[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ - ตอนที่ 18 ตรอกเบื้องหลัง
ตอนที่ 18
ตรอกเบื้องหลัง
ผ่านมาไม่กี่วันจากที่มิลานและเซเลนมาที่วัลเบิร์ต วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายก่อนที่จะเดินทางกลับกันแล้วทั้งที่จริงควรจะอยู่นานกว่านี้ด้วยเหตุที่เป็นฉากหน้าคือเดินทางมาศึกษาหาความรู้ แต่เพราะวัลเบิร์ตเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ และเหตุผลที่แท้จริงคือมาเพื่อทักทายเท่านั้น ที่สำคัญ มิลานรู้สึกว่าเข้ากันไม่ค่อยได้กับเอนเต้ จึงไม่คิดจะอยู่นานตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับการมาทักทายในครั้งนี้ สำหรับมิลานนับว่าสงบสุขกว่าครั้งก่อนๆ เพราะเอนเต้ที่เคยพุ่งเป้าโจมตีไปที่เซเลนตั้งแต่วันแรกที่มิลานมาที่วัลเบิร์ต จู่ๆก็เปลี่ยนท่าทีเป็นอ่อนโยนจนผิดสังเกต และยังชอบใช้เวลาส่วนใหญ่กับเซเลน
มิลานระแวงว่าลับหลังอาจจะวางแผนหรือแอบทำอะไรอยู่อีก แต่หลังจากนั้นมาก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเซเลน พอไปถามกับเอนเต้ตรงๆก็ได้รับคำตอบว่า ‘ตอนแรกนึกว่าเป็นแค่เด็กบ้านนอกที่ไม่รู้กาลเทศะก็เลยคิดจะทำให้เจียมตัวขึ้นมาบ้าง แต่พอได้คุยก็เข้าใจถึงจิตในที่งดงามนั้นขึ้นมา’
“หรือเซเลนจะมีพรสวรรค์ในการดึงดูดผู้คนจริงๆ…”
มิลานเคยคิดว่าชาตินี้ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายยังไงเอนเต้ก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้อ่อนโยนมากขึ้นไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ทำให้เปลี่ยนเป็นคนที่มีฐานะต่ำกว่าอีก หรือเซเลนจะเป็นคนที่พระเจ้าส่งมาให้ทำภารกิจนี้โดยเฉพาะ
ถ้าเป็นอย่างทุกทีเขาจะถูกเอนเต้ตามติดและรบกวนจนไม่สามารถไปทักทายและพูดคุยกับขุนนางคนอื่นๆได้อย่างทั่วถึง ครั้งนี้ต้องของคุณเซเลนที่ถูกตามติดแทนจนทางนี้จัดการธุระได้อย่างราบรื่น มิลานกับผู้ติดตามถึงได้ใช้เวลาว่างวันสุดท้ายที่วัลเบิร์ตอยู่นี่
“วันนี้เป็นการเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายแล้ว องค์ชายมิลาน และเซเลน โปรดเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหารนะคะ”
มิลานและเซเลนถูกเชิญโดยเอนเต้ที่เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำตลอดมาตั้งแต่วันแรก ความแตกต่างที่ชัดเจนจากวันแรกคือเซเลนถูกจัดที่ให้นั่งข้างเอนเต้และมิลาน อาหารก็เป็นชนิดเดียวกันหมดทั้งสามคน ไม่มีหนังและเอ็นไก่อีกแล้ว
“เป็นอะไรไปเหรอ?”
“เอ็นไก่ เอ็นไก่…”
หลังจากวันนั้น เซเลนก็พูดซ้ำๆทุกครั้งเวลาอาหารค่ำ ‘เอ็นไก่ เอ็นไก่’ ของพวกนั้นคงจะทำให้ฝังใจอยู่พอสมควร เอนเต้ก็ดูรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน
“ขอโทษนะ ตอนนั้นฉันล้อเล่นแรงเกินไปหน่อย ยกโทษให้ด้วยล่ะ เป็นเพื่อนกันแล้วไม่ใช้เหรอ?”
