสบการณ์การใช้ชีวิตแต่ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่เอาเสียเลย
“อุว้าก!”
เซเลนใช้พลังจากขาทั้งหมดเพื่อท่าไม้ตายที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ นั่นคือ ‘เซเลนแทคเคิ่ล(タックル/Tackle)’ ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ มันก็คือการพุ่งชนนั่นเอง เป็นท่าที่เซเลนทุ่มสุดตัวกับคู่ต่อสู้ที่เป็นเด็กผู้หญิงวัยสิบขวบ
“อ่อนหัด!”
มารีหันลำตัวไปด้านข้างราวกับนักสู้วัวกระทิง เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าประทะอย่างสิ้นคิดของเซเลน และจับยึดเซเลนเอาไว้จากด้านหลัง แต่เซเลนก็ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตซึ่งเป็นความสามารถขั้นพื้นฐานของมนุษย์อยู่แล้ว
เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่พยายามหลบหนีออกจากปราสาทก็ถูกจับตัวไว้จากข้างหลัง เซเลนจึงวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเพื่อรับมือสถานการณ์ในตอนนี้ โดยการปลดริบบิ้นที่คอเสื้อกับที่หน้าอกและขยับเสื้อผ้าของตนให้หลวม เพราะตอนที่มารีจับตัวเซเลนนั้น เธอคว้าไว้แต่ส่วนที่เป็นเสื้อผ้าด้านหลังเท่านั้น ไม่ถึงขนาดจับล็อคไว้ทั้งตัวแต่อย่างใด
และก็ถึงช่วงที่น่าตกใจที่สุด เมื่อเซเลนพยายามสลัดเสื้อผ้าที่สวมอยู่ออก เหมือนจิ้งจกที่ถูกแมวจับไว้พยายามสลัดหางทิ้งเพื่อที่จะหนีไปให้ได้ และนั้นก็ทำให้มารีตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ
“เดี๋ยวสิ! ชุดของเธอมันเริ่มจะดูไม่ดีแล้วไม่ใช่เหรอ!? น-นี่! ไม่ได้นะ ถอดตรงนี้ไม่ได้นะ!”
“อุว้าก!”
เซเลนยังคงดิ้นรนอย่างสุดความสามารถในการคืบคลานต่อไปข้างหน้า ถ้ายอมแพ้ตรงนี้ หน้าอกของพี่สาวสุดที่รักก็จะถูกเจ้าชายแย่งจับ พอคิดแบบนี้แล้วในหัวของเซเลนก็ไม่หลงเหลือเหตุผลใดๆอีก เซเลนถีบตัวกระโดดถอยหลัง มารีที่เปลี่ยนมาพยายามใส่เสื้อผ้าให้เซเลนอย่างไม่มีทางเลือกจึงถูกกระแทกจนล้มลงกับพื้นไปด้วยกันและถูกเซเลนทับไว้
“อุก!”
ถึงเซเลนจะตัวเล็กและผอมบาง แต่การที่ถูกหนีบอยู่ระหว่างพื้นกับเซเลนก็ทำให้มารีส่งเสียงเหมือนกบถูกทับออกมา และก็ได้ปล่อยมือออกจากเสื้อของเซเลนโดยไม่อาจฝืนไว้ได้ ในขณะที่เซเลนก็ใช้โอกาสนี้ถอยห่างจากมารีโดยการกลิ้งออกไปบนพื้นถนน
“โธ่!! ตอนนี้ฉันโกรธจริงๆแล้วนะ!”
มารีเริ่มโกรธอย่างจริงจัง ชุดอันหรูหราสีแดงสดกับเส้นผมสีทองสวยงามของเธอยุ่งเหยิงและเลอะไปหมด มารีลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเข้าไปรวบตัวเซเลนเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน ราวกับนักล่าที่จะไม่ปล่อยให้เหยื่อหนีไปได้อีก ก่อนหน้านี้มารียังไม่ได้เอาจริงเลยสักครั้ง แต่จะไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว ตั้งแต่ตอนนี้จะเป็นการเอาจริงกันทั้งสองฝ่าย
ทั้งคู่เกาะกันแน่น กลิ้งไปกับพื้น ไม่ใส่ใจกับชุดและเครื่องประดับราคาแพงที่สวมอยู่ เข้าประทะกันราวกับแมวสิงตัวแย่งกันเป็นเจ้าถิ่น
“พวกเธอทั้งคู่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ท่านพี่!?”