“อือ”
เอนเต้เน้นคำว่า ‘เป็นเพื่อนกันแล้ว’ มากกว่าปรกติ เซเลนก็ยอมรับอย่างว่าง่ายแต่ก็ยังดูซึมเศร้าอยู่บ้าง มิลานจึงคิดหาสาเหตุและพยายามช่วยเซเลน
“เจ้าหญิงเอนเต้ครับ เด็กคนนี้กังวลเรื่องของพ่อครัวคนนั้น คงกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากนั้น ช่วยชี้แจงให้หน่อยได้ไหมครับ? เซเลนก็ไม่มีความคิดที่จะตำหนิเขาอยู่แล้ว จึงอยากให้ทางนั้นปล่อยผ่านไปเหมือนกันครับ”
“อ๋อ เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง อาหารของวันนี้เขาก็เป็นคนจัดการอยู่เหมือนเดิม”
“เอาเถอะ”
เซเลนตอบและถอนหายใจก่อนเริ่มรับประทานอย่างเงียบๆ เอนเต้และมิลานจึงเริ่มรับประทานอาหารด้วย
ถึงจะทำเป็นไม่สนใจแต่เธอก็ถอนหายใจเพราะความโล่งอกออกมาหลังจากที่ได้รู้ มิลานชื่นชมเซเลนที่คิดเป็นห่วงผู้อื่นแม้เป็นคนที่ไม่ได้รู้จักกัน
เซเลนรู้สึกสิ้นหวัง เพราะเป็นวันสุดท้ายแล้วก็ยังไม่ได้กินอีก สงสัยว่าทำไมถึงมีหนังกับเอ็นไก่ทอดเฉพาะวันแรกเท่านั้น หรือว่าเจ้าชายจะทำอะไรเหมือนในละครย้อนยุคลงไป ‘ดูถูกคนของข้าก็เท่ากับดูถูกข้า! ตายซะเถอะ!’ ทำนองนั้น เจ้าชายต้องไปก่อเรื่องไร้สาระอะไรไว้อีกแน่ หรือไม่ก็ไปขอเก็บไว้กินเอง ความเกลียดชังของเซเลนที่มีให้กับมิลานได้เพิ่มสูงขึ้นไปอีกระดับขณะรับประทานอาหารมื้อนี้
ถึงจะยังเสียดายเรื่องหนังกับเอ็นไก่ทอด แต่เซเลนก็คิดถึงเป้าหมายและผลประโยชน์ของการเดินทางในครั้งนี้ ก็เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จได้อยู่ ตอนแรกก็คิดหนักว่าจะทำให้ตั๊กแตนตัวนี้เป็นพวกยังไงดี พอได้รู้จักกันก็เป็นเจ้าหญิงที่ใจดีคนหนึ่ง ดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่ตั้งแต่วันแรก จนคิดอยากจะอยู่ต่ออีกสักเดือน
งานเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายก็จบลงโดยไม่เกิดเหตุการณ์ใดๆ ในเช้าวันถัดมา บุคลากรในปราสาทหลายคนออกมาส่งมิลานกับเซเลน สุดท้ายเอนเต้ก็เข้ามากุมมือเซเลนแล้วย้ำว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเราก็จะเป็นเพื่อนกันต่อไป และยืนมองจนกว่าเซเลนจะลับสายตาไป
ด้วยรถม้าที่ไม่สะดวกสบายคันเดิม เซเลนและมิลานผ่านเมืองรอบปราสาทไปจนถึงถนนสายหลักที่มีร้านค้ามากมายเรียงรายอยู่ข้างทาง มิลานดูเหมือนจะคิดอะไรออกขึ้นมาและเรียกสารถีให้หยุดรถม้า
“เซเลน อยากซื้อของที่ระลึกหรือเปล่าครับ?”
“ที่ระลึก?”
“เพราะไม่มีโอกาสได้เที่ยวชมสถานที่กันเลย เซเลนก็ช่วยรับมือกับเอนเต้แทนผมด้วย อยากขอบคุณในเรื่องนั้นอยู่เหมือนกันครับ”
“ไม่มี เงิน”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมจะออกให้เอง เท่านี้ก็น่าจะซื้อของส่วนใหญ่ได้แล้วครับ”
มิลานส่งเหรียญให้กับเซเลน มีเหรียญทองประทับตรานกอินทรีย์ขนาดใหญ่กับเหรียญอื่นๆอีกบางส่วน เหรียญจากเฮลิฟาเต้ทั้งหมดสามารถใช้แลกเปลี่ยนได้ในมูลค่าสูงโดยเฉพาะเหรียญทองนกอินทรีย์ที่สามารถซื้อเสื้อผ้าคุณภาพสูงสำหรับสตรีหลายชุดได้ด้วยเหรียญเดียว
“ถึงจะไม่ได้มีเยอะมาก แต่ก็น่าจะหาซื้อของที่ระลึกจากรอบๆนี้ได้ครับ”
“ได้เหรอ?”
“อือ อยากได้อะไรก็ซื้อได้เต็มที่เลยครับ จะขนมหรือของเล่นก็ได้”
“ได้เลย!”
เซเลนตาเป็นประกายเงยหน้ามองมิลาน ส่งยิ้มอันไร้เดียงสาให้ มิลานก็รู้สึกว่าคุ้มค่าแล้วที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น เซเลนเก็บถุงใส่เหรียญที่ได้มาและกระโดดลงจากรถม้าจากนั้นก็เริ่มสำรวจสินค้าที่มีขายอยู่บริเวณรอบๆที่ส่วนใหญ่จะเป็นของกินเล่นและของใช้เล็กๆน้อยๆที่เด็กน่าจะชอบ
มิลานเฝ้ามองอยู่ห่างพอสมควรได้ละสายตาจากเธอไปครู่หนึ่ง เซเลนจึงใช้โอกาสนั้นหลบหลังลังไม้ตามร้านค้าและลัดเลาะไปตามซอยแคบๆออกจากถนนสายหลักไปจนถึงตรอกมืดๆที่อยู่ถัดไปด้านหลัง
“องค์หญิง ท่านพยายามจะทำอะไรกันครับ? ที่ประเทศนี้จะใส่ใจแค่เบื้องหน้าเท่านั้น การรักษาความปลอดภัยก็เช่นกัน นอกจากถนนสายหลักแล้วถือว่ายำแย่มาก ไม่ควรเข้าไปลึกกว่านี้…”
“ถ้ามีอันตราย ฝากบัตเลอร์ จัดการด้วย”
“เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วครับ กระผมไม่ปล่อยให้พวกคนชั่วลงมือทำอะไรแน่ แต่ว่าทำไม…”
“ความลับ”
แม้แต่เซเลนยังตระหนักว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวมาเดินตามตรอกมืดๆเช่นนี้มันอันตรายขนาดไหน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมีดาบคู่กายที่เรียกว่าบัตเลอร์ติดตามมาด้วย ถ้าแค่อันธพาลทั่วไปไม่มีทางสร้างปัญหาให้เธอได้
ในเมื่อมีโอกาสดีขนาดนี้ จะไม่ให้ใช้ได้อย่างไร มีของที่เซเลนต้องการอยู่ และมันก็น่าจะมีขายในสถานที่แบบนี้ สิ่งนั้นคืออาวุธไว้กำจัดศัตรู เพราะว่าตอนนี้อาหารทำลายสุขภาพที่เธอทำให้เจ้าชายมันส่งผลช้าเกินไป จึงต้องการอาวุธที่ส่งผลรุนแรงกว่านี้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้มีดอาบยาพิษสำหรับการลอบสังหารสักเล่ม หรือไม่ก็ยาพิษที่ออกฤทธิ์ได้รุนแรง
ในประเทศวัลเบิร์ตนี้ ดูผ่านๆก็เหมือนจะมีการควบคุมร้านค้าแผงลอยต่างๆเข้มงวดดีเพื่อรักษาความปลอดภัย แต่อีกด้านหนึ่ง เพียงแค่เดินผ่านฉากหน้าที่สวยงามนั้นมาก็จะเห็นเบื้องหลังที่ถูกปล่อยปละละเลยจนทุกอย่างดูเลวร้าย เป็นสิ่งที่สังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่เดินทางมาถึงก่อนหน้านี้แล้ว
ในที่ที่ดูมืดมนนี้เป็นที่ที่เซเลนอาจจะเจอสิ่งที่ต้องการ ไม่ใช่ขนมแต่เป็นยาพิษ ไม่ใช่ปืนฉีดน้ำแต่เป็นอาวุธปืน ถึงจะไม่แน่นอนว่าจะหาได้จากที่นี่ได้จริงๆแต่อย่างน้อยก็น่าจะได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง
หลังจากที่เดินตามตรอกที่ทั้งมืดทั้งชื้นอยู่พักหนึ่งก็เห็นอาคารที่ดูน่าสงสัย มันคือร้านค้าที่เหมือนไม่อยากให้มีใครหาเจอ มีบรรยากาศลึกลับ มืดสลัว และจากกลิ่นที่โชยออกมาทำให้เดาได้ว่าเป็นร้านขายยาสมุนไพร
“บิงโก!”