ทันใดนั้น เสียงของมิลานก็ดังออกมาจากฝูงชน เป็นบุคคลเดียวในที่นี้ที่สามารถหยุดการทะเลาะเบาะแว้งนี้ได้ มารีหยุดชะงักเนื่องจากได้ยินเสียงของมิลาน แต่เซเลนหยุดชะงักเนื่องจากเบื้องหลังมิลานที่กำลังเดินมานั้นมีอาลัวที่เธอหลงรักตามมาด้วย
“ท่านพี่!”
“เซเลน ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ!?”
อาลัวที่ยังตกใจไม่หายได้ถามกับเซเลน แต่คำถามนั้นกลับสื่อไปไม่ถึงเซเลน พี่สาวที่ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ยังคงนุ่มนวลและงดงามไม่เปลี่ยน เซเลนรีบยืนขึ้นและวิ่งไปหาพี่สาวสุดที่รักทันที มันควรจะเป็นเช่นนั้น
“อ๊ะ!?”
เรื่องที่ทะเลาะกับมารีจนถึงตอนนี้ เซเลนลืมไปจนหมดสิ้นและไม่ได้ดูเลยว่ามือของมารียังกุมชายกระโปรงของเธออยู่ จากสภาพในตอนนี้ เธอยังลุกขึ้นยืนและเริ่มออกวิ่ง ทำให้เซเลนล้มคะมําหน้ากระแทกกับพื้นและแน่นิ่งในท่านั้นทันที
◆ ◇ ◆ ◇ ◆
“ที่ท่านพี่ออกมาที่นี่ จะให้หนูอธิบายกับเซเลนยังไงล่ะคะ!”
“ผมก็ไม่ได้บอกให้เธอหยุดเซเลนไว้นี่นา”
“ท่านมิลาน ท่านมารีเบล ใจเย็นๆกันก่อนดีกว่านะคะ”
ถึงจะบอกให้สองพี่น้องที่ส่งเสียงดังอยู่เบื้องหน้าให้ใจเย็น แต่ตัวของอาลัวเองก็ยังทำใจเย็นไม่ได้ เพราะเซเลนปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนจำนวนมากและยังเรียกอาลัวว่า ‘ท่านพี่’ ให้คนเหล่านั้นได้ยินอีก
มิลานที่เห็นเซเลนล้มหน้ากระแทกก็เข้าไปอุ้มไว้ในอ้อมแขน และยังเข้ามาในห้องของอาลัวในหอพักนักเรียนอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาพยายามเลี่ยง แต่เพื่อให้เซเลนได้พักฟื้นในที่ที่สงบ และคุยเรื่องที่ต้องทำหลังจากนี้ โชคยังดีที่เซเลนดูเหมือนตอนนี้จะแค่หลับอยู่เฉยๆ มิลานและอีกสองคนจึงโล่งใจไปตามๆกัน
เมื่อเรื่องถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่สามารถเก็บความสัมพันธ์ระหว่างเซเลนและอาลัวให้เป็นความลับเอาไว้ได้อีก ตอนนี้อย่างน้อยก็บอกให้มารีรับรู้แล้วว่าเซเลนกับอาลัวเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกัน
มิลานและอาลัวที่หวังไว้ว่าจะให้เซเลนเปิดตัวสู่สาธารณะ ก็สมหวังไปแบบไม่คาดฝัน พอเอาเข้าจริงๆ แทนที่จะเรียกว่าสมหวัง มันกลับมีความผิดพลาดในเรื่องของขั้นตอนจนอาจทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นมาได้ จึงควรเรียกว่าน่าผิดหวังมากกว่า