เซเลนดีดนิ้วและเดินไปที่หน้าอาคารนั้น อาคารทำจากหินที่ดูเก่าแก่ทรุดโทรม แสงแดดส่องสว่างไม่ทั่วถึง ผนังสีดำเต็มไปด้วยราและตะไคร่น้ำเป็นหย่อมๆ ด้านหน้าทางเข้ามีป้ายไม้ผุๆที่เขียนบางอย่างไว้หรืออาจจะเป็นชื่อร้านแต่สีก็จางจนอ่านไม่ได้แล้ว
“องค์หญิง? มีธุระอะไรกับร้านแบบนี้กันครับ? บรรยากาศไม่น่าไว้ว่างใจขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรน่า”
หลังจากบอกบัตเลอร์ให้เลิกบ่น เซเลนเอื้อมมือไปดึงด้ามจับประตูขึ้นสนิม ประตุไม่ได้ล็อกไว้ เซเลนจึงเข้าไปในร้านน่าสงสัยได้อย่างง่ายๆ
ภายในเป็นพื้นที่อับ ไม่มีหน้าต่าง เหมือนสร้างมาเพื่อหลีกหนีจากแสงอาทิตย์ ฝุ่นเกาะหนาแทบทุกที่ มีแสงจากที่เดียวเท่านั้นคือโคมไฟที่อยู่กลางห้อง แต่ก็เป็นเพียงแสงสลัวอยู่ดี ผนังทั้งสองฝั่งของร้านแคบๆนี้เรียงไปด้วยขวดของเหลวสีแดงเข้มเหมือนเลือดและก้อนสีดำที่ไม่รู้ว่าคืออะไร เซเลนพยักหน้าพอใจว่ามาถูกที่แล้ว
“กา ~!”
“อุหวา!?”
ทันทีที่เซเลนเข้าไปก็ได้ยินเสียงขู่ของสัตว์ออกมาจากข้างใน จนเซเลนต้องกระโดดถอยหลัง
“…อีกาเหรอ?”
เซเลนที่ยังไม่หายกลัว มองไปยังจุดที่ส่งเสียงออกมาก็เห็นโต๊ะไม้เก่าๆอยู่ในส่วนลึกของร้าน บนนั้นมีอีกาตัวใหญ่ที่กลมกลืนไปกับความมืด ไม่ว่าจะดูยังไงก็คิดได้ว่าเป็นเสียงของอีกาตัวนี้อย่างแน่นอน
“โคคุมารุ มีลูกค้าเหรอ?”
หรือว่าร้านนี้จะใช้อีกาแทนกระดิ่งต้อนรับลูกค้า แล้วก็ได้ยินเสียงพูดจากห้องที่อยู่ข้างหลังโต๊ะนั่นด้วย ฟังจากเสียงแล้วน่าจะเป็นหญิงชรา
“อุ๊ยตาย เป็นลูกค้าที่น่ารักซะด้วย”
คนที่ออกมาจากห้องข้างหลังก็เป็นตามที่คิดไว้ หญิงชราที่ดูเหี่ยวย่น หลังโค้งงอจนศีรษะขนานกับพื้น ถือไม้เท้าไม้โอ๊กท่อนใหญ่ ใส่เสื้อคลุมสีดำแบบเต็มตัวหลวมๆ ตรงตามรูปแบบแม่มดในนิทาน แต่ใบหน้านั้นดูเหมาะกับคุณยายใจดีทั่วไปมากกว่า
“แม่หนู คงไม่ได้สังเกตว่านี่เป็นร้านขายยาสินะ? ถ้าร้านของเล่น มีอยู่ที่ถนนหลักที่อยู่อีกสายหนึ่ง หรือว่าหลงทางมาล่ะ?”
“ที่นี่ ถูกแล้ว”
เซเลนส่ายหัวปฏิเสธสิ่งที่หญิงชราคาดเดา หญิงชรากระพริบตาอยู่ครู่หนึ่งและยกนิ้วที่เหมือนกิ่งไม้แห้งมาจับคางทำท่าครุ่นคิดและเริ่มพูดต่อไป
“หรือก็คือ เธอต้องการยาใช่ไหม?”
“ใช่”
“ทำไมล่ะ? แล้วก็ ยาของที่นี่เป็นของที่ทำขึ้นมาเห็นพิเศษเท่านั้น เงินค่าขนมของเด็กไม่พอซื้อหรอกนะ”
“เงิน มีแล้ว”
จากนั้น เซเลนหยิบถุงใส่เหรียญขึ้นมาแล้วแกะมันออกก่อนเทเหรียญทั้งหมดลงบนโต๊ะ ที่จริงก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำถึงขนาดนี้ แต่เธอคิดจะใช้เงินทั้งหมดที่ได้มาไปกับร้านขายของนอกกฎหมายแบบนี้อยู่แล้ว และถึงยังไงมันก็เป็นเงินของเจ้าชายจึงไม่คิดเสียดาย
“หึม… นี่มันเหรียญทองเฮลิฟาเต้! แม่หนู เธอรู้หรือเปล่าว่าด้วยสิ่งนี้ เธอจะซื้อเสื้อผ้าและของกินได้มากขนาดไหน ทำไมถึงเอามาซื้อยาในที่แบบนี้ล่ะ?”
“คนสำคัญ ของฉัน ต้องปกป้อง ให้ได้”
ใช่แล้ว เพื่อปกป้องอาลัว ยาพิษก็เป็นชิ้นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ในเมื่อมาถึงตรงนี้แล้ว ยังไงก็ต้องซื้อของอันตรายจากคุณยายท่าทางน่าสงสัยนี้ให้ได้ เซเลนเติมความมุ่งมั่นให้กับเป้าหมายเดิมอย่างเต็มที่
“แต่ยามันก็มีหลายประเภทนะ อยากได้ยาแบบไหนล่ะ?”
“รุนแรง”
“รุนแรง? หรือก็คือ อยากได้อะไรที่ออกฤทธิ์แรงๆสินะ? แต่ว่า ฉันขายของแบบนั้นให้เด็กไม่ได้หรอก…”
“ได้โปรด!”
เซเลนขอร้องด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง แค่ดูก็รู้ว่าเด็กสาวคนนี้ต้องการทำเพื่อ ‘คนสำคัญ’ คนนั้นของเธอขนาดไหน อาจเป็นเพราะรู้สึกถึงความตั้งใจอันแรงกล้า หญิงชราจึงยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร
“ถ้าอย่างงั้น ครั้งนี้จะยอมขายยาที่ออกฤทธิ์ได้แรงที่สุดที่มีอยู่ตอนนี้ให้ก็ได้”
“จริงเหรอ!?”
หญิงชราหัวเราะและตักผงสีขาวจากหลังชั้นวางมาใส่ถุงผ้าเล็กๆและส่งให้เซเลน
“มัน คืออะไร?”
“ยาที่เอาไว้เสริมความแข็งแกร่งของร่างกายที่ได้ผลดีที่สุดหากใช้ในปริมาณที่ยอมรับได้ ถ้าใช้มากเกินไปมันจะเป็นอันตรายแทน ระวังไว้ด้วยนะ”
“อันตราย?”
“ก็เหมือนกับยาอื่นๆทั่วไปนั่นแหละ ถ้าใช้ผิดวิธีก็อันตรายทั้งนั้น”
“เข้าใจแล้ว”
เซเลนไม่ได้สนใจคำเตือนเรื่องปริมาณการใช้นั่นอยู่แล้ว ถึงจะเป็นแค่ยาแก้ไข้ธรรมดา ถ้ากินมากเกินไปก็ป่วยได้เหมือนกัน แล้วอีกอย่าง ยานี้เป็นยาเสริมสภาพร่างกาย เหมาะกับของที่น่าจะเอาไปให้เจ้าชายโดยไม่ผิดสังเกต แค่แอบใส่ลงไปในอาหารกลางวัน ดีกว่าเป็นยาพิษสังหารของจริงด้วยซ้ำเพราะถ้ามีปัญหาขึ้นมาจะถูกสืบกลับมาถึงตัวได้ เซเลนคิดและยิ้มออกมา
“คุณยาย ขอบคุณ!”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนสำคัญของเธอได้นะ”
“อือ!”