“ผมต้องขอโทษด้วยครับ… มันเป็นความผิดของผมเอง เรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากที่ผมคิดตื้นไปหน่อย”
“ถ้ามีคนมาถามฉันเกี่ยวกับเรื่องของเซเลน ฉันจะบอกไปว่าเป็นเด็กที่ใกล้ชิดกันเหมือนน้องสาวก็แล้วกันนะคะ โชคดีที่สถานศึกษาเฮลิฟาเต้นี้มีแต่ฉันที่เป็นคนจากอาร์คุยล่า ถ้าบอกไปแบบนี้ก็คงจะไม่มีใครสงสัยอะไรอีก”
“องค์หญิงอาลัว ผมต้องขอโทษอีกครั้ง ที่ความประมาทและปัญหาส่วนตัวของผมสร้างปัญหาให้”
“ไม่หรอกค่ะ กรุณาอย่าใส่ใจเลย ฉันเองก็ยังคิดไม่ถึงเลยว่าเซเลนจะลงแรงเดินทางมาถึงที่นี่ได้……คิดว่าคงเพราะอิจฉาที่องค์ชายจะมาพบผู้อื่นนั่นแหละค่ะ”
อาลัวหัวเราะออกมาเบาๆ ตัวเธอเองกับมิลานไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแบบนั้น แต่เซเลนที่ไม่รู้เรื่องนี้คงทำให้รู้สึกไม่สบายใจ
เป็นความคิดที่ตรงกับความเป็นจริงอย่างมาก แต่คนที่เป็นเป้าหมายนั้นคืออาลัว ไม่ใช่มิลาน อาลัวรู้สึกยินดีที่เซเลนเริ่มมีความรู้สึกชอบอะไรบางอย่างแบบจริงจัง โดนที่ไม่รู้เลยว่าข้างในนั้นเป็นชายแก่ที่มองเธอในแบบชายหญิง เป็นเรื่องที่ไม่สามารถจินตนาการออกมาได้
“หนูน่ะ ตอนนี้ดูแย่ไปทั้งตัวเลยนะ! ผมก็ยุ่ง เสื้อผ้าก็ขาดยับ”
“ขอโทษด้วยนะ เมื่อกี้ผมพูดมากเกินไปหน่อย แล้วก็ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“เอาเถอะ ครั้งนี้หนูจะให้อภัยก็แล้วกัน”
มารีใช้มือสางผมของเธอ เส้นผมพันกันยุ่ง และปนไปด้วยทรายจากการทะเลาะวิวาทเมื่อสักครู่
วันนี้ได้ยินคำขอบคุณจากพี่ชายถึงสองหน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ยินมานาน และถึงจะมีการทะเลาะกันบ้างแต่ก็ถือว่าได้เล่นอย่างเต็มที่กับเพื่อนในวัยเดียวกัน เป็นประสบการณ์ได้ดีอยู่ ถึงจะรู้สึกเหมือนกับเล่นกับเด็กผู้ชายอยู่บ้างก็เถอะ
“หนูอุตส่าห์ทำถึงขนาดนี้แล้ว ท่านพี่ก็ต้องทำให้เต็มที่เหมือนกันนะ อย่าให้ศูนย์เปล่าล่ะ”
“อือ ตอนที่เธอยื้อเซเลนเอาไว้ให้ ผมได้ถามเกี่ยวกับของชอบของเซเลนจากเจ้าหญิงอาลัวแล้วล่ะ”
“แล้วเซเลนชอบอะไรเหรอคะ?”
มารีก็สนใจเรื่องนั้นอยู่เหมือนกัน เธอถามและยื่นหน้าเข้าไปใกล้มิลาน
ก่อนที่มิลานจะพูดออกมา อาลัวที่กุมมือของเซเลนที่หลับอยู่ ก็ตอบออกมา
“เธอชอบ ลิลลี่(ยูริ) ค่ะ”
MANGA DISCUSSION