เซเลนโค้งให้กับหญิงชราราวกับเป็นผู้มีพระคุณ และออกจากร้านที่มืดมนด้วยอารมณ์สว่างสดใส เมื่อออกมาด้านนอก บัตเลอร์ที่ซ่อนอยู่ตลอดก็พูดขึ้นมา
“อย่างงี้นี่เอง องค์หญิงต้องการของแบบนี้ แต่ถนนหลักมาแต่ของฝากเล็กๆน้อยเท่านั้น”
“แบบนั้นแหละ”
ทีนี้ก็เหลือแค่เก็บของอันตรายนี้เข้ากระเป๋า แล้วหาซื้อของที่ระลึกด้วยเงินที่เหลือเพื่อไม่ให้มีพิรุธ ก็จะจบไปได้อีกเรื่อง เนื่องจากใช้เงินไปมากแล้วจึงต้องหาข้ออ้างดีๆหน่อย เอาเป็นของเล็กๆที่ดูน่ารักเป็นที่ชื่นชอบของเด็กผู้หญิงก็น่าจะรอดได้อยู่ ตอนนี้ต้องกลับไปที่ถนนใหญ่ก่อน
“เซเลน!”
“หวา!?”
ก่อนที่ทุกอย่าจะเป็นไปตามแผนของเซเลน ก็พบเข้ากับมิลานที่อยู่อีกฝั่งของตรอกแคบ เขารีบเดินเข้าหาเซเลนด้วยท่าทีร้อนรน
“ทำอะไรของเธอน่ะ! นึกว่าจะถูกลักพาตัวไปซะแล้ว!”
“คือว่า คือ…”
เซเลนยังไม่ทันได้เก็บของที่ได้มาให้เรียบร้อย ก็ได้แต่ซ่อนไว้ข้างหลัง ไม่มีทางที่มิลานจะไม่สังเกตเห็น
“เซเลน กำลังซ่อนอะไรเอาไว้เหรอ?”
“ไม่มี”
“แถวนี้มีแต่สถานที่อันตราย ของผิดกฎหมายก็มีเยอะ เอามาให้ผมดูก่อนดีกว่าครับ”
ด้วยแรงที่มากกว่า มิลานยึดถุงเล็กๆที่อยู่ในมือของเซเลนไป เซเลนก็พยายามยื้อเอาไว้เต็มที่ และยังพยายามแย่งคืนมาจากมิลานแต่ก็หมดหวัง
ทำได้แค่ยืนเกาะเอวอยู่เฉยๆ พอเขาคลายถุงออกก็เห็นผงสีขาวข้างใน มิลานมองดูด้วยความสงสัย
“ผงนี่ คืออะไรเหรอ?”
“แป้ง”
“อย่าพยายามโกหกเลยครับ มันเหมือนเป็นยาอะไรมากกว่า?”
“ยาแก้หวัด”
เซเลนพยายามคิดข้อแก้ตัว ผิดแล้ว นี่มันเป็นวิตามินต่างหาก หรือไม่ก็เป็นแป้งไว้ทำอาหารสักอย่าง
แต่มิลานก็ไม่ได้โง่พอที่จะเชื่อข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นพวกนั้น
“ถึงผมจะไม่รู้ว่าคือยาอะไร แต่ถ้าซื้อในที่แบบนี้ต้องไม่ใช่ของปรกติสินะครับ? งั้นก็ บอกหน่อยได้ไหมว่าทำไมเธอถึงซื้อของแบบนี้”
“คือว่า…”
“คือว่า?”
“เอาไว้ สำหรับ เจ้าชาย”
“สำหรับผมเหรอ?”
เซเลนจำใจสารภาพ สมองของเซเลนในตอนนี้ไม่สามารถคิดข้ออ้างที่น่าเชื่อถือพอที่จะหลอกเจ้าชายได้ เอาแค่ไม่ให้ได้รับโทษหนักก็พอใจแล้ว อย่างน้อยก็จากเจ้าชายนั่น มิลานถอนหายใจและนำถุงนั้นผูกเข้ากับเข็มขัดที่เอว
“ขอบคุณในความหวังดีนั้น แต่ของที่ขายแถวๆนี้มีแต่ของน่าสงสัย เดี๋ยวผมเอากลับไปตรวจสอบที่เฮลิฟาเต้ว่ามันมีผลอะไรกับมนุษย์บ้าง ตอนนี้ก็กลับกันเถอะครับ”
“อู…”
ไม่เข้าใจว่าทำไม เซเลนกำมือทั้งสองข้างและยื่นข้อมือออกมาคู่กันด้านหน้า แต่มิลานก็ไม่ได้สนใจ จับแขนข้างหนึ่งและจูงออกจากตรอกแคบกลับมาที่ถนนสายหลัก เซเลนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมเชื่อฟังแต่โดยดี เหมือนพ่อค้าผงสีขาวอันตรายถูกตำรวจจับพร้อมของกลาง
“(ทำเพื่อผมเหรอ… เป็นเด็กที่อ่อนโยนจัง)”
เมื่อยาที่อุตส่าห์ได้มาอย่างยากลำบากถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตา เซเลนเดินต่อไปอย่างท้อแท้ มิลานที่เดินนำหน้าอยู่นั้น แม้จะดูเหมือนโกรธแต่จริงๆแล้วกำลังแอบดีใจ หากให้เงินกับเด็กอายุเท่านี้ไป ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อตัวเองเท่านั้น เช่นในกรณีของมารี เงิน 9 ส่วนจะถูกใช้ไปกับของที่เธออยากได้ไว้เอง อีก 1 ส่วนถึงจะเป็นของตอบแทนให้ตัวเขาหรือพ่อและแม่
แต่สิ่งที่เซเลนคิดถึงเป็นอันดับแรกคือมิลาน เขาคิดว่าเธอรู้ว่าเขาต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยอยู่บ่อยครั้งจึงอยากจะหาซื้อยาบำรุงมาให้ แต่โชคร้ายที่ของขายบนถนนหลักมีแต่ของใช้ทั่วไปเท่านั้น
หลังจากที่เธอดินตามหาร้านขายยาไปเรื่อยๆก็พลัดหลงไปยังสถานที่นั้นโดยที่ไม่รู้สึกถึงอันตราย ไม่ใช้การกระทำที่น่าชื่นชม แต่มันก็มาจากเจตนาอันบริสุทธิ์ที่คิดถึงผู้อื่น
ต้องต่อว่าเรื่องการกระทำที่ไม่คิดถึงอันตราย แต่ก็ต้องยกย่องในเจตนา หลังจากกลับไปที่เฮลิฟาเต้แล้วก็อยากจะดูแลเอาใจใส่เซเลนให้มากกว่านี่อีก มิลานสรุปออกมาเช่นนั้น
ในขณะเดียวกัน มีผู้ที่เฝ้าดูพวกเขาจากด้านหลังในเงามืด หญิงชราก่อนหน้านี้ได้แง้มประตูแล้วมองลอดผ่านช่องว่าเล็กๆออกมาด้วยสายตาราวกับงูที่จับจ้องเหยื่อ
“น่าสนใจดีหนิ นั้นมันเจ้าชายแห่งเฮลิฟาเต้ไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างงั้น… ก็เป็นเจ้าเด็กนั่นจริงๆด้วยสินะ”
หญิงชราทิ้งภาพลักษณ์คุณยายใจดีและยิ้มอย่างน่าขนลุก หัวเราะเบาๆ และหยิบเส้นผมสีขาวที่ได้รับมา นำขึ้นมาพิจารณาให้แน่ใจว่าเป็นของเด็กสาวเมื่อครู่แน่นอนและจดจำหน้าตาของเธอไว้
“ยายแก่ คนเมื่อกี้ใช่มะ?”
เสียงที่ถามมาไม่ใช่ของมนุษย์ แต่เป็นอีกาตัวใหญ่ที่ถูกเรียกว่าโคคุมารุที่อยู่ในห้องด้วยกันมาตลอด มันพูดกับหญิงชราด้วยเสียงตะกุกตะกัก แล้วอีกาก็บินมาเกาะบนไหล่ของหญิงชรา
“หึหึ ก็น่าจะใช่แหละ ฉันก็ตั้งใจแล้วว่าจะเริ่มคืนนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวจริงก่อน เอาล่ะ ทำงานกันได้แล้ว เจ้าหญิงกำลังรออยู่”
“น่าเบื่อจังเลยน้า…”
อีกาตอบอย่างไร้แรงจูงใจ และหญิงชราก็ปิดประตู ดวงตาของเธอลุกวาวในความมืด